PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

สารที่ทำให้มนุษย์มีสีผิวนั้นเรียกว่าเมลานีน และการที่มีเมลานีนถูกสร้างมากเกินไปในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ย่อมเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า กระ รอยด่างดำ และรอยจุดที่เป็นสีเข้ม รอยดำบนใบหน้านี้เรียกอีกอย่างได้ว่า การเพิ่มของการผลิตเม็ดสีเฉพาะจุด ซึ่งอาจเกิดได้จากการรับแสงอาทิตย์ ฮอร์โมนแปรปรวน หรือผลข้างเคียงจากยาที่ใช้เป็นประจำ มันไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรงในทางการแพทย์ แต่ถ้าคุณมีรอยดำ คุณอาจอยากมีผิวที่กระจ่างใสกว่าเดิมก็ได้ การรักษาถึงสาเหตุขั้นพื้นฐาน ทั้งการลอกผิวทางเคมี และการรักษาอื่นๆ และวิธีการทำให้ผิวธรรมชาติกระจ่างใสก็ต่างเป็นวิธีรับมือกับปัญหานี้ ไปดูที่ขั้นตอนแรก เพื่อรู้สาเหตุที่ทำให้เกิดรอยด่างดำบนผิว และวิธีการจำกัดมันกันเลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ค้นหาสาเหตุ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพราะรอยดำอาจเกิดจากปัจจัยที่แตกต่างกันหลายอย่าง การเรียนรู้ถึงความแตกต่างของมัน จะช่วยให้คุณรู้ว่าต้องกำจัดมันออกไปได้อย่างไร และนี่คือจุดด่างดำทั้งสามชนิด: [1]
    • ขี้แมลงวัน . จะเป็นจุดสีดำจากการได้รับรังสียูวีจากแสงอาทิตย์ ร้อยละ 90 ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีจะมีรอยดำชนิดนี้ แต่ผู้ที่อายุอ่อนกว่านั้นและต้องได้รับแสงอาทิตย์เป็นเวลานานก็เกิดจุดด่างดำชนิดนี้เป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยจุดดำชนิดนี้จะโผล่ให้เห็นกระจัดกระจาย ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน
    • ฝ้า . จุดสีดำชนิดนี้เกิดขึ้นจากฮอร์โมนที่แปรปรวน ผู้หญิงจะมีรอยด่างที่ชัดกว่าบนแก้ม เมื่อฮอร์โมนกำลังเปลี่ยนแปลง อย่างตอนที่กำลังตั้งครรภ์หรือในช่วงหมดประจำเดือน มันยังเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิดและการรักษาด้วยฮอร์โมน (ฮอร์โมนทดแทน) ด้วย และฝ้ายังเกิดได้จากความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ได้อีกด้วย
    • รอยดำหลังผิวหนังอักเสบ . คือรอยดำที่จะเกิดขึ้นจากแผลบนผิวหนัง ซึ่งอาจเกิดจากโรคสะเก็ดเงิน แผลไฟไหม้ สิว และการดูแลรักษาผิวบางอย่างที่หนักกับผิวเกินไป
  2. เมื่อคุณรู้แล้วว่าคุณเป็นรอยดำแบบไหน คุณก็จะสามารถเลือกการรักษาและเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยด่างดำขึ้นอีก ถามตัวเองว่าอะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดจุดด่างดำขึ้น:
    • คุณอบผิวหรือไปอาบแดดบ่อยหรือไม่? ถ้าคุณมีแนวโน้มว่าจะได้สัมผัสแสงแดดเข้มข้น และไม่ได้ทากันแดดมากพอ นั่นอาจเป็นสาเหตุก็ได้ การรักษาแบบเฉพาะและการหลีกเลี่ยงแสงแดดคือวิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดรอยดำชนิดนี้ไป
    • ช่วงนี้คุณสภาวะทางการแพทย์ที่ต้องใช้ยารักษาอยู่หรือเปล่า? คุณกำลังตั้งครรภ์ คุมกำเนิด หรือกินยาฮอร์โมนอยู่หรือไม่? เป็นไปได้ที่คุณอาจมีไฝ มันยากที่จะรักษา แต่ก็มีบางวิธีที่จะทำให้มันเปลี่ยนไป
    • คุณเคยมีสิวอักเสบ เคยทำศัลยกรรมพลาสติก หรือเคยมีโรคทางผิวหนังเรื้อรังหรือไม่? คุณอาจมีรอยดำที่เกิดขึ้นหลังจากผิวหนังอักเสบ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นจากการรักษาเฉพาะที่ และหายไปเองเมื่อถึงเวลา
  3. แพทย์ผิวหนังจะมีโคมไฟแว่นขยายแบบพิเศษ ใช้ส่องที่ผิวหนังของคุณ เพื่อดูถึงสาเหตุและชนิดของรอยด่างดำบนผิวหนัง นอกจากการตรวจร่างกายแล้ว แพทย์จะถามคำถามเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของคุณ เพื่อวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น แพทย์ผิวหนังจะแนะนำการดูแลรักษาผิวที่ดีที่สุด เพื่อรักษาจุดด่างดำที่คุณมีอยู่ และเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก
    • เพราะจุดด่างดำเป็นโรคทั่วไปที่หลายๆ คนต้องการการรักษา ฉะนั้นจึงมีผลิตภัณฑ์และการรักษาหลายอย่างที่โฆษณาว่ารอยด่างดำเหล่านี้จะหายไปอย่างรวดเร็ว ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อช่วยแนะนำให้ว่าส่วนผสมใดที่ได้ผล และแบบไหนที่จะไม่ได้ผล [2]
    • การรักษาจุดด่างดำดีๆ บางที่อาจต้องใช้ใบสั่งยาก่อนเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเหตุผลที่ดีที่ควรพบแพทย์ผิวหนังก่อน เพื่อการรักษาที่ดียิ่งขึ้น
    • และสุดท้าย มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคิดว่าพวกไฝหรือมะเร็งผิวหนังชนิดอื่นๆ อาจพัฒนาขึ้นจากรอยด่างดำสักจุดหนึ่งหรือหลายจุดของคุณได้ การไปตรวจร่างกายทุกๆ ปีเป็นวิธีสำคัญที่จะหามะเร็งก่อนที่มันจะลุกลามไปได้ [3]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

การรับการรักษาที่ได้ผ่านการพิสูจน์แล้ว

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณมีรอยด่างดำบนผิวมาประมาณเดือนหรือสองเดือนแล้ว มันอาจอยู่ในผิวชั้นบนสุดไม่กี่ชั้นก็เป็นได้ คุณอาจกำจัดมันได้ง่ายๆ ด้วยการผลัดผิว การผลัดเซลล์ผิวเป็นขั้นตอนการกำจัดผิวหนังชั้นบนสุด เพื่อดึงผิวหนังชั้นใหม่ออกมาข้างนอก
    • หาน้ำยาทำความสะอาดที่มีสครับเล็กๆ ที่ช่วยขัดผิวชั้นบนสุดออกอย่างอ่อนโยนได้ หรือคุณจะทำมันขึ้นมาด้วยตัวเอง โดยการผสมอัลมอนด์ดิบป่น หรือข้าวโอ้ตป่นลงไปในน้ำยาทำความสะอาดที่ใช้เป็นประจำก็ย่อมได้ ใช้โดยการถูเป็นวงกลมบริเวณที่เกิดรอยด่างดำ
    • เครื่องขัดผิวด้วยไฟฟ้าอย่างยี่ห้อ Clarisonic จะขัดผิวลึกลงไปอีกนิดหน่อยถ้าเทียบกับน้ำยาทำความสะอาดผิว มันจะขัดให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วบนใบหน้าของคุณหลุดออกไปอย่างอ่อนโยน โดยสามารถหาซื้อได้ผ่านทางออนไลน์หรือร้านขายยา
  2. วิธีนี้มีทั้งแบบที่สั่งโดยแพทย์หรือไปซื้อเองที่ร้านขายยาก็ได้ มันจะบรรจุไปด้วยสาร AHA, BHA หรือกรดวิตามินเอ (เรทิโนอิก) ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วยกรดที่ต่างชนิดกันนี้ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบนสุดที่ตายแล้วออกไป ทำให้เซลล์ผิวหนังใหม่เจริญขึ้นมา แล้วผิวหนังจะกลับสู่สภาพเดิม การรักษาชนิดนี้มีไว้ใช้รักษารอยด่างดำทุกชนิดได้เลย
    • กรด AHA นั้นรวมถึงกรดไกลโคลิค กรดแมนเดลิค กรดซิตริก กรดแลคติค และกรดชนิดอื่นๆ ด้วย กรดเหล่านี้มักจะได้รับมาจากพืชผัก และอาหารชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย มันใช้ขัดผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง และยังอ่อนโยนสำหรับผู้ที่มีผิวที่บอบบางอีกด้วย กรด AHA สามารถพบได้ในเซรั่ม ครีม มอยส์เจอไรเซอร์ (ครีมให้ความชุ่มชื้นกับผิว) และผลิตภัณฑ์สำหรับผลัดเซลล์ผิวหนัง
    • กรด BHA นั้นรู้จักกันอีกชื่อในชื่อกรดซาลิซิลิก เป็นส่วนประกอบที่พบได้ทั่วไปในยารักษาสิวและผิวหนังตามร้านขายยา [4] กรดซาลิซิลิกนั้นสามารถพบได้ในครีม เซรั่ม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว และผลิตภัณฑ์สำหรับผลัดเซลล์ผิวหนัง
    • กรดเรทิโนอิก นั้นรู้จักกันในชื่อ เทรทิโนอิน หรือเรติน-เอ กรดชนิดนี้สกัดมาจากวิตามินเอ เป็นสิ่งที่รักษาสิวและรอยด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด พบได้ในครีมและเจล โดยในประเทศสหรัฐอเมริกาต้องซื้อผ่านใบสั่งยาเท่านั้น แต่ในประเทศไทยสามารถหาซื้อตามร้านขายยาได้ด้วยตนเองเลย
    • ถ้าหากว่าคุณกำลังมองหายาที่ซื้อได้ตามร้านขายยา ให้ลองหายาที่มีส่วนผสมดังต่อไปนี้: ไฮโดรควิโนน แตงกวา ถั่วเหลือง กรดโคจิก แคลเซียม กรดอะเซเลอิค หรืออาร์บูติน [5]
  3. ถ้าการรักษาเพียงผิวนอกไม่ช่วยกำจัดรอยด่างดำของผิวคุณพอ คุณอาจต้องลอกผิว การลอกผิวคือการลอกกำจัดผิวชั้นนอกของคุณออกไปอย่างแท้จริง โดยมักจะมีกรดที่ได้อธิบายไว้ข้างต้นที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งแบ่งระดับความเข้มข้นได้สามระดับดังนี้: ต่ำ กลาง และสูง [6]
    • การลอกผิวระดับต่ำ มักจะใช้ส่วนผสมของกรด AHA ด้วย กรดไกลโคลิคและกรดแลคติคถือเป็นส่วนผสมที่พบทั่วไป ได้รับการตัดสินว่าเป็นวิธีลอกผิวที่ได้ผลที่สุดสำหรับการกำจัดรอยด่างดำ
    • การลอกผิวระดับกลาง มีส่วนผสมของกรดทีซีเอ หรือกรดไทคลอโรอะซีติค มีคำแนะนำมากมายในการใช้วิธีนี้สำหรับรอยด่างดำที่เกิดจากการทำร้ายของแสงแดด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรลอกผิวแบบนี้เป็นประจำทุกๆ สองอาทิตย์ จนกว่ารอยดำจะหายไปทั้งหมด วิธีการลอกผิวนี้ไม่ค่อยแนะนำกับผู้ที่มีผิวค่อนข้างเข้ม เพราะมันอาจทำให้มีรอยดำเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ผิวหนังฟื้นสภาพแล้ว
    • การลอกผิวระดับสูงนั้น มีฟีนอลหรือกรดคาบอลิคเป็นส่วนผสม มักใช้กับริ้วรอยลึกๆ บนใบหน้า แต่ก็สามารถใช้รักษาผลที่เกิดจากการทำร้ายจากแสงแดดได้เช่นกัน การลอกผิวด้วยฟีนอลนั้นเข้มข้นมาก และต้องใช้ยาชาในการลอกผิวนี้ มันอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อเห็นผลลัพธ์ หลังจากที่ผิวฟื้นฟูสภาพสมบูรณ์แล้ว
  4. ไมโครเดอมาเบรชั่นเป็นขั้นตอนการใช้คริสตัลที่ละเอียดมากๆ ในการ "เป่า" (การบรรจุลงเครื่องเป่าแล้วเป่าออกมา) เพื่อกำจัดรอยด่างดำออกจากผิวของคุณ [7] ชั้นผิวใหม่จะเจริญเติบโตขึ้นมาแทนผิวที่ถูกกำจัดออกไป การรักษาด้วยวิธีนี้มักจะใช้เดือนละครั้ง ในช่วงเวลาหลายเดือน
    • ลองหาแพทย์ที่มากประสบการณ์ การขัดผิวอาจทำให้เกิดการระคายเคือง และทำให้ผลการเปลี่ยนสีผิวออกมาแย่ลง ถ้าผลออกมาผิดพลาด คุณอาจผิดหวังกับผลลัพธ์มากๆ เลยก็เป็นได้
    • ไม่ควรทำการไมโครเดอมาเบรชั่นบ่อยเกินไป เพราะผิวหนังของคุณก็ต้องการเวลาในการฟื้นฟูในขณะทำการรักษา
  5. การรักษาด้วยเลเซอร์ ที่เรียกอีกอย่างว่า เลเซอร์หน้าใส (Intense Pulsed Light : IPL) ใช้แสงแฟลชในการกำจัดรอยด่างดำที่เกิดจากเมลานีน บริเวณที่เม็ดสีผิวเข้มจะดูดซึมแสงเข้าไปและแตกละเอียดหรือระเหยหายไปนั่นเอง ร่างกายของคุณจะรักษาบริเวณรอยนั้นด้วยการสร้างสะเก็ดแผล และผลิตผิวใหม่ที่ไร้รอยด่างดำขึ้นมาแทนที่ [8] การรักษาด้วยเลเซอร์นั้นได้ผลดีมาก แต่ก็มีราคาที่สูง และอาจรู้สึกเจ็บได้เช่นกัน
    • การรักษาด้วยเลเซอร์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเมื่อรอยด่างดำนั้นอยู่มานานเกินไป จุดด่างดำที่มีมาเป็นปีหรือนานกว่านั้นจะลึกลงไปภายในผิวหนัง และการรักษาเฉพาะที่นั้นจะไม่สามารถเข้าถึงลึกขนาดนั้นได้
    • ถ้าคุณมีผิวที่บางมาก การรักษาด้วยเลเซอร์เพียง 4 ถึง 5 ครั้งอาจทำให้รอยด่างดำหายไปอย่างสมบูรณ์เลยก็เป็นได้ [9]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ลองใช้วิธีรักษาที่หาได้ในครัวเรือน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผลไม้จำพวกที่มีรสเปรี้ยว (ซิตรัส) นั้นประกอบไปด้วยวิตามินซีจำนวนมาก ที่รู้จักกันในชื่อกรดแอสคอร์บิก จนไปถึงกรดซิตริก กรดชนิดนี้จะช่วยลอกผิวชั้นนอกสุดออกโดยไม่ทำร้ายผิว และนี่คือวิธีใช้กรดชนิดนี้
    • บีบน้ำผลไม้ออกมาแล้วป้ายเข้ากับผิวของคุณ เหล่าสาวสวยนั้นต่างใช้น้ำเลมอนช่วยขัดให้ผิวขาวขึ้นกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่คุณจะใช้แค่ส้ม เกรปฟรุต หรือมะนาวสักถ้วยหรือสักชามหนึ่งก็ได้ จากนั้นใช้ก้อนสำลีแปะลงบนจุดด่างดำ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นก็ล้างออก ทำแบบนี้ครั้งหรือสองครั้งต่อหนึ่งวัน
    • ทำมาสก์หน้าจากเลมอนและน้ำผึ้ง ผสมน้ำเลมอนครึ่งลูกกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน แล้วทาลงบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ30 นาที จากนั้นล้างออกให้สะอาด
    • ทำสครับขัดผิวจากซิตรัสและนมผง โดยผสมน้ำเปล่า นมผง และน้ำผลไม้รสเปรี้ยวที่คุณชอบอย่างละ 1 ช้อนชา คนเข้ากันให้เป็นเนื้อครีม แล้วนวดมันลงบนผิวของคุณ จากนั้นก็ล้างออก
  2. วิตามินอีเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระชั้นดี สามารถช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ถูกทำร้ายและสร้างเซลล์ที่แข็งแรงขึ้นมาใหม่ได้ คุณสามารถใช้วิตามินอีในการรักษาเพียงการรักษาเฉพาะที่ หรือจะเร่งประสิทธิภาพมันโดยการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอีควบคู่ด้วยก็ได้
    • การรักษาเฉพาะที่: นวดน้ำมันวิตามินอีบริสุทธิ์ลงบนรอยด่างดำโดยตรง ทำแบบนี้ทุกวัน แล้วจุดดำจะหายไป
    • การรับประทานอาหาร: เสริมอาหารเหล่านี้ไปในมื้อปกติเพื่อเพิ่มวิตามินอีให้มากขึ้น: ถั่วเปลือกแข็ง (อัลมอนด์ ถั่วลิสง เมล็ดสน) เมล็ดทานตะวัน น้ำมันจมูกข้าว และแอปริคอทแห้ง
  3. ผลมะละกอนั้นมีส่วนผสมของเอนไซม์ปาเปน ซึ่งปาเปนจะช่วยในการขัดผิว ทำให้เซลล์ผิวใหม่โผล่ออกมา และมะละกอยังมีวิตามินซีและอี ฉะนั้นจึงเป็นตัวช่วยชั้นดีที่ทำให้จุดด่างดำหายไป ปาเปนนั้นพบได้มากที่สุดขณะที่มะละกอยังดิบเป็นสีเขียว แต่จะใช้แบบสุกแล้วก็ได้ โดยปอกแล้วเอาเมล็ดออก จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:
    • หั่นมะละกอออกเป็นชิ้น จากนั้นก็แปะหรือวางไว้บนรอยด่างดำที่ต้องการกำจัดออก ทิ้งไว้อย่างนั้นประมาณ 20-30 นาที ทำแบบนี้สองครั้งต่อวันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
    • ทำมาสก์หน้าจากมะละกอ หั่นมะละกอเป็นชิ้นๆ จากนั้นใช้เครื่องปั่นอาหารหรือเครื่องปั่นน้ำผลไม้ปั่นให้เป็นเนื้อครีม ทาลงบนใบหน้าและลำคอ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด
  4. ว่านหางจระเข้นั้นมีประโยชน์กับสุขภาพอย่างมาก เป็นทั้งตัวที่รักษาความชุ่มชื้นได้อย่างดี อีกทั้งยังใช้รักษาแผลแดดเผาได้อย่างดีอีกด้วย และก็สามารถนำมาใช้รักษาจุดด่างดำเหล่านี้ได้เช่นกัน ถ้าหากว่าคุณมีว่านหางจระเข้อยู่ที่บ้าน หักออกมาชิ้นเล็กๆ บีบเนื้อมันลงบนจุดด่างดำโดยตรง คุณยังสามารถหาซื้อเจลว่านหางจระเข้จากร้านค้าได้อีกด้วย ว่านหางจระเข้บริสุทธิ์ย่อมได้ผลที่ดีที่สุด ฉะนั้นขอให้มั่นใจว่าคุณได้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากว่านหางจระเข้ 100%
  5. หัวหอมนั้นมีกรดที่จะทำให้จุดด่างดำของคุณสีจางลง มันคุ้มที่จะได้ลอง ถ้าหากว่าคุณไม่มีเลมอนอยู่ที่บ้านน่ะนะ! ปอกหอมแดง หั่นเป็นชิ้น แล้วปั่นในเครื่องปั่น จากนั้นใช้สำลีก้อนจุ่มหอมแดงแล้วซับลงบนรอยดำ ทิ้งเอาไว้ 15 นาทีก่อนล้างออก [10]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

การป้องกันไม่ให้จุดด่างดำเกิดขึ้นอีก

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การสัมผัสกับรังสียูวี เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดจุดด่างดำขึ้นได้ ไม่ว่าคุณจะมีรอยดำแบบไหน การอยู่กลางแดดนานเกินไปอาจทำให้มันแย่ลงได้ สำหรับการป้องกันนั้น การออกห่างจากรังสีตัวร้ายนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวคุณเองได้ ทำตามวิธีเหล่านี้เพื่อป้องกันผิวของคุณจากรังสียูวีที่มากเกินไป:
    • ทาครีมกันแดด แม้จะเป็นในช่วงฤดูหนาว ให้ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 หรือสูงกว่านั้นลงบนใบหน้า
    • ใส่หมวกและแว่นกันแดดเมื่อต้องเจอแสงแดดแรงๆ โดยตรง และทาครีมกันแดดชนิดเข้มข้น บริเวณที่เหลือของใบหน้าด้วย
    • อย่าอบผิว การได้รับรังสียูวีโดยตรงถือเป็นอันตรายกับผิวของคุณได้ (และอาจส่งผลเสียกับอวัยวะภายในได้ด้วย)
    • อย่าอาบแดด เมื่อผิวสีแทนของคุณจางหายไปแล้ว ก็จะยังทิ้งรอยด่างดำเอาไว้บนผิวของคุณ
  2. ถ้าหากว่าคุณมีรอยฝ้าเกิดขึ้นจากยาที่กินอยู่ คุณอาจสามารถกำจัดรอยด่างดำนี้ออกไปได้ด้วยการเปลี่ยนยาไปกินยาตัวอื่น ไปพบแพทย์แล้วปรึกษาถึงความตั้งใจของคุณ และดูว่าคุณมีผลข้างเคียงอะไรกับยาตัวใหม่หรือไม่
  3. รอยด่างดำอาจเกิดจากการจัดการรักษาผิวหนังที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ การศัลยกรรมพลาสติกหรือลอกผิวขั้นสูงอาจทำให้มีรอยด่างดำเกิดขึ้นก็ได้ ก่อนที่คุณจะรักษาผิวด้วยวิธีเหล่านี้ ให้หาข้อมูลจนกว่าจะมั่นใจว่าช่างหรือแพทย์นั้นมีประสบการณ์มากและมีประวัติที่ดี
  4. เมื่อคุณเป็นสิวบนใบหน้า อย่าไปกด ถู หรือแตะต้องมัน ยิ่งไปแตะมันมากเท่าไร มันยิ่งมีสิทธิ์กลายไปเป็นจุดด่างดำได้มากเท่านั้น จำไว้ว่ารอยด่างดำจะขึ้นมาหลังจากที่สิวหายไปนะ!
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ต้องอดทนเข้าไว้ จุดด่างดำมักจะยากต่อการกำจัด และต้องใช้เวลาจนกว่ามันจะจางลง ขอให้ทนและทำวิธีรักษาที่เลือกต่อไปด้วยความสม่ำเสมอ
  • เมื่อคุณมีอาการขาดน้ำ ทำให้เซลล์ผิวหนังผลัดช้า ให้ดื่มน้ำมากๆ เพื่อทำให้การรักษาจุดด่างดำเร็วขึ้นอีกนิดหนึ่ง
  • ดูว่าคุณมีผิวแบบไหน ตัวอย่างเช่นคุณมีผิวที่บอบบาง ก็ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบว่าคุณจะเอาอะไรมาทาผิวตัวเอง อย่างผลิตภัณฑ์บางตัวเมื่อนำไปใช้กับผิวที่ต่างชนิดกัน อาจทำให้เกิดจุดหรือผื่นแปลกๆ ขึ้นมาได้
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าออกไปรับแสงแดดตอนที่มีน้ำผลไม้รสเปรี้ยวบนหน้า เพราะอาจไหม้ผิวหน้าเอาได้
  • ขอให้แน่ใจว่าทาครีมกันแดดมากพอแล้ว เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำให้ผิวขาว
  • ทำตามคำแนะนำบนฉลากเสมอ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์รักษาจุดด่างดำด้วยตัวเองที่บ้าน
  • สตรีมีครรภ์หรือในภาวะให้นมบุตรไม่ควรใช้กรดซาลิไซลิก
  • ถ้าคุณแพ้แอสไพริน อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีผสมของกรดซาลิไซลิก
  • ไฮโดรควิโนน หรือที่รู้จักกันในฐานะผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น อาจทำให้เกิดมะเร็ง ทำลายเซลล์สีผิว ผิวหนังอักเสบ หรือปัญหาอื่นๆ เกี่ยวกับผิวหนังขึ้นได้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการดูแลผิวหนังมักไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ เว้นเสียแต่ว่าทางเลือกอื่นๆ จะไม่ได้ผลแล้วเท่านั้น
  • ถ้าคุณมีแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม จัดการรักษารอยด่างดำอยู่ ให้ทำตามคำแนะนำในการรักษาของพวกเขาอย่างระมัดระวัง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,639 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา