PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ สุนัขมีความต้องการพื้นฐานที่ต้องได้รับ เพื่อทำให้มันมีสุขภาพดี มีความสุข และเป็นประชากรสุนัขที่ดีโดยรวม ในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของสุนัข คุณมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาให้ตรงตามความต้องการของสุนัข อย่าพึ่งกังวลไป มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากจนเกินไปในการจัดหาความต้องการดังกล่าว แต่คุณจำเป็นต้องมีความพยายามและเวลา มันจะเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจในการได้เพื่อนที่ซื่อสัตย์เป็นสิ่งตอบแทน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 7:

การเลือกอาหารสำหรับสุนัขของคุณ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาหารแห้งโดยทั่วไปจะมีราคาถูกกว่าในการใช้เป็นอาหารสำหรับสุนัขในระยะยาว และมีประโยชน์ต่อสุขภาพฟันของสุนัข เนื่องจากเม็ดอาหารที่แห้งหยาบจะทำให้คราบแบคทีเรียที่จับตัวอยู่บนผิวฟันของสุนัขหลุดลอกไป และอาหารแห้งยังเก็บรักษาได้ง่ายกว่าเนื่องจากรูปแบบของมัน อย่างไรก็ตาม อาหารแห้งอาจมีรสชาติไม่ดีเท่ากับอาหารชนิดเปียก ดังนั้นสุนัขบางตัวจึงรู้สึกไม่อยากกิน หรืออาจกินได้ไม่มากนัก แน่ใจว่าคุณได้เตรียมน้ำสะอาดไว้ให้สุนัขเมื่อกินอาหารแห้ง เนื่องจากสุนัขจะไม่ได้รับความชื้นใดๆ จากอาหารชนิดนี้
  2. สำหรับสุนัขแล้วอาหารกระป๋องมีรสชาติดีกว่าอาหารแห้งมาก และยังมีประโยชน์ในการเพิ่มความชื้นให้กับอาหาร อย่างไรก็ตาม เจ้าของที่ให้อาหารสุนัขด้วยอาหารกระป๋องต้องระวังเรื่องฟันของสุนัข เนื่องจากอาหารชนิดนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการก่อตัวของคราบแบคทีเรียและหินปูนเพิ่มมากขึ้น
    • อาหารกระป๋องมีแนวโน้มที่จะมีราคาแพงมากกว่าอาหารแห้งเล็กน้อย
    • คุณจะมีปริมาณกระป๋องเหลือใช้เพิ่มมากขึ้น
  3. อาหารชนิดนี้ไม่เป็นที่แพร่หลายเหมือนกับอาหารกระป๋องและอาหารแห้ง แต่พวกมันเก็บรักษาและทำความสะอาดได้ง่ายกว่าอาหารกระป๋องเล็กน้อย อย่างไรก็ตามอาหารชนิดนี้สามารถก่อให้เกิดการก่อตัวของคราบแบคทีเรียและหินปูนบนผิวฟัน นอกจากนี้พวกมันยังมีราคาแพงกว่าเมื่อเทียบกับอาหารแห้ง
  4. พูดคุยกับนักโภชนาการสัตว์เกี่ยวกับการให้อาหารดิบแก่สุนัข. อาหารดิบไม่เป็นอันตรายต่อสุนัข ถึงแม้ว่าอาจต้องใช้เวลานานในการจัดเตรียมและจัดเก็บอย่างถูกต้องก็ตาม หากคุณต้องการให้อาหารสุนัขด้วยอาหารดิบ มันเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการปรึกษานักโภชนาการสัตว์ แน่ใจว่าสุนัขของคุณได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย [1] สุนัขมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างจากมนุษย์
  5. ห้ามให้อาหารสุนัขของคุณด้วยอาหารคนบางประเภท. มีอาหารสำหรับคนหลากหลายประเภทที่ไม่ควรให้สุนัขของคุณกิน เนื่องจากพวกมันเป็นพิษต่อสุนัข โดยอาหารเหล่านี้ได้แก่:
    • แอลกอฮอล์
    • อะโวคาโด
    • องุ่น และลูกเกด
    • ช็อกโกแลต
    • อาหารที่มีสารให้ความหวานไซลิทอลเป็นส่วนประกอบ
    • กาแฟ และชา
    • ผลไม้หลุม หรือเมล็ดแอปเปิ้ล
    • กระเทียม และหัวหอม
    • ถั่ววอลนัท และแมคคาดีเมีย
    • แป้งที่ทำมาจากยีสต์
  6. ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ อาหารต้องมีคุณภาพสูง นั่นหมายความว่าคุณต้องสามารถอ่านและเข้าใจฉลากได้อย่างชัดเจน สุนัขส่วนมากสามารถกินอาหารสุนัขที่มีวางจำหน่ายได้อย่างไม่มีปัญหา ตราบเท่าที่คุณไม่ลืมที่จะอ่านส่วนประกอบที่ระบุอยู่บนกระป๋องหรือถุงเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารที่คุณเลือกดีต่อสุขภาพของสุนัข โดยรายการส่วนประกอบเหล่านี้จะถูกแสดงเป็นลำดับเหมือนกับอาหารอื่นๆ
    • เนื้อสัตว์ควรเป็นส่วนประกอบลำดับแรก (หรืออาจถูกแสดงเป็นลำดับที่สอง) ในรายการ และตามด้วยเมล็ดพืช ส่วนกากอาหารสามารถเป็นส่วนประกอบในอาหารได้ แต่พวกมันควรอยู่ลำดับท้ายๆ ในรายการ
    • คุณสามารถถามสัตวแพทย์ของคุณสำหรับคำแนะนำในการเลือกอาหารสำหรับสุนัขของคุณได้เสมอ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 7:

การกำหนดปริมาณ และความถี่ในการให้อาหารสุนัข

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปัญหาด้านโภชนาการที่พบได้บ่อยในสุนัขเลี้ยง คือการมีน้ำหนักตัวมากเกินไป [2] คุณควรทำตามคำแนะนำการให้อาหารจากผู้ผลิตอาหารเมื่อต้องให้อาหารสุนัขของคุณ นี่อาจหมายถึงการใช้ถ้วยตวงเพื่อตวงให้ได้ปริมาณอาหารที่พอเพียงสำหรับสุนัขในแต่ละวัน ซึ่งโดยทั่วไปปริมาณการให้อาหารที่แนะนำจะถูกระบุไว้บนกระป๋องหรือถุงอาหาร
    • ทำตามคำแนะนำนี้ และจำกัดการให้อาหารสุนัขเพียงหนึ่งหรือสองเวลาต่อวัน วิธีนี้จะทำให้สุนัขของคุณมีรูปร่างที่ดี [3]
  2. สุนัขที่มีอายุมากกว่า 1 ปีควรได้รับอาหารสองเวลาต่อวัน ในขณะที่สุนัขที่มีอายุมากกว่า 2 ปีสามารถกินอาหารเพียงแค่วันละมื้อ
    • สุนัขพันธุ์ใหญ่หรือสุนัขที่มีหน้าอกใหญ่ควรกินอาหารมื้อเล็กๆ 2–3 เวลาต่อวันเพื่อป้องกันอาการท้องอืด และห้ามให้สุนัขออกกำลังกายทันทีหลังจากกินอาหารเสร็จ นี่สามารถเป็นปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงสำหรับสุนัขบางตัว
  3. ลูกสุนัขที่มีอายุน้อยกว่า 3 เดือนจำเป็นต้องมีการแบ่งการให้อาหารออกเป็นสามหรือสี่เวลาต่อวัน ในขณะที่ลูกสุนัขที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปีจำเป็นต้องได้รับอาหาร 2–3 เวลาต่อวัน
  4. ปรับเปลี่ยนปริมาณของอาหารตามสภาพร่างกายสุนัขของคุณ. โดยการดูสภาพร่างกายสุนัข คุณจะสามารถคาดคะเนได้ว่าสุนัขของคุณมีน้ำหนักที่เหมาะสมหรือจำเป็นต้องลดน้ำหนัก 1/2–1 กิโลกรัมหรือไม่ หรือจำเป็นต้องเพิ่มน้ำหนัก 1/2–1 กิโลกรัม ซึ่งกรณีนี้อาจพบได้ยาก สุนัขที่มีน้ำหนักตัวเหมาะสมจะมีหน้าท้องที่กระชับ หากมองจากด้านข้าง ท้องของสุนัขจะเอนเข้าหาเท้าหลัง หากมองจากด้านบนสุนัขจะมีรูปทรงคล้ายกับนาฬิกาทราย และเมื่อคุณใช้มือสัมผัสได้ถึงซี่โครง คุณจะสามารถสัมผัสได้ถึงซี่โครงแต่ละซี่ผ่านชั้นไขมันที่มีความราบเรียบ
    • สุนัขผอมจะมีหน้าท้องที่เรียบบางมาก และคุณจะสามารถสัมผัสได้ถึงซี่โครงอย่างง่ายดาย—สำหรับสุนัขขนสั้น คุณจะสามารถมองเห็นซี่โครงได้อย่างชัดเจน หากสุนัขดูผอมบางมากเกินไป ให้คุณลองเพิ่มปริมาณอาหารอีก 10% ในแต่ละวัน
    • ในสุนัขที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน หน้าท้องจะหายไป และจะเป็นการยากในการสัมผัสได้ถึงซี่โครงด้วยมือ (น้ำหนักเกิน) หรืออาจไม่สามารถรู้สึกได้ถึงซี่โครงเลย (อ้วน) หากสุนัขมีน้ำหนักตัวมากเกินไปหรืออ้วน ให้คุณลดปริมาณการให้อาหารลง 10% ในแต่ละวัน
    • เช็คคะแนนสภาพร่างกายสุนัขของคุณอีกครั้งในอีก 4 สัปดาห์ หากสุนัขยังคงผอมหรืออ้วน ให้คุณปรับอาหารขึ้น หรือลงอีก 10%
    • ปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณหากคุณมีความกังวลในเรื่องใดๆ ก็ตาม
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 7:

การออกกำลังกายสุนัขของคุณ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. นอกเหนือจากอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกายจะช่วยให้สุนัขมีรูปทรงที่สมบูรณ์แข็งแรง และเป็นการกระตุ้นทางจิตใจและร่างกายให้แก่สุนัข อย่างน้อยที่สุด 2 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อทำให้เพื่อนสัตว์เลี้ยงของคุณรู้สึกพึงพอใจ เอาใจใส่สุนัขในขณะเดินเล่น รวมไปถึงปฏิสัมพันธ์ และเล่นกับสุนัข ทำให้การเดินเล่นเป็นเรื่องที่น่าสนใจโดยการไปยังสถานที่ที่แตกต่างกันไป
    • ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับอายุและสายพันธุ์ของสุนัข: ลูกสุนัขและสุนัขสายพันธุ์เล็กต้องการระยะเวลาในการออกกำลังกายที่สั้นกว่า (สูงสุดไม่เกิน 15 นาที) ในขณะที่สุนัขสายพันธุ์ที่ใหญ่กว่า หรือสุนัขที่มีรูปทรงที่ปราดเปรียวมากกว่าอาจต้องการระยะเวลาในการออกกำลังกายได้สูงถึง 1 ชั่วโมง
    • สุนัขสายพันธุ์หน้าสั้น (Brachycephalic dogs) ได้แก่สุนัขที่มีจมูกดันเข้าข้างใน เช่น พันธุ์บูลด็อกเหมาะกับการเดินในระยะเวลาสั้นๆ มากที่สุด (ประมาณ 10 นาที) 3–4 ครั้งต่อวัน
    • แน่นอนว่าไม่มีสุนัขตัวไหนควรออกกำลังกายอย่างหักโหมจนกระทั่งมันปรับสภาพเข้ากับการออกกำลังกายได้เช่นเดียวกับนักกีฬามนุษย์ [4]
  2. ปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณเกี่ยวกับการออกกำลังกายสุนัขที่มีปัญหาด้านสุขภาพ. หากสุนัขของคุณได้รับความทุกข์ทรมานจากสภาวะด้านสุขภาพ เช่น ภาวะข้อต่ออักเสบ หรือเบาหวาน คุณต้องระมัดระวังการออกกำลังกายของสุนัข อาการเจ็บข้อต่อของสุนัขอาจทำให้มันไม่รู้สึกอยากออกไปเดินเล่น ปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณเกี่ยวกับกฏเกณฑ์ในการออกกำลังกายเบาๆ รวมไปถึงการบำบัดรักษา หรือการช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้กับสุนัข
    • สุนัขอายุมากที่มีภาวะข้อต่ออักเสบจะเหมาะกับการเดินในระยะเวลาสั้นๆ มากที่สุด (ประมาณ 10 นาที) 3–4 ครั้งต่อวัน
  3. เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยอดเยี่ยมในการออกกำลังกายสุนัข และทำให้รู้สึกสนุกสนานในเวลาเดียวกัน คือการเล่นเกมที่มีการปฏิสัมพันธ์ ซึ่งการขว้างของเพื่อให้สุนัขไปคาบมาให้เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมตราบเท่าที่คุณเล่นในสวนหรือสนามที่ปิดล้อมเรียบร้อย เพื่อให้แน่ใจว่าสุนัขของคุณจะไม่สามารถวิ่งหนีไปได้ในระหว่างที่เกมกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น
    • การเป่าฟองสบู่เพื่อให้สุนัขของคุณวิ่งไล่เป็นอีกหนึ่งเกมที่มีความสนุกสนาน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องออกแรงมากนัก
  4. แน่ใจว่าอากาศจะไม่ส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อสุนัขของคุณเมื่อคุณพาสุนัขไปออกกำลังกายนอกบ้าน หากอากาศร้อนมากเกินไป สุนัขของคุณอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นลมแดด และหากอากาศเย็นเกินไป มีความเสี่ยงที่เนื้อเยื่อของสุนัขจะถูกทำลาย [5]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 7:

การนำลูกสุนัขของคุณไปพบสัตวแพทย์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำลูกสุนัขของคุณไปพบสัตวแพทย์เมื่อมีอายุได้ 8 สัปดาห์. หากคุณมีลูกสุนัข มันควรพบสัตวแพทย์ครั้งแรกเมื่อมีอายุได้ 8 สัปดาห์ หากลูกสุนัขหรือสุนัขของคุณมีอายุมากกว่าที่กล่าวมา และยังไม่เคยไปพบสัตว์แพทย์เลย ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องนัดพบสัตว์แพทย์สำหรับการตรวจร่างกาย และเริ่มต้นการฉีดวัคซีนให้กับลูกสุนัข เพราะนี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับสุขภาพของสุนัขของคุณ [6]
    • แน่ใจว่าคุณให้วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าแก่สุนัขของคุณ เนื่องจากโรคที่เป็นอันตรายถึงตายนี้สามารถติดต่อมาสู่มนุษย์ และมันยังเป็นข้อบังคับตามกฎหมายในหลายๆ ประเทศที่เจ้าของสุนัขต้องฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าแก่สุนัขของตน
  2. นัดพบสัตวแพทย์สำหรับการฉีดวัคซีนครั้งแรกให้กับสุนัข. สำหรับการพบสัตวแพทย์ครั้งแรก คุณจำเป็นต้องจัดตารางนัดหมาย 2 ครั้ง โดยครั้งแรกจะเป็นการให้วัคซีนขั้นต้นแก่สุนัข ส่วนครั้งที่สองเกิดขึ้นหลังจากนั้นอีก 3 – 4 สัปดาห์ให้หลัง (ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของสัตวแพทย์คุณ) ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นวัคซีนเพื่อให้แน่ใจว่าระบบภูมิคุ้มกันของลูกสุนัขมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคที่รุกล้ำเข้าสู่ร่างกายของลูกสุนัข
    • สัตวแพทย์จะอธิบายถึงวัคซีนที่จำเป็นสำหรับพื้นที่ที่คุณอยู่อาศัย โดยวัคซีนพื้นฐาน ได้แก่ โรคหัดสุนัข โรคพิษสุนัขบ้า และอาจรวมไปถึงโรคลัยม์ (Lyme)
    • วัคซีนโดยทั่วไปควรถูกกระตุ้นทุกปี หรือทุก 2 ปี โดยคลินิกสัตวแพทย์จะแจ้งเตือนทางเมล์ หรืออีเมล์ล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดฉีดวัคซีนครั้งต่อไปหลังจากวัคซีนชุดแรกถูกฉีดให้กับสุนัข
  3. ให้วัคซีนป้องกันโรคพยาธิหนอนหัวใจแก่สุนัขของคุณ. เป็นอีกหนึ่งโรคสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพแก่สุนัข แมลงที่น่าขยะแขยงนี้ถูกแพร่กระจายโดยยุง และอาศัยอยู่ในหัวใจของสุนัขที่เป็นสาเหตุของความทุกข์ทรมานและความเจ็บป่วย สุนัขของคุณต้องถูกตรวจทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยจากแมลงชนิดนี้ การป้องกันพยาธิหนอนหัวใจควรถูกเริ่มต้นในทันทีที่เป็นไปได้เพื่อป้องกันการเกิดของโรคนี้ หากผลการตรวจทดสอบสุนัขของคุณไม่พบพยาธิหนอนหัวใจ คุณสามารถเลือกที่จะฉีดวัคซีนหนึ่งเข็มให้แก่สุนัขเพื่อป้องกันการเกิดของโรคนี้ไปได้ 6 เดือน หรือให้สุนัขกินยาเม็ดป้องกันพยาธิหนอนหัวใจเพื่อป้องกันการเกิดของโรคนี้ไปได้ 1 ปี
    • หากสุนัขของคุณถูกทดสอบว่าปลอดภัยจากพยาธิหนอนหัวใจแล้ว สัตวแพทย์จะอธิบายถึงตัวเลือกการบำบัดรักษาซึ่งโดยทั่วไปจะประกอบไปด้วยการตรวจเลือด เอ็กซเรย์หัวใจ และการบำบัดรักษาที่มีความเจ็บปวด ได้แก่ การฉีดตัวยาที่แสบร้อน และการให้ยาทางปาก
  4. สัตวแพทย์ของคุณจะแนะนำรูปแบบการถ่ายพยาธิสำหรับสุนัขของคุณ ลูกสุนัขโดยทั่วไปจะถูกถ่ายพยาธิเมื่อมีนัดฉีดวัคซีน เพื่อให้แน่ใจว่าสุนัขปราศจากพยาธิตัวกลมและพยาธิปากขอ ซึ่งเป็นพยาธิหลัก 2 ชนิดที่อยู่ในลำไส้ของลูกสุนัข
    • อุจจาระของสุนัขคุณจะถูกตรวจสอบในการนัดฉีดวัคซีนครั้งต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าสุนัขของคุณไม่มีพยาธิอยู่ในลำไส้
  5. การผ่าตัดนี้ช่วยควบคุมจำนวนประชากรสุนัข และป้องกันบางปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น เช่น การต่อสู้กันของสุนัขตัวผู้ มะเร็งระบบสืบพันธุ์ และหยุดการเดินข้ามเขตของสุนัขตัวผู้ หากสุนัขของคุณยังไม่ได้ถูกทำหมันหรือตอน ให้คุณนัดพบแพทย์เพื่อดำเนินการ
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 7:

การเอาใจใส่สุขภาพของสุนัขของคุณที่บ้าน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. สุนัขก็เหมือนกับคนที่จะมีคราบแบคทีเรียก่อตัวขึ้นบนผิวฟัน และจำเป็นต้องกำจัดมันออกไป [7] หาซื้อแปรงสีฟันสำหรับสุนัขจากสัตวแพทย์ของคุณ หรือร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงยาสีฟันสำหรับสุนัข ห้ามใช้ยาสีฟันสำหรับคน ที่โดยส่วนมากจะมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุนัข
    • บีบยาสีฟันสำหรับสุนัขใส่ปลายนิ้วในปริมาณเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ ใช้นิ้วของคุณสีเหงือกของฟันบนอย่างนุ่มนวลเพื่อให้สุนัขรู้สึกคุ้นเคยกับยาสีฟันเสียก่อน
    • หากสุนัขของคุณรับได้ วันต่อไปให้ลองในลักษณะเดียวกันแต่ให้บีบยาสีฟันสำหรับสุนัขลงบนแปรงสีฟันสำหรับสุนัขเพียงเล็กน้อย ใช้ขนแปรงสีแถบเหงือกของฟันบนด้านใน และทำมุมขนแปรงขึ้นด้านบนเล็กน้อย เพื่อที่ขนแปรงจะอยู่ใต้แถบเหงือก
    • ให้คุณสีเหงือกจากด้านในออกมาด้านนอก ให้วนปลายขนแปรงเป็นวงกลมเล็กๆ ไปบนแถบเหงือกประมาณ 30 วินาที
    • หากเป็นไปได้ คุณควรแปรงฟันของสุนัขทุกวัน หรืออย่างน้อยให้ได้หลายครั้งในแต่ละสัปดาห์ [8]
    • คุณยังสามารถลองอาหารชนิดพิเศษสำหรับทำความสะอาดฟัน ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อขัดสีคราบแบคทีเรียให้หลุดลอกออกในขณะที่สุนัขเคี้ยวอาหารดังกล่าว ของกินเล่น เช่น หนังสัตว์ที่ยังไม่ได้ฟอก หรือของกินเล่นสำหรับทำความสะอาดฟันใช้ได้ผลเช่นเดียวกัน
  2. ให้สัตว์แพทย์ หรือผู้ชำนาญแสดงให้ดูว่าคุณสามารถตัดเล็บได้ใกล้กับเนื้อได้มากแค่ไหน (ส่วนที่งอกออกมา) ก่อนที่คุณจะลองด้วยตัวเอง เนื้อใต้เล็บจะประกอบไปด้วยเส้นเลือด และเส้นประสาท ซึ่งเลือดจะไหลและเจ็บปวด หากเผลอไปตัดเนื้อเข้า
    • หาคนจับสุนัขให้อยู่นิ่งเพื่อที่คุณจะได้ตัดเล็บของสุนัขใน 2–3 ครั้งแรก
    • เริ่มต้นด้วยนิ้วเท้าหลัง เล็บเหล่านี้โดยทั่วไปจะสั้นกว่า และสุนัขจะรู้สึกสบายกับการถูกจับถืออุ้งเท้าหลัง
    • กะตำแหน่งเนื้อใต้เล็บ หรือกะประมาณก่อนการเล็มจนถึงโคนเล็บ ค่อยๆ เล็มอย่างระมัดระวังจนถึงโคนเล็บ ให้คุณเล็มเล็บให้เหลือสัก 2 – 3 มิลลิเมตร ก่อนถึงเนื้อใต้เล็บ
    • ตัดเล็บที่เหลือของอุ้งเท้าทั้งหมด และพูดชมสุนัขของคุณมากๆ ในการที่มันสามารถอยู่นิ่งๆ ได้จนคุณตัดเสร็จ
  3. สุนัขต้องการการแปรงขนไม่ว่าขนจะยาวมากน้อยแค่ไหนก็ตาม นี่เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์กับสุนัขของคุณ มันยังเปิดโอกาสให้คุณตรวจตราสุขภาพผิวหนังของสุนัขคุณ
    • สำหรับสุนัขขนยาว ให้คุณหาซื้อหวีสางขนสุนัขเพื่อช่วยสางขนที่หลุดร่วงออก หวีขนสุนัขให้ทั่วทั้งตัวอย่างน้อยวันเว้นวัน ไม่เช่นนั้นขนของสุนัขคุณจะจับตัวเป็นสังกะตัง ซึ่งจะทำให้สุนัขดูน่าเกลียด และยังเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ผิวหนังได้
    • สำหรับสุนัขขนสั้น ให้คุณใช้แปรงขนนุ่มในการกำจัดขนที่หลุดร่วงออก และเป็นการกระตุ้นผิวหนังไปในตัว
  4. เวลาในการแปรงขนเป็นช่วงเวลาในการตรวจหาเห็บ หมัดบนผิวหนังของสุนัข รวมไปถึงก้อนนูนหรือตุ่ม คุณยังสามารถตรวจหาอาการขนร่วง การอักเสบ และรอยถลอก หรืออาการบาดเจ็บอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน [9]
    • หากคุณเห็นเห็บหมัด คุณต้องจัดการโดยทันที โดยจัดการทั้งที่ที่สุนัขนอนและบ้านที่คุณอยู่อาศัยก่อนที่มันจะเกินเยียวยา การรักษาเฉพาะที่และยาฆ่าแมลงในครัวเรือนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการระงับการแพร่กระจายของจำนวนประชากรเห็บหมัด เจ้าหน้าที่ของสัตว์แพทย์หรือพนักงานร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงสามารถให้คำแนะนำที่ยอดเยี่ยมในการกำจัดเห็บหมัดทั้งบนตัวสุนัขและในบ้านของคุณ
  5. หากสุนัขของคุณต้องอาบน้ำ ให้คุณใช้แชมพูสุนัข ให้คุณทำตามคำแนะนำบนขวด อย่าอาบน้ำสุนัขบ่อยเกินไป สุนัขส่วนมากต้องการการอาบน้ำแค่เพียงเดือนละครั้งเท่านั้น การอาบน้ำสุนัขบ่อยเกินไปจะทำให้ผิวหนังของสุนัขแห้ง
    • หากคุณมีสุนัขที่สกปรกได้ง่ายหรือมีกลิ่นตัว คุณอาจจำเป็นต้องอาบน้ำสุนัขให้บ่อยครั้งขึ้น ใช้ดุลยพินิจของคุณ และปรึกษาสัตวแพทย์หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ
    โฆษณา
ส่วน 6
ส่วน 6 ของ 7:

การฝึกสุนัขของคุณให้รู้ธรรมเนียมการอยู่อาศัยในบ้าน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกพื้นที่ที่คุณต้องการให้สุนัขของคุณขับถ่าย. บทเรียนที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถสอนลูกสุนัข หรือสุนัขของคุณ คือการขับถ่ายในพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งจะเป็นการดีเป็นอย่างยิ่งหากเป็นพื้นที่นอกบ้าน และไม่อยู่ในทางเดิน
  2. เมื่อคุณเริ่มฝึกสุนัขของคุณให้รู้ธรรมเนียมการอยู่อาศัยในบ้าน ให้โอกาสสุนัขในการขับถ่ายมากๆ หน่อย ให้คุณพาสุนัขออกไปนอกบ้านบ่อยๆ อาจจะทุกๆ ชั่วโมง โดยเฉพาะลูกสุนัขจะมีกระเพาะปัสสาวะที่เล็ก จึงจำเป็นต้องขับถ่ายบ่อยครั้ง
  3. สังเกตสุนัข หรือลูกสุนัขของคุณเพื่อดูสัญญาณว่ามันต้องการขับถ่ายเมื่ออยู่ในบ้าน คุณอาจสังเกตอาการหายใจแรง ดมพื้นไปรอบๆ หรือเห่า หากมีอาการดังที่กล่าวมา ให้คุณรีบพาสุนัขออกไปนอกบ้านโดยทันที
    • แน่ใจว่าคุณพูดชมสุนัขเยอะๆ เมื่อมันขับถ่ายนอกบ้าน
    • หากสุนัขของคุณเกิดผิดพลาดขับถ่ายในบ้าน อย่าตะคอกหรือตีมัน ให้คุณทำความสะอาดอย่างสงบเสงี่ยม และลองใหม่อีกครั้ง
  4. เมื่อสุนัขของคุณขับถ่ายนอกบ้าน ให้คุณพูดชมสุนัขของคุณเยอะๆ พร้อมกับลูบสุนัข ให้รางวัลในสิ่งที่มันทำ แน่ใจว่าคุณทำอย่างถูกต้อง เพื่อที่สุนัขของคุณจะได้เชื่อมโยงการได้รับรางวัลเข้ากับการขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง
  5. แน่ใจว่าคุณพกถุงพลาสติกเพื่อเก็บก้อนอุจจาระโดยทันที ไม่มีคำแก้ตัวสำหรับการไม่ทำความสะอาดหลังจากสุนัขของคุณขับถ่าย นอกจากจะทำให้ดูน่ารังเกียจ การปล่อยอุจจาระทิ้งไว้บนพื้นจะเป็นการแพร่กระจายเชื้อโรคได้เช่นกัน
  6. กักบริเวณสุนัขของคุณไว้ในพื้นที่เล็กๆ ในบ้านจนกระทั่งมันได้รับการฝึกให้อยู่อาศัยในบ้านเรียบร้อยแล้ว. ก่อนที่คุณจะแน่ใจว่าลูกสุนัข หรือสุนัขของคุณได้รับการฝึกให้อยู่อาศัยในบ้าน ให้คุณกักบริเวณมันไว้ในพื้นที่เล็กๆ (ห้องน้ำ ห้องที่ติดกับประตูทางเข้าบ้าน ห้องซักผ้า) ที่มีพื้นที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
    • นี่เป็นเรื่องที่สำคัญโดยเฉพาะหากคุณไม่สามารถจับตาดูลูกสุนัขของคุณได้ตลอดเวลา การฝึกลูกสุนัขให้อยู่อาศัยในบ้านจำเป็นต้องอาศัยการสอดส่องอยู่ตลอดเวลา
  7. การฝึกสุนัขให้อยู่ในกรงจะใช้บ้านสุนัขในการขังสุนัขไว้ในเวลาที่คุณไม่อยู่ อย่ากังวล หากสุนัขถูกฝึกโดยใช้กรง มันจะเข้าใจได้ว่าเป็นที่ปลอดภัยจากความโกลาหลในระหว่างวัน ให้คุณวางกรงในห้องนั่งเล่นโดยเปิดประตูกรงไว้ และปูผ้าไว้ข้างในกรง กระตุ้นให้สุนัขเข้าไปในกรงด้วยตัวเองโดยการโยนของรางวัลสำหรับสุนัขเข้าไปในกรง หลังจากทำอย่างนี้บ่อยๆ ในช่วง 2 วันแรก ให้คุณปิดประตูกรง และปล่อยให้มันอยู่ในกรงประมาณ 10 นาที ให้คุณค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาในการให้สุนัขอยู่ในกรงทีละนิดจนกระทั่งมันคุ้นเคยกับการอยู่ในกรง (ไม่มีเสียงร้องคราง หรือร้องหงิงๆ) ได้เป็นเวลา 4 ชั่วโมง
    • แน่ใจว่ากรงมีขนาดที่เหมาะสมสำหรับสุนัขของคุณ สุนัขควรยืนได้ตามปกติโดยไม่ต้องค่อมหลังในกรง นอกจากนี้กรงควรมีพื้นที่กว้างพอที่จะให้สุนัขกลับตัวได้โดยสะดวก
    • อย่าปล่อยสุนัขไว้ในกรงนานเกินกว่า 4 ชั่วโมง ห้ามใช้กรงเหมือนเป็นการทำโทษสุนัข ไม่เช่นนั้นสุนัขจะไม่รู้สึกเต็มใจที่จะเข้าไปในกรงอีก
    โฆษณา
ส่วน 7
ส่วน 7 ของ 7:

การพาสุนัขของคุณเข้าสังคม

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. สุนัขจำเป็นต้องเรียนรู้ในการเข้ากับสุนัขและคนอื่นๆ เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดี ในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของ มันขึ้นอยู่ที่คุณในการฝึกสุนัขของคุณให้เป็นประชากรสุนัขที่ดีเรียบร้อย โชคร้ายที่พฤติกรรมที่เลวร้ายเป็นเหตุผลสำคัญที่สุนัขถูกเอือมระอาและถูกทิ้งไว้ที่สถานสงเคราะห์ วิธีที่ดีที่สุดในการฝึกสุนัขคือการใช้ระบบการให้รางวัลแก่สุนัข สำหรับระบบนี้ สุนัขจะได้รับรางวัลสำหรับการยอมทำตามสิ่งที่เจ้าของร้องขอผ่านการใช้ของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ และคำชื่นชม
    • สุนัขมีความซื่อสัตย์และรักที่จะมีกิริยาที่ดีกับคนที่มันอยู่ด้วย ระบบการให้รางวัลเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการฝึกสุนัขได้อย่างรวดเร็ว
    • พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือเลวร้ายถูกละเลยโดยส่วนมาก เว้นแต่มันมีทีท่าว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุนัข หรือคนอื่นๆ
  2. สอนสุนัขของคุณให้รู้จักกับกิจกรรมในครอบครัวทั่วไป. การสอนให้สุนัขรู้จักการเข้าสังคม หมายถึงการเรียนรู้ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์และสังคมสุนัขด้วยกิริยาที่สำรวม เริ่มต้นสอนการเข้าสังคมตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข โดยการสอนพวกมันให้รู้จักกับเสียง และกิจกรรมที่เกิดขึ้นในครอบครัวโดยปราศจากอาการขู่เข็ญ [10]
    • อย่าวิ่งไล่สุนัขของคุณด้วยเครื่องดูดฝุ่น หรือตีมันด้วยไม้กวาด
    • พาสุนัขออกไปนั่งรถเล่นเพื่อให้มันคุ้นเคยกับการนั่งในรถ และสอนให้มันชมวิวทิวทัศน์ผ่านกระจกรถยนต์
  3. สวนสาธารณะสำหรับสุนัขเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการปฏิสัมพันธ์กับสุนัข และคนอื่นๆ ให้สุนัขคล้องสายจูง โดยเฉพาะ 2 – 3 ครั้งแรกที่คุณพาสุนัขของคุณไปสวนสาธารณะ ห้ามปล่อยสุนัขออกจากสายสูง หากคุณยังไม่แน่ใจว่าสุนัขของคุณเข้ากับสุนัข และคนอื่นๆ ได้ดี
  4. อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลที่สุดในการสอนให้ลูกสุนัขของคุณรู้จักกับลูกสุนัขตัวอื่น คน และภาพกับเสียงโดยทั่วไป คือการนำมันไปเข้าคอร์สสังคมสำหรับลูกสุนัข คอร์สประเภทนี้ถูกจัดตั้งโดยการศึกษาชุมชน คลับ 4-H หรือร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง โดยจะมีการจัดหาสถานที่ปลอดภัยสำหรับสุนัข และเจ้าของในการเรียนรู้ร่วมกัน มองหาคอร์สเรียนในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หรือออนไลน์เพื่อหาคอร์สเรียนใกล้คุณ
    • หากคุณต้องการให้สุนัขที่มีอายุมากรู้จักเข้าสังคม ให้ลองพาไปเข้าเรียนคอร์สสอนการเชื่อฟัง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ก่อนที่คุณจะรับอุปการะ หรือซื้อสุนัข แน่ใจว่าคุณมีเวลา เงิน และทรัพยากรในการดูแลเอาใจใส่สุนัขได้อย่างเหมาะสม มันเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมสำหรับสุนัข หรือแม้แต่คนอื่น หากคุณไม่มีความสามารถมากพอในการให้การอุปถัมภ์ทางการแพทย์ หรือให้อาหารสุนัขอย่างเหมาะสม และยังไม่เป็นธรรมแก่สุนัขด้วยเช่นเดียวกันหากคุณไม่สามารถใช้เวลากับมันได้ทุกวันในการดูแลเอาใจใส่ และเล่นกับมัน
  • สนุกไปกับสุนัขของคุณ! ทัศนคติที่ดีในตัวคุณจะถูกปลูกฝังไว้ในสุนัขของคุณ
โฆษณา

คำเตือน

  • สุนัขที่ฝ่าฝืนการฝึกฝน โดยเฉพาะการฝึกให้อยู่อาศัยในบ้าน อาจจะได้รับความทุกข์ทรมานจากปัญหาทางการแพทย์
  • ห้ามตีสุนัข นี่แค่จะทำให้มันกลัว และรู้สึกโกรธเคืองคุณเท่านั้น และยังเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับสุนัขลง
  • แค่ลงโทษสุนัขเมื่อคุณจับได้ว่ามันทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรทำ สุนัขไม่สามารถเชื่อมโยงระหว่างการทำบางสิ่งบางอย่างที่มันไม่ควรทำหลังจากมันได้แสดงพฤติกรรมแย่ๆ ไปแล้ว


โฆษณา
  1. Animal Behavior for Shelter Veterinarians and Staff. Emily Weiss, Heather Mohan-Gibbons and Stephen Zawistowski. John Wiley & Sons. May 2015

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,437 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา