PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ไม่ว่าคุณจะพยายามปกปิดด้วยรอยยิ้มอย่างยากลำบากแค่ไหนแต่ความอิจฉาไม่ใช่สิ่งที่จะหายไปเอง มันสามารถก่อตัวเป็นความริษยาที่ร้ายกาจอย่างควบคุมไม่ได้และแม้แต่ความซึมเศร้า แล้วคุณจะทำอะไรเพื่อลดความอิจฉาก่อนที่คุณจะถูกมันจะกัดกินได้บ้างล่ะ เรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นๆ รู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณมีอยู่ให้มากขึ้นและฝึกฝนเทคนิคต่างๆ เพื่อจัดมุมมองของคุณใหม่สามารถช่วยให้เอาชนะความอิจฉาก่อนที่มันจะควบคุมไม่ได้ อ่านต่อเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่จะเอาชนะความอิจฉา

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

การเข้าใจความอิจฉา

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. รู้ถึงความแตกต่างระหว่างความอิจฉาและความหึงหวง. ความอิจฉาและความหึงหวงไม่ใช่สิ่งเดียวกันแต่มักจะทำให้สับสนอยู่บ่อยๆ การรู้ถึงความแตกต่างระหว่างความอิจฉาและความหึงหวงนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะพิจารณาว่าคุณกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน ความหึงหวงคือปฏิกิริยาต่อความกลัวที่จะสูญเสียบางอย่างที่คุณเป็นเจ้าของอยู่แล้ว ส่วนความอิจฉาคือปฏิกิริยาต่อบางอย่างที่คุณคิดว่าคุณขาด [1]
    • ยกตัวอย่างเช่น ความหึงหวงคือสิ่งที่คุณรู้สึกตอนที่คุณเห็นแฟนสาวของคุณกำลังโปรยเสน่ห์อยู่กับผู้ชายอื่น. ความอิจฉาคือสิ่งที่คุณรู้สึกตอนที่คุณเห็นเพื่อนของคุณขับรถสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด
  2. ความอิจฉาส่งผลกระทบทางด้านลบต่อชีวิตคุณอย่างไร มิตรภาพอันยาวนานอาจใกล้จะสิ้นสุดลงเพราะว่าคุณไม่สามารถแกล้งทำเป็นดีใจกับเพื่อนของคุณได้อีกต่อไป คุณก็เลยเลี่ยงไม่รับสายของเธอ คุณอาจจะเช็คเฟสบุ๊คของแฟนเก่าอย่างหมกมุ่นเพื่อจ้องเขม็งมองบรรดารูปของเขากับคู่หมั้นของเขา คุณอาจจะอ่านบล็อกรูปถ่ายของเพื่อนร่วมชั้นอย่างไม่ชอบใจและหวังว่าตัวเองจะมีอะไรที่ใกล้เคียงกับความสามารถทางศิลปะของเขาบ้าง ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างของวิธีที่ความอิจฉาบั่นทอนพลังงานที่ควรสามารถนำไปใช้กับบางอย่างในทางด้านบวกมากกว่านี้ ความอิจฉาอาจจะเป็นอันตรายต่อคุณในทางต่างๆ ต่อไปนี้: [2]
    • กินเวลาของคุณ
    • กลืนกินความคิดของคุณ
    • ทำลายความสัมพันธ์ส่วนตัวและทางอาชีพของคุณ
    • ทำให้บุคลิกภาพของคุณแปรปรวน
    • สร้างด้านลบ
  3. ก่อนที่คุณจะสามารถจัดการกับความอิจฉาได้อย่างสร้างสรรค์นั้น คุณจำเป็นต้องคิดหาว่ามันเกิดจากอะไร ถ้าคุณรู้สึกอิจฉาเรื่องรถสปอร์ตคันใหม่ของเพื่อน ให้ใช้เวลาตรวจสอบเหตุผลว่าทำไมคุณจึงรู้สึกอิจฉา ถามคำถามตัวเองเพื่อวินิจฉัยสาเหตุของความอิจฉาของคุณก่อนจัดการกับความอิจฉาของคุณ [3]
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณอิจฉาเพราะว่าคุณอยากได้รถอย่างที่เขามีหรือเปล่า. หรือคุณอิจฉาที่เขาสามารถซื้อหาของแพงๆ ได้
  4. การจดบันทึกเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมที่จะแสดงความรู้สึกของคุณและจัดการกับความรู้สึกด้านลบ การจดบันทึกเกี่ยวกับความอิจฉาของคุณอาจจะช่วยให้คุณเริ่มเข้าใจมันมากขึ้นและเริ่มจัดการกับมัน เริ่มด้วยการเขียนเหตุผลที่คุณรู้สึกอิจฉา อธิบายที่มาของความอิจฉาของคุณให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามค้นหาว่าทำไมคุณถึงอิจฉาคนนี้ [4]
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะเขียนเกี่ยวกับเพื่อนของคุณขับรถสปอร์ตคันใหม่ของเขาและนั่นทำให้คุณรู้สึกอย่างไร อารมณ์ตอนนั้นเป็นอย่างไร คุณรู้สึกอย่างไรตอนเขาจอดรถ คุณรู้สึกอยากจะทำ/พูดอะไร จริงๆ แล้วคุณทำ/พูดไปว่าอย่างไร คุณรู้สึกอย่างไรตอนเขาจากไป คุณรู้สึกอย่างไรตอนคิดย้อนกลับไป คุณอยากจะรู้สึกอย่างไร
  5. ลองคิดที่จะคุยกับเพื่อนเกี่ยวกับความรู้สึกอิจฉาของคุณ. การบอกเพื่อนที่สนับสนุนคุณหรือสมาชิกครอบครัวว่าคุณกำลังรู้สึกอย่างไรอาจจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นและช่วยให้คุณแสดงอารมณ์ของคุณออกมา เลือกคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับคนที่คุณอิจฉา ให้แน่ใจว่าคุณเลือกคนที่จะสนับสนุนและจะฟังคุณ การเลือกคนที่จะไม่ยอมรับฟังความรู้สึกของคุณหรือคนที่จะไม่ให้การสนับสนุนที่ดีอาจจะทำให้คุณรู้สึกแย่กว่าเดิม
  6. ลองคิดหาความช่วยเหลือจากนักบำบัดถ้าคุณไม่สามารถก้าวผ่านความอิจฉาได้ด้วยตัวเอง. สำหรับบางคนแล้วความอิจฉาอาจก้าวก่ายชีวิตประจำวันและความสุขได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือแล้วอาจจะทำให้ยากต่อการเข้าใจความอิจฉาและพิจารณาหาทางที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับความรู้สึกเหล่านั้น ผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิตที่ได้รับการอนุญาตจะสามารถช่วยให้คุณเข้าใจความรู้สึกเหล่านี้และช่วยให้คุณผ่านมันไปได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

เปลี่ยนความอิจฉาให้เป็นเรื่องบวก

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมื่อคุณอิจฉาคนอื่นมักจะเกิดจากความรู้สึกไม่เพียงพอส่วนตัว คุณมุ่งความคิดไปที่ว่าคนอื่นมีอาชีพ คนรัก ทรัพย์สมบัติ หรือสติปัญญาที่คุณต้องการได้อย่างไร และความปรารถนาเหล่านี้จะฝังรากลึกลงในสิ่งที่คุณรับรู้กลายเป็นปมด้อยของคุณเอง พยายามลดละการตัดสินตัวเองอย่างรุนแรงและไม่เปรียบเทียบสถานการณ์ที่ไม่น่าพึงพอใจของตัวเองกับของคนอื่น [5]
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะอิจฉาหน้าที่การงานอันยอดเยี่ยมของเพื่อนคุณที่ก้าวหน้าไปแล้วในขณะที่งานของคุณยังย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน พยายามอดทนกับตัวเองให้มากขึ้น คุณจะมีโอกาสรุ่งถ้าเพียงแค่คุณทำงานหนักต่อไป
    • ความอิจฉาเกิดจากการตัดสินโดยทั่วไป การคิดว่า “นี่” ดีกว่า “นั่น” และการตัดสินใจของคุณโดยยึดตามการได้รับในสิ่งที่คุณไม่มีเป็นหลัก. พยายามใจกว้างให้มากขึ้นแทนที่จะตัดสินใจว่าคุณสมบัติอะไรที่ดีที่ควรจะมีและอะไรที่ไม่ดี
  2. การให้อภัยเป็นส่วนที่สำคัญในการข้ามผ่านความอิจฉาเพราะว่าการขุ่นเคืองใจคนอื่นเรื่องความสำเร็จของพวกเขานั้นมีแต่จะทำให้คุณไม่มีความสุข [6] แบบฝึกหัดหนึ่งที่อาจจะช่วยให้คุณจัดการกับความอิจฉาได้ก็คือการกล่าวให้อภัยกับคนที่คุณอิจฉา (แน่นอนว่าไม่ใช่ตอนที่เขาอยู่ด้วย) และกับตัวเองด้วย เพียงแค่ใช้เวลาสักครู่ตอนคุณอยู่คนเดียวเพื่อกล่าวแสดงการให้อภัยออกมาเป็นคำพูด
    • จำไว้ว่าคุณไม่ได้กำลังให้อภัยคนอื่นเรื่องที่ทำผิด. คุณกำลังเลือกมองสถานการณ์ของพวกเขาจากมุมมองของพวกเขา โดยการพิจารณามุมมองของพวกเขานี้คุณอาจจะเข้าอกเข้าใจกับความภาคภูมิใจและความสำเร็จของพวกเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดบางอย่างเช่น “ฉันภูมิใจในตัวชารอนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของเธออย่างมาก และฉันยังให้อภัยตัวเองด้วยที่ยังตามหลังเธออยู่”
  3. เปลี่ยนความอิจฉาของคุณให้เป็นการเห็นคุณค่า. เพื่อเอาชนะความอิจฉาสิ่งสำคัญนั้นก็คือคุณจะต้องเห็นคุณค่าในสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วพอๆ กับสิ่งที่คนที่คุณอิจฉาหามาได้ [7] ทางหนึ่งที่คุณจะสามารถเริ่มเปลี่ยนมุมมองของคุณและเอาชนะความอิจฉาของคุณได้ก็คือการหาทางที่จะมองเห็นคุณค่าของความสำเร็จหรือโชคชะตาของคนอื่น พัฒนาความรู้สึกมีความสุขให้คนที่ประสบความสำเร็จหรือได้รับสิ่งที่ทำให้คุณอิจฉา ยกตัวอย่างเช่น พยายามดีใจกับเพื่อนที่สามารถซื้อรถสปอร์ตได้และเปลี่ยนความอิจฉาให้เป็นความชื่นชม
    • การกล่าวคำชื่นชมออกมาดังๆ อาจจะช่วยคุณได้. ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดกับเพื่อนของคุณว่า “ยินดีด้วยนะกับรถใหม่! ฉันดีใจกับคุณและความสำเร็จทั้งหมดของเธอด้วยจริงๆ ”
  4. ทันทีที่คุณวินิจฉัยสาเหตุของความอิจฉาของคุณแล้วคุณจะสามารถจัดการกับมันได้อย่างสร้างสรรค์โดยเปลี่ยนมันให้เป็นเรื่องบวก เช่น เป้าหมาย การใช้ความอิจฉาของคุณสร้างเป้าหมายที่เป็นไปได้จริงและที่สามารถทำให้สำเร็จได้จะช่วยให้คุณเลิกจมอยู่กับความรู้สึกด้านลบ และรู้สึกมีพลังที่จะเปลี่ยนบางอย่างในชีวิตของคุณให้ดีขึ้น
    • ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอิจฉาเรื่องรถสปอร์ตคันใหม่ของเพื่อนคุณเพราะคุณหวังว่าคุณจะมีอิสรภาพทางการเงินที่จะซื้ออะไรแบบนั้นได้บ้าง ให้ทำให้มันกลายเป็นเป้าหมายของคุณที่จะหาและ/หรือเก็บออมเงินมากกว่าเดิม
    • แบ่งเป้าหมายใหญ่ๆ ให้เป็นเป้าหมายที่เล็กลงและสามารถวัดผลได้. ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป้าหมายของคุณคือการหาและ/หรือเก็บออมเงินมากขึ้น เป้าหมายที่เล็กลงอย่างหนึ่งอาจจะเป็นการหางานที่ได้เงินมากขึ้นหรือหาโอกาสสำหรับความก้าวหน้าในงานปัจจุบันของคุณ เป้าหมายเล็กๆ อีกอย่างหนึ่งอาจจะเป็นการเก็บออมเงินสัปดาห์ละ 700 บาท
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

การหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณกำลังประเมินตัวเองและคนอื่นโดยยึดตามความคิดตื้นๆ ว่าการประสบความสำเร็จหมายความว่าอะไรอยู่หรือเปล่า ความสำเร็จไม่จำเป็นต้องหมายถึงการมีบ้านใหญ่โต รถสองคัน และงานที่ประสบความสำเร็จสูง หรือหน้าตาสะสวยมากจนคนหยุดจ้องไม่ได้ ความสำเร็จนั้นเกี่ยวกับค้นหาว่าชีวิตแบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับ “คุณ” และการมีชีวิตให้อยู่อย่างมีความสุขสมบูรณ์ ถ้าคุณกังวลน้อยลงเกี่ยวกับมาตรฐานของสังคมต่อความสำเร็จและให้มุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ทำให้คุณตื่นเต้นทุกวันแทน จะทำให้คุณเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นน้อยลง [8]
    • จำไว้ว่าการที่คุณอยู่ในช่วงชีวิตที่แตกต่างจากคนอื่นๆ นั้นมันไม่เป็นไร. ยกตัวอย่างเช่น เพียงเพราะคุณอาจจะยังไม่ได้งานหรือคนรักที่คุณต้องการนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณด้อยกว่าคนที่คุณอิจฉา ชีวิตไม่ได้มีลิสต์ให้เช็คว่าเราต้องได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ทั้งหมดเพื่อจะแสวงหาความสุข ทุกคนเดินทางบนเส้นทางที่แตกต่างกันและไม่มีทางของใครที่มีความหมายมากกว่าหรือดีกว่าของคนอื่น
  2. อาจจะดูเหมือนว่าบางคนมีทุกอย่าง ทั้งแฟนที่สมบูรณ์แบบ ผมสวย ได้เกรดเอตลอด ว่ามาเถอะมีทุกอย่างเลย อย่างไรก็ตาม มักจะมีเรื่องราวมากกว่านั้นเสมอเพราะเป็นไปไม่ได้ที่ใครๆ จะมีชีวิตสมบูรณ์แบบ ถ้าบางคนดูเหมือนจะมีทุกอย่างที่คุณอยากได้ก็มีโอกาสที่คุณจะมีบางอย่างที่ “พวกเขา” อยากได้เหมือนกัน อย่าเอาคนขึ้นไว้บนแท่นและเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันคิดว่าพวกเขาต้องเกิดมาภายใต้ดวงดาวนำโชคแน่ๆ คุณอาจไม่แม้แต่จะรู้ว่าจุดอ่อนของพวกเขาคืออะไร ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่เชี่ยวชาญในการซ่อนข้อบกพร่องของตนเอง แต่มั่นใจได้เลยว่ามันมีอยู่
    • การไตร่ตรองให้เห็นข้อเท็จจริงที่ว่าทุกคนมีการดิ้นรน ความจำเป็น ความอยาก อาจจะเพียงพอแล้วที่จะเตือนคุณว่าทุกคนอยู่ในสถานะเดียวกัน. ไม่จำเป็นที่จะต้องไปขุดคุ้ยเพื่อหาว่าคนนั้นมีจุดอ่อนอะไร มั่นใจได้ว่ายังมีบางอย่างที่คุณไม่เห็น พยายามพักความคิดเรื่องความอิจฉาของคุณไว้ก่อนและมุ่งความสนใจไปที่ตัวเอง
  3. จำไว้ว่าความสำเร็จของคนอื่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของคุณ. สมมติว่าบางคนที่คุณรู้จักเริ่มสร้างวินัยเรื่องการวิ่ง น้ำหนักหายไป 10 กิโลกรัมแล้ว และเพิ่งวิ่งมาราธอนครั้งแรกของเธอสำเร็จ แน่นอนว่าเธอคนนั้นได้บรรลุเป้าหมายเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่มีอะไรห้ามไม่ให้คุณทำอย่างเดียวกันนี่นา! ความสำเร็จในชีวิตของคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของคนอื่น ทั้งการหาความรัก ได้งานที่ดีหรืออะไรอย่างอื่นที่คุณต้องการ คุณสามารถมีสิ่งนั้นได้โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงว่าคนอื่นประสบความสำเร็จแค่ไหน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

การรู้สึกขอบคุณ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. มุ่งความสนใจไปที่ความสามารถพิเศษและทรัพย์สินของคุณ. ตอนนี้ที่คุณเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นแล้ว ลองมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคุณ มุ่งกำลังของคุณไปยังคุณสมบัติที่ดีของคุณเพื่อให้สิ่งที่คุณทำและสิ่งที่คุณเป็นนั้นดียิ่งๆ ขึ้นไป เมื่อคุณมุ่งความสนใจไปที่การทำเพลงเชลโลให้สมบูรณ์แบบหรือการเขียนวิทยานิพนธ์ที่น่าทึ่งจะทำให้ไม่มีเวลากังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นกำลังทำอยู่ [9]
    • เมื่อคุณพบว่าจิตใจของคุณกำลังลอยไปสู่ดินแดนของสิ่งที่คุณไม่มี ให้พยายามคิดตระหนักเกี่ยวกับสิ่งที่คุณ “มี”. ทำแบบนี้ทุกครั้งที่คุณรู้สึกเจ็บปวดจากความอิจฉา หากคุณปฏิเสธที่จะให้จิตใจของคุณจมอยู่และมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่จะทำให้คุณพิเศษและยอดเยี่ยม คุณจะเริ่มมีมุมมองที่เป็นด้านบวกเพิ่มมากขึ้น
    • ตระหนักว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีสิ่งที่คุณมี ในความเป็นจริงแล้วความสามารถพิเศษและทรัพย์สินของคุณอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนอื่นอิจฉาก็ได้
  2. นึกภาพคนที่ห่วงใยคุณและสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อคุณ และลองคิดว่าคุณจะทำอะไรเพื่อพวกเขาได้บ้าง การมุ่งความสนใจไปที่คนที่ทำให้ชีวิตของคุณรู้สึกเติมเต็มนั้นเป็นทางบวกที่จะหักล้างความรู้สึกอิจฉา แทนที่จะคิดว่าชีวิตของคุณขาดอะไรไป ให้ขอบคุณคนที่อยู่เคียงข้างคุณตรงนั้น การรู้สึกขอบคุณนั้นคล้ายกับการมีสติมาก ซึ่งเกี่ยวกับมุ่งความสนใจอยู่ที่ปัจจุบันและเปลี่ยนความคิดของคุณไปยังสิ่งที่ดีอยู่แล้วในชีวิตของคุณแทนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังขาด
  3. เปลี่ยนสิ่งที่คุณเปลี่ยนได้ ยอมรับสิ่งที่คุณทำไม่ได้. การรู้ว่าอะไรที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้และอะไรที่อยู่เหนือการควบคุมของคุณนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ใช้พลังในการพัฒนาสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นและอย่าเสียเวลากับสิ่งในอนาคตเพราะว่าคุณไม่สามารถทำอะไรได้ ฉันคุณยังจมปลักอยู่กับสิ่งที่คุณเปลี่ยนแปลงไม่ได้จะทำให้คุณลงเอยกับความรู้สึกในด้านลบอย่างที่สุดและอาจจะกลายเป็นความซึมเศร้า คุณมีเวลาจำกัดและคุณไม่อยากที่จะเสียมันไปกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
    • ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยากมีความสามารถทางด้านดนตรีเหมือนอย่างเพื่อนของคุณ และคุณอยากที่จะเป็นนักร้อง นักแต่งเพลงแล้วล่ะก็ พยายามทำให้ดีที่สุดที่จะเป็นอย่างที่คุณต้องการ ทุ่มเทจิตวิญญาณของคุณลงไปกับการสร้างดนตรี เรียนร้องเพลง แสดงในงานดนตรี ยอมทุ่มเททุกอย่างที่คุณมี ถ้าคุณคิดว่าคุณมีไอเดียในการสร้างมิวสิควิดีโอหรือคุณรู้สึกคลั่งไคล้เกี่ยวกับดนตรีมากจนคุณอยากใช้ชีวิตของคุณอยู่กับการร้องเพลงก็อย่าให้อะไรมาหยุดคุณได้
    • ในทางกลับกันก็มีบางอย่างในชีวิตที่ไม่ได้รับผลจากการทำงานหนักและความปรารถนาอย่างแรงกล้า. ถ้าคุณหลงรักภรรยาของเพื่อนและพวกเขามีชีวิตแต่งงานที่มีความสุข คุณจะต้องยอมรับว่านี่คือสิ่งที่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งสำคัญคือคุณต้องยอมรับมันก่อนที่ความอิจฉาของคุณจะกลายเป็นพลังในด้านลบอย่างที่สุด
  4. ใช้เวลากับคนที่เห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองมี. ถ้าเพื่อนๆ ของคุณเป็นคนประเภทที่ชอบเปรียบเทียบกับอื่นเรื่องงาน คนรัก ลูก บ่นเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองไม่มีและลดค่าของคนที่มีสิ่งเหล่านั้น คุณควรจะเริ่มใช้เวลากับคนประเภทอื่น ถ้าคุณใช้เวลากับคนที่ไม่เห็นคุณค่ากับสิ่งที่ตัวเองมีคุณจะลงเอยด้วยความรู้สึกแบบนั้น ให้อยู่ใกล้คนที่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ไม่ใช่พวกที่คุยโวโอ้อวดสิ่งที่ตัวเองมี แต่มีความสุขพอที่จะไม่วิพากษ์วิจารณ์คนอื่นหรือบ่นอยู่เป็นนิจ หาเพื่อนที่ไม่ชอบตัดสินใคร ใจกว้างและใจดี และคุณจะเริ่มรู้สึกแบบนั้นกับตัวเองและกับคนอื่นๆ ด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

การจัดมุมมองใหม่

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณนึกถึงเรื่องดีๆ ในชีวิตของคุณมาได้สักพักหนึ่งแล้ว ให้เอาปากกาและกระดาษออกมาแล้วเริ่มเขียนมันลงไป การเขียนเกี่ยวกับความรู้สึกขอบคุณนี้อาจจะเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการช่วยให้คุณเปลี่ยนมุมมองของคุณและเห็นคุณค่าของสิ่งที่คุณมี ถ้าบันทึกไม่ใช่แนวของคุณให้ลองเริ่มวิดีโอบล็อก (vlog) หรือวาดรูปในสมุดสเก็ตช์ เนื่องจากความอิจฉาเป็นการรับรู้ของคุณเรื่องสิ่งที่คุณขาด ให้ใช้เวลาและพลังงานในการเตือนตัวเองถึงสิ่งที่คุณมี [10] นี่เป็นไอเดียบางส่วนที่คุณจะเขียนในบันทึกของคุณ:
    • ความสามารถพิเศษของคุณ
    • ส่วนของร่างกายของคุณที่คุณชอบมากที่สุด
    • เพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ
    • สุนัขของคุณ
    • อาหารโปรดของคุณ
    • สิ่งที่ทำให้คุณหัวเราะ
    • ความทรงจำที่ทำให้คุณยิ้ม
    • โอกาสในอนาคตต่อเรื่องที่คุณตั้งตารอ
    • ของโปรดที่คุณเป็นเจ้าของ
    • การบรรลุเป้าหมาย
  2. มุ่งความสนใจกับแค่เรื่องในด้านบวกเป็นเวลาหนึ่งวัน. ถ้าคุณเป็นคนขี้อิจฉาที่เก็บความรู้สึกไว้กับตัวเองคุณอาจจะไม่ต้องการเคล็ดลับนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้าความอิจฉาได้กลืนกินบุคลิกภาพของคุณและทำให้คุณคิดในแง่ลบมากกว่าที่คุณอยากเป็น ให้พยายามใช้เวลาทั้งวันโดยที่ไม่บ่นเลยสักคำ อย่างไรก็ตามคุณไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ตลอดไปหรอก ถ้าจะรู้สึกรำคาญเกี่ยวกับบางอย่างบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ดังที่ได้กล่าวมาการบ่นวันหนึ่งอาจจะแสดงให้คุณเห็นแค่ว่าคุณอ้าปากพูดเรื่องในแง่ลบบ่อยแค่ไหน ถ้าคุณเงียบไปเกือบทั้งวันคุณอาจจะได้เรียนรู้ประสบการณ์จากสิ่งนี้
    • ถ้าคุณจะลองวิธีนี้ ให้ลองหยุดบ่น “ให้หมด” แม้แต่การบ่นเกี่ยวกับตัวเอง. อย่าทำให้ตัวเองด้อยค่าลง เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอย่างไม่มีความสุข หรือหวังให้สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป
    • คุณอาจจะตระหนักได้ว่าการบ่นของคุณส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างด้วย. ไม่สนุกเลยที่ต้องอยู่ใกล้คนที่มองโลกในแง่ลบอยู่เสมอ การเปลี่ยนทัศนคติของคุณอาจจะเป็นผลให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น
  3. อยู่ให้ห่างจากการรับข้อมูลด้านลบเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์. “การรับข้อมูลด้านลบ” หมายถึงอะไรก็ตามที่หล่อเลี้ยงความอิจฉาของคุณและทำให้คุณปรารถนาสิ่งที่คุณไม่มีและไม่สามารถมีได้ ยิ่งคุณหมกมุ่นมากเท่าไรยิ่งแย่ต่อจิตใจของคุณมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นพยายามอยู่โดยไม่มีมันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ดูว่าคุณรู้สึกดีขึ้นหรือไม่ นี่คือสองสามตัวอย่างของข้อมูลด้านลบ:
    • โฆษณา. ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณดูโฆษณาเสื้อผ้าที่คุณไม่สามารถซื้อได้อยู่เป็นประจำ คุณอาจจะรู้สึกอิจฉาคนเหล่านั้นที่มีเสื้อผ้าสวยๆ โฆษณากำลังทำให้ความอิจฉาของคุณแย่ลง คุณอาจจะต้องหยุดดูโทรทัศน์แล้วก็อ่านนิยายแทนนิตยสารแฟชั่นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
    • โซเชียลมีเดีย. ถ้าคุณรู้สึกเจ็บปวดจากพวกคนขี้โว “แบบถ่อมตัว” ตอนคุณลงชื่อเข้าใช้เฟสบุ๊คแล้วล่ะก็ คุณไม่ได้รู้สึกแบบนี้คนเดียวหรอก ในความเป็นจริงแล้วมีหลายงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการใช้งานเฟสบุ๊คทำให้ความอิจฉาเพิ่มมากขึ้น [11] ถ้าคุณมีแนวโน้มว่าจะใช้เวลาอยู่บนเฟสบุ๊คและเสพโซเซียลมีเดียอื่นนานๆ ให้ปิดไปอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์
  4. ถ้าคุณรู้สึกอิจฉาสิ่งที่ใครๆ มี เตือนตัวเองว่าคุณเองก็ “สามารถ” มีสิ่งนั้นได้เหมือนกัน แต่คุณ “เลือก” ที่จะไม่มี ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยากมีเสื้อผ้าแบรนด์เนมจริงๆ คุณจะยอมเป็นหนี้บัตรเครดิตก้อนโตก็ได้ แต่คุณอาจจะไม่ทำอย่างนั้นเพราะว่าคุณให้คุณค่ากับเครดิตของคุณ ถ้าคุณสร้างทางเลือกที่ฉลาดให้กับตัวเอง (อย่างเช่นการหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้บัตรเครดิต) คุณควรจะรู้สึกภูมิใจกับการตัดสินใจเหล่านั้น [12]
  5. พยายามทำให้ได้วันละห้าคน เพื่อที่คุณจะไม่ได้ชมเชยคนเดิมครั้งแล้วครั้งเล่า ชมเชยแต่ละคนในสิ่งที่คุณชื่นชมจริงๆ เกี่ยวกับคนนั้น อย่าคิดลวกๆ และชมเชยในเรื่องที่ผิวเผินจนเกินไป การใช้เวลาคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณชอบจริงๆ เกี่ยวกับคนอื่นแล้วก็พูดออกมาดังๆ จะช่วยให้จิตใจของคุณอยู่ในด้านบวก คุณจะไม่กังวลเรื่องการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
    • งานวิจัยแนะนำว่าการชมเชยคนที่คุณอิจฉาจะมีประโยชน์ต่อคุณ. หาวิธีที่จะชมเชยคนที่คุณอิจฉาในเรื่องการทำงานหนักและคุณลักษณะอื่นๆ ที่คุณให้ความสำคัญ [13]
  6. ถ้าคุณไม่สามารถดึงจิตใจของคุณออกจากความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณไม่มี ให้ใช้เวลาช่วยเหลือคนที่ไม่ได้มีอะไรมากเลย บางครั้งเราตกอยู่ในร่องจิตที่ทำให้ทุกอย่างเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นว่าเรามีดีแค่ไหน ให้ยาแห่งความเป็นจริงกับตัวเองโดยการเป็นอาสาสมัครที่โรงทานแจกอาหารให้คนจน โรงพยาบาล หรือบ้านสงเคราะห์สัตว์เป็นเวลาหนึ่งวัน [14] ไตร่ตรองประสบการณ์ของคุณในภายหลัง การช่วยเหลือคนอื่นสามารถทำให้คุณเห็นว่าจริงๆ แล้วคุณรวยแค่ไหนและคุณต้องให้พลังบวกกับโลกมากเท่าไร
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ฝืนแรงกระตุ้นที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นให้ดีที่สุด. มุ่งเน้นที่การปรับปรุงตัวเองไม่ใช่การเป็นเหมือนคนอื่น.
  • พยายามคิดให้ความอิจฉาเป็นโอกาสที่จะปรับปรุงตัวเอง ไม่ใช่เป็นเหตุผลที่จะรู้สึกแย่เกี่ยวกับตัวเอง.
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,794 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา