PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณอยากลดน้ำหนักสักเล็กน้อยอย่างรวดเร็วแล้วล่ะก็ คุณก็ควรใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยไม่ว่าคุณจะอยากลดน้ำหนักด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อย่างไรก็ตามคุณสามารถลดน้ำหนักจากน้ำและของเสียที่กักเก็บไว้ในร่างกายได้อย่างปลอดภัย และลดน้ำหนักได้ถึง 2 กิโลกรัมหรือมากกว่านั้นภายใน 1 วัน แต่ระวังว่าวิธีนี้ถ้าทำมากกว่า 1 วันจะไม่ปลอดภัย (นั่นคือคุณไม่สามารถลดน้ำหนัก 6 กิโลกรัมได้อย่างปลอดภัยภายใน 3 วัน) และน้ำหนักที่คุณลดลงได้ภายใน 1 วันก็มักจะกลับมาอย่างรวดเร็ว คุณควรรักษาน้ำหนักตัวที่สมส่วน และการลดน้ำหนักก็ควรทำควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในระยะยาว เช่น การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและออกกำลังกาย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ลดน้ำหนักของน้ำในร่างกาย

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดื่มน้ำเยอะๆ . ร่างกายต้องการน้ำเพื่อให้ทำงานได้เป็นปกติ และถ้าในแต่ละวันคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะกักเก็บน้ำไว้เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดหายไป [1] ถ้าตอนนี้คุณดื่มน้ำไม่ถึงวันละ 2 ลิตร ให้ตั้งเป้าหมายดื่มน้ำให้ได้ปริมาณเท่านี้
    • คุณสามารถดื่มน้ำได้สูงสุดวันละ 4 ลิตร
    • ถ้าปัจจุบันคุณดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรอยู่แล้ว ก็ให้ดื่มเพิ่มอีก 2-3 แก้ว
    • ระวังว่าการดื่มน้ำมากเกินไปจนถึงระดับที่ไม่ดีต่อสุขภาพอาจส่งผลเสียต่อการนอนหลับ รบกวนตารางชีวิตประจำวัน หรือทำให้รู้สึกอึดอัด
    • คุณอาจจะดื่มน้ำผลไม้คั้นแต่น้ำและ ชา เพื่อดื่มน้ำให้ได้ตามเป้าหมายด้วย
  2. คุณสามารถเผาผลาญพลังงานพร้อมทั้งกำจัดน้ำหนักของน้ำและของเสียจากร่างกายมากขึ้นได้ด้วยการออกกำลังกาย
    • เดิน 30 นาทีช่วงพักเที่ยงหรือหลังมื้อเย็น
    • อย่ารับประทานของขบเคี้ยวตอนเย็น เพราะมันจะไปเพิ่มน้ำหนักที่ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้ภายใน 1 วัน
    • ทำงานบ้านที่ต้องออกแรง กวาดบ้านแทนการดูดฝุ่น ย้ายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดและทำความสะอาดข้างใต้ ขัดราวบันได และอื่นๆ
  3. การบริโภคโซเดียมทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากเกินไป และยังทำให้เกิดอาการท้องอืดและไม่สบายตัวอีกด้วย ตั้งเป้าหมายที่จะรับประทานเกลือให้น้อยกว่าวันละ 1,500 มิลลิกรัม [2]
    • วิธีลดโซเดียมที่ง่ายที่สุดก็คือ การตัดอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งออกไปให้หมด ได้แก่ ซีเรียล ขนมอบ ชีส เนื้อสัตว์สำหรับเตรียมมื้อกลางวันแบบเร่งรีบ ผักแช่แข็ง ซุปกระป๋อง ผักหรือถั่วกระป๋อง และขนมปังแผ่น เกลือเป็นทั้งสารกันเสีย (และปรุงรสด้วย) และอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งก็จะมีเกลือเยอะมาก
    • บริโภคอาหารที่ไม่ผ่านหรือแทบไม่ผ่านกระบวนการเลย เช่น ไข่ ข้าวไม่ขัดสี คีนัว ผักสด ผลไม้สด กระเทียม สลัด อาหารทะเลสดๆ ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชที่ไม่เติมเกลือ
  4. แป้งช่วยให้ร่างกายกักเก็บน้ำได้เช่นเดียวกับโซเดียม ถ้าวันนี้คุณไม่รับประทานแป้งเลย ร่างกายของคุณก็จะกักเก็บน้ำที่คุณดื่มเข้าไปได้น้อยลง ในการบริโภคแป้งให้น้อยลงนั้น อาหารที่คุณควรเลี่ยงก็เช่น :
    • พาสต้าและเฟรนช์ฟรายส์
    • ขนมปัง คุกกี้ และเค้ก
    • ข้าวและมันฝรั่งอบ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

กำจัดน้ำหนักจากของเสีย

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ออกกำลังกาย ตอนเช้า. ระบบเผาผลาญและระบบย่อยอาหารจะเริ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า และจะกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้เร็วกว่าด้วย [3] เน้นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอมากเป็นพิเศษ (ไม่ใช่การออกกำลังกายแบบเพิ่มกล้ามเนื้อ) กิจกรรมต่างๆ เช่น วิ่งหรือวิ่งจ็อกกิงจะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานออกไปได้ [4]
    • หลังตื่นนอนให้เดิน วิ่ง หรือออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออื่นๆ สัก 20-30 นาที
    • เข้าฟิตเนสก่อนไปทำงานแทนที่จะเป็นหลังเลิกงาน
    • ระวังอย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยหรือออกกำลังกายมากเกินไปภายในวันเดียวจนถึงระดับที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะการกระตุ้นให้ทางเดินอาหารทำงานนั้นอาศัยแค่การออกกำลังกายเบาๆ ถึงปานกลางเท่านั้น
  2. ใยอาหารจะช่วยให้อาหารไหลผ่านทางเดินอาหารและขับของเสียออกจากลำไส้ใหญ่ [5] เลือกข้าวโอ๊ต คีนัว กรีกโยเกิร์ตไขมันต่ำ ถั่วเปลือกแข็งไม่เติมเกลือ ออมเลตผัก หรือผลไม้ทั้งผล
    • รับประทานมื้อเช้าภายใน 90 นาทีหลังจากตื่นนอน
    • วางแผนรับประทานมื้อเช้าให้อยู่ระหว่าง 300 - 600 แคลอรี่
    • คุณควรบริโภคใยอาหารวันละ 25 - 30 กรัม เพราะฉะนั้นเพิ่มปริมาณการบริโภคให้ได้ระดับนี้
    • ถ้าคุณกำลังมองหามื้อเช้าที่ดีต่อสุขภาพ ลองทำแบบนี้ ปั่นข้าวโอ๊ต โยเกิร์ต และผลไม้เข้าด้วยกันเป็นสมูตตี้ ใส่ผักใบเขียวลงในสมูตตี้ด้วยเพื่อเพิ่มสารอาหาร
  3. ยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติ (อาหารที่เพิ่มการผลิตปัสสาวะและของเสีย) นั้นสามารถช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้ [6]
  4. รับประทานผักและผลไม้ที่เป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติ. วางแผนมื้ออาหารของวันให้เป็นอาหารดังต่อไปนี้ เพื่อช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ทั้งจากการกำจัดน้ำและของเสีย
    • รับประทานผลไม้ เช่น เมลอน แครนเบอร์รี และมะเขือเทศ
    • รับประทานผัก เช่น หน่อไม้ฝรั่ง ขึ้นฉ่าย พาสลีย์ แตงกวา ตะไคร้ ผักกาดหอม กะหล่ำดาว แคร์รอต และบีทรูต
    • จิบชาที่มีส่วนประกอบของใบแดนดิไลออน ชาเขียว และตำแย [7]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารในวันนั้น

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. โพไบโอติกส์คือยีสต์และแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่ที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายของคุณ อาหารที่มีโพรไบโอติกส์ช่วยให้ลำไส้แข็งแรงและทำให้อาหารที่ย่อยแล้วเดินทางผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ [8]
    • กรีกโยเกิร์ตถ้วยเล็กจัดว่ายอดเยี่ยม แต่ดูให้ดีว่ามีโซเดียมต่ำและมีจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิต
    • คุณสามารถเปลี่ยนไปดื่มคอมบูชาแทนโยเกิร์ตก็ได้ คอมบูชาคือชาหมักชนิดหนึ่งที่มีโพรไบโอติกส์ในปริมาณสูง สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสุขภาพทั่วไป
  2. อาจจะฟังดูขัดกับหลักการ แต่จริงๆ แล้วคาร์โบไฮเดรตเพิ่มปริมาณน้ำที่ร่างกายเก็บเอาไว้ [9] คุณสามารถลดน้ำหนักของน้ำในร่างกายได้ด้วยการบริโภคคาร์โบไฮเดรตจากผักและผลไม้อย่างเดียวในวันนั้น
    • รับประทานสลัดแทนแซนด์วิช
    • อย่ารับประทานขนมปัง พาสต้า หรือผลิตภัณฑ์จากธัญพืชขัดสีอื่นๆ
    • งานวิจัยแนะนำว่า การรับประทานอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตต่ำแค่สัปดาห์ละ 3 วันอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยให้คุณลดน้ำหนักลงได้เล็กน้อย และรักษาน้ำหนักตัวให้สมส่วนยิ่งขึ้น [10]
  3. ร่างกายของคุณมีแนวโน้มจะเผาผลาญพลังงานที่ได้รับในช่วงต้นวันได้มากกว่าพลังงานที่ได้รับในช่วงท้ายวัน เพราะฉะนั้นให้บริโภคพลังงานประจำวันเข้าสู่ร่างกายให้มากในช่วงเช้าและบ่ายอ่อนๆ [11]
    • พยายามรับประทานอาหารแต่ละมื้อให้น้อยลงครึ่งหนึ่ง หรืออย่างน้อยก็ลดปริมาณอาหารที่รับประทานในช่วงท้ายของวัน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณยังไม่สามารถกำจัดน้ำหนักของน้ำในร่างกายได้ถึง 2 กิโลกรัม คุณก็สามารถพยายามทำให้เหงื่อออกได้ นั่งในตู้อบซาวนาร้อนๆ หรือห้องอบไอน้ำสัก 20 นาที (จำไว้ว่าวิธีนี้อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกิดผลที่ตามมาชั่วคราว)
  • คุณสามารถรับประทานโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ (โดยเฉพาะไข่ขาว อกไก่ และปลา) ได้ เพราะอาหารเหล่านี้ไม่ได้กระตุ้นการกักเก็บน้ำ [12]
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่างดมื้อเช้า เพราะคุณควรรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อจะดีกว่า นอกจากนี้คุณก็ควรลดอาหารขยะลงด้วย แต่ก็อย่าเลิกรับประทานไปเลย การตามใจปากเป็นครั้งคราวไม่ได้มีผลเสียอะไร แถมยังทำให้คุณไม่สวาปามทีเดียวรวด
  • บางคนคิดว่าการไม่รับประทานอะไรเลยจะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลย สิ่งที่ตรงกันข้ามต่างหากที่เป็นความจริง เวลาที่คุณอดอาหาร ท้ายที่สุดแล้วร่างกายจะเข้าสู่ โหมดอดอาหาร ซึ่งจะกักเก็บสารอาหารทั้งดีและไม่ดีเอาไว้ทั้งหมด เพราะร่างกายของคุณไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้รับอาหารอีก ถ้าคุณต้องการลดน้ำหนัก แค่รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่ประกอบด้วยผักผลไม้สดและโปรตีนก็พอ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 25,292 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา