PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ตั้งเป้าลดน้ำหนักให้ได้ตามที่คิดใน 30 วัน หรือประมาณ 1 เดือน ถือเป็นเรื่องท้าทายที่น่าลอง คุณปรับเปลี่ยนอะไรได้หลายอย่างภายในระยะเวลา 1 เดือนที่ว่า ถ้าทำได้ นอกจากน้ำหนักจะหายไปหลายกิโลแล้ว ยังแข็งแรง ดูดีขึ้นอีกเยอะ แต่ถึงจะเวลาจำกัด ก็ไม่ควรเร่งลดเกิน 0.5 – 1 กิโลกรัมต่ออาทิตย์ หรือประมาณ 3.6 – 4 กิโลกรัมต่อเดือน [1] ลดน้ำหนักฮวบฮาบในเวลาอันสั้นบางทีก็ไม่ปลอดภัย ไม่ควรเร่งลดน้ำหนักแบบนี้บ่อยๆ การตั้งเป้าว่าจะลดให้ได้ 6 กิโลกรัมใน 1 เดือนฟังดูออกจะยาก แต่ถ้าปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและอาหารการกิน รวมถึงออกกำลังกายสม่ำเสมอ ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทำแผนไดเอท

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าอยากลดน้ำหนักให้ได้ ก็ต้องลดแคลอรี่ของอาหารประจำวัน
    • ลดให้ได้ 500 – 750 แคลอรี่ต่อวัน แล้วน้ำหนักคุณจะลดตามอาทิตย์ละประมาณ 0.5 – 1 กิโลกรัม [2] ยิ่งถ้าออกกำลังกายควบคู่กันไป อาจจะลดได้กิโลกว่าๆ เลยทีเดียว แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
    • จดบันทึกอาหารที่กิน หรือใช้เว็บ/แอพบันทึกแคลอรี่ของอาหารประจำวัน จะได้เห็นภาพว่าแต่ละวันคุณกินเข้าไปกี่แคลอรี่ จากนั้นลบด้วย 500 หรือ 750 ก็จะได้แคลอรี่ที่ควรกินหากอยากลดน้ำหนัก
    • แต่อย่ากินน้อยกว่า 1,200 แคลอรี่ต่อวัน ไม่งั้นอาจเป็นอันตราย เพราะไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกายในแต่ละวันอย่างครบถ้วน [3]
  2. โปรตีนเป็นอาหารหมู่ที่สำคัญมากสำหรับคนลดน้ำหนัก โดยเฉพาะคนที่อยากลดน้ำหนักแบบเร็วทันใจ
    • ทุกมื้ออาหารของคุณควรมีโปรตีน เขาวิจัยกันมาแล้วว่าจะทำให้คุณอิ่มนานกว่า แม้ไม่ต้องกินเยอะ [4]
    • ถ้าอยากกินโปรตีนแบบช่วยลดน้ำหนัก ต้องให้แต่ละมื้อ (รวมมื้อของว่าง) มีโปรตีนอย่างน้อย 1 serving (1 หน่วยบริโภค) คือประมาณ 75 – 120 กรัม หรือ 3 – 4.5 ออนซ์ [5] ถ้ากินโปรตีนตลอดวัน จะช่วยให้อิ่มนาน ไม่หิวบ่อย [6]
    • เลือกกินแต่ lean protein หรือโปรตีนไขมันต่ำ เพราะแคลอรี่จะต่ำตาม เช่น เนื้อไก่ขาวไม่เอาหนัง เนื้อหมูไม่ติดมัน อาหารทะเล ถั่วต่างๆ เต้าหู้ นมพร่องมันเนย และไข่
  3. ผักผลไม้สำคัญมากสำหรับคนที่กำลังไดเอท แต่ละมื้อหรือระหว่างมื้ออย่าขาดผักผลไม้เชียว
  4. เพราะมีสารอาหารครบถ้วนกว่าเยอะเลย ธัญพืชขัดสีก็เช่น แป้งสาลี ขนมปังขาว ข้าวขาว เป็นต้น เลือกกินธัญพืชโฮลเกรนแบบไม่ขัดสีดีกว่าเยอะ [10]
  5. ดื่มน้ำแล้วดีต่อสุขภาพ ช่วยให้น้ำหนักลงเร็วด้วย
    • หลายงานวิจัยชี้ว่าถ้าคุณดื่มน้ำน้อยไปจนร่างกายขาดน้ำ ร่างกายจะส่งสัญญาณไปยังสมอง ทำให้รู้สึกเหมือนหิวอยู่ตลอด [14] เลยทำให้หลายคนกินแหลก ทั้งๆ ที่จริงๆ แค่หิวน้ำเท่านั้น
    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ นอกจากช่วยให้อิ่มนานแล้ว ยังลดการกินขนมนมเนยที่จะเพิ่มแคลอรี่ให้คุณแบบไม่รู้ตัว
    • ดื่มน้ำและเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีประโยชน์ให้ได้วันละอย่างน้อย 2 ลิตร หรือก็คือ 8 แก้ว (แก้วละ 8 ออนซ์) นั่นเอง [15] นอกจากน้ำเปล่าแล้ว จะดื่มน้ำรสผลไม้จางๆ หรือชา/กาแฟคาเฟอีนต่ำน้ำตาลน้อยด้วยก็ได้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ออกกำลังกายและเปลี่ยนวิถีชีวิต

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. มี 2 อย่างที่ช่วยคุณลดน้ำหนักอย่างเห็นผล คือควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พยายามออกแรงให้ได้ทุกวัน รับรองแป๊บเดียวเห็นผล [16]
    • สุดยอดการออกกำลังกายเพื่อ "เบิร์น" หรือเผาผลาญแคลอรี่ ก็คือคาร์ดิโอ (cardio) ให้คุณออกกำลังกายหนักปานกลางประมาณอาทิตย์ละ 150 นาที หรือออกกำลังกายหนักๆ อาทิตย์ละ 75 นาที [17]
    • เสริมด้วยการเล่นเวท (strength training) อีก 1 - 2 วันต่ออาทิตย์ [18] ถึงจะเผาผลาญแคลอรี่ได้ไม่มากเท่าคาร์ดิโอ แต่ช่วยเรื่องระบบเผาผลาญของร่างกายในระยะยาว เพราะกล้ามเนื้อจะดึงไขมันมาใช้ให้หมดไป แม้กระทั่งตอนคุณนอน [19]
    • เดินให้เยอะๆ ในแต่ละวัน ขยับตัวเคลื่อนไหวไปมาให้มากที่สุด เพื่อเผาผลาญแคลอรี่เพิ่มเติมตลอดวัน อาจจะจอดรถไกลที่หมายออกไปหน่อย เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ และยืนให้มากกว่านั่ง
  2. ถึงจะเป็นช่วงสั้นแค่ 30 วัน แต่ถ้านอนไม่พอ ก็ลดน้ำหนักได้ยาก ถ้านอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอทุกวัน ก็จะเห็นผลกว่าแน่นอน
    • ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทั้งหลายแนะนำให้ผู้ใหญ่นอนอย่างน้อยวันละ 7 - 9 ชั่วโมง [20] พยายามปรับเปลี่ยนการนอนของคุณ เช่น เข้านอนเร็วขึ้น และทำบรรยากาศให้น่านอน
    • บางงานวิจัยชี้ว่าเวลาคุณนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะลดน้ำหนักได้ยาก เพราะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้หิวบ่อย จนอยากกินแต่ของอ้วนๆ มันๆ หนักแป้ง [21]
    • ที่สำคัญคือถ้าพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้เหนื่อย เพลีย เลยไม่ค่อยอยากออกกำลังกายหรือกินอาหารตามที่วางแผนไว้
  3. ผ่อนคลายความเครียด . ก็เหมือนการนอนนั่นแหละ ถ้าเครียดจัดต่อเนื่องยาวนาน จะทำให้ลดน้ำหนักยากน่าดู โดยเฉพาะคนที่ตั้งเป้าจะลดด่วนใน 30 วัน
    • เครียดแล้วส่งผลใหญ่หลวงต่อความสามารถในการลดน้ำหนักของคุณ กระทั่งเครียดเล็กเครียดน้อยประจำวันก็ทำให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลของร่างกายสูงขึ้นแล้ว ซึ่งนี่แหละฮอร์โมนที่เกี่ยวพันกับความเครียดโดยตรง นอกจากลดได้ยากแล้ว ยังทำให้หิวหนักกว่าเดิมอีกต่างหาก [22]
    • นอกจากนี้ เครียดแล้วยังทำคุณเหนื่อยล้าได้ง่าย สุดท้ายเลยทนกินอาหารและออกกำลังกายตามตารางที่วางไว้ไม่ไหว ชีวิตที่อุตส่าห์ดีมีคุณภาพเลยกลับไปเป็นแบบเดิมๆ
    • พยายามหากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด เช่น นั่งสมาธิ ฟังเพลง คุยกับเพื่อนหรือคนรู้ใจ ไม่ก็ออกไปเดินเล่น เป็นต้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ปรับทัศนคติ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในช่วง 30 วันนี้ จะดีกว่าถ้าคุณจดบันทึกรายละเอียดการลดน้ำหนักของคุณไว้ เช่น อาหารที่กินเข้าไป การออกกำลังกาย และความคืบหน้าในแต่ละวัน รวมถึงอุปสรรคและความสำเร็จต่างๆ ใน 30 วันนี้
    • เวลาพยายามลดให้ได้ 6 กิโลกรัมใน 30 วัน บางทีคุณอาจพบว่าตัวเองทำไม่ได้ตามเป้าเป๊ะๆ เมื่อครบกำหนด ซึ่งก็ไม่เป็นไร ถ้าจดบันทึกความสำเร็จและแผนการออกกำลังกายไว้แล้ว จะทำต่อไปจนสำเร็จตามเป้าก็ได้
    • จดอาหารที่กินไปในแต่ละวัน รวมถึงปริมาณและแคลอรี่ จะเป็นประโยชน์ต่อการไดเอทมาก โดยเฉพาะถ้าจะลดต่อไปหลังครบกำหนด จะทำให้รู้ว่าอะไรที่ได้ผลและไม่ได้ผล
    • จะคอมเม้นท์ไว้ด้วยก็ได้ ว่าการออกกำลังกายแบบไหนที่ได้ผลและไม่ได้ผลสำหรับคุณ
    • อาจจะบันทึกแคลอรี่และการออกกำลังกายไว้ในเว็บหรือแอพในมือถือก็ได้
  2. บางทีแผนการไดเอทก็เข้มงวดซะจนทำตามตลอดรอดฝั่งได้ยาก คุณต้องพยายามจับจ้องไปที่เส้นชัยไว้ แล้วหาทางกระตุ้นตัวเองเพิ่มเป็นระยะ
    • อาจจะหาคำคมหรือเรื่องราวของคนที่เขาแปลงโฉมตัวเองสำเร็จมาเขียนไว้อ่านเป็นกำลังใจในบันทึกไดเอทของคุณ หรือเขียนใส่ post-it ไปแปะที่ประตูตู้เย็น ที่โต๊ะทำงาน หรือที่หัวเตียงก็ดี
    • ถามใจตัวเอง ทำไมคุณถึงอยากผอม เพราะอยากใส่กางเกงไซส์เล็กลงหรือเปล่า? อยากมีความมั่นใจมากขึ้น? หรืออยากหายจากโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่? ให้เขียนเหตุผลเหล่านี้ออกมาให้เห็นเด่นชัด จะได้เตือนใจให้สู้ต่อไป
    • ถ้าเจออุปสรรคหรือท้อแท้สับสน ให้อ่านคำคม เรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ หรือเป้าหมายเตือนใจตัวเองที่เขียนไว้ จะได้รู้สึกดีขึ้นและไม่หลุดออกนอกเส้นทาง
  3. ไม่ว่าจะด้วยเพื่อนฝูง ครอบครัว หรือบันทึกไดเอท รวมถึงตาชั่ง ลดน้ำหนักแล้วต้องหมั่นติดตามผล ว่าคุณผอมลงบ้างหรือยัง [23]
    • ป่าวประกาศให้เพื่อนๆ และครอบครัวได้รู้ ว่าคุณจะลดน้ำหนักใน 30 วัน เป็นทั้งการเรียกกำลังใจและกดดันตัวเองไปในตัว ถ้าคุณไม่เป็นฝ่ายบอก เขาก็จะคอยเช็คเป็นระยะแน่นอน ว่าคุณผอมลงบ้างไหม
    • ชั่งน้ำหนักเป็นประจำให้ได้รู้ความคืบหน้า แถมทำให้ลดได้มากกว่าในระยะยาว แต่ก็อย่าชั่งเช้าชั่งเย็น แค่อาทิตย์ละ 1 - 2 ครั้งก็พอ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ปรึกษาคุณหมอประจำตัวก่อนเริ่มเปลี่ยนอาหารหรือออกกำลังกายหนักๆ จะได้รู้ว่าปลอดภัยและเหมาะสมไหมกับสภาพร่างกายของคุณ
  • 30 วันนี้เอาให้สุด พวกปาร์ตี้ หมูกระทะ หรือบุฟเฟ่ต์วันเกิดน่ะอดใจไว้ก่อน เห็นผลแล้วหายเหนื่อยแน่นอน
  • ชากาแฟหวานๆ เน้นครีม หรือแอลกอฮอล์ (ถ้าดื่ม) น่ะหักดิบเลย 1 เดือน พวกนี้แหละแคลอรี่แฝงที่คุณไม่ค่อยรู้ (หรือรู้แล้วอยากทำเป็นลืม) ถ้ากาแฟดำเพียวๆ นี่พอได้ เพราะไม่มีแคลอรี่ แถมผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่าการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอื่นๆ 2 ครั้งต่อวัน จะช่วยกระตุ้นให้ลดน้ำหนักดีกว่าเดิม [24]
  • อย่าบ้าลดน้ำหนักไม่ลืมหูลืมตา เพราะจะทำให้เครียด เสียสุขภาพแทน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 13,402 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา