ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
การถูกพ่อแม่ดุอาจจะเป็นเรื่องที่น่ากลัว เป็นการคุกคาม หรืออาจจะแค่เป็นเรื่องที่น่ารำคาญ แต่ไม่ว่าคุณจะทำสิ่งที่สมควรโดนดุหรือไม่ก็ตาม การรับฟังสิ่งที่พวกเขาพูดเป็นสิ่งที่สำคัญ พยายามใจเย็นพอที่จะ “ไม่” สวนพวกเขากลับไป และตอบโต้ด้วยวิธีที่จะไม่ทำให้โดนดุอีกในภายหลัง ขั้นตอนในบทความนี้จะช่วยให้คุณรับมือกับการถูกดุอย่างถูกต้อง
ขั้นตอน
-
เข้าใจว่าเดี๋ยวพ่อแม่ก็เลิกดุ. คุณอาจจะรู้สึกว่าพ่อแม่ดุคุณ 2-3 ชั่วโมงติดกัน แต่ถ้าคุณลองมองนาฬิกาดีๆ คุณจะเห็นว่ามีพ่อแม่ไม่กี่คนที่จะอดทนดุลูกนานขนาดนั้นได้ ถ้าคุณรับมือกับการถูกดุได้อย่างเหมาะสม เดี๋ยวพ่อแม่ก็เลิกดุไปเอง
- การโดนดุจะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณนั้นแข็งแกร่งพอที่จะอดทนต่อการโดนดุเป็นเวลานานได้
-
อย่าเถียง ร้องไห้ หรือพึมพำขณะที่กำลังโดนดุ. พยายามเงียบเข้าไว้ ถ้าคุณพูดแทรกขึ้นมา พ่อแม่ของคุณอาจจะโกรธได้แม้คุณจะพูดอย่างสุภาพก็ตาม ส่วนใหญ่พวกเขาจะคิดว่าคุณกำลังเถียง ทำตัวหยาบคาย หรืออกตัญญู
-
หายใจ. จดจ่ออยู่กับความรู้สึกเมื่อถูกดุ คุณอาจจะรู้สึกเครียดและเสียใจ ถ้าเป็นอย่างนั้น ให้หายใจเข้าลึกๆ การหายใจเป็นจังหวะจะช่วยให้คุณใจเย็นลงและสงบขึ้น
- หายใจเข้าอย่างน้อย 4 จังหวะและหายใจออกให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ อากาศที่คุณหายใจเข้าไปนั้นจะไหลผ่านท้องและทำให้ช่องท้องขยายออก [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Harvard Medical School ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ฟังให้ผ่านๆ ไป. บางครั้งการทำหูทวนลมก็เป็นวิธีที่ดีที่ทำให้คุณไม่เก็บเรื่องที่ถูกดุเอาไว้ในใจ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง สิ่งที่สำคัญก็คือคุณไม่ควรเก็บเรื่องพวกนี้เอาไว้ในใจของคุณ เพราะพวกเขาอาจจะโมโหกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จากการจัดการกับเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ความผิดของคุณ
- วิธีที่ดีที่สุดในการทำหูทวนลมเวลาถูกดุอยู่นั้นก็คือการจดจ่ออยู่กับใบหน้าของพ่อแม่ สังเกตรายละเอียดบนใบหน้าและความเครียดที่เกิดขึ้นจากการที่พวกเขาดุคุณ
- การมองเห็นถึงความไม่พอใจและความเหนื่อยหน่ายที่พวกเขาเผชิญอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ดีกว่าการมานั่งหาเหตุผลในสิ่งที่พวกเขากำลังพูดอยู่
- ด้วยวิธีนี้ คุณจะคิดได้ว่า แม้ว่าคุณเป็นคนเดียวที่ถูกดุ แต่พ่อแม่ของคุณก็กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจจะเกิดจากความเครียดที่คุณไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรง
-
ทำความดีตอบแทน. ยกตัวอย่างเช่น นำน้ำให้พวกเขาดื่มสักแก้วถ้าพ่อแม่หิวน้ำ ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนผิด การทำแบบนี้จะช่วยให้พวกเขารู้สึกผิดว่าการดุคุณนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
-
ฟังอย่างเดียว. ดูให้ดีว่าคุณไม่ได้ใจลอยโดยสิ้นเชิงขณะที่ฟังอยู่ เพราะคุณจะไม่รู้ว่าทำไมพ่อแม่ของคุณถึงอารมณ์เสีย ถ้าการดุนั้นลดระดับลงจนสามารถพูดแทรกได้ ให้พยายามทวนสิ่งที่พวกเขาพูดเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังฟังอยู่ ประโยชน์ที่จะได้ก็คือพ่อแม่ของคุณจะมีโอกาสได้ฟังสิ่งที่พวกเขาพูดสะท้อนกลับไปยังตัวพวกเขา [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ EDIS ไปที่แหล่งข้อมูล
- ส่งสัญญาณให้พ่อแม่รู้ว่าคุณกำลังฟัง เช่น พยักหน้า เลิกคิ้ว หรือพูดว่า “หนู/ผมเข้าใจว่าพ่อแม่ต้องการอะไร”
- พยายามจับใจความสำคัญที่ช่วยบอกคุณว่าพ่อแม่ไม่พอใจเรื่องอะไร ถ้าพวกเขาดุคุณเกี่ยวกับเหตุการณ์เฉพาะ ให้ลองหารายละเอียดที่พวกเขาไม่สบายใจ ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน ให้ลองเลือกจุดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลานั้นทั้งหมด
-
คิดก่อนตอบโต้. [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สวนพวกเขากลับ ขว้างปาสิ่งของ หรือปิดประตูเสียงดัง รู้ไว้ว่าการตอบโต้ที่รุนแรงจะทำให้ความเครียดเพิ่มขึ้น และทำให้พ่อแม่ดุคุณไม่เลิกและยิ่งรุนแรงขึ้น พ่อแม่ของคุณอาจจะโกรธด้วยเหตุผลเดียวหรืออาจจะมีเหตุผลอื่นๆ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายผิด แต่การดุนั้นเป็นสัญญาณของความไม่พอใจและเป็นเหมือนสิ่งที่พวกเขาต้องการให้คุณรับฟัง ดังนั้นการตอบโต้ด้วยความรุนแรงจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าคุณไม่เข้าใจ แล้วพวกเขาจะยิ่งดุด่าคุณรุนแรงยิ่งขึ้นในภายภาคหน้า
- บางครั้งพ่อแม่ก็อาจจะคิดว่าการส่งสัญญาณแสดงการคัดค้าน (เช่น กลอกตา ประชด หรือล้อเลียน) เป็นเหมือนการแสดงความก้าวร้าว [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ดังนั้นควรคิดให้ดีก่อนทำ
- คิดถึงปฏิกิริยาที่พ่อแม่ของคุณรับไม่ได้จากครั้งก่อนๆ แม้ว่าคุณอาจจะอยากสวนกลับไปเพื่อให้พวกเขารู้สึกอึดอัดและด้อยกว่าคุณ แต่ “อย่าทำ” พฤติกรรมที่คุณรู้ว่าจะทำให้พวกเขาโกรธมากกว่าเดิม
-
ออกจากห้องอย่างสุภาพถ้าการดุดูจะมากเกินไป. ถ้าคุณโดนดุอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดที่คุณไม่สามารถตอบโต้หรือใจเย็นได้อีกต่อไป ให้ลองตัดสินใจออกจากห้องดู [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ขอให้พวกเขาพูดต่อในภายหลัง และอธิบายสั้นๆ ว่าคุณคิดอะไรไม่ออกระหว่างที่โดนดุ พยายามอย่ากล่าวโทษพ่อแม่โดยการพูดว่า “ผม/หนูรำคาญและหงุดหงิดเวลาโดนพ่อแม่ดุ”
- พูดอย่างอื่นแทน เช่น “ผม/หนูอยากจะจัดการปัญหานี้นะ แต่ผม/หนูไม่มีสมาธิพอที่จะคิดอะไรออกได้ในตอนนี้ ผม/หนูอยากจะขอกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อคิดให้ดีก่อน”
- การปลีกตัวออกจากห้องอาจจะทำได้ยาก เพราะพ่อแม่บางคนอาจจะคิดว่าเป็นสัญญาณแสดงความไม่เคารพ พยายามพูดให้ชัดเจนว่าคุณอยากจะจัดการกับปัญหานี้ในภายหลัง
- หลีกเลี่ยงการแนะนำว่าพ่อแม่ต้องใจเย็นลงก่อน เพราะการทำแบบนี้จะทำให้พวกเขาคิดว่าคุณหยาบคาย
โฆษณา
-
อย่าขอโทษถ้าคุณไม่ผิด. รักษาจุดยืนของตัวเอง ถ้าคุณขอโทษเมื่อคุณไม่ได้ผิด นั่นอาจจะเป็นการไม่ให้ความเป็นธรรมกับตัวเอง ถ้าคุณรู้ว่าคุณไม่ได้ผิดแต่รู้สึกผิดเพราะทำให้พ่อแม่โกรธ การพูดว่า “พ่อ/แม่ หนู/ผมขอโทษที่ทำให้โกรธ และหวังว่าพ่อ/แม่จะรู้สึกดีขึ้นนะ” ก็เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในหลายๆ สถานการณ์
- การวางแผนระบายความเครียดด้วยการทำกิจกรรมที่คุณทำได้ก็เป็นตัวช่วยที่ดี คุณอาจจะทำความสะอาดห้องของตัวเองหรือออกไปวิ่งแถวๆ หมู่บ้านก็ได้
-
ตอบโต้. พยายามแสดงท่าทีนิ่งๆ สุภาพ และควบคุมน้ำเสียงให้คงที่ อย่าประชดประชันหรือแสดงอาการโมโห เพราะพ่อแม่ของคุณอาจจะคิดว่าคุณกำลังต่อต้านหรือทำตัวก้าวร้าว [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง นอกจากนี้หลีกเลี่ยงการออกความเห็นหรือวิจารณ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่ถูกดุ คุณจะทำได้ก็ต่อเมื่อคุณใจเย็นลงแล้ว
- ลองใช้ประโยคง่ายๆ ในการยืนยัน เช่น “ผม/หนูเข้าใจแล้ว” หรือ “ผม/หนูรู้แล้ว”
- ถ้าคุณไม่เห็นด้วยหรือไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูดก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะพูดถึงได้เมื่อทุกคนใจเย็นพอที่จะใช้เหตุผล
-
ยอมรับความรู้สึกของพวกเขา. ทำให้พ่อแม่ของคุณรู้ว่าคุณสัมผัสได้ว่าพวกเขาไม่พอใจกับสิ่งที่คุณทำ แม้ว่าคุณจะไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดในเรื่องอะไรก็ตาม อย่าพยายามปฏิเสธความจริงที่ว่าพ่อแม่ของคุณนั้นอารมณ์เสียอยู่ ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร การรับรู้ความรู้สึกของพ่อแม่ไม่ได้เกี่ยวกับว่าพวกเขาผิดหรือถูก [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ขอโทษเมื่อคุณผิด จริงใจเข้าไว้ ถ้าคุณผิดจริง การแสดงความรู้สึกผิดกับสิ่งที่คุณทำเป็นเรื่องที่ดี
-
หาวิธีปรองดอง. ถามพ่อแม่ของคุณว่าคุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อแก้ไขสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าถ้าคุณไม่ได้ผิด ให้รักษาจุดยืนของตัวเองเอาไว้ [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะพบวิธีแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้แน่ใจว่าพ่อแม่ของคุณจะไม่อารมณ์เสียจนพาลไปดุเรื่องอื่นๆ อีก
- ยิ่งคุณสามารถแก้ปัญหาได้มากเท่าใด สถานการณ์ก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ถ้าคุณคิดว่าพ่อแม่ไม่น่าจะเข้าใจสิ่งที่คุณพูด ให้เขียนลงกระดาษแทน คุณต้องกำจัดอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ออกไปเสียก่อน คุณจะได้ไม่เผลอขึ้นเสียงใส่พ่อแม่ในภายหลัง
-
พูดคุยถึงความรู้สึกของคุณ. เมื่อคุณและพ่อแม่นั้นใจเย็นลงแล้ว ลองแสดงความคิดในมุมมองของคุณออกมา ใช้น้ำเสียงที่ชัดเจนและสุภาพ บอกกับพวกเขาว่าทำไมคุณถึงทำสิ่งนั้นลงไป ยิ่งคุณสามารถอธิบายความคิดและความรู้สึกในตอนนั้นได้ชัดเจนเท่าไหร่ พ่อแม่ของคุณจะยิ่งเข้าใจและให้อภัยคุณได้มากเท่านั้น
- อย่าพยายามโน้มน้าวพวกเขาว่าคุณไม่ผิด เพราะจะยิ่งทำให้พวกเขาโกรธมากยิ่งขึ้น หากสิ่งที่คุณทำลงไปนั้นไม่มีเหตุผลรองรับ ให้คุณอธิบายให้พ่อแม่ฟังว่า ตอนนั้นคุณเข้าใจสิ่งที่ตัวเองทำลงไปอย่างไร และตอนนี้คุณเข้าใจอย่างไร
- คุณอาจจะใช้โอกาสนี้ในการบอกให้พวกเขารู้ว่าคุณรู้สึกแย่กับการโดนดุ อธิบายไปว่าการถูกดุนั้นทำให้คุณรู้สึกอย่างไรและทำให้คุณไม่สามารถสื่อสารกับพ่อแม่ได้
-
ขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกถึงอันตรายจากการโดนดุ. ดูเหมือนว่าพ่อแม่ของคุณไม่ใจเย็นลงเลยใช่ไหม พวกเขาเคยโกรธจนคุมตัวเองไม่อยู่หรือเคยใช้ความรุนแรงหรือไม่ ถ้าคุณสัมผัสได้ว่าการดุครั้งนี้ทวีความรุนแรงไปถึงการทำร้ายร่างกาย อย่าลังเลที่จะติดต่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน ถ้าคุณเป็นอันตรายโดยทันทีทันใด คุณสามารถแจ้งตำรวจได้ [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ US Office on Women's Health ไปที่แหล่งข้อมูล
- มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก เปิดบริการเพื่อคุ้มครองสิทธิเด็กในประเทศไทย มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเด็กตลอด 24 ชั่วโมง คุณสามารถติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-412-0739
โฆษณา
เคล็ดลับ
- พูดคุยกับครูแนะแนวถ้าคุณถูกพ่อแม่ดุบ่อยเกินไป การถูกดุอาจส่งผลเสียต่อตัวคุณหากคุณต้องฟังเป็นประจำ และบางครั้งอาจทำให้เด็กเกิดภาวะซึมเศร้าได้ [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- พยายามมองโลกในหลายๆ มุมมอง คิดถึงปัจจัยอื่นๆ ในชีวิตของพ่อแม่ว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาอยากจะดุคุณ คิดเสียว่าคุณช่วยพวกเขาระบายความเครียด และคิดไว้ว่าคุณนั้นไม่ได้เป็นต้นเหตุแต่อย่างใด
- พยายามให้อภัย ถ้าคุณและพวกเขาตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ปัญหาก็จะสามารถแก้ไขได้โดยง่าย
- อย่ายึดมั่นถือมั่นจนไม่ยอมประนีประนอมหรือยอมแพ้พ่อแม่ เพราะบางครั้งการทำแบบนี้ก็ดีกว่าการพยายามต่อรองที่พ่อแม่อาจจะยิ่งดุและทำให้เรื่องวุ่นวายมากยิ่งขึ้น
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.health.harvard.edu/mind-and-mood/relaxation-techniques-breath-control-helps-quell-errant-stress-response
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/communication-success/201409/how-successfully-handle-aggressive-and-controlling-people
- ↑ http://edis.ifas.ufl.edu/pdffiles/he/he36100.pdf
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/communication-success/201409/how-successfully-handle-aggressive-and-controlling-people
- ↑ http://www.healthguidance.org/entry/15845/1/Psychology-of-Sarcasm--Dealing-With-Sarcastic-People.html
- ↑ http://psychcentral.com/blog/archives/2011/07/08/how-to-calm-down-after-a-fight/
- ↑ http://ucsfhr.ucsf.edu/index.php/pubs/hrguidearticle/chapter-15-conflict-resolution/
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/the-happiness-project/201102/make-people-happier-acknowledging-theyre-not-feeling-happy
- ↑ http://psychcentral.com/blog/archives/2012/07/26/how-to-switch-off-an-angry-person/
- ↑ http://www.womenshealth.gov/violence-against-women/types-of-violence/domestic-intimate-partner-violence.html# b
- ↑ http://www.washingtonpost.com/lifestyle/on-parenting/study-says-yelling-as-harmful-as-spanking-in-disciplining-kids-so-what-should-parents-do/2013/10/01/dcb01b74-1bf1-11e3-8685-5021e0c41964_story.html
โฆษณา