PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณต้องใช้เวลาจำนวนไม่น้อยอยู่บนรถในการขับไปทำงานหรือเที่ยวเล่น ก็มีโอกาสที่จะได้พบเจออารมณ์หงุดหงิดขณะขับรถหรือที่เรียกว่าโทสะบนถนน (road rage) [1] โทสะบนถนนเกิดขึ้นเมื่อคุณอารมณ์เสียจนขาดสติในสถานการณ์ที่ข้องเกี่ยวกับการจราจรและจะแสดงพฤติกรรมเช่น ทำกิริยาท่าทางที่หยาบคายหรือกวนโทสะ ตะโกน สบถด่าและขับรถจี้ท้าย [2] มันยังรวมไปถึงการหยุดรถแล้วลงเดินไปตะโกนด่าผู้ขับขี่คนอื่น ในบางกรณีอาจรวมถึงการเกิดความรุนแรงทางร่างกายซึ่งคุณคงอยากที่จะหลีกเลี่ยง การเรียนรู้วิธีสงบสติอารมณ์และในขณะเดียวกันก็รู้จักผ่อนโทสะของผู้ขับขี่คนอื่นให้เบาลง จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุและเหตุการณ์ความรุนแรงบนท้องถนนได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

สงบนิ่งเมื่อต้องเจอความหงุดหงิดบนท้องถนน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. สัญญาณชัดเจนที่สุดของอารมณ์โกรธมักเป็นอาการทางร่างกายที่ปะทุขึ้นมาหลังเกิดเหตุ (อย่างน้ำเสียง ภาษา และท่าทาง) แต่ด้วยการฝึกฝนแล้ว คุณสามารถเรียนรู้สัญญาณเตือนของอารมณ์โกรธเวลาที่คุณตรวจสอบจิตใจของตนเอง [3]
    • สัญญาณทั่วไปของอารมณ์โกรธนั้นรวมไปถึงการเกิดความคิดกราดเกรี้ยวหรือเจ้าคิดเจ้าแค้น เกร็งกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ หรือหัวใจเต้นเร็วขึ้น
    • ถ้าคุณพบตัวเองกำลังพูดเสียงดังถึงผู้ขับขี่คนอื่น (แม้กระทั่งตอนขับรถตามลำพัง) อารมณ์โกรธของคุณอาจกำลังเริ่มปะทุ
    • โดยการรู้สึกตัวตอนที่อารมณ์โกรธจะเริ่มปะทุขึ้นนั้น คุณก็สามารถป้องกันอารมณ์คุกรุ่นนี้ไม่ให้กลายสภาพเป็นการฉุนขาดหรือบันดาลโทสะ
  2. ถ้ากำลังพบว่าเริ่มโมโห ทางที่ดีควรขับรถไปจอดข้างทางก่อน (ถ้าหากสามารถทำได้อย่างปลอดภัย) ขับออกจากทางหลักหรือเบนออกไปบนไหล่ทาง (เหมือนเดิมคือต้องทำได้อย่างปลอดภัย) และหาที่จอดพักรถ ใช้เวลาสักสองสามนาทีรวบรวมสติและสงบใจก่อนกลับไปบนถนน [4]
    • ฝึกหายใจเข้าแรงๆ หรือทำสมาธิเพื่อสงบสติอารมณ์หลังเริ่มรู้สึกโกรธ
    • จำไว้ว่าการขับรถในขณะที่รู้สึกโมโหนั้นจะทำให้ทั้งตัวคุณและคนอื่นเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ถึงแม้ว่าคุณจะยังไม่บันดาลโทสะบนท้องถนนอย่างเต็มที่ แต่อารมณ์โมโหนั้นอาจทำให้คุณขับรถอย่างไม่ระมัดระวังและเสี่ยงอย่างไม่จำเป็น
  3. ใช้วิธีการฝึกสูดลมหายใจลึกๆ จะช่วยคุณสงบอารมณ์ลงได้และกลับมารู้ตนเมื่อรู้สึกโมโหหรือเครียด การสูดลมหายใจลึกๆ นั้นง่ายและใช้ได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งยังทำได้แม้ต้องขับรถหรือจอดอยู่ [5]
    • สูดลมหายใจช้าๆ เข้ากระบังลมไปเฮือกใหญ่ๆ ในช่วงระยะเวลาห้าวินาที ให้แน่ใจว่าคุณกำลังหายใจเข้าไปในกระบังลม (ใต้ซี่โครง) กับหน้าท้องแทนที่จะแค่หายใจเฮือกสั้นๆ เข้าไปในอก
    • หายใจค้างไว้ราวห้าวินาที
    • หายใจออกช้าๆ ในช่วงระยะเวลาห้าวินาที
  4. วิธีที่ดีในการผ่อนคลายเวลาเริ่มมีน้ำโหคือการฟังเพลงที่เบาสบาย (ถ้าคุณสามารถทำได้โดยไม่รู้สึกวอกแวก) เพลงสามารถช่วยให้คุณสงบลงและเพ่งความคิดไปที่การไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย [6]
    • ลองหาซีดีเพลงจังหวะสบายๆ ไว้ใกล้มือในรถ หรือตั้งสถานีวิทยุไว้ตรงสถานีเพลงเบาๆ เมื่อเป็นเช่นนี้คุณจะได้เล่นเพลงโดยไม่ละสายตาไปจากท้องถนน
    • ลองค้นหาดูว่าเพลงชนิดไหนที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายที่สุด ลองแจ๊ส โอลดี้ หรือดนตรีคลาสสิคสำหรับท่วงทำนองที่ไม่เร่งเร้าและรู้สึกผ่อนคลาย
    • หลีกเลี่ยงการฟังเพลงจังหวะเร็ว เร่งเร้าหรือยั่วยุอารมณ์กราดเกรี้ยวในขณะขับรถ
  5. คุณอาจเคยเห็นคนในครอบครัวหรือตัวละครในหนังนับเลขในใจเพื่อหลีกเลี่ยงอาการโกรธ มันเป็นเคล็ดลับเก่าแก่ที่ช่วยทำให้สงบลงและป้องกันอาการเดือดแตก และมันอาจช่วยคุณได้ในช่วงที่โมโห [7]
    • นับเลขขึ้นไปเรื่อยๆ สักหนึ่งนาที ถ้าคุณเพ่งอยู่ที่ลมหายใจและเบี่ยงเบนความสนใจมาอยู่ที่การนับเลข คุณจะเลิกคิดถึงคนที่ทำผิดใส่คุณและค่อยๆ เย็นลงได้ในที่สุด
    • ถ้าอารมณ์ยังไม่ดีขึ้นหลังจากหนึ่งนาที ให้ลองนับต่อไปอีกหนึ่งนาที กุญแจสำคัญอยู่ที่การห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องที่ทำให้โมโหนานพอให้อารมณ์โกรธนั้นผ่านไป
  6. โยคะมือเป็นการยืดเหยียดกลุ่มกล้ามเนื้อที่ฝ่ามือ มันอาจฟังดูพิลึก แต่สำหรับบางคนแล้วนี่เป็นวิธีคลายเครียดที่วิเศษไปเลย เพียงให้แน่ใจว่าละมือจากพวงมาลัยก็ต่อเมื่อรถจอดนิ่งสนิทหรือตอนหยุดไฟแดง [8]
    • กางนิ้วออกและเหยียดฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • ค้างท่านี้ไว้สักสองสามวินาที แล้วค่อยปล่อยมือ
    • งอนิ้วแต่ละนิ้วไปยังฝ่ามือแล้วใช้นิ้วโป้งดันเบาๆ ทำค้างไว้แล้วค่อยปล่อย
    • สะบัดข้อมือและงอแต่ละข้อนิ้วเพื่อ "เขย่า" กล้ามเนื้อกับข้อต่อ
  7. ถ้ามีใครมาขับรถตัดหน้าหรือขับช้าเกินไป ปฏิกิริยาแรกของคุณอาจจะเป็นการกดแตร ตะโกน สบถ หรือใช้ท่าทางหยาบคาย มันอาจจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นในแทบจะทันที แต่มันจะไปยั่วยุผู้ขับขี่อีกคนนั้นแน่นอน และอาจลงเอยด้วยการขับขี่ไล่บี้กันทั้งคู่ก็ได้
    • หลีกเลี่ยงการแสดงท่าทางยั่วโทสะ อย่างการบีบแตร เปิดไฟสูง หรือชูนิ้วกลางใส่ ทั้งหมดนี้อาจส่งผลให้เกิดการตอบโต้ที่รุนแรงได้ [9]
    • พยายามหลีกเลี่ยงแม้กระทั่งการตะโกนหรือกรีดเสียง ถ้าคุณตะโกนด่าคำหยาบใส่คนขับอีกคนและหน้าต่างรถเปิดอยู่นั้น มีโอกาสที่คนขับคนนั้นจะได้ยินเสียงคุณและตอบโต้กลับ
  8. คนบางคนจะรู้สึกอยากขับรถจี้ท้ายเวลาที่โดนขับปาดหน้าหรือโดนคนขับคนอื่น "ทำผิด" ใส่ นี่เป็นการกระทำที่เสี่ยงอันตรายมาก การจี้ท้ายเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ และมันอาจไปกระตุ้นจุดเดือดของคนขับรถอีกคัน [10]
    • ใช้กฎสี่วินาที เวลาที่รถคันข้างหน้าคุณขับผ่านป้ายจราจรหรือเสาไฟฟ้า ให้เริ่มนับและผ่อนคันเร่งลงจนคุณไม่ได้ขับผ่านจุดเดียวกันจนกระทั่งสี่วินาทีต่อมาเป็นอย่างต่ำ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

รักษาความปลอดภัยเวลาที่ผู้อื่นกำลังฉุนเฉียว

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้ามีใครมาขับปาดหน้าคุณ กดแตรใส่ ตะโกน หรือเปิดไฟสูงใส่คุณ คุณอาจรู้สึกกลัวหรือเป็นกังวล สิ่งสำคัญคือพยายามนิ่งเอาไว้ และทำทุกวิถีทางที่จะขับรถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
    • ให้เก็บงำอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ในระหว่างที่คนอื่นกำลังโมโห [11]
    • ตระหนักว่าคุณรู้สึกอย่างไร และขับอย่างระมัดระวังที่สุด
    • พยายามทำให้ตัวเองสบายขึ้นเพื่อให้อารมณ์ผ่อนคลาย เปิดแอร์ให้เย็นขึ้น หรือปรับตำแหน่งเบาะนั่ง (ถ้าคุณทำได้อย่างปลอดภัย) เพื่อจะนั่งในรถได้สบายขึ้น
    • จำไว้ว่าถึงท้ายที่สุดแล้ว มันก็แค่สภาพการจราจร การขับขี่ที่เลวร้ายของคนอื่นไม่สมควรจะมาทำลายวันดีๆ ของคุณ แต่ถ้าคุณโมโหขึ้นมาด้วย มันอาจทำลายชีวิตคุณได้
  2. ถ้ามีใครแสดงสัญญาณหาเรื่องขึ้นมา ไม่ว่าจะบีบแตร เปิดไฟสูงใส่ หรือขับมาอย่างโมโห ให้แน่ใจว่าคุณไม่ไปปะทะสายตาด้วย ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการปะทะสายตากับคนที่ขับมาอย่างโมโหนั้นจะถูกมองจากคนนั้นว่าเป็นสัญญาณของการหาเรื่อง และอาจขับพุ่งเข้ามาหาคุณได้ [12]
    • ให้สัญญาณว่ารถอีกคันนั้นสามารถแซงคุณขึ้นไปได้เลย (ถ้าเขาพยายามแซงคุณอยู่)
    • ใช้สายตาจับจ้องมองถนนข้างหน้า อย่าแม้แต่จะชายตามองไปที่ทิศทางของรถอีกคันนั้น
  3. ถ้ามีใครแสดงพฤติกรรมหาเรื่อง ทางที่ดีก็ปล่อยให้คนๆ นั้นขับแซงไปตามทางของเขาเลย ถ้าคนนั้นขับอยู่ข้างหน้าคุณ คุณจะสามารถมองเห็นเขาเพื่อย้ำความปลอดภัยได้ [13] กระนั้น ถ้าเขาอยู่ข้างหลัง เขาอาจขับตามคุณหรือพยายามทำให้เรื่องบานปลายอีกได้ [14]
    • ถ้าเจ้าคนขับแบบหาเรื่องต้องการจะแซงคุณ ปล่อยให้แซงไปเลย
    • ไม่ว่าเมื่อใดที่มีคนอยากตัดเข้ามาในเลนของคุณ ปล่อยเขาไป (ถ้าคุณทำได้อย่างปลอดภัย)
    • พยายามหลีกเลี่ยงการเบรคทันทีโดยการจับจ้องมองทางตลอดเวลาและเหลียวมองสองข้างทางผ่านๆ เพื่อดูว่ามีโอกาสเกิดอันตรายอะไรบ้างไหม
    • อย่าขับจี้ท้ายรถคันอื่น
    • หลีกเลี่ยงการกีดขวางการจราจร ด้วยมันอาจทำให้รถคันอื่นโมโหหรือขาดความอดกลั้น
  4. เวลาที่มีรถมาตัดหน้า เปลี่ยนเลนโดยไม่ให้สัญญาณ ขับเบนมาหาคุณ หรือทำกิริยาที่มองได้ว่าหาเรื่อง คุณอาจสันนิษฐานว่าไอ้หมอนั่นกำลังกวนใส่คุณ อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่ารถคันนั้นแค่ทำผิดพลาด เขาอาจมองไม่เห็นคุณ หรืออาจเกิดเรื่องฉุกเฉินในครอบครัวเขา เขาอาจกำลังดิ่งไปโรงพยาบาล และไม่ได้จะมาหาเรื่องคุณสักหน่อย [15]
    • จำไว้ว่าคนเรามันทำผิดพลาดกันได้ แม้กระทั่งหลังพวงมาลัย คุณเองก็อาจเคยทำไปบ้างเหมือนกัน
    • บางครั้งสถานการณ์ที่ร้ายแรงอย่างการกำลังอยู่ในอาการแย่หรือเพิ่งได้ข่าวสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไปอาจทำให้คนแสดงกิริยาออกมาในแบบที่เจ้าตัวเองก็ยังคาดไม่ถึงได้
    • ก่อนที่คุณจะเหมาว่าไอ้รถคันนี้ขับกวนและจะกดแตรใส่หรือแสดงอาการหยาบคายไป จำไว้ว่าไอ้หมอนั่นอาจกำลังเจอเรื่องที่คุณนึกไม่ถึงก็เป็นได้
  5. ถ้ามีบางคนขับรถไล่ตามและมั่นใจว่าเขามีเจตนาหาเรื่อง อย่าขับกลับบ้านหรือไปที่ทำงาน นั่นจะทำให้คุณกลายเป็นเป้าหมายตกอยู่ในอันตรายเอาได้ง่ายๆ กับการที่ปล่อยให้คนขับรถคันนั้นทราบที่อยู่หรือที่ทำงานของคุณ ทางที่ดีหาสถานที่ปลอดภัยแบบที่มีคนอยู่มากมาย หรือที่ๆ คุณรู้ว่ามีตำรวจให้ความช่วยเหลือคุณได้ [16]
    • ล็อคประตูและปิดหน้าต่าง อย่าออกไปนอกรถ ไม่ว่าเจ้าคนขับรถคันนั้นจะพยายามยั่วยุอย่างไรก็ตาม
    • เมื่อใดที่มีคนขับรถตามคุณ ให้เบี่ยงออกนอกเส้นทางหาจุดที่ปลอดภัย ไม่ว่าคุณจะสายขนาดไหน
    • ขับรถไปที่สถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด ถ้ามีรถขับตามโดยส่อเจตนาว่าจะหาเรื่อง เขาต้องคิดทบทวนถ้าหมายจะทำหน้าโรงพัก
    • หากคุณขับไปสถานีตำรวจไม่ได้ ลองหาที่ชุมชนชนิดที่มีคนคับคั่งแล้วโทรศัพท์แจ้งตำรวจ
    • คุณควรหลีกเลี่ยงการโทรศัพท์ขณะขับรถเสมอ แต่ถ้ามีรถขับตาม คุณจำเป็นต้องโทรศัพท์แจ้งตำรวจก่อนที่จะคิดหยุดรถ
  6. ในช่วงเวลาวิกฤตินั้น มันช่างน่ายั่วยวนนักถ้าคิดจะตอบโต้การหาเรื่องด้วยอารมณ์โกรธของคุณ อย่างไรก็ดี มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงหรอก มีคนตั้งมากมายที่บาดเจ็บหรือสูญเสียชีวิตจากการไปตอบโต้โทสะกันกลางถนน จำไว้ว่าการตอบโต้โทสะด้วยโทสะมีแต่เป็นการเติมเชื้อไฟเข้ากองเพลิง
    • ลองหารูปคนที่คุณรักมาติดไว้ตรงคอนโซล มันจะช่วยเตือนสติคุณว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้างถ้าเกิดต้องถูกจับหรือถูกฆ่าโดยความรุนแรงจากอารมณ์ฉุนขาดของคนอื่น [17]
    • จำไว้ว่าพฤติกรรมหาเรื่องนั้นสามารถนำไปสู่การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของคุณ หรือไม่ก็การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของคนอื่น มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงเลย [18]
    • การขับรถไม่ใช่การประกวดแข่งขัน คุณและคนอื่นๆ บนท้องถนนล้วนต่างต้องการจะขับถึงที่หมายไปหาคนที่รักอย่างปลอดภัยทั้งนั้น [19]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การป้องกันอารมณ์โทสะบนท้องถนนของคุณเอง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณต้องขับรถออกจากบ้านหรือที่ทำงานด้วยอารมณ์โกรธ ขุ่นมัว หรือกระทั่งอารมณ์เศร้าเสียใจ มีทางเป็นไปได้ว่าสภาพการจราจรเล็กน้อยก็มีสิทธิทำคุณสติแตก วิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันการบันดาลโทสะบนท้องถนนของตัวคุณเองก็คือรอจนกระทั่งอารมณ์สงบพอที่จะขับรถโดยไม่รู้สึกมีอารมณ์ใดๆ ตกค้าง [20]
    • ก่อนสตาร์ทเครื่อง ให้ตรวจสอบสภาพจิตและสภาวะอารมณ์คร่าวๆ
    • ถามตัวเองว่ามีเรื่องราวใดที่กระทบอารมณ์เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้หรือเปล่า ถ้ากำลังออกจากบ้าน นั่นอาจหมายถึงการมีปากเสียงกับแฟนหรือเพื่อนบ้าน ถ้ากำลังออกจากที่ทำงาน ก็อาจหมายถึงเหตุการณ์ความเป็นไปได้จำนวนมาก
    • ประเมินว่าคุณรับมือกับสารพัดความเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างวันอย่างไร คิดถึงเวลาใดก็ตามที่คุณรู้สึกหงุดหงิดคนอื่น อารมณ์เสีย หรือโมโหคนอื่น
    • หาทางสงบอารมณ์ก่อนขับรถ ถ้าสามารถออกไปเดินเล่นสั้นๆ เพื่อให้จิตแจ่มใส ก็ลองทำดู ถ้าทำไม่ได้ให้ลองนั่งในรถแล้วทำสมาธิสักสองสามนาทีจนกระทั่งคุณรู้สึกสงบนิ่งขึ้น
  2. การศึกษาพบว่าการรู้สึกอ่อนเพลียมากเกินไปสามารถนำไปสู่การควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ซึ่งมันมีผลขยายตัวออกไปเวลาอยู่หลังพวงมาลัย นอกเหนือจากการได้พักผ่อนมาเต็มที่จนตื่นตัวแล้ว ยังเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องขับด้วยจิตแจ่มใสเสมอ เพราะแอลกอฮอล์จะลดการยับยั้งชั่งใจและอาจนำคุณให้รู้สึกโกรธหรือชวนทะเลาะวิวาท (ยังไม่นับความสามารถในการขับรถที่ต้องลดถอยลงไป) [21]
    • ลองหาขนมขบเคี้ยวมาวางติดมือในรถ เพราะความหิวบางทีก็ทำให้คนขับใจร้อนเกิดอารมณ์เสียได้ [22]
    • การขับรถโดยได้พักผ่อนมาเต็มที่ มีอะไรอยู่ท้อง และไม่เมา ถือเป็นการขับรถอย่างปลอดภัยที่สุด
  3. ถ้าคุณกำลังมุ่งหน้าไปสถานที่สำคัญ ให้เวลาเผื่อรถติดสักหน่อย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเครียดเวลาติดแหง็กอยู่บนถนน ซึ่งจะทำให้คุณมีสิทธิบันดาลพฤติกรรมโทสะบนท้องถนนได้ [23]
    • คุณน่าจะรู้ว่าควรออกมาก่อนเวลาพอที่จะจัดการเวลาที่ใช้เดินทางได้ทัน โดยคาดล่วงหน้าเผื่อไว้ว่าการจราจรอาจมีปัญหา
    • ตรวจสอบรายงานสภาพการจราจรในขณะนั้นกับทางสถานีวิทยุจราจร รายงานตำรวจ หรือข่าว มันอาจจะมีอุบัติเหตุหรือการซ่อมทางที่คุณอาจไม่รู้ก็เป็นได้
    • เว็บไซต์ของกรมการขนส่งบางแห่งสามารถคำนวนเวลาที่ใช้เดินทางได้ด้วย เครื่องคำนวนเวลานี้จะถามว่าคุณออกมาจากที่ไหน กำลังมุ่งหน้าไปทางใด และคุณจำเป็นต้องถึงจุดหมายเมื่อไหร่ จากนั้นมันจะประเมินผลกับรายงานข่าวสภาพการจราจรที่เกี่ยวข้องล่าสุด [24]
  4. ถ้าคุณอาศัยอยู่ในเขตชนบท บางทีอาจถูกจำกัดในตัวเลือกของการเดินทาง แต่หากคุณอาศัยอยู่ในหรือใกล้เขตเมือง คุณอาจสามารถค้นหาเส้นทางเลี่ยงสภาพการจราจรที่รออยู่ข้างหน้าได้
    • ถ้าคุณเดินทางโดยมีคนติดรถมาด้วยอย่างน้อยหนึ่งคน คุณอาจสามารถเข้าไปใช้เลนคาร์พูลได้ อย่างไรก็ดี บางที่นั้นต้องมีผู้โดยสารอย่างน้อยสามคนถึงจะเข้าไปใช้ได้ [25]
    • หลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วน ทั้งนี้อาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละเมือง แต่ทั่วไปแล้วก็จะรถติดหนักสุดในช่วงระหว่าง 7:00 ถึง 10:00 นาฬิกาและจาก 16:00 ถึง 20:00 นาฬิกา [26]
    • ดาวน์โหลดแอพการจราจรมาใช้ มันจะช่วยตรวจหาเส้นทางรถติดและปรับเส้นทางใหม่ให้คุณทันที แค่ให้แน่ใจว่าได้ตั้งค่าไว้ก่อนขับ เพราะการขับไปตั้งค่าโทรศัพท์มือถือไปนั้นเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ
  5. วิธีที่แน่นอนที่สุดในการป้องกันการบันดาลโทสะบนท้องถนนก็คือหลีกเลี่ยงการขับขี่เองเลย ถ้าคุณอาศัยอยู่ในหรือใกล้เขตเมือง เป็นไปได้ว่าคุณสามารถใช้ระบบการขนส่งสาธารณะ ถึงแม้จะไม่ได้อาศัยในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์คที่มีระบบรถไฟฟ้า แต่เมืองใหญ่ก็น่าจะมีเส้นทางรถเมล์หรือรถไฟรางเบา [27]
    • การใช้ขนส่งสาธารณะจะทำให้ไม่เกิดความเครียดระหว่างการเดินทาง คุณสามารถอ่านหนังสือหรือฟังเพลงหรือแค่นั่งเหม่อลอยไปในระหว่างที่คนขับรับมือกับสภาพการจราจรแทน
    • ขนส่งสาธารณะส่วนใหญ่มีราคาไม่สูงนัก และเมื่อเปรียบเทียบกับค่าน้ำมันหรือค่าที่จอดรถแล้ว การใช้รถเมล์หรือรถไฟฟ้านั้นอาจถูกกว่าการขับรถเสียอีก
    • ถึงแม้ระบบขนส่งสาธารณะในเมืองที่คุณอยู่จะไม่ได้ผ่านหน้าบ้านคุณ คุณยังสามารถเดินหรือถีบจักรยานไปยังสถานีหรือป้ายที่ใกล้ที่สุดได้ บางที่อาจจะมีอาคารจอดแล้วจรซึ่งคุณสามารถขับไปจอดยังสถานีที่ใกล้ที่สุดได้
    • ตรวจสอบทางเลือกของขนส่งสาธารณะโดยการค้นหาข้อมูลระบบรถเมล์หรือรถไฟในเมืองที่คุณอาศัย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จงทำตัวเป็นผู้ใหญ่ในสถานการณ์ต่างๆ
  • ถ้าคนขับที่โมโหเริ่มขับรถตามคุณหรือโยนอะไรใส่รถคุณ ให้นิ่งไว้และโทรแจ้งตำรวจหรือตำรวจทางหลวง พยายามจดจำรายละเอียดของรถคันนั้น ตัวคนขับรถและแผ่นป้ายทะเบียน (ถ้าเป็นไปได้) เพื่อรายงานต่อตำรวจ
  • ถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะขับรถแบบกราดเกรี้ยวและเกิดโทสะบนท้องถนน ลองคิดถึงการไปขอคำปรึกษาในเรื่องการรับมือกับอารมณ์โมโหของตนเองก่อนที่มันจะสร้างปัญหาร้ายแรงไปกว่านี้
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณมีเด็กอยู่ในรถด้วย พยายามเลี่ยงการใช้ภาษาหยาบคายหรือกิริยาที่ไม่สุภาพ จำไว้ว่าพวกเขาจะจดจำท่าทางและจะแสดงพฤติกรรมตามคุณ
  • โทสะบนท้องถนนไม่เคยปลอดภัย พยายามสงบนิ่งไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไง
  • อดกลั้นการอยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับผู้ขับขี่ที่อยู่ในอารมณ์โกรธ การโบกไม้โบกมือหรือกระทั่งการส่งยิ้มอย่างจริงใจให้อาจถูกมองว่าเป็นการเย้ยหยันหรือประชดประชัน ซึ่งยิ่งทวีความโกรธของเขาขึ้นไปอีก
  • สายตาจับจ้องมองทางตลอด การผละสายตาออกไปแม้ชั่วเสี้ยววินาทีก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือไปสร้างความระคายเคืองแก่คนขับเลือดร้อนได้แล้ว
  • อย่าหยุดรถเพื่อเผชิญหน้ากับใคร ให้หมุนกระจกขึ้นและล็อคประตูไว้ มุ่งไปที่สถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดหรือสถานที่มีคนอยู่พลุกพล่าน ในระหว่างทางให้ขับไปนิ่งๆ และถ้าเป็นไปได้ก็ให้เลี้ยวซ้ายไปอย่างน้อยสี่ครั้ง เจ้ารถคันที่ตามมาคงจะยอมโบกธงขาวเพราะคุณกำลังขับรถวนเป็นวงกลม


โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • เพลงจังหวะสบายๆ
  • ภาพของคนที่รักหรือสถานที่รัก
  • แอร์ถ้าอากาศร้อน และฮีตเตอร์ถ้าอากาศหนาว (การคงอุณหภูมิที่เหมาะสมไว้จะช่วยให้ใจเย็นขึ้น)
  • GPS เพื่อช่วยหาเส้นทางที่ปลอดภัยและลัดที่สุดในการเดินทางสู่จุดหมาย


เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,472 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา