PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

บางทีก็อยากจะตัดสิน ว่าเด็กๆ วัยไหนควร หรือไม่ควรแต่งหน้า ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตไปอีกวัยของลูก หรือเป็นวัยใส มัธยมศึกษาตอนต้นหรือตอนปลาย ที่อยากมีสไตล์ ตามเทรนด์ฮิตให้ทัน ก็คงสงสัยว่าแต่งหน้าแค่ไหนถึงสวยสมวัย บทความวิกิฮาวนี้ได้รวบรวมคำตอบของคำถามยอดนิยม รวมถึงเคล็ดลับการแต่งหน้าสำหรับวัยใสมาให้แล้ว อ่านได้ทั้งคุณพ่อคุณแม่ และคุณลูกเลย

Question 1 ของ 5:

เด็กๆ มักเริ่มสนใจการแต่งหน้าเมื่อเข้าวัยไหน?

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เด็กๆ มักสนใจการแต่งหน้าเมื่อเข้ามัธยมต้น หรืออายุได้ประมาณ 11 - 13 ปี. [1] พอเข้าวัยนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กๆ จะอยากทำอะไรเหมือนที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน [2] แต่ก็ไม่ใช่คุณคนเดียวแน่นอน ที่แอบกังวลว่าอายุ 11 - 13 นั้นเด็กเกินไปที่จะเริ่มแต่งหน้าหรือเปล่า เพราะมีพ่อแม่หลายบ้านเหมือนกัน ที่ไม่ยอมให้ลูกแต่งหน้า จนกว่าจะอายุ 14 ปีขึ้นไป [3] สุดท้ายแล้วขึ้นอยู่กับว่าอะไรที่ใช่และเหมาะสมกับวิถีชีวิตและสถานการณ์ของบ้านคุณที่สุดนั่นเอง
  2. ถ้าเพื่อนๆ คนอื่นเขาแต่งหน้ากัน ก็อาจมีแรงกดดันบ้าง แต่ขอให้บอกลูกว่าเอาที่สบายใจดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าเพราะกลัวแปลกแยกหรือเอาใจคนอื่น แทนที่จะเน้นที่รูปร่างหน้าตา ให้ลูกหากิจกรรมสนุกๆ ฝึกฝนทักษะต่างๆ หาตัวเองให้เจอว่าชอบทำอะไรจริงๆ แล้วคอยเป็นกำลังใจให้จะดีกว่า [5] และอย่าลืมสนับสนุนให้ลูกมองร่างกายตัวเองในแง่ดี ภูมิใจในตัวเอง [6]
    • ชมเรื่องที่ลูกทำได้ดี (หรือพยายามทำแล้ว) โดยพูดประมาณว่า “วันนี้ซักผ้าเองด้วย เก่งมาก แม่ชอบเสื้อหนูตัวสีเหลืองจัง เป็นสไตล์หนูเลย”
    • แทนที่จะมองตัวเองลบๆ ต่อหน้าลูก มาชวนกันภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองดีกว่า
    • เช่น พูดประมาณว่า “ถึงใครจะว่าแม่ขาใหญ่ สะโพกหนา แต่เพราะแบบนี้ตอนหนูเด็กๆ แม่ถึงอุ้มหนูเที่ยวได้ทั้งวัน! แล้วที่แม่มีตีนกาเยอะ ก็เพราะหนูทำให้แม่ยิ้ม แม่หัวเราะ ได้ทั้งวันไง”
    โฆษณา
Question 2 ของ 5:

เด็กๆ แต่งหน้าได้ไหม อันตรายหรือเปล่า?

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. พูดถึงเรื่องสุขภาพ ถ้าแต่งหน้าถูกวิธี ก็ไม่ทำร้ายผิวลูก. [7] แนะนำให้อ่านและศึกษาแต่ละส่วนผสมก่อนลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพราะไม่ควรมี kohl, talc, BHA (butylated hydroxyanisole), urea, sulfates และ phthalates ทั้งหมดนี้เป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ แถมเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งด้วย [8]
    • การที่ลูกสนใจการแต่งหน้า ก็ดีตรงที่จะได้ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มี SPF และหัดดูแลสุขอนามัยของตัวเอง
  2. ด้านจิตวิทยา การแต่งหน้าก็ไม่ถือว่าอันตรายต่อเด็ก. พ่อแม่ ผู้ปกครอง อาจกังวลว่าลูกแต่งหน้าแล้วจะหมกมุ่นแต่กับรูปร่างหน้าตาตัวเอง หลายคนอาจถึงขั้นมองการแต่งหน้าแค่ในมุม "ขาว-ดำ" ไปเลย แต่ขอให้ทดลองกันไปแบบเปิดใจ จะได้ไม่กลายเป็นการสนับสนุนให้สนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาตัวเองมากไป แต่ก็ไม่ตั้งแง่ว่าการแต่งหน้าแบบไหนไม่ดี [9]
    • ถึงจะยังไม่ค่อยมีงานวิจัยเชิงลึกเรื่องการแต่งหน้าในเด็ก แต่บางงานวิจัยก็ชี้ว่าแต่งหน้าแล้วช่วยให้คนเรามั่นใจขึ้นได้เหมือนกัน [10]
    • ถ้าลูกๆ เริ่มแสดงว่ามีปัญหาด้านภาพลักษณ์ ลองหาเวลาเปิดใจคุยกัน ว่าสมัยนี้ความสวยความงามตามธรรมชาติ มันถูกบิดเบือนไปมากขนาดไหน เพราะปัจจัยทางสังคม โซเชียลมีเดีย และการตัดต่อแต่งรูปจนเกินจริง [11]
    • แต่ถ้ามีปัญหาที่คุยกันไม่ตก หรือเริ่มจะลามไปปัญหาอื่น อาจจะพาลูกไปพบจิตแพทย์หรือนักบำบัดก็ได้ ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือน่ากลัว
    โฆษณา
Question 3 ของ 5:

ลูกอยากแต่งหน้า คุยกันยังไงให้รู้เรื่อง?

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ให้ลูกรู้สึกว่าคุณพร้อมจะตอบทุกคำถาม ทุกความกังวลเรื่องแต่งหน้า เพราะการที่ด่วนตัดสินเรื่องที่ลูกแต่งหน้า อาจทำร้ายจิตใจลูก จนลูกเสียความมั่นใจในตัวเอง กลายเป็นฝังหัวผิดๆ จนลูกอาจไปวิจารณ์รูปร่างหน้าตาใครแรงๆ ได้ [12]
    • ลองถามไปตรงๆ เลย ว่าทำไมลูกถึงอยากแต่งหน้าขึ้นมา ถือเป็นการเริ่มบทสนทนาได้น่าสนใจ!
    • อาจจะพูดประมาณว่า "แม่อยากรู้จัง ว่าทำไมหนูอยากลองแต่งหน้า?”
    • ถ้าลูกไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาตัวเอง ต้องทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่ต้องแต่งหน้าก็ดูดีได้ถ้ามั่นใจ
    • อาจจะพูดประมาณว่า “แต่งหน้าออกมาได้ขนาดนั้น หนูมีความคิดสร้างสรรค์มากเลย แต่ถึงไม่แต่งหนูก็น่ารักมากอยู่ดี”
  2. ให้ลูกเรียนรู้ไปพร้อมกับคุณ ว่าสารเคมีต่างๆ ในเครื่องสำอาง มีประโยชน์และโทษอะไรบ้าง ที่อันตรายก็เช่น phthalates และ parabens ลองมานั่งอ่านฉลากผลิตภัณฑ์กัน ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง ให้ลูกรู้ว่าผลิตภัณฑ์ oil-free (ไม่ผสมน้ำมัน) และ non-acnegenic (ไม่ก่อให้เกิดสิว) คือยังไง ดีกว่ายังไง โดยเฉพาะถ้าลูกรูขุมขนอุดตันง่าย [13] นอกจากแต่งหน้าแล้ว ก็ต้องรู้จักล้างหน้าให้สะอาด ไม่ให้เหลือเครื่องสำอางตอนเข้านอน [14]
    • ให้ลูกเห็นว่าคุณดูแลสุขอนามัยของตัวเองยังไง
    • ให้ลูกล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มแต่งหน้า ผลิตภัณฑ์ที่เก่าแล้วหรือหมดอายุ ก็ต้องทิ้งไป จะได้ไม่เสี่ยงติดเชื้อ อย่าลืม ล้างแปรงแต่งหน้า และฟองน้ำที่ใช้เกลี่ยเครื่องสำอางให้สะอาด
    • เน้นเรื่องอย่าใช้เครื่องสำอางและแปรงแต่งหน้าร่วมกับใคร [15]
    • ให้ลูกบอกทันทีถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ไหนแล้วคัน หรือมีอาการแพ้ขึ้นมา
    • สำรวจผิวหน้าลูกเป็นระยะ ว่ามีอาการผิดปกติอะไรหรือเปล่า!
  3. เปิดใจพร้อมกำหนดขอบเขต ว่าแต่งหน้าได้มากแค่ไหน. ก็เหมือนตอนดูแลลูกเรื่องใช้โซเชียลมีเดีย เรื่องเวลากลับบ้าน และเรื่องช่วยงานบ้าน ทุกอย่างควรมีข้อตกลงร่วมกัน ที่โอเคสำหรับทั้งคุณและลูก เริ่มจากคุยกันให้เข้าใจว่าอะไรใช้ได้ รวมถึงลุคการแต่งหน้า ว่าลุคไหนสมวัย ลุคไหนโตไปหน่อย [16] ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างแนวทางที่คุณสามารถนำไปปรับใช้กับบ้านคุณได้
    • ถ้าเป็นเด็กก่อนวัยรุ่น และเพิ่งแตกเนื้อสาว ลองใช้มอยส์เจอไรเซอร์แบบมีสีนิดๆ ได้ รวมถึงลิปทินต์หรือลิปกลอสสีอ่อนๆ และดินสอเขียนคิ้ว หรือครีมเขียนคิ้ว พวกรองพื้นหนาๆ กับลิปสติกสีเข้มสด อย่าเพิ่งให้ลอง [17]
    • ถ้าเป็นเด็กอายุ 12 - 13 ปี อาจจะให้ใช้คอนซีลเลอร์กลบสิวและรอยสิว อายแชโดว์ อายไลน์เนอร์ แป้งคุมมัน และมาสคาร่าสีอ่อนเนื้อบางได้
    • ถ้าเป็นวัยรุ่น อาจจะให้ใช้รองพื้นแบบปกปิดดีเป็นพิเศษ รวมถึงบรอนเซอร์/ไฮไลท์ บลัชออน กับลิปสติกได้
    • ถ้าลูกอยากได้ลุคแรงขึ้นอีกหน่อย ก็ให้เน้นที่ดวงตาหรือริมฝีปาก อย่างใดอย่างหนึ่ง อย่าเข้มทั้ง 2 จุด จะได้ไม่เยอะเกินไป [18]
    • สัญญากับลูก ว่าจะสะกิดกันเวลาแต่งหน้าจัดเกินไป
    • อาจจะพูดประมาณว่า “แม่ไม่ห้ามหนูแต่งหน้าหลายๆ ลุค แต่ไว้จะบอก เวลารู้สึกว่าแต่งหน้าจัดหรือดูโตไปหน่อย นอกนั้นก็แล้วแต่หนูเลย หนูแต่งหน้าสวยดี แม่เชื่อมือ”
    โฆษณา
Question 4 ของ 5:

วัยใสอยากแต่งหน้า คุยกับพ่อแม่ยังไงดี?

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. บอกพ่อแม่ ผู้ปกครองไปเลย ว่าอยากลองแต่งหน้า จะโอเคไหม ครั้งแรกแน่นอนว่าต้องมีกังวลบ้าง แต่ถึงสุดท้ายพ่อแม่จะ "เซย์โน" พอเราโตขึ้นอีกหน่อย ก็ไม่ "โน" ตลอดไปแน่นอน! คุยกันเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ตกลงกันได้ [19]
    • “แม่คะ หนูอยากปรึกษาแม่เรื่องหนูอยากลองแต่งหน้า แม่ว่างไหมคะ?”
    • “พ่อคะ หนูอยากบอกว่าหนูอยากลองแต่งหน้า พ่อจะโอเคไหม?”
  2. เราอาจจะรู้สึกว่าการแต่งหน้าเหมือนงานศิลปะ เหมือนช่องทางให้ได้แสดงออกถึงตัวตน หรือสไตล์ของตัวเอง หรือไม่ค่อยพอใจเรื่องผิวหน้าของตัวเอง (แต่บอกเลย วัยนี้ผิวหน้าสดใส น่าอิจฉาที่สุด) อีกทีคือเห็นว่าการแต่งหน้ามันน่าสนุกดี อยากลองแค่นั้น! ขอแค่บอกความในใจไปตรงๆ พ่อแม่ ผู้ปกครองจะได้มองมุมเดียวกัน เข้าใจกันในที่สุด [20]
    • “ปกติหนูมาทางศิลปะอยู่แล้ว หนูเห็นว่าแต่งหน้ามันก็สายอาร์ท หนูเลยอยากลองดู”
    • “หนูคิดว่าถ้าหนูได้ลองแต่งหน้าแล้วน่าจะมั่นใจขึ้นค่ะ” [21]
  3. ให้พ่อแม่รู้ว่าเราโตพอ มีความรับผิดชอบ เพราะการแต่งหน้าก็คล้ายๆ กับจะเป็นกิจกรรมของคนโตๆ ถ้าพูดทำนองรบเร้าหรือบ่นๆ หน่อย อาจจะไม่ค่อยได้ผล ถ้าสุดท้ายพ่อแม่ฟังแล้วยัง "ไม่โอเค" อาจจะมีหงุดหงิด ไม่พอใจบ้าง ก็ขอให้ทำใจไปก่อน ชวนคุยบ่อยๆ เดี๋ยวไม่นานก็น่าจะเข้าใจกันดีกว่านี้ [22]
    • ถ้าเราไม่โอเค อาจจะพูดประมาณว่า “แต่หนูมองแบบนี้นะคะ หนูว่า…”
    • อธิบายมุมของเรา โดยบอกว่าเราก็เข้าใจมุมของพ่อแม่ ประมาณว่า “หนูเข้าใจเลยค่ะ ว่า…” หรือ “หนูรู้ว่าพ่อกับแม่เป็นห่วง หนูแค่จะบอกว่า…”
    โฆษณา
Question 5 ของ 5:

วัยใสอยากหัดแต่งหน้า แต่งแบบไหนดี?

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกลุค “น้อยแต่มาก” ถ้าเป็นมือใหม่หัดแต่ง. จะได้พอรู้พื้นฐานการแต่งหน้า แถมพ่อแม่เห็นแล้วสบายตา สบายใจ เพราะสวยสมวัย พอเราโตขึ้นอีกหน่อย หรืออยากลองแต่งหน้าลุคอื่น ก็ค่อยทดลองกันไป [23]
    • แทนที่จะใช้รองพื้น ลองมอยส์เจอไรเซอร์แบบ tinted หรือมีสีพอประมาณ อย่าลืมเลือกที่มี SPF จะได้ปกป้องผิวจากแสงแดด และช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
    • ถึงจะแต่งหน้า แต่ถ้าต้องออกไปไหน หรือวันที่แดดแรงๆ ก็ต้องใช้ครีมกันแดดอยู่ดี [24]
    • ลองทาลิปกลอสสีอ่อน หรือใช้ทินต์ก็ดี เพราะใช้ทาแก้มได้ด้วย [25]
    • ถ้าอยากขนตายาวงอน ลองใช้ที่ดัดขนตาแทนมาสคาร่าหนาเตอะ แถมไม่ต้องกรีดตาด้วยอายไลน์เนอร์ให้กลัวเลอะ [26]

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,866 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา