ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ถ้าคุณประสบปัญหาถุงใต้ตาบวมและดำคล้ำอยู่บ่อยๆ คุณอาจจะต้องลองวิธีการรักษาระยะยาวเพื่อจัดการปัญหาพื้นฐานและกำจัดมันได้อย่างถาวร โชคดีที่มีกลวิธีระยะสั้นหลายอย่างที่สามารถลด กำจัด หรือซ่อนถุงใต้ตาได้ชั่วคราวภายในสองสามชั่วโมงหรือสองสามวัน ถึงแม้ว่าวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้จะไม่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็อาจจะช่วยได้ถ้าคุณจำเป็นต้องกำจัดดวงตาที่บวมอย่างเร่งด่วน
ขั้นตอน
-
ใช้ประคบเย็น. แช่ผ้าขนหนูนุ่มๆ และสะอาดในน้ำเย็น เมื่อชุ่มแล้วให้บิดน้ำออก ค่อยๆ กดผ้าขนหนูใต้และรอบดวงตา ให้แน่ใจว่าครอบคลุมบริเวณถุงใต้ตาทั้งหมด ทำต่อไปประมาณ 5 นาที [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ทำเช่นนี้ในขณะที่นั่งตัวตรงเพื่อกระตุ้นให้ของเหลวที่รวมตัวอยู่ใต้ดวงตาระบายออกไป
- การประคบเย็น และเทคนิคการทำให้เย็นอื่นๆ นั้น ทำงานโดยทำให้เส้นเลือดที่เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนสีและอาการบวมใต้ตาหดตัว [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
กดช้อนเย็นๆ บนตา. [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ใส่ช้อนสเตนเลส 4 คันลงในแก้วน้ำเย็น ปล่อยให้พวกมันเย็น 2-4 นาที นำช้อนออกมาคันหนึ่งและค่อยๆ วางบนรอยวงคล้ำและบวมใต้ตาแล้วกดเบาๆ ปล่อยไว้อย่างนั้นจนกว่าช้อนจะอุ่นขึ้นเป็นอุณหภูมิผิวหนังของคุณ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- นำช้อนที่ใช้แล้วกลับไปแช่ในน้ำเย็นจัดแล้วนำช้อนคันใหม่ออกมา ทำขั้นตอนนี้ซ้ำกับถุงใต้ตา
- ทำต่อไปตามจำเป็น สลับช้อนอุ่นเป็นช้อนแช่เย็นเป็นเวลา 5-15 นาที ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ใช้ในการลดเลือนถุงใต้ตาทั้งสองข้าง
-
ปิดตาด้วยแตงกวา. [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หั่นแตงกวาที่แช่ในตู้เย็นออกเป็นชิ้นหนา 1.25 เซนติเมตร 2 ชิ้น หลับตาและวางไว้บนดวงตาแต่ละข้าง ให้แน่ใจว่าครอบคลุมบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ปล่อยตัวสบายๆ ในท่าตั้งตรงโดยเอนหัวไปด้านหลังเล็กน้อยประมาณ 25 นาที [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เนื่องจากแตงกวามีปริมาณน้ำสูง มีความเย็นและชุ่มชื้นตามธรรมชาติ จึงทำให้สามารถบรรเทาอาการตาบวมได้อย่างน่าประหลาดใจ แตงกวายังมีสารเควอซิทิน (Quercetin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ขัดขวางฮีสตามีนซึ่งอาจจะช่วยลดถุงใต้ตาที่เกิดจากอาการแพ้ได้
-
ใช้ถุงชาแช่เย็น. จุ่มถุงชาสองใบลงในน้ำเย็น แล้วนำไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 15 นาทีเพื่อให้เย็นยิ่งขึ้น เมื่อถุงชาพร้อมแล้ว ให้หลับตาแล้ววางถุงชาบนตาโดยให้ครอบคลุมบริเวณถุงใต้ตา นอนลงโดยให้หัวสูงขึ้นเล็กน้อยและรักษาต่อไปเป็นเวลา 25-30 นาที [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หลังจากนั้นให้ล้างดวงตาและใบหน้าด้วยน้ำเย็นแล้วซับให้แห้ง
- หลีกเลี่ยงถุงชาที่บรรจุเครื่องเทศแรงๆ อย่างเช่น พริกไทยหรืออบเชย ซึ่งอาจจะทำให้ดวงตาระคายเคือง ชาคาโมมายล์และชาเขียวมีคุณสมบัติในการรักษาตามธรรมชาติจึงทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ชาที่มีคาเฟอีนจะจำกัดการไหลเวียนของเลือดและบรรเทาอาการบวมอีกด้วย
โฆษณา
-
กินยาแก้แพ้. อาการแพ้เป็นสาเหตุหนึ่งที่เป็นไปได้ที่อาจจะทำให้คุณมีถุงใต้ตา ถ้าคุณกำลังมีอาการภูมิแพ้อื่นๆ แล้วล่ะก็การกินยาแก้แพ้ที่หาซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่ควรพิจารณา [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ในทำนองเดียวกัน อาจจะเกิดถุงใต้ตาบวมในระหว่างที่เป็นหวัดหรือมีการติดเชื้อที่ไซนัส ยาที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ที่ใช้รักษาภาวะเหล่านี้อาจจะช่วยลดถุงใต้ตาได้เช่นกัน [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ล้างจมูก. ถ้าปัญหาไซนัสทำให้ตาบวม แต่ยาแก้แพ้ไม่ช่วยลดถุงใต้ตาเหล่านั้นอย่างทั่วถึง ให้ลอง ใช้กาเนติ เพื่อล้างของเหลวที่สะสมอยู่ใต้ตา [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ละลายเกลือที่ปราศจากไอโอดีนป่นละเอียด 1/4 ช้อนชา (0.5 มิลลิลิตร) ในน้ำอุ่น 250 มิลลิลิตร
- เทสารละลายนี้ลงในกาเนติที่สะอาด จากนั้นตะแคงหัวไปด้านข้างและใช้กาเนติเทสารละลายครึ่งหนึ่งลงในรูจมูก กดหน้าผากลงเพื่อช่วยให้สารละลายไหลออกจากรูจมูกอีกข้างหนึ่ง
- ทำขั้นตอนเดิมซ้ำโดยใช้สารละลายอีกครึ่งหนึ่ง สลับข้างเพื่อล้างรูจมูกอย่างทั่วถึงมากขึ้น
- คุณสามารถล้างจมูกด้วยสเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกได้อีกด้วย
-
ทาครีมบำรุงรอบดวงตา. มีครีมบำรุงรอบดวงตามากมายหลายสูตรที่ช่วยลดอาการบวมที่ถุงใต้ตา มองหายี่ห้อที่อ้างว่าออกฤทธิ์เร็วเพื่อผลลัพธ์ที่เร็วที่สุด
- ครีมบำรุงรอบดวงตาเรตินอลนั้นเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยม [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถึงแม้ว่าครีมเหล่านี้จะได้ผลดีในระยะยาวโดยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน แต่พวกมันอาจจะไม่ได้ผลทันที [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับการบรรเทาอย่างรวดเร็วนั้นอาจจะเป็นครีมบำรุงรอบดวงตาที่ผสมคาเฟอีน คาเฟอีนจะทำให้หลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของการอักเสบและการเปลี่ยนสีนั้นหดตัว [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ตัวเลือกที่เป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือครีมบำรุงรอบดวงตาที่ผสมอาร์นิคา (Arnica) ซึ่งเป็นส่วนประกอบตามธรรมชาติที่ช่วยต้านการอักเสบ [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ดื่มน้ำเยอะๆ . ให้แน่ใจว่าคุณดื่มน้ำแก้วละ 250 มิลลิลิตร วันละ 8 แก้วตามที่แนะนำ อาการบวมใต้ตาอาจจะเกิดจากการกักเก็บน้ำ แต่จริงๆ แล้วการขาดน้ำจะทำให้ร่างกายของคุณกักเก็บน้ำมากขึ้น [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ในขณะเดียวกัน เมื่อต้องจัดการกับปัญหาถุงใต้ตา คุณก็ควรจะลดอาหารและเครื่องดื่มที่อาจจะทำให้ภาวะขาดน้ำแย่ลง ซึ่งรวมไปถึงอาหารรสเค็ม แอลกอฮอล์ และคาเฟอีน [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
ลบเครื่องสำอางออก. ล้างเครื่องสำอางใดๆ ก็ตามที่คุณทาบนใบหน้าในวันนั้นๆ ออกให้หมดจดก่อนเข้านอน เครื่องสำอางสำหรับดวงตาสามารถทำให้ตาแฉะในขณะที่คุณหลับซึ่งจะเพิ่มอาการบวมตอนคุณตื่น [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าเป็นไปได้ให้ลองใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์จริงๆ เพื่อล้างเครื่องสำอางออกจากผิวก่อนเข้านอน เมคอัพรีมูฟเวอร์ต่างๆ นั้นถูกคิดค้นมาเป็นพิเศษเพื่อให้เกาะติดกับอนุภาคของเครื่องสำอางและกำจัดออกไปจากผิว ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าสบู่ธรรมดาและน้ำ
- แต่ถ้าคุณไม่มีเมคอัพรีมูฟเวอร์ ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าทั่วไปและน้ำเปล่าก็ยังคงใช้ได้ เแค่ให้แน่ใจว่าคุณล้างต่อไปจนกว่าเครื่องสำอางสำหรับดวงตาจะถูกล้างออกอย่างหมดจด
-
นอนโดยให้หัวสูงขึ้น. วางหมอนไว้ใต้หัวเพิ่มก่อนนอน คุณสามารถหนุนหัวที่นอนหรือยกหัวเตียงทั้งหมดขึ้นก็ได้ ใจความหลักคือเพียงเพื่อให้หัวของคุณสูงกว่าส่วนที่เหลือของร่างกาย [18] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- การยกหัวให้สูงขึ้นจะช่วยระบายเลือดส่วนเกิน เมือก และของเหลวอื่นๆ ออกไปจากใบหน้า ป้องกันไม่ให้พวกมันรวมตัวกันใต้ตาและสร้างเป็นถุงขึ้นมา
-
นอนหงาย. ถ้าคุณนอนคว่ำหรือนอนตะแคง ให้เปลี่ยนไปนอนหงายเมื่อเข้านอนตอนกลางคืน เมื่อคุณทำให้ดวงตาหงายขึ้นจะเป็นการปล่อยให้แรงโน้มถ่วงดึงของเหลวส่วนเกินออกจากดวงตาแทนที่จะปล่อยให้มันรวมตัวกันใต้ตา [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคุณคิดว่าคุณจะพลิกตัวไปนอนคว่ำหรือนอนตะแคงโดยอัตโนมัติในตอนกลางคืน ลองหนุนหมอนไว้ด้านข้างของร่างกายเพื่อช่วยลดการเคลื่อนไหวไปมาและการพลิกตัว
-
นอนหลับให้เพียงพอ. การนอนไม่พอเป็นหนึ่งในสาเหตุที่รู้จักกันดีที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา วางแผนล่วงหน้าเมื่อเลือกเวลานอนเพื่อให้คุณสามารถนอนหลับประมาณ 7-8 แปดชั่วโมงก่อนนาฬิกาปลุกจะดังในเช้าวันถัดไป [20] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- การนอนไม่หลับทำให้ร่างกายปล่อยคอร์ติซอลที่เป็น "ฮอร์โมนความเครียด" ออกมา ซึ่งอาจจะทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวใต้ตาอ่อนแอลงและมีแนวโน้มที่จะเป็นวงคล้ำมากขึ้น [21] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
ทาครีมบำรุงรอบดวงตา. ก่อนทาเครื่องสำอางใดๆ ก็ตามให้ทาครีมบำรุงรอบดวงตาบนถุงใต้ตา ทิ้งไว้สักสองสามนาทีให้แห้งก่อนจะทำขั้นตอนต่อไป [22] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เลือกครีมบำรุงรอบดวงตาที่ให้ความชุ่มชื้น ให้พิจารณาแบบที่มีเรตินอลหรือคาเฟอีนเพื่อการบำรุงที่เพิ่มขึ้น
- อย่าใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการตาอักเสบ
- ไม่ว่าคุณจะเลือกครีมประเภทใด ครีมบำรุงรอบดวงตาจะช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและเติมเต็มริ้วรอยที่อาจจะทำให้เครื่องสำอางตกร่องได้ [23] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ปกปิดบริเวณนั้นด้วยคอนซีลเลอร์. ทาคอนซีลเลอร์ที่เข้ากับสีผิวของคุณบางๆ บนถุงใต้ตา ใช้หัวจุ่มหรือแปรงแตะเบาๆ แต่หลีกเลี่ยงการถูบนผิวเนื่องจากการทำอย่างนั้นอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองในภายหลัง [24] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ให้เลือกคอนซีลเลอร์เนื้อบางเบาที่มีเนื้อครีม คอนซีลเลอร์ที่หนักกว่าอาจจะตกร่องใต้ตาและทำให้ยิ่งเห็นผิวเสียอย่างชัดเจน [25] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่าใช้นิ้วมือเมื่อทาคอนซีลเลอร์ เนื่องจากการทำอย่างนั้นอาจจะทำให้ทาหนาเกินไป แปรงหัวแบนขนาดเล็กนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด [26] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ค่อยๆ ปัดบรอนเซอร์. ถึงแม้ว่านี่เป็นแค่ตัวเลือกเท่านั้น แต่การปัดบรอนเซอร์บนแก้มสามารถช่วยลดการสังเกตเห็นถุงใต้ตาบวมๆ ได้ ใช้แปรงแต่งหน้าปัดบรอนเซอร์ลงบนแก้มแล้วเกลี่ยขึ้นไปบริเวณใต้ตา [27] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การใช้บรอนเซอร์สร้างความแตกต่างจะสามารถช่วยลดการสังเกตเห็นถุงใต้ตาโดยไม่ต้องปกปิดพวกมันโดยตรง หลีกเลี่ยงบรอนเซอร์ที่มีชิมเมอร์เนื่องจากจะสามารถเน้นให้เห็นถุงใต้ตาได้ชัดขึ้น
-
ใช้อายไลเนอร์สีอ่อนบนขอบตาล่าง. เลือกสีขาว ครีม หรือสีนู้ดแล้วเขียนด้านในของขอบตาล่าง มันจะช่วยให้ดวงตาดูสว่างขึ้น คุณจะดูตื่นตัวมากขึ้น และจะเบี่ยงเบนความสนใจออกไปจากถุงใต้ตา
-
ทาแป้งบนบริเวณนั้น. ใช้แปรงที่มีขนแปรงบานปัดแป้งฝุ่นโปร่งแสงบางๆ ใต้ตาและบนแก้ม [28] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แป้งควรจะช่วยให้เครื่องสำอางเซ็ตตัวและป้องกันไม่ให้สะสมอยู่ในรอยย่นและริ้วรอยเล็กๆ รอบดวงตา [29] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ทาครีมกันแดดและใส่แว่นกันแดดบ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการระคายเคืองหรือสีคล้ำรอบดวงตา
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/bags-under-eyes/basics/lifestyle-home-remedies/con-20034185
- ↑ http://www.realsimple.com/beauty-fashion/skincare/skincare-face/treating-dark-circles-under-eyes/page2
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/eyes/ss/slideshow-banish-the-bags-under-your-eyes
- ↑ http://timesofindia.indiatimes.com/life-style/beauty/10-tips-to-get-rid-of-under-eye-puffiness/articleshow/17925739.cms
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/eyes/ss/slideshow-banish-the-bags-under-your-eyes
- ↑ http://timesofindia.indiatimes.com/life-style/beauty/10-tips-to-get-rid-of-under-eye-puffiness/articleshow/17925739.cms
- ↑ http://timesofindia.indiatimes.com/life-style/beauty/10-tips-to-get-rid-of-under-eye-puffiness/articleshow/17925739.cms
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/bags-under-eyes/basics/lifestyle-home-remedies/con-20034185
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/eyes/ss/slideshow-banish-the-bags-under-your-eyes
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/eyes/ss/slideshow-banish-the-bags-under-your-eyes
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/eyes/ss/slideshow-banish-the-bags-under-your-eyes
- ↑ http://www.allure.com/skin-care/anti-aging-skin/2013/biggest-retinol-cream-myths#slide=2
- ↑ http://www.realsimple.com/beauty-fashion/skincare/skincare-face/treating-dark-circles-under-eyes/page2
- ↑ http://www.realsimple.com/beauty-fashion/skincare/skincare-face/treating-dark-circles-under-eyes/page2
- ↑ http://timesofindia.indiatimes.com/life-style/beauty/10-tips-to-get-rid-of-under-eye-puffiness/articleshow/17925739.cms
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/eyes/ss/slideshow-banish-the-bags-under-your-eyes
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/eyes/ss/slideshow-banish-the-bags-under-your-eyes
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/bags-under-eyes/basics/lifestyle-home-remedies/con-20034185
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/eyes/ss/slideshow-banish-the-bags-under-your-eyes
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/bags-under-eyes/basics/lifestyle-home-remedies/con-20034185
- ↑ http://www.webmd.com/sleep-disorders/excessive-sleepiness-10/10-results-sleep-loss?page=2
- ↑ http://www.realsimple.com/beauty-fashion/skincare/skincare-face/treating-dark-circles-under-eyes/page2
- ↑ http://www.elle.com/beauty/makeup-skin-care/tips/g8094/how-to-conceal-treat-undereye-bags-beauty/?slide=1
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/eyes/ss/slideshow-banish-the-bags-under-your-eyes
- ↑ http://www.elle.com/beauty/makeup-skin-care/tips/g8094/how-to-conceal-treat-undereye-bags-beauty/?slide=2
- ↑ http://www.elle.com/beauty/makeup-skin-care/tips/g8094/how-to-conceal-treat-undereye-bags-beauty/?slide=4
- ↑ http://www.elle.com/beauty/makeup-skin-care/tips/g8094/how-to-conceal-treat-undereye-bags-beauty/?slide=4
- ↑ http://www.elle.com/beauty/makeup-skin-care/tips/g8094/how-to-conceal-treat-undereye-bags-beauty/?slide=6
- ↑ http://www.realsimple.com/beauty-fashion/skincare/skincare-face/treating-dark-circles-under-eyes/page2
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,486 ครั้ง
โฆษณา