PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

บางคนเกิดมาพร้อมปานบนผิวหนังที่เห็นได้ชัด และปานนั้นก็แตกต่างกันไปตั้งแต่ขนาด ลักษณะ รูปร่าง สีของปาน และพื้นผิว จริงๆ แล้วปานนั้นมีหลายประเภทและสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ นั่นคือ ปานดำและปานแดง โดยทั่วไปแล้ว ปานนั้นไม่เป็นอันตรายและไม่ทำให้เจ็บปวด แต่มันอาจจะส่งผลต่อจิตใจและทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เสียโฉม [1] หากคุณมีปานที่คุณรู้สึกว่าควรที่จะทำให้มันจางลงมากกว่าลบมันออกไปทั้งหมด การรักษาทางการแพทย์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานจากประสบการณ์ส่วนตัวของบางคนที่ยืนยันว่าวิธีการรักษาด้วยธรรมชาตินั้นก็อาจจะช่วยได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ทำให้ปานจางลง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. มะละกอนั้นมีเอนไซม์ที่มีชื่อว่าปาปาอิน (Papain) ซึ่งมันจะทำให้ผิวหนังลอกและเผยผิวเซลล์ใหม่ให้ปรากฏขึ้นมาที่ชั้นบนของผิวหนัง [2] ส่งผลทำให้ผิวขาวขึ้น คุณสามารถใช้ได้ทั้งสบู่และครีมมะละกอ โดยใช้ที่บริเวณปาน 2-3 ครั้งต่อวัน ส่วนแอปริคอตนั้นมีเอนไซม์ที่สามารถทำให้ปานจางลงได้ในบางบุคคลและก็มีสครับสูตรแอปริคอตมากมายขายตามท้องตลาด
    • ในอีกวิธีหนึ่ง ให้ใช้ผลไม้สดและแปะชิ้นผลไม้ที่ปานทิ้งไว้เป็นเวลา 10 นาที ให้ทำซ้ำทุกวันและล้างออกด้วยน้ำอุ่น
  2. แพทย์นั้นเชื่อว่ากรดซิตริก (Citric) ที่อยู่ในน้ำมะนาวนั้นมีสารประกอบที่มีฤทธิ์ในการฟอกสีผิว ซึ่งสามารถช่วงให้ปานที่ผิวหนังจางลงได้ และจริงๆ แล้วก็มีการใช้น้ำมะนาวในการทำให้ผิวหนังขาวขึ้นมานานแล้ว ผลในการฟอกสีผิวจะรุนแรงเมื่ออยู่กลางแสงแดด ดังนั้นคุณควรที่จะอยู่ห่างจากแสงแดดขณะที่คุณใช้น้ำมะนาวบนผิวหนังเพราะว่าไม่มีวิธีที่จะคาดเดาได้ว่าฤทธิ์ในการฟอกสีผิวจะรุนแรงมากเท่าไหร่เมื่อน้ำมะนาวที่ผิวโดนแสงอาทิตย์ [3] [4] ในการใช้น้ำมะนาว มีวิธีดังต่อไปนี้
    • ใช้มีดหั่นครึ่งผลมะนาว นำมะนาวที่หั่นไปถูที่ปานโดยตรง ขอให้แน่ใจว่ามีน้ำมะนาวอยู่ทั่วบริเวณปานและทิ้งไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที จากนั้นให้ล้างให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น ใช้ผ้าขนหนูสะอาดซับบริเวณนั้นให้แห้ง ให้ทำเช่นนี้ 3 ครั้งต่อวัน
    • คุณจะแปะชิ้นมะนาวทิ้งไว้ที่ปานก็ได้ ให้ทิ้งไว้เป็นเวลา 10 นาที ล้างน้ำมะนาวออกด้วยน้ำอุ่นเมื่อครบเวลาแล้ว ให้ทำซ้ำทุกวัน
  3. น้ำมะเขือเทศนั้นเป็นกรดเล็กน้อยและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว มันจะส่งผลต่อเม็ดสีผิวและทำให้ปานจางลง เช่นเดียวกับมะนาว ดูเหมือนว่ามะเขือเทศนั้นมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่สามารถลดความเสียหายที่ผิวหนังและมันยังมีคุณสมบัติในการฟอกสีผิวที่คล้ายกับกรดซิตริกที่อยู่ในมะนาว [5] ในการใช้มะเขือเทศเพื่อทำให้ปานจางลง มีวิธีการดังนี้
    • ใช้น้ำมะเขือเทศจากผลมะเขือเทศที่หั่นมา ทามันที่ปานและปล่อยไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที จากนั้นล้างและซับให้แห้ง ให้ทำซ้ำทุกวัน
    • คุณจะใช้ชิ้นมะเขือเทศเลยก็ได้ ให้แปะชิ้นมะเขือเทศที่ปานและทิ้งไว้เป็นเวลา 10 นาที ทำซ้ำทุกวัน ล้างน้ำมะเขือเทศออกด้วยน้ำอุ่นเมื่อครบเวลาแล้ว
  4. น้ำมันมะกอกนั้นถือว่าเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ธรรมชาติ มันจะช่วยทำให้เซลล์ผิวหนังที่เสียหายนั้นชุ่มชื้นและช่วยทำให้ปานจางลงตามลำดับ [6] [7] [8] ในการใช้น้ำมันมะกอก มีวิธีการดังนี้
    • หยดน้ำมันมะกอก 2-3 หยดลงไปในสำลีก้อน สำลีจะเปียกชุ่มแต่จะไม่มีน้ำมันมะกอกหยดออกมา ให้วางสำลีที่ปานเป็นเวลา 5 นาทีก่อนที่จะล้างออกด้วยน้ำอุ่นและซับให้แห้ง ทำซ้ำเช่นนี้ 2-3 ครั้งต่อวัน
  5. การใช้น้ำแข็งและความเย็นประคบนั้นสามารถช่วยให้ผิวหนังกักเก็บความชุ่มชื้นและทำให้ผิวอ่อนนุ่มลงได้ ดังนั้นรอยปื้นหรือเม็ดสีทำให้เกิดปานนั้นก็จะจางลง มันยังช่วยกระชับรูขุมขนที่ผิวด้วยซึ่งก็จะลดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอกัน [9]
    • ห่อน้ำแข็ง 2-3 ก้อนด้วยผ้าสะอาด นี่จะช่วยป้องกันผิวหนังของคุณไม่ให้ถูกทำลายด้วยความเย็น อย่าใช้น้ำแข็งโดยตรงที่ผิวหนัง ให้ใช้น้ำแข็งที่ห่อผ้าแล้วประคบที่ผิวหนังบริเวณที่มีปานเป็นเวลา 15-20 นาที อย่าใช้ไอซ์แพ็คกับผิวหนังเป็นเวลานานเกิน 20 นาทีเพราะมันจะทำให้ผิวหนังเสียหายได้ ปล่อยให้ผิวได้พักประมาณ 1 ชั่วโมงจากนั้นให้ทำซ้ำหากจำเป็น
  6. วิตามินเอจะกระตุ้นการแบ่งเซลล์และการผลิตคอลลาเจน (โปรตีนที่มีมากที่สุดในผิวหนัง) [10] วิตามินเอจะช่วยเผยผิวใหม่และลอกผิวออกบริเวณปาน ซึ่งจะช่วยลดเม็ดสีของปาน
    • ทาครีมที่ปานอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อวัน ขอให้แน่ใจว่าได้ทาทั่วทั้งบริเวณปาน
  7. วิตามินอีนั้นมีคุณสมบัติต้านการออกซิเดชันและสามารถต่อต้านสารอนุมูลอิสระและลดความเสียหายของเซลล์ผิวหนัง ที่สำคัญก็คือมันจะช่วยลอกผิวหนังและทำให้ปานดูจางลง [11] [12]
    • ทาน้ำมันไปที่ปาน 2-3 ครั้งต่อวันและทาให้ทั่วบริเวณปาน
  8. กรดโคจิกนั้นเป็นผงผลึกสีขาวละเอียด ซึ่งมาจากเชื้อราในเอเชีย มันจะหยุดยั้งการทำงานของไทโรซิเนส (Tyrosinase) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีหน้าที่ในการผลิตเม็ดสีน้ำตาลที่เรียกว่าเมลานิน [13]
    • กรดโคจิกนั้นมีทั้งในรูปแบบสบู่และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่คุณสามารถซื้อได้ที่ร้านขายยาและร้านขายของชำใกล้บ้าน ให้ทำการทดสอบโดยใช้กรดโคจิกปริมาณน้อยๆ ทาที่ผิวหนังก่อนและดูว่าผิวหนังของคุณมีปฏิกิริยาอย่างไร ให้ทำตามวิธีการใช้ของผู้ผลิตและให้ใช้กรดโคจิกที่ปานอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อวัน
    • กรดโคจิกนั้นสามารถนำมาใช้รักษาฝ้าขณะตั้งครรภ์ได้ผล ซึ่งเป็นการคล้ำของผิวอย่างชั่วคราวที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ [14]
  9. ลองใช้วิธีทางการแพทย์หากวิธีทางธรรมชาติไม่เห็นผล. ปกติแล้วปานดำนั้นจะไม่ใช้วิธีทางการแพทย์รักษา แม้ว่าปานที่มีขนาดใหญ่อาจจะผ่าตัดออกไปได้ ส่วนปานแดงนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งปานประเภท Port wine stains และประเภท Hemangiomas (บางครั้งเรียกว่าปานสตรอเบอร์รี่เพราะว่าลักษณะของมันเป็นตุ่มนูนๆ สีแดง) นั้นสามารถรักษาด้วยวิธี Pulsed-Dye Laser (PDL) ในการรักษาด้วยวิธีนี้ เลเซอร์จะทำให้เซลล์มีอุณหภูมิสูงขึ้นและทำลายเซลล์ที่ปาน จำเป็นที่จะต้องทำเลเซอร์ซ้ำๆ และนี่จะช่วยทำให้ปานจางหายไป [15]
    • การรักษาแบบใหม่อีกแบบหนึ่งนั้นมีชื่อว่า Photodynamic Therapy (PDT) ซึ่งยาจะทำปฏิกิริยากับแสงและใช้ในการรักษาปาน เมื่อถูกกระตุ้นด้วยความยาวคลื่นแบบเฉพาะ ยา Photosensitizer ก็จะ “ออกฤทธิ์” และทำลายเซลล์ที่อยู่ในปาน PDT นั้นสร้างขึ้นเพื่อรักษาโรคมะเร็งผิวหนังในตอนแรกและต่อมาได้นำมาประยุกต์ใช้ในการรักษาปานด้วย [16] [17]
    • ทั้ง PDL และ PDT นั้นมีอัตราที่จะเห็นผลพอๆ กัน [18]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

เข้าใจปานแต่ละประเภท

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปานประเภทนี้จะมีปริมาณของเม็ดสีส่วนเกินที่ผิวหนัง ตัวอย่างทั่วไปของปานดำได้แก่
    • ปานดำแต่กำเนิด (Congenital Nevi) - โดยปกติแล้วจะมีลักษณะเป็นสีน้ำตาล รูปร่างกลม และมีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่บางครั้งก็เป็นสีชมพู เป็นสีผิวตามธรรมชาติ หรือเป็นสีดำเข้ม พื้นผิวของมันอาจจะเรียบหรือนูนขึ้นมาและสามารถหายไปได้ทันที ปกติแล้วปานชนิดนี้จะไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม ถ้าเริ่มรู้สึกคันหรือที่ปานมีเลือดออก คุณควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อให้ตรวจสอบทันทีเพราะบางครั้งอาจจะกลายเป็นมะเร็งได้ [19]
    • ปานสีน้ำตาลอ่อน (Cafe au lait spots) - ปานประเภทนี้มีสีเหมือนกาแฟใส่ครีม หากเกิดขึ้นในผิวสีเข้ม มันก็จะเข้มกว่าสีผิวรอบๆ ปานสีน้ำตาลนั้นจะจางลงเมื่ออายุมากขึ้นแต่จะไม่ค่อยจางไปทั้งหมด [20]
    • ปานมองโกเลียน (Mongolian spots) - ปานประเภทนี้จะมีพื้นผิวเรียบ และเป็นรอยสีน้ำเงินเทาที่ผิวหนัง ปกติแล้วจะอยู่ที่หลังหรือที่สะโพก บ่อยครั้งเลยที่มักจะเข้าใจผิดว่าปานประเภทนี้คือรอยช้ำ มักจะพบปานประเภทนี้ในเด็กและก็จะหายไปเองเมื่อเด็กๆ มีอายุมากขึ้น [21]
  2. ดูประเภทของปานที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด (Vascular malformations). ปานประเภทนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ของร่างกายและปกติแล้วจะไม่จางหายไปตามกาลเวลา การทำให้ปานจางลงด้วยธรรมชาตินั้นใช้ไม่ได้ผลกับปานประเภทนี้ คุณควรที่จะหาวิธีทางการแพทย์แทนหากคุณต้องการที่จะทำให้มันหายไป ประเภทของปานในกลุ่มนี้ได้แก่
    • ปานฮีแมงจิโอมา (Hemangiomas) - เป็นปานที่เกิดจากการรวมกันของเส้นเลือดและจะมีลักษณะเรียบหรือนูนขึ้นก็ได้ ปานที่นูนขึ้นบ่อยครั้งแล้วจะเรียกว่า Strawberry hemangiomas หรือปานสตรอเบอร์รี่เพราะว่ามันมีสีแดงสดเหมือนสตรอเบอร์รี่ ปานชนิดนี้หากมีผิวเรียบมักจะมีสีน้ำเงินหรือสีม่วง ปานทั้งสองประเภทนั้นปกติแล้วจะลดขนาดลงหรือจางหายไปตามกาลเวลา เมื่ออายุ 10 ขวบ ปานประเภทนี้ส่วนใหญ่จะจางหายไปทิ้งไว้เพียงสีจางๆ ที่บริเวณนั้น [22]
    • ปานประเภท Salmon หรือ Macular patches - ปานประเภทนี้จะมีผิวเรียบมีสีออกชมพูหรือแดง บางครั้งมันถูกเรียกว่า “จุมพิตจากนางฟ้า (Angel’s kisses)” หรือ “รอยกัดของนกกระสา (Stork bites)” โดยปกติแล้วมันจะไม่หายไปเมื่อมีอายุมากขึ้น อย่างไรก็ตามมันสามารถปกปิดได้ด้วยการแต่งหน้าบางๆ ปานประเภทนี้มักจะเกิดขึ้นตามแนวผมหรือที่หลังคอ หรือตรงหว่างดวงตาหรือที่เปลือกตา มันมักจะปรากฏในเด็กเล็กๆ แต่ก็ค่อนข้างปลอดภัยและไม่จำเป็นต้องรักษาก็ได้ [23]
    • ปานแดงประเภท Port wine stains - ปานประเภทนี้เป็นปัญหามากที่สุดและพบบ่อยมากที่สุด ที่มันมีชื่อว่า Port wine stains เพราะว่ามันมีลักษณะเป็นรอยเปื้อนของไวน์เข้มๆ ที่มีคนทำหกไว้ ปานประเภทนี้สามารถมีขนาดใหญ่ขึ้นและเข้มขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น [24]
  3. รู้ว่ายังไม่มี "สาเหตุ" ที่แท้จริงในการเกิดปาน. สาเหตุที่มีปานนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไม่มีเหตุผลหรือแบบแผนใดๆ และมิใช่ผลจากจากอาหารที่มารดาทานขณะตั้งครรภ์หรือสิ่งที่มารดาทำ และปานก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโชคดีหรือโชคร้ายอะไรด้วย!
  4. ปกติแล้ว ปานมักจะไม่มีอันตราย ถ้ามันไม่มีเลือดออก คัน เปลี่ยนสีหรือรูปร่าง มันก็จะไม่อันตราย อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณสังเกตว่าปานของคุณเปลี่ยนไป (นอกเหนือจากจางหายไปหรือมีขนาดเล็กลง) เพื่อให้ปลอดภัยก็ควรให้แพทย์ผิวหนังตรวจดู [26] [27]
    • ปานที่มีขนาด รูปร่าง และสีที่เปลี่ยนไปพร้อมมีเลือดออก มีผิวแข็งขึ้น หรือคัน อาจจะเป็นสัญญาณแรกของมะเร็งผิวหนังบางประเภท
    โฆษณา

คำเตือน

  • การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติอาจจะช่วยทำให้ปานดำนั้นจางลงได้แต่ไม่ได้ผลกับปานแดง สำหรับผู้ที่มีปานแดง ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการใช้ PDL หรือ PDT ในการักษา
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 156,054 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา