ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ทุกวันนี้เสื้อเชิ้ตสีขาวของคุณดู "เหลือง" หรือ "หม่น" ลงไปบ้างหรือเปล่า อยากจะได้เสื้อขาวสดใส "เหมือนใหม่" กลับมาหรือเปล่า แค่ใช้น้ำยาฟอกผ้าขาวเพียงเล็กน้อยก็ใช้ได้แล้ว! สำหรับผ้าหลายชนิดแล้วน้ำยาฟอกผ้าขาวเป็นวิธีที่ใช้ง่าย เห็นผลไวและมีราคาถูกในการจะได้ผ้าขาวสดใสเป็นประกาย อย่างไรก็ดี หากเสื้อของคุณใช้ผ้าที่ไม่อาจรับมือกับพลังการกำจัดคราบอันรุนแรงของน้ำยาฟอกผ้าขาว ไม่ต้องกังวลไป คุณสามารถทำให้เสื้อขาวดูดีได้ด้วยพลังการฟอกขาวจากดวงอาทิตย์!
ขั้นตอน
-
เอาเสื้อขาวแช่ลงในถังใส่น้ำเย็น. ใช้น้ำยาฟอกผ้าขาว เริ่มด้วยการเอาเสื้อใส่ในถัง อ่างหรือภาชนะที่เหมาะสม ให้น้ำเย็นท่วมผ้าอย่างน้อยสองสามนิ้ว
- ถ้าอยากแช่ผ้าสีขาวตัวอื่นร่วมกับเสื้อก็ตามสบายเลย ยิ่งมีของมากกว่าชิ้นเดียวก็ยิ่งฟอกได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะเป็นกางเกงใน ถุงเท้า ปลอกหมอน หรือผ้าเช็ดตัวก็ได้ทั้งนั้น ถ้าทำจริงให้เติมน้ำเพิ่มจนเมื่อกดผ้าลงจะจมน้ำอย่างน้อยหนึ่งนิ้ว
- คุณต้องใช้ภาชนะที่ใหญ่พอให้มีพื้นที่คนและปั่นผ้าในระหว่างแช่ ถังสำหรับงานก่อสร้างที่สะอาดๆ เหมาะอย่างยิ่ง ถ้าหาแบบที่มีฝาปิดได้จะยิ่งช่วยป้องกันอุบัติเหตุและลดกลิ่นเหม็นถ้าทำภายในบ้าน ตัวเลือกอื่นก็เช่นหม้อหุงข้าวขนาดใหญ่ อ่างอาบน้ำ หรือเครื่องซักผ้า
-
เติมน้ำยาฟอกขาว. ขวดน้ำยาฟอกขาวน่าจะมีป้ายแนะนำว่าต้องใช้ปริมาณเท่าใด น้ำยาฟอกขาวต่างยี่ห้อก็มีความเข้มข้นที่แตกต่างกัน ถ้าจะแช้แค่เสื้อเชิ้ตก็อาจใช้เพียงสองสามช้อนโต๊ะ อย่างไรก็ตาม ถ้าจะแช่ผ้าขาวจำนวนมาก ก็อาจต้องใช้ถึง 1 ถ้วยตวง [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ปกติแล้วแนะนำให้ใช้น้ำยาฟอกขาว 1/4 ถ้วยตวงต่อน้ำหนึ่งแกลลอน (3 ลิตร) [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถ้าเสื้อคุณมีคราบสกปรกฝังแน่นมากกว่าจะแค่ต้องการความขาว คุณอาจต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาด! ของที่คุณอาจต้องเติมเพิ่มก็เช่น: [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- น้ำยาซักผ้า
- น้ำยาล้างจาน
- บอแร็กซ์
- โซดาซักผ้า
- ข้อสังเกต: อย่า ผสมน้ำยาฟอกขาวกับแอมโมเนีย มันจะปล่อยแก๊สคลอราไมน์ที่เป็นพิษออกมา [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
แช่เสื้อเชิ้ตไว้นาน 5-10 นาที. จากนั้นคนน้ำยาในถังให้มั่นใจว่าเสื้อ (หรือเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ) ได้แช่ในน้ำจนหมดจดสม่ำเสมอทุกจุด แล้วตั้งเวลาไว้ที่ห้าถึงสิบนาที จากนั้นก็รอให้น้ำยาทำงาน! คุณอาจจะคนทุกสองสามนาทีเพื่อความมั่นใจว่าเสื้อถูกแช่ครบทุกส่วนก็ได้
- อย่าปล่อยให้เสื้อขาวแช่เอาไว้นานเกินไป แม้แต่ผ้าที่สามารถฟอกได้อย่างเป็นอะไร อย่างเช่นผ้าค็อตตอนหรือลินินนั้น จะมีเนื้อบางลงและเสียหายได้หากโดนน้ำยาฟอกขาวเป็นเวลานานๆ [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ล้างเสื้อเชิ้ตในน้ำเย็น. พอแช่เสื้อได้ที่แล้ว เอามันขึ้นมาจากสารละลายน้ำยาฟอกขาวแล้วล้างกับน้ำเย็นที่เปิดให้ไหลผ่าน คุณต้องทำเช่นนี้เพราะต้องกำจัดน้ำยาฟอกขาวกับสารเคมีอื่นออกจากเนื้อผ้า ถ้าขืนปล่อยไว้ให้แห้ง สารเหล่านี้จะทิ้งคราบอันไม่น่าพึงใจไว้บนเนื้อผ้าซึ่งจะทำให้มันมีกลิ่นคลอรีนแรงจัด สร้างความระคายเคืองแก่ผิว และอาจกลายเป็นคราบเหลืองก็ได้
-
บิดเสื้อแล้วตาก. พอล้างน้ำยาฟอกขาวหรือผงซักฟอกที่ใช้ทำความสะอาดออกหมดจากตัวเสื้อแล้ว ให้บิดหรือบีบน้ำส่วนเกินที่เหลือออก แล้วตากผ้าเหมือนปกติ สำหรับคนส่วนใหญ่ก็แค่ใช้เครื่องปั่นผ้าแห้งหรือไปตากบนราวตากผ้าให้แห้งเช่นปกติ
- อย่างไรก็ดี คุณสามารถตากผ้าให้แห้งกลางแจ้งก็ได้ การตากผ้าขาวกลางแดดนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าจะให้ผลลัพธ์ "ฟอกขาว" ขึ้นเล็กน้อย ทำให้ได้ผ้าขาวที่ขาวขึ้นกว่าเดิม (ดูด้านล่างถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติม) มันไม่ได้ขาวมากเหมือนใช้น้ำยาฟอกขาว แต่แสงแดดทำให้ผ้าขาวขึ้นจริง
โฆษณา
-
กำจัดคราบเปื้อนในทันที. วิธีการข้างบนไม่ใช่วิธีเดียวที่จะฟอกผ้าขาว คุณยังสามารถใช้น้ำยาฟอกขาวระหว่างการซักผ้าปกติในเครื่องซักผ้าเพื่อให้ผ้าขาวขึ้นโดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เริ่มต้นด้วยถ้าเสื้อคุณมีคราบเปื้อนอะไร ให้ใช้กระดาษทิชชู่ ช้อน หรืออุปกรณ์ใดๆ ที่ใกล้ตัวกำจัดคราบเปื้อนส่วนเกินออกจากเสื้อก่อน ยิ่งทำได้เร็วขนาดไหนก็จะทำให้เสื้อดูดีขึ้นได้เป็นเวลานาน
- สำหรับคราบฝังใน ลองใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำมาถูคราบนั้นออก เบกกิ้งโซดาควรจะดูดซึมคราบนั้นออกมาได้บางส่วน ซึ่งจะสามารถถูออกได้
-
แช่คราบในผงซักฟอกก่อน. จากนั้นให้เทน้ำยาซักผ้าลงบนคราบตรงๆ ใช้แปรงสีฟันแบบขนนุ่ม (อันที่คุณ ไม่ คิดจะใช้แปรงฟันอีก) มาถูตรงคราบจนสะอาด ทิ้งน้ำยาซักผ้าไว้บนเสื้อเช่นนั้นก่อนซัก ให้มันได้ซึมเข้าไปทำให้คราบแตกตัว จะทำให้เสื้อคุณขาวขึ้นได้ในระยะยาว
- หากคุณไม่มีน้ำยาซักผ้า สามารถผสมผงซักฟอกช้อนเล็กๆ กับน้ำแล้วใช้มันแบบเดียวกันได้
-
เอาผ้าใส่เครื่องแล้วเติมน้ำยาฟอกขาวลงไป. จากนั้นนำเสื้อขาว (หรือชุดสีขาวอื่นๆ ที่คุณจะซัก) ที่ผ่านการใช้น้ำยาซักผ้าทาทิ้งบนคราบมาแล้วใส่ในเครื่องซัก ถึงจุดนี้ค่อยเติมน้ำยาฟอกขาว วิธีที่แน่นอนนั้นแตกต่างขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องซักผ้า แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไปตามนี้: [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เครื่องที่มีช่องใส่น้ำยาฟอกขาว: เทน้ำยาฟอกขาวลงไปในช่องใส่น้ำยาฟอกขาว เติมให้ถึงขีดที่แสดงไว้ เครื่องซักผ้าจะปล่อยน้ำยาฟอกขาวใส่ในกองเสื้อในเวลาที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ
- เครื่องที่ไม่มีช่องใส่น้ำยาฟอกขาว: เริ่มการซัก จากนั้นเติมผงซักฟอกและน้ำยาฟอกขาว 1/2 ถ้วยงไปในน้ำ จากนั้นค่อยใส่ผ้าลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย
- เครื่องที่มีขนาดใหญ่มาก: ใช้ช่องใส่น้ำยาฟอกขาวเหมือนด้านบนถ้ามีอยู่ในเครื่อง หากไม่มี ให้เติมน้ำยาฟอกขาว 1 ถ้วยลงในน้ำหลังจากเริ่มเปิดเครื่องทำการซัก
-
กดปุ่มทำงานเครื่องซักผ้าโดยใช้ความร้อนสูงสุดเท่าที่ทำได้. คุณพร้อมจะกดปุ่มทำงานให้เครื่องซักผ้าแล้ว! เพื่อให้ได้พลังการทำความสะอาดและการให้ผ้าขาวสูงที่สุดนั้น ให้ใช้อุณหภูมิสูงที่สุดที่สามารถตั้งค่าให้ใช้กับชนิดของผ้าที่คุณกำลังซัก ตรวจดูป้ายกำกับการดูแลผ้าถ้าคุณไม่แน่ใจว่าร้อนแค่ไหนถึงยังซักได้อย่างปลอดภัย โดยทั่วไปแล้ว เนื้อผ้าที่หนาอย่างค็อตตอน เดนิม ทำนองนั้นสามารถรับมือกับอุณหภูมิการซักแบบน้ำร้อนได้ดี ในขณะที่ผ้าที่บางเบากว่าหรือพวกเส้นใยสังเคราะห์นั้นจะทนความร้อนได้แค่เล็กน้อย [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ตากให้แห้งและทำซ้ำถ้าต้องการ. เมื่อเครื่องซักผ้าจบการทำงาน ให้เอาเสื้อขาวกับผ้าขาวชิ้นอื่นที่ซักร่วมกันออกมาตากให้แห้ง ส่วนใหญ่อาจใช้เครื่องอบผ้าแห้ง หรือคุณจะประหยัดพลังงานโดยการตากกลางแจ้งถ้ามีแดดด้านนอกก็ได้
- สำหรับเสื้อขาวที่มีคราบฝังแน่นเป็นพิเศษ คุณอาจต้องการทำซ้ำสักหลายๆ ครั้งเพื่อฟื้นสภาพให้มันกลับมาขาวเหมือนใหม่ ถ้าอยากได้ผลที่ดีเยี่ยม ลองทำวิธีการซักปกตินี้คู่กับวิธีใดวิธีหนึ่งที่อธิบายไว้ในบทความนี้
โฆษณา
-
ซักตามปกติ. สำหรับวิธีนี้ คุณจะใช้พลังการฟอกขาวตามธรรมชาติของแสงแดดให้เสื้อขาวเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนที่น้ำยาฟอกขาวจะเริ่มแพร่หลายนั้น นี่เป็นวิธีดั้งเดิมที่ผู้คนใช้ในการรักษาผ้าให้ขาวสว่างใส เริ่มด้วยการซักผ้าขาวตามปกติ คุณสามารถใช้วิธีใดวิธีหนึ่งที่อธิบายมาก่อนหน้านี้หรือจะใช้วิธีซักแบบไหนก็ตามที่คุณคุ้นเคย
-
ตากผ้าข้างนอกในอากาศที่อบอุ่น. ถ้าแดดกำลังออกและดูไม่มีเค้าฝน ให้นำเสื้อผ้าที่เปียกนั้นออกไปแขวนบนราวตากหรือชั้นไม้ตากผ้าข้างนอก ถ้าคุณไม่มีทั้งสองอย่างนี้ จะลองวางมันบนผิวที่เรียบและสะอาด อย่างพื้นโต๊ะหรือพื้นระเบียง หรือแขวนบนราวจับก็ได้ พยายามจัดตำแหน่งให้เสื้อได้รับแดดเต็มๆ ยิ่งมากก็ยิ่งดี
-
รอจนผ้าแห้ง. ตอนนี้ที่ต้องทำก็แค่รอ! แดดจะรับหน้าที่ทำให้ความชื้นที่ถูกกักเก็บอยู่ในเนื้อผ้าระเหยไปโดยธรรมชาติ และเมื่อทำเช่นนั้น ดวงอาทิตย์ก็จะฟอกผ้าไปในตัว ผลคือผ้าจะขาวขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งน้ำยาฟอกขาว วิธีนี้เหมาะสำหรับผ้าอ้อมชนิดผ้าและผ้าขาวอื่นๆ ที่ต้องเปื้อนคราบเป็นประจำ
- พลังการฟอกของดวงอาทิตย์นั้นมาจากรังสีอุลตราไวโอเล็ตในแสงแดด รังสีนี้จะไปทำลายพันธะทางเคมีที่ทำให้เกิดสีในคราบเปื้อนที่ระดับโมเลกุล ทำให้มัน "จาง" หรือสีซีดลง [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
อย่าทิ้งผ้าให้ตากแดดหลายๆ วัน. ถึงพลังการฟอกขาวของแสงแดดจะเป็นตัวเลือกที่ง่ายและสะดวกสบายก็จริง แต่มันก็มีผลสะท้อนด้านลบ ยิ่งผ่านไปนานแสงแดดจะทำให้เนื้อผ้าบางลง ทำให้มันเกิดเสียหายหรือฉีกขาดได้ง่ายขึ้น ด้วยเหตุนี้คุณจึงต้องไม่ตากเสื้อผ้านานเกินกว่าที่จำเป็น พอเสื้อขาวแห้งก็เก็บได้เลย อย่าทิ้งไว้ให้มันเสื่อมสภาพลงโดยใช่เหตุโฆษณา
-
ใช้น้ำยาฟอกขาวเฉพาะแต่กับผ้าขาว. โดยทั่วไปควรใช้น้ำยาฟอกขาวเฉพาะกับผ้าขาว ถึงแม้มันจะมีประโยชน์ทำให้เสื้อขาวกลับมาขาวเหมือนใหม่ แต่มันก็อาจเป็นหายนะเมื่อใช้กับผ้าสี น้ำยาฟอกขาวสามารถกัดเม็ดสีออกมาจากผ้าสีได้ ทำให้ผ้าสีซีดจางหรือสีตกได้ แย่กว่านั้นถ้าเกิดเม็ดสารฟอกขาวที่ไม่ละลายเกิดไปตกลงบนผ้าสีโดยตรง จะทำให้ผ้าสีตกเป็นหย่อมๆ เฉพาะจุด ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรหลีกเลี่ยงผ้าสีให้ห่างจากน้ำยาฟอกขาว
- เพื่อความชัดเจน จริงๆ แล้วมีน้ำยาฟอกขาวสองชนิดที่แพร่หลายในท้องตลาด: น้ำยาฟอกขาวแบบคลอรีนซึ่งเหมาะเฉพาะกับผ้าขาวด้วยเหตุผลที่บอกไว้ข้างต้น กับน้ำยาฟอกขาวแบบออกซิเจน ซึ่งมักจะวางขายเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่จะมีคำว่า "ออกซิ" อยู่ในชื่อ (เช่น ออกซิคลีน เป็นต้น) ในบางกรณีคุณ สามารถ ใช้น้ำยาฟอกขาวแบบออกซิเจนในการกำจัดคราบเปื้อนบนผ้าสีได้ [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อย่างไรก็ดี เนื่องจากน้ำยาฟอกขาวแบบคลอรีนเป็นสิ่งที่ผู้คนมักนึกถึงเมื่อได้ยินคำว่า "น้ำยาฟอกขาว" เราจึงเน้นไปที่มันในตอนพูดถึงความปลอดภัยข้างต้น
-
ทดสอบว่าผ้าสีไม่ตกที่ตะเข็บด้านใน. ในขณะที่เราไม่ขอแนะนำการใช้น้ำยาฟอกขาวแบบคลอรีนในการซักผ้าสี น้ำยาฟอกขาวแบบออกซิเจนมักจะใช้ในปริมาณเล็กน้อยกับผ้าที่ "สีไม่ตก" ได้อย่างปลอดภัย บางครั้งข้อมูลนี้ก็มีปรากฏบนป้ายกำกับการดูแลเสื้อผ้า แต่ถ้าไม่มี คุณก็สามารถทดสอบว่าสีตกหรือไม่โดยใช้การทดสอบเร็วๆ ต่อไปนี้:
- ผสมน้ำยาฟอกขาวแบบออกซิเจน 1 ช้อนโต๊ะในน้ำ 1 ถ้วยตวง ใช้สำลีก้อนหรือสำลีก้านจุ่มลงไปในสารผสมนี้ แล้วไปหยดลงในตะเข็บด้านในของเสื้อผ้า (หรือตรงบริเวณอื่นที่ยากจะสังเกตเห็นได้) สักหนึ่งหยด รอประมาณ 10 นาที แล้วตรวจดูว่าสีซีดตกหรือไม่ ถ้าเกิดก็ ห้าม ใช้น้ำยาฟอกขาวกับเสื้อผ้าเหล่านั้น
-
อย่าใช้น้ำยาฟอกขาวกับผ้าวูล โมแฮร์ หนัง ผ้าไหม หรือสแปนเด็กซ์. น้ำยาฟอกขาวนั้นมีพลังทำความสะอาดแรง ถึงจะทำให้ผ้าขาวกลับมาเหมือนใหม่ แต่ก็ทำให้เนื้อผ้าบางลง จึงห้ามใช้มันกับเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุตามที่บอก เพราะบางทีมันสามารถทำให้เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าเหล่านี้สีซีดตกเสียหายหมดได้ หากคุณจะซักผ้าขาวที่ทำจากวัสดุเหล่านี้ (เช่น ผ้าวูลสีขาว ผ้าโมแฮร์สีขาว เป็นต้น) คุณจะถูกแนะนำให้ใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือสารฟอกขาวชนิดอ่อนมากกว่าจะเป็นน้ำยาฟอกขาว [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เวลาไม่แน่ใจ ให้ตรวจดูป้ายกำกับการดูแลเสื้อผ้า รายชื่อข้างต้นนั้นเป็นเพียงสังเขป คุณจึงไม่มีทางมั่นใจได้ 100% ว่าควรหรือไม่ควรใช้น้ำยาฟอกขาวมาซักด้วย ตรวจดูที่ป้ายเป็นดีที่สุด
-
อย่าผสมน้ำยาฟอกขาวกับแอมโมเนีย. อย่างที่บอกไว้ตอนต้น คุณต้องไม่ผสมน้ำยาฟอกขาวกับแอมโมเนีย อย่างเด็ดขาด สารทำความสะอาดสองชนิดนี้เมื่อมาผสมกันจะเป็นอันตราย ก่อให้เกิดแก๊สคลอราไมน์อันเป็นอันตรายต่อร่างกาย (ถ้าคุณยังสูดมันอย่างต่อเนื่องก็อาจถึงแก่ชีวิตได้) คุณคงไม่อยากให้เกิดแก๊สคลอราไมน์ในบ้าน ฉะนั้นแยกแอมโมเนียไม่ให้อยู่กับน้ำยาฟอกขาวซะ ปฏิกิริยาเมื่อได้รับแก๊สคลอราไมน์เข้าไปจะเป็นดังต่อไปนี้:
- ไอ
- เจ็บหน้าอก
- ปอดอักเสบ
- ระคายเคืองที่ปาก ดวงตา และลำคอ
- อาเจียน
- หายใจไม่ออก
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ใช้น้ำยาฟอกขาวทั่วไปถ้าเสื้อทุกตัวมีสีขาว ใช้แบบปลอดภัยต่อผ้าสีถ้าเป็นผ้าสี
- ล้างเสื้อผ้าในน้ำเย็นอีกสองสามรอบก่อนเอาไปสวมใส่
- สวมถุงมือ!
โฆษณา
คำเตือน
- คิดให้ดีก่อนใช้น้ำยาฟอกขาว การฟอกขาวนั้นเกิดแล้วจะกลายเป็นเช่นนั้นไปตลอด จึงอย่าใช้ถ้าคุณไม่ได้ต้องการให้มันฟอกขาวคงทนตลอดไป
- อย่าใช้น้ำยาฟอกขาวมากเกินไป เพราะผ้าจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองถ้าใช้มากเกินเหตุ
- ระมัดระวังเวลาใช้น้ำยาฟอกขาว เพราะมันเป็นสารเคมีที่เป็นอันตราย ระวังอย่าให้เข้าตาและเลี่ยงการสูดดม
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.hometalk.com/631037/follow-this-tip-for-getting-your-whites-white-again
- ↑ http://www.clorox.com/dr-laundry/adding-bleach-to-a-wash-cycle/
- ↑ http://www.hometalk.com/631037/follow-this-tip-for-getting-your-whites-white-again
- ↑ http://home.howstuffworks.com/stain-removal-tools-ga2.htm
- ↑ http://home.howstuffworks.com/stain-removal-tools-ga2.htm
- ↑ http://www.clorox.com/cleaning-and-laundry-tips/laundry/laundry-advice/how-to-use-bleach/
- ↑ http://www.clean-organized-family-home.com/laundry-temperature.html# sthash.QVRSZAit.dpbs
- ↑ http://wonderopolis.org/wonder/how-does-bleach-work/
- ↑ http://www.clorox.com/products/clorox-oxi-magic-powder/#Doing Laundry Product-Clorox® Oxi Magic Powder ID-42-Colors
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,794 ครั้ง
โฆษณา