PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ความกล้าหาญถือเป็นคุณสมบัติของมนุษย์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ที่จริงแล้วในยุคกลางนั้น ความกล้าหาญถือเป็นหนึ่งในสี่คุณสมบัติของนักบวชและนักจิตวิทยาในยุคปัจจุบันก็เห็นด้วย [1] การเรียนรู้ที่จะกล้าหาญไม่ได้หมายความว่าต้องไม่กลัวแต่มันคือการเรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่างๆ ที่คุณกลัว ถึงแม้จะเป็นแค่การชวนคนที่คุณชอบมานานไปออกเดทก็ตาม

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การสร้างกรอบความคิดที่กล้าหาญ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเป็นคนกล้าหาญคือการทำบางสิ่งที่คุณกลัว ความกลัวมาจากการตอบสนองทางธรรมชาติของร่างกายที่มีต่อการตอบโต้ของสมอง สมองจะส่งคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดไปยังระบบประสาททั่วร่างกายทำให้ร่างกายถูกขับเคลื่อนด้วยแรงกระตุ้น การเปี่ยมไปด้วยความกลัวนั้นเป็นพฤติกรรมที่เราเรียนรู้มาโดยเกิดจากเคมีในสมองแต่ถูกทำให้กล้าแกร่งขึ้นโดยสิ่งที่อยู่รอบตัวเราซึ่งทำให้เรารู้สึกกลัว การเรียนรู้ที่จะฝ่าฟันความกลัวและก้าวข้ามมันคือการควบคุมจิตของคุณ [2]
    • การหลีกเลี่ยงความกลัวจะยิ่งทำให้ความกลัวแข็งแกร่งและน่ากลัวกว่าเดิม มีกรอบความคิดหนึ่งในวัฒนธรรมตะวันตกที่มองอารมณ์ว่าเป็นจุดอ่อนและคอยระงับอารมณ์ไว้ แต่การระงับอารมณ์ที่เป็นลบจะยิ่งทำให้ความกลัวที่มีต่ออารมณ์ที่เป็นลบนั้นสูงขึ้นและยิ่งเราหลีกเลี่ยงความกลัวนั้นเท่าไหร่มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น [3]
    • การเผชิญสิ่งที่คุณกลัว (แต่ต้องมั่นใจว่าคุณปลอดภัยและรู้จักมันดี) สามารถช่วยให้สมองบรรเทาความกลัวนั้นและทำให้คุณเผชิญกับมันได้ง่ายขึ้น [4]
  2. ยิ่งสมองมีข้ออ้างที่จะไม่กล้าหาญมากเท่าไหร่คุณก็จะยิ่งใช้เวลาในการวิตกกังวลกับความกลัวผลลัพธ์ที่เป็นลบมากเท่านั้น หากคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องจับแมงมุม กระโดดออกจากเครื่องบินหรือชวนคนไปเดทก็จงทำโดยไม่ลังเลหากคุณตั้งใจจะทำมันแล้ว [5]
    • สนับสนุนความสำเร็จโดยการให้รางวัลกับตัวเองเมื่อคุณต้องจัดการกับความกลัว รางวัลเหล่านี้อาจจะเป็นรางวัลทางร่างกาย เช่น ไวน์ดีๆ สักขวดหรือรางวัลทางจิตใจ เช่น การตัดขาดจากโดลกภายนอกและนั่งดูรายการบนเน็ตฟลิกซ์ทั้งวัน
  3. เรียนรู้การมีสติ . การมีสติคือการที่คุณตั้งอยู่กับช่วงเวลาในปัจจุบัน. การมีสติสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงสมองให้จัดการกับความกลัวด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณต้องให้เวลากับตัวเองในการเรียนรู้ทักษะนี้และมันต้องอาศัยการฝึกฝน [6]
    • การทำสมาธิ คืออีกหนึ่งวิธีเพื่อช่วยพัฒนาการมีสติ หาที่เงียบๆ และนั่งให้สบาย คุณสามารถทำสมาธิบนรถประจำทาง ที่สนามบินหรือที่ๆ วุ่นวายต่างๆ ได้แต่การเริ่มฝึกในที่ๆ เงียบที่ไม่มีสิ่งรบกวนจะดีกว่า หลับตาและกำหนดลมหายใจ (นึกคำว่า "เข้า" เมื่อหายใจเข้าและนึกคำว่า “ออก” เมื่อหายใจออก) ทำสิ่งนี้เป็นเวลา 20 นาที ตระหนักถึงช่วงเวลาและการรับรู้ของคุณ หากคุณพบว่าตัวเองวอกแวกไปกับความคิดต่างๆ ก็จงจดจ่ออยู่กับการกำหนดลมหายใจของคุณ
    • เมื่อคุณพบว่าตัวเองเต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัวนั้น การใช้วิธีที่เรียนรู้จากการทำสมาธิและการมีสติสามารถช่วยให้คุณเอาชนะความกลัวได้ กำหนดลมหายใจและหายใจลึกๆ ปล่อยตัวเองให้รู้สึกถึงอารมณ์ที่เป็นลบแต่จงกำหนดให้มันเป็นอารมณ์ที่คุณกำลังมี (เช่น หากคุณกำลังคิดว่า “ฉันกลัว” จงพูดว่า “ฉันกำลังคิดว่าฉันกลัว”) มันคือการแยกแยะเพียงเล็กน้อยแต่สามารถช่วยไม่ให้ความคิดมีอำนาจเหนือคุณ
    • การมองจิตให้เป็นท้องฟ้าและอารมณ์ทั้งที่เป็นลบและบวกให้เป็นก้อนเมฆบนท้องฟ้าสามารถช่วยให้คุณมองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของคุณแต่ไม่สามารถกำหนดชีวิตของคุณได้
  4. ออกจากขอบเขตความสบายใจ . การก้าวออกจากขอบเขตความสบายใจของคุณอาจทำให้เกิดความกังวลแต่มันเป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้ความกล้าหาญ [7] การทำบางอย่างที่ปกติคุณจะไม่ทำนั้นสามารถช่วยให้คุณรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดฝันซึ่งมักจะเป็นบ่อเกิดของความกลัว การเรียนรู้ที่จะจัดการกับความกลัวในสถานการณ์ที่คุณเลือกสามารถช่วยให้คุณแสดงความกล้าหาญเมื่อมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้
    • เริ่มจากก้าวเล็กๆ เริ่มด้วยการกระทำที่เล็กๆ ที่ทำให้เกิดความกลัวที่ลดลงและใช้ความกล้าหาญน้อยลงในการเอาชนะ ฉะนั้น ส่งคำขอร้องการเป็นเพื่อนบนเฟซบุ๊คไปหาสาวคนนั้นที่คุณชอบหรือคุยกับเธอสักเล็กน้อยก่อนที่จะชวนเธอไปเดท [8]
    • รู้ขอบเขตของคุณ มีบางอย่างที่เราไม่สามารถทำได้ บางทีคุณอาจจะจับแมงมุม สารภาพกับเจ้านายที่กลัวพวกรักร่วมเพศหรือไปดิ่งพสุธาไม่ได้ซึ่งไม่เป็นไร บางครั้งเราก็มีความกลัวหรือขอบเขตที่เราสามารถทำได้และทำไม่ได้ บางครั้งมันดีกว่าที่เราจะ “ไม่” กล้าทำสิ่งนั้นเพราะมันไม่มีเหตุผลที่จะทำสิ่งที่คุณฝืนทำไม่ได้ จดจ่อกับการสร้างความกล้าหาญกับสิ่งอื่นๆ เช่น เอาแก้วไปครอบแมงมุมเอาไว้เพื่อที่คนอื่นจะได้มาจัดการกับมันหรือสารภาพกับพ่อแม่แทนที่จะสารภาพกับเจ้านายที่กลัวพวกรักร่วมเพศ
  5. สร้างความมั่นใจ . การมีความมั่นใจจะทำให้คุณเชื่อมั่นในความสามารถของคุณและตัวเองและตระหนักว่าคุณอยู่เหนือกว่าความกลัวของคุณ เมื่อคุณมั่นใจในตัวเองคุณจะพบว่าคุณทำสิ่งที่กล้าหาญได้ง่ายขึ้น การเรียนรู้ที่จะมีความมั่นใจต้องใช้การฝึกฝน [9] วิธีในการสร้างความมั่นใจดังนี้:
    • แกล้งทำจนกว่าจะทำสำเร็จ คุณสามารถหลอกจิตตัวเองให้มีความมั่นใจโดยการแกล้งทำว่าคุณมั่นใจ บอกตัวเองว่าคุณสามารถชวนสาวคนนั้นไปออกเดทได้และไม่ว่าเธอจะตอบว่าอย่างไรคุณก็จะไม่สนใจมากนัก คุณยังสามารถแสดงท่าทางวางตัวและรู้สึกมั่นใจและมีอำนาจจริงๆ [10] อ้าแขนหรือวางมันไว้หลังศีรษะและยืดอก
    • อย่าปล่อยให้ความล้มเหลวหรือขอบเขตมีอำนาจเหนือคุณ ความล้มเหลวแปลว่าคุณกำลังพยายาม คุณต้องเรียนรู้จากมันไม่ใช่หลีกเลี่ยงมัน คุณต้องเตือนตัวเองว่าความล้มเหลวของคุณไม่ได้บอกความเป็นคุณนอกจากว่าคุณจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้น
    • ศรัทธาในตัวเอง ความกล้าหาญรวมถึงการไว้ใจและเชื่อในตัวเอง บอกตัวเองว่าคุณมีบางอย่างที่พิเศษ จำไว้ว่าความเย่อหยิ่งและความมั่นใจนั้นต่างกัน [11]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การมีความกล้าหาญในช่วงเวลานั้น

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. สร้างความกล้าหาญสำหรับเหตุการณ์ที่เฉพาะเจาะจง. มันต้องใช้ความกล้าหาญหลายแบบเพื่อชวนคนที่คุณสนใจไปออกเดท เพื่อขอขึ้นเงินเดือนกับเจ้านายหรือเพื่อเผชิญหน้ากับการแกล้ง สิ่งหนึ่งที่เหตุการณ์เหล่านั้นจะต้องใช้คือการแสดงความมั่นใจไม่ว่าแท้จริงนั้นคุณจะรู้สึกอย่างไร ความมั่นใจและความกล้าหาญจะแสดงผ่านการกระทำประหนึ่งว่าคุณไม่กลัวถึงแม้ (และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง) คุณกำลังกลัว [12]
  2. วิธีที่ดีที่สุดในการชวนบางคนไปออกเดทคือการพูดตรงไปตรงมาถึงแม้มันจะน่ากลัวที่ต้องออกไปทำสิ่งนั้น ซ้อมสิ่งที่คุณจะพูดล่วงหน้า หากคุณสามารถทำได้ก็ลองคุยกับเธอในที่ส่วนตัว ลองนึกว่ามันจะดีแค่ไหนหากเธอตอบตกลง; มันคุ้มค่าการเสี่ยงใช่ไหม? [13]
    • จำไว้ว่าหากเธอปฏิเสธ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณหรือความน่าพิสมัยของคุณ เคารพการตัดสินใจของเธอและภูมิใจในตัวเองที่กล้าหาญ!
  3. มันอาจจะน่ากลัวเมื่อต้องคุยกับเจ้านายโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันเกี่ยวกับปัญหาที่คุณเจอในที่ทำงาน; อีกทั้งมันยังอึดอัดที่ต้องพูดเรื่องเงินๆ ทองๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม หากคุณจะทำให้มันเป็นบทสนทนามากกว่าเป็นการเผชิญหน้าคุณก็อาจจะทำสำเร็จ [14]
    • ขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวและวางแผนล่วงหน้าว่าคุณจะพูดอะไรกับเธอ คุณสามารถรู้สึกประหม่าแต่อย่าฝืนมัน คุณต้องหายใจปกติและพูดด้วยความเชื่อมั่น
    • หากบทสนทนาไม่เป็นไปตามที่คาดไว้คุณต้องถอยหลังและประเมินตัวเอง หากคุณคิดถึงมันและรู้สึกว่าคุณเป็นฝ่ายถูกก็ลองขอให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลให้มีส่วนร่วม
    • อีกทางเลือกหนึ่งคือบางครั้งสิ่งที่ดีกว่าที่คุณควรทำคือเปลี่ยนงาน; บางคนดื้อมากและการเลือกที่จะไม่สู้ไม่ได้แปลว่าคุณไม่มีความกล้าหาญ
  4. แสดงความกล้าหาญเมื่อเผชิญหน้ากับการกลั่นแกล้ง. เมื่อคุณเผชิญหน้ากับการกลั่นแกล้ง จำไว้ว่าคุณต้องทำเหมือนว่าคุณใจดีสู้เสือและมั่นใจ คุณจะหลอกตัวเอง (และเธอ) ว่าคุณไม่ได้กลัว [15] การกลั่นแกล้งพุ่งเล็งไปที่การตอบโต้ทางอารมณ์ของคุณ ฉะนั้นอย่าให้คนที่กลั่นแกล้งได้ใจจากปฏิกิริยาตอบโต้ ทำตัวมั่นใจในตัวเอง (แม้คุณจะไม่รู้สึกแบบนั้นก็ตาม)
    • หากการแกล้งส่งผลไปถึงผลลัพธ์ของการเผชิญหน้าให้คุณลองขอความช่วยเหลือจากครูหรือพ่อแม่ การรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรขอความช่วยเหลือจากภายนอกคือความกล้าหาญอย่างหนึ่ง มันแสดงว่าคุณกำลังซื่อสัตย์กับตัวเองเกี่ยวกับความเป็นจริงของเหตุการณ์นั้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การเอาชนะความกลัว

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณกลัวอะไร? ก่อนที่คุณจะเอาชนะความกลัวของคุณและแสดงออกอย่างกล้าหาญ คุณต้องรู้ว่าอะไรที่ทำให้คุณกลัว สิ่งที่มักจะทำให้คุณกลัวมีดังนี้: [16]
    • ความสูง
    • งูและ/หรือแมงมุม
    • ผู้คน
    • การพูดในที่สาธารณะ
    • น้ำ
    • พายุ
    • พื้นที่ปิด
  2. เมื่อคุณได้ระบุความกลัวของคุณแล้วก็พยายามอย่าซ่อนหรือหลีกเลี่ยงมัน พยายามอย่าเกลี้ยกล่อมตัวเองว่าคุณไม่กลัวเพราะคุณจะต้องพยายามหนักกว่าเดิมเพื่อที่จะเอาชนะมัน คุณต้องยอมรับว่าคุณมีความกลัวเพื่อที่คุณจะได้เอาชนะมันอย่างได้ผล [17]
    • คุณสามารถรับรู้ความกลัวของคุณโดยการเขียนลงกระดาษหรือพูดออกมาดังๆ
    • คุณสามารถประเมินระดับความกลัวของคุณโดยการเขียนระดับความกลัวจาก 0 (ไม่กลัวเลย) ไปจนถึง 100 (กลัวมาก) ความกลัวของสิ่งที่อยู่ในคำถาม
  3. ในเทคนิคนี้คุณต้องปล่อยให้ตัวเองเข้าถึงหรือเผชิญกับสิ่งที่คุณกลัวมากขึ้นๆ ทีละน้อย [18]
    • เช่น หากคุณกลัวการออกจากบ้านคุณก็อาจจะเริ่มโดยการสวมรองเท้าประหนึ่งว่าคุณจะออกจากบ้านแต่ไม่ได้ออกจริงๆ
    • ต่อไปคุณก็ต้องเปิดประตูและก้าวออกนอกบ้านสองก้าว สี่ก้าว แปดก้าวและเดินไปในซอยบ้านและเดินกลับ
  4. ฝืนตัวเองในสถานการณ์ที่คุณกลัวและปล่อยให้ตัวเองกลัวให้เต็มที่ รู้สึกถึงความกลัวที่วิ่งเต้นอยู่ในตัวของคุณ สังเกตแต่พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะไม่กลัวมัน มันอาจจะช่วยหากคุณจินตนาการว่าตัวเองเป็นบุคคลที่สามและพูดว่า “เขาดูกลัวมากๆ ในตอนนี้” [19]
    • ในวิธีนี้ หากคุณกลัวการออกนอกบ้านคุณก็ต้องลองเดินออกไปในซอยก่อน จากนั้นคุณจึงพยายามนึกว่าการออกนอกบ้านก็ไม่ได้แย่มากเท่าไหร่
    • จากนั้นคุณจึงทำขั้นตอนนี้ซ้ำจนกว่าคุณจะไม่กลัวการออกนอกบ้าน
    • หลักการคือต้องแสดงให้คุณเห็นว่าไม่ต้องกลัวในสิ่งที่ทำ วิธีนี้ใช้ได้ดีที่สุดกับความกลัวที่ไม่มีเหตุผล
  5. เมื่อคุณพบว่ากำลังกลัวบางสิ่งให้ลองนึกถึงสิ่งอื่นที่เป็นบวก พยายามนึกภาพบางอย่างที่ทำให้คุณมีความสุข เช่น สุนัขหรือคนรักของคุณ ใช้อารมณ์ที่เป็นบวกนี้เพื่อเอาชนะความกลัว [20]
    • นึกภาพสิ่งที่ทำให้คุณเป็นบวก พยายามจินตนาการมันกับความรู้สึกหลายแบบเพื่อให้มันเป็นจริงมากขึ้น
    • เช่น หากคุณกำลังนึกถึงสุนัขให้ลองนึกว่าสุนัขของคุณมีกลิ่นแบบไหน สุนัขรู้สึกอย่างไรเวลาที่คุณเล่นกับมัน มันหน้าตาและมีเสียงเป็นอย่างไร
  6. การพูดเกี่ยวกับความกลัวของคุณกับบางคน ไม่ว่าจะเป็นนักบำบัดที่มีใบอนุญาตหรือสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนที่คุณไว้ใจสามารถช่วยให้คุณระบุได้ว่าความกลัวของคุณมาจากไหน อีกทั้งยังช่วยให้คุณเอาชนะความกลัวและแสดงออกอย่างกล้าหาญได้ [21] [22]
    • เว็บไซต์ที่คุณสามารถใช้เพื่อคุยโดยไม่ต้องออกนามมีเหล่านี้ [23]
    • คุณอาจจะต้องคุยกับใครสักคนหากความกลัวของคุณกำลังบ่อนทำลายชีวิตในแบบที่คุณต้องการจะเปลี่ยน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การเป็นคนกล้าหาญต้องใช้การฝึกฝน ยิ่งคุณเผชิญหน้ากับความกลัวและจัดการกับอารมณ์ที่เป็นลบมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น
  • ใช้ความกล้าหาญของคุณในการช่วยเหลือกับคนที่ไม่สามารถทำเช่นนั้น วิธีนี้จะช่วยให้คุณเผชิญหน้ากับความกลัวและจะช่วยเหลือสังคมของคุณ
  • จินตนาการว่าคุณสามารถทำได้จนกว่าคุณจะไม่ต้องจินตนาการอีกต่อไป
โฆษณา

คำเตือน

  • คุณต้องระวังเมื่อเผชิญหน้ากับการกลั่นแกล้ง มันไม่มีวิธีแก้ปัญหาใดที่แก้ได้ทุกปัญหาในการจัดการกับการกลั่นแกล้งและบางครั้งการไม่เข้าไปมีส่วนร่วมจะดีกว่า
  • แม้เคล็ดลับนี้อาจจะเป็นประโยชน์ในการช่วยผู้คนที่มีปัญหาเรื่องความเครียดแต่มันไม่ควรถูกใช้แทนการพบแพทย์หรือคำแนะนำของนักบำบัดหรือยา
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 16,244 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา