PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มรู้สึกปวดท้อง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณจะทำเป็นลืมๆ มันไปและหันมาใช้ชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างปกติ และไม่ว่าคุณจะปวดท้องจากสาเหตุใดก็ตามยังไงคุณก็อยากให้อาการนี้มันหายไปเร็วๆ ใช่ไหมล่ะ ถ้าอาการปวดท้องแบบนี้มันกวนใจคุณอยู่ล่ะก็ให้ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดูแล้วคุณจะหายจากอาการนี้เป็นปลิดทิ้ง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

บำบัดอาการคลื่นไส้

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ลองเข้าห้องน้ำดู. ก่อนจะทำการรักษาไม่ว่าแบบไหน ลองใช้บริการห้องน้ำก่อน สาเหตุหลักของการคลื่นไส้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่เหมือนๆ กันก็คือการอยากถ่ายอุจจาระ ถ้าคุณคิดว่าตนเองท้องผูก คุณอาจลองน้ำลูกพรุน ลูกพรุน น้ำผลไม้จากน้ำผลไม้เข้มข้น หรือยาถ่าย
  2. อาการคลื่นไส้มักจะมาพร้อมกับการอาเจียนซึ่งจะทำให้ร่างกายขาดน้ำได้และถ้าหากร่างกายคุณขาดน้ำมากๆ อาการคลื่นไส้นั้นจะอยู่นานมากขึ้นและมีความรุนแรงมากกว่าปกติ เพราะฉะนั้นจะดีที่สุดถ้าคุณดื่มน้ำ 2-4 ออนซ์ทุก 15 นาทีเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของคุณเกิดอาการขาดน้ำ
    • ลองหาเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬามาช่วยเติมโซเดียมและโพแทสเซียมให้กับร่างกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและสามารถต่อสู้กับอาการป่วยต่างได้
    • ดื่มชาเปเปอร์มินต์ ชาคาโมมายล์หรือน้ำขิงผสมน้ำผึ้งเนื่องจากสมุนไพรเหล่านี้มีสรรพคุณในการลดอาการคลื่นไส้ได้เป็นอย่างดี
  3. 3
    ทานอาหารรสชาติกลางๆ . เนื่องจากร่างกายของคุณต้องการสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายในการรักษาอาการปวดท้อง ดังนั้นคุณควรที่จะรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายๆ โดยเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มันไม่เผ็ดจัดหรือไม่หวานเกินไป เช่น ข้าว ข้าวโอ๊ต ซุป ขนมปังปิ้ง หรือขนมปังกรอบเป็นต้น นอกจากนี้ควรพยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของนมเนื่องจากอาหารเหล่านี้มีแบคทีเรียตามธรรมชาติที่อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องได้
  4. 4
    น้ำข้าวคือน้ำของตะกอนแป้งที่ได้จากการรินออกมาจากข้าวต้มสุขจนละลาย.
  5. 5
    วิธีทำน้ำข้าวอันดับแรกคือซาวข้าวโดยใช้น้ำประมาณหนึ่งแก้วเพื่อล้างสิ่งสกปรกออกจากข้าวก่อน. เทข้าวประมาณครึ่งแก้วลงในชามและเติมน้ำลงไปจนท่วมข้าวและทิ้งเอาไว้ 15-30 นาที
  6. จนกว่าน้ำในชามจะกลายเป็นสีขุ่น [1]
  7. โคล่าไซรัปคือน้ำเชื่อมที่มีกลิ่นเหมือนกับโคล่าที่คุณชื่นชอบ โดยน้ำเชื่อมชนิดนี้ถูกนำมาใช้เพื่อรักษาอาการคลื่นไส้มาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้วโดยสามารถดื่มสดๆ หรือจะผสมน้ำแข็งก็ได้โดยคุณสามารถจิบ 1-2 ช้อนโต๊ะ (14.8–29.6 มล.) ทุกๆ 2-3 ชั่วโมงเพื่อบรรเทาอาการคลื่นไส้
  8. ถึงแม่ว่าเบคกิ้งโซดาจะเป็นส่วนผสมหลักของพวกยาลดกรด แต่คุณก็สามารถดื่มแบบธรรมดาโดยผสมแค่น้ำได้ โดยละลายเบคกิ้งโซดาหนึ่งช้อนโต๊ะในน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว จากนั้นค่อยๆ ดื่มทุก 2-3 ชั่วโมงจนกว่าอาการคลื่นไส้จะหายไป
  9. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลแตกต่างจากน้ำส้มสายชูทั่วไปเนื่องจากสามารถช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้โดยการดูดซึมสารอาหารที่ไม่พึงประสงค์ในท้องของคุณ ผสมน้ำส้มสายชูจากแอปเปิ้ล 1-2 ช้อนโต๊ะ (14.8–29.6 มล.) กับน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องหนึ่งแก้วจากนั้นดื่มน้ำที่ผสมไว้ทุก 2-3 ชั่วโมงจนกว่าอาการคลื่นไส้จะหายไป [2]
  10. มีการพิสูจน์แล้วว่าชามิ้นท์สามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้อย่างดี เพียงแค่จุ่มใบมิ้นท์แห้งประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะลงในน้ำเดือดปริมาณครึ่งลิตรและทิ้งเอาไว้ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นให้ดื่มชาพร้อมกับรับประทานใบมิ้นท์เข้าไปด้วย เนื่องจากการรับประทานมิ้นท์ต้มสุขจะทำให้สามารอาการคลื่นไส้ชองคุณเบาลงได้
  11. เนื่องจากร่างกายของคุณต้องการพลังงานในการต่อสู้กับแบคทีเรียและเชื้อไวรัสในท้องของคุณ คุณจึงต้องใช้เวลาไปกับการนอนพักผ่อนให้มากที่สุดโดยควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือการใช้แรงมากๆ
  12. การอาเจียนไม่ได้เป็นสิ่งที่แย่ขนาดนั้นเพราะมันสามารถช่วยล้างของเสียออกจากท้องของคุณได้ การอาเจียนเป็นขั้นตอนของร่างกายในการกำจัดแบคทีเรียและพวกไวรัสในท้องที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดท้อง ถึงแม่ว่าในขณะอาเจียนคุณอาจจะรู้สึกแย่แต่หลายคนกลับบอกว่ามันเป็นวิธีที่ทำให้อาการคลื่นไส้ของพวกเขาดีขึ้นได้ ก่อนจะนอนคุณควรเตรียมภาชนะหรือถ้วยมาวางเตรียมไว้ข้างเตียงเพื่อป้องกันไม่ให้อาเจียนเลอะที่นอนของคุณ
  13. มียามากมายตามร้านขายยาทั่วไปที่ช่วยรักษาอาการคลื่นไส้โดยให้หาซื้อยาที่มีส่วนผสมของ “บิสมัท”ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเคลือบกระเพาะอาหารและลดอาการคลื่นไส้ นอกจากนี้ยาลดกรดยังสามารถช่วยลดอาการปวดท้องได้อีกด้วย
  14. พวกยาและแอลกอฮอล์สามารถทำให้ท้องของคุณเกิดการระคายเคืองได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้การรักษาอาการคลื่นไส้ให้หายนั้นช้าลงหรืออาจจะทำให้แย่ลงไปกว่าเดิม อีกอย่างคือควรเลี่ยงการดื่มคาเฟอีน (เพราะถือว่าเป็นยา)และแอลกอฮอล์ขณะที่ยังมีอาการป่วยอยู่ [3]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

รักษาอาการตะคริวที่ท้อง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเพิ่มความร้อนบนท้องของคุณสามารถช่วยลดความตึงของผิดหนังอีกทั้งยังสามารถทำให้อาการเกร็งจากตะคริวเริ่มเบาลงได้ ลองใช้ขวดน้ำร้อนหรือถุงเท้าสะอาดแล้วนำมาใส่ข้าวและนำไปอุ่นให้มีอุณหภูมิที่ไม่ร้อนมากจนเกินไป จากนั้นนำมาวางบนท้องของคุณ และเพื่อให้ได้ผลดีที่สุดควรนำของมาประคบที่ท้องเวลาที่นอนอยู่
  2. การแช่ในน้ำอุ่นจะช่วยให้ระบบไหลเวียนดีขึ้นและทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวมากขึ้น วิธีนี้จะช่วยบรรเทาอาการเกร็งในท้องของคุณได้ แช่น้ำอย่างน้อยวันละ 15-20 นาทีเพื่อให้เห็นผลดีที่สุด
  3. ตะคริวอาจจะเกิดจากการที่กล้ามเนื้อหดตัว ลองนวดเบาๆ ที่หน้าท้องของตัวเองเพื่อบรรเทาอาการปวดท้องโดยเน้นนวดตรงบริเวณที่มีอาการปวด และให้นวดบริเวณท้องน้อยด้านล่างทั้งหมด [4]
  4. ไม่ใช่ว่านหางจระเข้สดๆ จากต้นแต่ต้องเป็นน้ำว่านหางจระเข้ที่เป็นน้ำผลไม้ที่ช่วยลดอาการปวดท้องได้ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายอาหารทั่วไป นอกจากนี้น้ำว่านหางจระเข้ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูก และช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้อีกด้วย [5]
  5. สรรพคุณทางยาและคุณประโยชน์อื่นๆ ของขิงสามารถช่วยเรื่องระบบขับถ่ายและบรรเทาอาการปวดท้องน้อยได้ ขิงสดจะเห็นผลเร็วกว่าแบบแห้งโดยใส่ขิงเป็นชิ้นๆ ลงในน้ำร้อนหลังจากนั้นจึงดื่มเพื่อให้รู้สึกผ่อน แต่ถ้าคุณเป็นคนทานเผ็ดไม่ได้แนะนำให้ลองทานขิงแบบอื่นดู เช่น ขิงที่เป็นอาหารเสริมที่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป [6]
  6. ทั้งแอลกอฮอล์และโซดาทำให้ระบบย่อยของคุณย่อยยากมากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังสามารถทำให้อาการเจ็บจากตะคริวนั้นรุนแรงขึ้นได้เพราะฉะนั้นลองหันมาดื่มชาสมุนไพรแทน เช่น น้ำขิง หรือ ชาเปปเปอร์มิ้นท์เพื่อจะช่วยให้กล้ามเนื้อของคุณคลายตัวลง อีกอย่างที่ควรจะต้องหลีกเลี่ยงคือเครื่องดื่มรสเปรี้ยวเช่น น้ำมะนาวเป็นต้น
  7. ตะคริวที่ท้องอาจจะเกิดมาจากอาการอาหารเป็นพิษดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีความมันมากๆ เพื่อไม่ให้อาการแย่ลง ถ้าเกิดว่าหิวก็ให้ทานอาหารที่มีรสจืดแทนเช่น ขนมปังปิ้ง ซอสแอปเปิ้ล หรือขนมปังกรอบ
  8. ในกรณีที่ตะคริวไม่ยอมหายไปสักทีให้หายาพวก ไอบูโปรเฟน อะเซตามิโนเฟน แอสไพริน และนาพรอกเซนมาใช้ในปริมาณน้อยๆ ยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเหล่านี้สามารถลดอาการปวดท้องได้ถ้าหากคุณเป็นตะคริวเพราะประจำเดือนให้คุณลองทานยาที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนโดยเฉพาะแทน [7]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

รักษาอาการอาหารไม่ย่อย

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดและมันเนื่องจากจะทำให้ระบบย่อยของคุณทำงานยากขึ้น ไม่เพียงแค่ระวังสิ่งที่คุณทานเข้าไปเท่านั้นแต่ต้องคอยระวังด้วยว่าคุณทานอาหารเร็วไป คำใหญ่เกินไปหรือว่าคุณพูดไปทานไปหรือเปล่าเพราะมันอาจจะทำให้ระบบย่อยอาหารแย่ลงได้ ทางที่ดีคุณควรค่อยๆ ทานและเลี่ยงการพูดในขณะที่มีอาหารอยู่ในปาก.
  2. หากคุณเป็นคนที่ชอบการดื่มน้ำมากๆ ในระหว่างการรับประทานอาหาร ให้ลองเปลี่ยนมาดื่มน้ำหลังจากที่ทานเสร็จแล้วแทนโดยให้หลีกเลี่ยงโซดา กาแฟ และแอลกอฮอล์เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้จะกัดกระเพาะอาหารและทำให้คุณรู้สึกไม่สบายท้องได้ ถ้าจะให้รู้สึกสบายท้องคุณควรดื่มนมสักหนึ่งแก้วเพราะนมจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับกรดในท้องของคุณ [8]
  3. อาการอาหารไม่ย่อยสามารถเกิดขึ้นได้จากการที่กรดในกระเพาะมีมากเกินไปหรือในบางครั้งอาจจะน้อยเกินไป ถ้าเกิดสาเหตุเหล่านี้เป็นต้นเหตุของอาการอาหารไม่ย่อยของคุณล่ะก็คุณควรหากรดไฮโดรคลอริกชนิดเม็ดมาทาน แต่ถ้าทานเข้าไปแล้วยังไม่รู้สึกว่าอาการดีขึ้นก็ให้ทานต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกอุ่นๆ ในท้อง และถ้าเริ่มรู้สึกอุ่นแล้วแสดงว่าในท้องของคุณเริ่มมีกรดมากเกินไปเพราะฉะนั้นให้ลดปริมาณลงให้พอดี
  4. อาหารเสริมชนิดนี้มีขายทั่วไปตามร้านขายอาหารเสริมเพื่อสุขภาพมีทั้งแบบที่เป็นเอ็นไซม์จากสัตว์และพืชที่มีประสิทธิภาพและใช้ได้ผลโดยให้รับประทานตามคำแนะนำที่ระบุไว้ตามเอ็นไซม์แต่ละชนิด
  5. อาหารเสริมชนิดนี้เป็นอาหารเสริมที่มาในรูปแบบของแคปซูลใสที่คุณสามารถทานได้ทุกวัน ร้อยละ 75 ของคนที่ทานอาหารเสริมตัวนี้บอกว่ามันสามารถรักษาอาการอาหารไม่ย่อยได้จริงและเพื่อให้เห็นผลและเหมาะสมกับอาการของคุณมากที่สุดคุณควรรับประทานตามคำแนะนำที่แนบมากับอาหารเสริมชนิดนี้ [9]
  6. เปปเปอร์มินต์ ขิง และคาโมไมล์ ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่วิเศษในการช่วยรักษาปัญหาในช่องท้องโดยคุณสามารถหามาทานได้ในรูปแบบของน้ำชา โดยจะซื้อเป็นถุงชามาชงดื่มหรือจะนำใบที่แห้งแล้วมาใส่น้ำชาก็ได้เช่นกัน เพื่อเพิ่มรสชาติคุณสามารถบีบมะนาวลงไปนิดหน่อยหรือจะเติมน้ำผึ้งลงไปแทนน้ำตาลก็ได้
    • ดื่มชาอบเชย. ต้มชาโดยใช้ผงอบเชยประมาณ 2 ถุงชาแล้วคนให้เข้ากัน เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้ว [10]
    • ชาคาโมไมล์แบบร้อนสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้จริงๆ นะ!! คาโมไมล์เป็นสมุนไพรที่สามารถบรรเทาอาการปวดท้องได้ เพียงแค่จิบชาเข้าไปไม่นาน น้ำร้อนๆ วิตามินและสมุนไพรจากชาคาโมไมล์จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและบรรเทาอาการปวดท้องได้
      • นำกาน้ำออกมาต้มน้ำให้เดือด ใส่ถุงชาเขียวหรือถุงชาสมุนไพรลงไปในน้ำที่ต้มเอาไว้
      • แช่ถุงชาเอาไว้ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นก็จิบชาให้รู้สึกผ่อนคลายได้เลย
  7. โปรไบโอติกส์เป็นแบคทีเรียดีที่เติบโตอยู่ในท้องและคอยช่วยย่อยอาหาร ถ้าหากในร่างกายของคุณมีโปรไบโอติกส์น้อยเกินไปอาจจะทำให้ย่อยอาหารได้ช้าลงและจะก่อให้เกิดอาการปวดท้องจากการที่อาหารไม่ย่อยได้ โดยโปรไบโอติกส์สามารถหาทานได้ในโยเกิร์ตและนมบางชนิด
  8. สามารถหาซื้อได้ตามร้านอาหารเพื่อสุขภาพทั่วไปโดยมีสรรพคุณในการช่วยให้การไหลเวียนของน้ำดีในระบบขับถ่ายนั้นดีขึ้นและควรรับประทานตามปริมาณที่กำหนดไว้เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
  9. สารสกัดจากชะเอมเทศหรือ DGL คือแคปซูลหรือผงที่สกัดมาจากชะเอมเทศโดยปราศจากสารกลีซีร์ริซินซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ความดันโลหิตของสูงในกรณีที่เป็นผงให้ทานปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะแต่ถ้าเป็นเม็ดให้ทานเพียง 2 เม็ดก่อนรับประทานอาหาร 15 นาที
  10. ถึงแม้จะเชื่อกันว่าไม่ควรนอนหลังจากทานอาหารอิ่มแต่คุณก็ต้องพักนิดหน่อยก่อนที่จะไปทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อ นั่งตัวตรงสักประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหารเสร็จและต้องทานอาหารก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
  11. คุณสามารถหาซื้อยาที่มีใบรับรองแพทย์ตามร้านขายยาทั่วไปที่ช่วยรักษาอาการอาหารไม่ย่อย อย่างไรก็ตามยาพวกนี้อาจจะมีผลข้างเคียงด้านลบมาด้วยเช่น ท้องเสีย หรือท้องผูกเป็นต้น เนื่องจากยาเหล่านี้จะไปยับยั้งการหลั่งของกรดในกระเพาะและเมื่อมีกรดน้อยเกินไปจึงอาจทำให้ระบบย่อยของคุณมีปัญหาได้เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรทานตามคำแนะนำของแพทย์ [11]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ป้องกันอาการปวดท้องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปัญหาในช่องท้องเช่นอาการคลื่นไส้และอาหารไม่ย่อยส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการที่คุณเครียดมากๆ เพราะฉะนั้นคุณควรหาเวลาว่างพักผ่อนและคลายเครียดบ้าง
    • ยืดเส้นยืดสายและหายใจเข้าออกลึกๆ วิธีนี้สามารถช่วยป้องกันปัญหาการปวดท้องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ [12]
    • กำจัดความเครียดด้วยการออกกำลังกายและการนั่งสมาธิ การออกกำลังกายและการนั่งสมาธิช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดรฟินที่ทำให้คุณมีความสุข แต่ถ้าคุณไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้วให้ลองเดินระยะทางไกลๆ เล่นโยคะ ว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมที่ใช้แรงไม่มากดู
    • หาอะไรสนุกๆ ทำ หาเวลาว่างอ่านหนังสือ วาดรูป เล่นเกม หรือทำกิจกรรมที่คุณชอบจะช่วยลดความเครียดลงได้ และที่สำคัญเมื่อคุณทำในสิ่งที่ชอบเวลาที่คุณปวดท้องหรือคลื่นไส้อยู่คุณก็จะลืมอาการต่างๆ ไปโดยปริยาย
  2. ปัญหาในช่องท้องเป็นผลมาจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดีและมีพฤติกรรมทานอาหารที่ไม่เหมาะสมและถ้าหากคุณมีปัญหาปวดท้องเรื้อรังมาเป็นปีๆ ให้ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดูเพื่อแก้ไขพฤติกรรมการทานอาหารของตนเอง
    • กินน้อยๆ แต่กินบ่อยๆ การรับประทานอาหารหลัก 3 มื้อใหญ่ๆ ต่อวันมีโอกาสทำให้อาหารไม่ย่อยหรืออาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้มากกว่าการทานอาหารมื้อเล็กๆ 5-7 มื้อต่อวัน คุณจะต้องแบ่งอาหารออกเป็นสัดส่วนเล็กๆ เพื่อที่จะทานได้หลายมื้อและสามารถทานขนมระหว่างอาหารมื้อหลักได้
    • ระวังอาหารที่จะทำให้ปวดท้อง เช่นอาหารเผ็ด อาหารมัน คาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือ เครื่องดื่มที่มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์มากๆ เพราะอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้
    • ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าอาหารชนิดใดทำให้คุณปวดท้องก็ให้ลองเลิกทานไปทีละอย่าง ตัวอย่างเช่นลองเลิกดื่มผลิตภัณฑ์นมสัก 1 อาทิตย์ ลองดูว่าอาการปวดท้องนั้นหายไปหรือไม่ ถ้ายังไม่หายก็ให้เลิกทานอย่างอื่นต่อจนกว่าจะเจอเจ้าตัวปัญหาที่ทำให้คุณปวดท้อง
    • จดบันทึกว่าแต่ละวันคุณทานอะไรไปบ้างโดยบันทึกในวันที่คุณมีอาการปวดท้อง วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถนำบันทึกอาหารนี้กลับมาดูได้ว่าในทุกๆ วันที่คุณปวดท้อง มีอาหารจานใดบ้างที่คุณรับประทานเข้าไป
  3. เวลาที่คุณอ้วนขึ้นและเริ่มมีพุงกระเพาะอาหารจะถูกดันขึ้นและทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้เพราะฉะนั้นคุณจำเป็นจะต้องลดน้ำหนักโดยการออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณรู้สึกอยากอาเจียนให้พยายามนอนให้หลับ พยายามอย่ากลิ้งไปกลิ้งมาเพราะมันจะทำให้อาการคลื่นไส้นั้นแย่ลง ให้นอนหงายตรงๆ และสังเกตอาการว่าดีขึ้นหรือไม่
  • พยายามคิดอย่างอื่นเพื่อไม่ใจให้จดจ่ออยู่กับอาการปวดท้องถึงแม้ว่าจะเป็นการคิดว่าเมื่อไหร่จะหายก็ตาม หลังจากได้นอนพักพอตื่นขึ้นมาคุณจะรู้สึกว่าอาการปวดท้องนั้นจะค่อยๆ หายไปและจะไม่รู้สึกอยากอาเจียนอีก
  • พยายามกำหนดลมหายใจตัวเองและพยายามอย่าสนใจอาการปวดท้องโดยการหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ และออกทางปาก
  • นอนหงายตรงๆ โดยนำหมอนอย่างต่ำ 3 ลูกมาลองไว้ที่เท้าเพื่อยกเท้าของคุณให้สูงขึ้น วิธีนี้จะช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณท้องลงได้
  • อย่าอั้นแก๊สเอาไว้ในร่างกายคุณสามารถใช้แผ่นทำความร้อนแปะบนท้องและค่อยๆ ไล่แก๊สให้ออกมาจากร่างกายได้
  • ถ้าคุณคิดว่าอาการปวดท้องเกิดมาจากอาการท้องผูกแนะนำให้ทานไฟเบอร์เยอะๆ เพื่อช่วยในการขับถ่าย แต่กรณีที่คุณกินอาหารเช้าที่มีไฟเบอร์สูงเช่น ซีเรี่ยล เป็นปกติอยู่แล้วอาการท้องผูกคงจะไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างแน่นอน
  • ยืนขึ้นและพยายามก้มลงไปจับนิ้วเท้าให้ถึง วิธีนี้จะช่วยไล่แก๊สออกมาจากท้องของคุณได้
  • หลังจากที่รักษาอาการปวดท้องโดยการดื่มชาหรือรับประทานยาเรียบร้อยแล้วให้นั่งหรือนอนลงเพื่อให้เลือดในร่างกายได้ไหลไปยังช่องท้องและทำตัวสบายๆ ฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายเนื่องจากเชื่อกันว่าเพลงสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ และหลังจากนั้นก็รอให้การปวดท้องค่อยๆ หายไปเอง
  • ลองอยู่เฉยๆ ดูโดยไม่ต้องทำอะไรและรอให้อาการปวดท้องนั้นหายไปเอง
  • ลองหาอะไรทำเพื่อจะได้ลืมอาการปวดท้อง เช่นการอ่านหนังสือ เพราะมันอาจจะช่วยให้คุณหลุดเข้าไปในอยู่ในโลกของหนังสือและลืมอาการปวดท้องได้
  • หาบลูเบอร์รี่มาทานหรือลองดื่มชามิ้นท์ ชาน้ำผึ้ง หรือน้ำขิง
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์
  • พยายามนอนนิ่งๆ อย่าขยับมากเพราะจะทำให้ยิ่งปวด
  • นอนบนเตียงหรือที่พื้นโดยใช้หมอนหนุนหัวและหนุนที่ท้องด้วย โดยสามารถใช้ผ้าห่มได้เช่นกัน
  • พยายามอย่าขยับมากเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อในท้องบิดตัวมากขึ้นและจะทำให้อาการยิ่งแย่ลง
  • ลองงีบดูสักหน่อยเพราะอาจจะทำให้คุณลืมอาการปวดท้องไปสักพักหนึ่งได้
  • ถ้าอยู่ที่โรงเรียนก็ให้หาห้องน้ำเข้าหรือถ้าไม่ไหวจริงๆ ไม่ก็โทรให้คุณแม่มารับกลับบ้าน
  • ทานยาแก้ท้องเสีย
  • ห้ามทานอาหารมันๆ ลองหาขนมปังกรอบสักชิ้นสองชิ้นมาทานแทนแต่ก็อย่าให้มากจนเกินไป รวมถึงอย่าวิ่งหรือเดินไปเดินมามากนัก พยายามนั่งอยู่เฉยๆ
  • ทานสัปปะรดเพื่อช่วยลดอาการคลื่นไส้
  • ใช้แผ่นให้ความร้อนหรือผ้าเล็กๆ วางบนท้องเพื่อให้ความร้อนไล่แก๊สออก
  • หาใบมิ้นท์มาดมหรือนำมารับประทานเพื่อบรรเทาอาการปวดท้อง
  • ทานขนมปังและดื่มน้ำสักเล็กน้อย
  • เข้าห้องน้ำและพยายามนั่งจนกว่าจะถ่ายท้องวิธีนี้จะช่วยทำให้คุณได้ขับของเสียออกมาจากท้องได้ ทานยาแก้ปวดและจิบน้ำบ่อยๆ และให้วางขวดน้ำร้อนเอาไว้บนท้องของคุณ
  • ดื่มน้ำเยอะๆ
  • ตรวจดูว่ายาปฏิชีวนะที่คุณทานเข้าไปนั้นไปผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง ดูให้แน่ใจว่าไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณปวดท้องแต่ถ้ามีให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
  • ดื่มน้ำแครนเบอร์รี่ที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและทำให้อาการต่างๆ หายเร็วมากขึ้น
  • นอนเฉยๆ หายใจลึกๆ นำหมอนสักสองสามใบมารองที่เท้า และนำแผ่นให้ความร้อนหรือกระเป๋าน้ำร้อนมาวางไว้บนพุง
  • นอนบนเตียงแบนๆ หนุนหมอนสักสามลูกขึ้นไปและรองที่เท้าด้วยหมอนสักหนึ่งลูก ฟังเพลงสบายๆ เช่น เสียงคลื่น และอาจจะทำสมาธิหลังจากนั้น นอกจากนี้ให้ลองทานสลัดผลไม้และหายใจช้าๆ สบายๆ
  • ค่อยๆ ดื่มน้ำทีละน้อยอย่าดื่มทีเดียวจำนวนมาก เพราะอาจจะทำให้เรารู้สึกอึดอัดกระเพาะได้ หรืออาจจะลองดื่มน้ำอัดลมสักเล็กน้อย
  • นอนคว่ำโดยมีหมอนหนุนท้องของคุณไว้
  • นอนลงและนำกระเป๋าน้ำร้อนมาวางที่ท้อง
  • ห้ามดื่มน้ำเย็นพยายามดื่มน้ำอุณหภูมิห้องเพื่อป้องกันอาการปวดท้อง
  • ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากๆ อย่างเช่น น้ำผลไม้โซดา พยายามดื่มน้ำเปล่า นม และชาร้อนแทนเพราะถ้าคุณดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงอาจจะทำให้อาการของคุณแย่ลงและอาจจะหายช้า
  • ถ้ามีแก๊สในท้องก็ปล่อยออกมาเลย อย่ากลั้นไว้เพราะมันจะทำให้อาการยิ่งแย่ลง
  • พยายามนอนให้หลับ แต่พยายามอย่านอนหงายให้นอนตะแคงแทนเพราะการนอนหงายอาจจะทำให้คุณสำลักเวลาอาเจียนได้
  • ผสมมหาหิงคุ์ลงในน้ำและนำมาทาบริเวณหน้าท้อง
  • ห้ามทับท้องของตัวเองเพราะจะทำให้คลื่นไส้ได้และพยายามหาอาหารอุ่นๆ เช่นซุปมาดื่ม
  • ถ้าคลื่นไส้ให้เลี่ยงการรับประทานผลไม้สด ผักสด หรือผลิตภัณฑ์นม ไว้เมื่อไหร่คุณหายแล้วค่อยหามาทานดีกว่า
  • เลี่ยงการดื่มโซดาและแอลกอฮอล์
  • นอนพักให้สบายตัวและหายใจเข้าลึกๆ ทางจมูกและหายใจออกทางปาก
  • ใช้ยาไดจีน (Digene) เพื่อช่วยรักษาอาการปวดท้อง
  • ถ้าคุณรู้สึกอยากอาเจียนแต่กลับอยู่ในที่สาธารณะที่ไม่มีที่หลบไปอาเจียนได้ ก็ให้อาเจียนออกมาเลยถ้าทนไม่ไหวจริงๆ อาจจะดูเป็นเรื่องน่าอายแต่ว่ามันก็จำเป็นเพราะมันจะช่วยเอาของเสียออกมาจากกระเพาะของคุณได้
  • ทานเปปเปอร์มิ้นท์อาจจะช่วยได้
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามขยับไปมามาก เพราะการขยับตัวมากๆ จะทำให้อาการยิ่งแย่ลงพยายามหาที่เงียบๆ นอนพัก
  • ดูให้ดีว่าอาหารพวกเนื้อหรือปลาที่คุณทานนั้นสุกหรือไม่ ถ้าคุณปรุงอาหารด้วยอุณหภูมิที่ไม่สูงพออาจทำให้อาหารไม่สุกและจะไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อร่างกายที่อาศัยอยู่ในเนื้อได้ การทานอาหารไม่สุกอาจจะทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้
  • หลายๆ คนเกิดการปวดท้องในขณะที่เดินทางไปต่างประเทศ ให้ดื่มน้ำหรือแปรงฟันจากน้ำในขวดเสมอพยายามหลีกเลียงพวกน้ำแข็งเพราะอาจจะมีเชื้อโรคปนอยู่และห้ามทานอาหารดิบๆ หรือผลไม้สด เช่นผลไม้ที่เปลอกเปลือกไว้แล้วหรือสลัดผักเพราะอาหารเหล่านี้ผ่านการสัมผัสของมือคนอื่นมาแล้ว
  • ในกรณีที่คุณรู้สึกเจ็บหรือปวดท้องจากการได้รับแรงกระแทกหรือเป็นแผลหรือว่ารู้สึกอึดอัดบริเวณหน้าอกแนะนำให้รีบโทรขอความช่วยเหลือด่วนที่สุด
  • ถ้าคุณไม่สามารถขยับตัวได้หรือต้องนอนงอตัวเอาไว้เพื่อบรรเทาอาการปวดแนะนำให้หาคนพาคุณเข้าห้องฉุกเฉินแทน ถ้าหากคุณสังเกตได้ว่ามีอาการดังต่อไปนี้เช่น ท้องบวม ท้องนิ่ม สีผิวเริ่มกลายเป็นสีเหลือง อ้วกหรือถ่ายเป็นเลือดหรือคลื่นไส้เป็นระยะเวลาหลายวันแล้วไม่หายแนะนำให้รีบเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจรักษาอาการทันที days. [13]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 99,507 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา