ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
การใช้โทนเนอร์เป็นขั้นตอนสำคัญในหลักการดูแลผิวที่ดี โทนเนอร์จะทำความสะอาด พร้อมกับให้ความชุ่มชื้น กระชับรูขุมขน ปรับสมดุลค่าพีเอส (pH) ของผิว และเพิ่มชั้นการป้องกันสิ่งสกปรกควบคู่กันไป [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เมื่อเพิ่มโทนเนอร์เข้าไปในกิจวัตรการดูแลผิวประจำวัน ให้ใช้ระหว่างการทำความสะอาดและการให้ความชุ่มชื้น ใช้สำลีแผ่นชุบโทนเนอร์ค่อยๆ ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ เมื่อเลือกโทนเนอร์ ก็ให้มองหาส่วนประกอบจากธรรมชาติที่อ่อนโยนและไม่ทำให้ใบหน้าแห้ง คุณยังสามารถทำโทนเนอร์เองที่บ้านโดยให้เหมาะสมตามความต้องการของสภาพผิวของคุณได้อีกด้วย
ขั้นตอน
-
ล้างหน้าก่อน. ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดกับน้ำอุ่นและผ้าขนหนูนุ่มๆ เพื่อทำความสะอาดใบหน้า ถูนวดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดลงบนผิวเบาๆ เพื่อกำจัดเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกต่างๆ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น เมื่อเสร็จแล้วให้ล้างใบหน้าด้วยน้ำเย็น หลังจากนั้นใช้ผ้าขนหนูสะอาดซับหน้าให้แห้ง [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เทโทนเนอร์ลงบนสำลีแผ่น. เทโทนเนอร์ลงบนสำลีแผ่นจนชุ่มแต่ไม่เปียกโชกจนเกินไป คุณสามารถใช้สำลีก้อนสำหรับขั้นตอนนี้ก็ได้ถ้ามี แต่สำลีแผ่นจะดูดซับผลิตภัณฑ์น้อยกว่าสำลีก้อนซึ่งจะช่วยประหยัดโทนเนอร์
-
ค่อยๆ ทาโทนเนอร์ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ. ใช้สำลีแผ่นค่อยๆ เช็ดผลิตภัณฑ์ให้ทั่วใบหน้า ลำคอ และเนินอก [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตาและระวังอย่าให้ผลิตภัณฑ์สัมผัสริมฝีปาก ใส่ใจเป็นพิเศษกับร่องและบริเวณที่เข้าถึงได้ยาก รวมไปถึงคิ้ว ด้านข้างจมูก บริเวณใกล้หู และไรผม โทนเนอร์จะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไม่สามารถเข้าถึงได้ รวมถึงสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือเกลือ คลอรีน หรือสารเคมีใดๆ ที่พบในน้ำประปา [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
พรมหรือฉีดผลิตภัณฑ์โทนเนอร์ตัวที่สองเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น. เนื่องจากโทนเนอร์แบบสเปรย์แค่สามารถทำให้สิ่งสกปรกเจือจางได้ แต่ไม่ได้กำจัดออก คุณจึงควรจะใช้โทนเนอร์แบบเช็ดก่อนเสมอ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณชอบความรู้สึกสดชื่นของสเปรย์โทนเนอร์ คุณก็สามารถทำให้มันเป็นขั้นตอนเพิ่มเติมหลังจากใช้โทนเนอร์แบบเช็ดแล้วก็ได้ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
รอสักครู่เพื่อให้โทนเนอร์แห้ง. เนื่องจากโทนเนอร์ส่วนใหญ่มีน้ำเป็นส่วนประกอบพื้นฐานจึงซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ค่อนข้างรวดเร็ว ปล่อยให้โทนเนอร์ซึมเข้าผิวให้สนิทก่อนใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้ผิวรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันสิ่งสกปรก
-
จบขั้นตอนด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาและมอยส์เจอไรเซอร์. ถ้าคุณใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวใดๆ เช่น เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพิ่มเติม ก็ทาให้ทั่วใบหน้าหลังจากปรับสภาพผิวแล้ว การใช้โทนเนอร์ก่อนนั้นจะทำความสะอาดผิวอย่างหมดจดและช่วยให้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ซึมซาบลงไปในผิวได้ลึกยิ่งขึ้น
-
ใช้โทนเนอร์วันละสองครั้ง. โดยทั่วไปคุณควรใช้โทนเนอร์หนึ่งครั้งตอนเช้าและหนึ่งครั้งตอนกลางคืน ในตอนเช้าโทนเนอร์จะช่วยกำจัดความมันที่ผิวหนังสร้างขึ้นในตอนกลางคืนและปรับสมดุลค่าพีเอสของผิวหนัง ในตอนกลางคืนโทนเนอร์จะช่วยให้การทำความสะอาดเสร็จสมบูรณ์โดยการกำจัดฝุ่น เครื่องสำอาง หรือสิ่งสกปรกใดๆ ก็ตามที่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดกำจัดออกได้ไม่หมด รวมถึงคราบมันที่หลงเหลืออยู่จากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดด้วย [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าผิวของคุณแห้งเป็นพิเศษ คุณอาจจะต้องเริ่มด้วยการใช้โทนเนอร์แค่วันละหนึ่งครั้งตอนกลางคืน การใช้โทนเนอร์มากเกินไปอาจจะทำให้ผิวแห้งกว่าเดิม ถ้าคุณพบว่าผิวแห้งเป็นพิเศษ ให้ลองซื้อโทนเนอร์สูตรสำหรับผิวแห้งเพื่อลดการขาดน้ำ [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
ใช้โทนเนอร์น้ำกุหลาบเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ. น้ำกุหลาบเป็นที่รู้จักกันว่ามีคุณสมบัติด้านความชุ่มชื้น ความกระจ่างใส และบำรุงให้ผิวมีชีวิตชีวา เหมาะสำหรับผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นเป็นพิเศษและควบคุมความมัน มองหาโทนเนอร์ที่มีน้ำกุหลาบเป็นส่วนประกอบหลัก [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เลือกโทนเนอร์ที่มีคาโมมายล์เป็นส่วนประกอบพื้นฐานเพื่อปลอบประโลมผิว. ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องผิวแห้งกร้าน แดง หรือแพ้ง่าย ให้ลองใช้โทนเนอร์คาโมมายล์ [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ส่วนประกอบนี้สามารถบรรเทาอาการระคายเคืองบนผิวหนัง ทำให้จุดด่างดำจางลง รักษาสิว และทำให้ผิวกระจ่างขึ้นได้ [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การผสมผสานระหว่างดอกคาโมมายล์และว่านหางจระเข้นั้นสามารถช่วยจัดการโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง (Eczema) และโรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย (Rosacea) ได้อีกด้วย [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
หลีกเลี่ยงโทนเนอร์ที่มีส่วนประกอบพื้นฐานจากแอลกอฮอล์ที่จะทำให้ผิวแห้งเกินไป. แอลกอฮอล์มักจะใช้เป็นยาสมานผิวในโทนเนอร์ที่แรงขึ้น หลายคนพยายามใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนประกอบพื้นฐานจากแอลกอฮอล์เพื่อรักษาสิว แต่ส่วนประกอบนี้สามารถทำให้ผิวระคายเคืองและทำให้ผิวแห้งได้ถ้าใช้บ่อยเกินไป เลือกใช้สูตรที่อ่อนโยนกว่าและปราศจากแอลกอฮอล์แทน [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
มองหาส่วนประกอบตามธรรมชาติที่รักษาสิวถ้าคุณมีผิวมัน. คุณสามารถควบคุมสิวและรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวได้โดยการเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนประกอบของยาสมานผิวที่อ่อนโยน มองหาส่วนประกอบ เช่น ทีทรีออยล์ น้ำส้ม น้ำมันหอมระเหยส้ม และวิชฮาเซล [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เมื่อใช้ยาสมานผิว ควรจะใช้วันละหนึ่งครั้งแทนการใช้สองครั้ง เมื่อผิวปรับตัวได้แล้วให้ลองเพิ่มการใช้เป็นวันละสองครั้ง
โฆษณา
-
ทำโทนเนอร์ชาเขียวที่ใช้ได้กับทุกสภาพผิว. เพียงผสมชาเขียว 1 ถ้วย (240 มิลลิลิตร) กับน้ำผึ้ง 1/2 ช้อนชาให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเย็นลงแล้วให้เติมน้ำมันหอมระเหยดอกมะลิ 3 หยดลงไปแล้วคน เก็บโทนเนอร์ไว้ในขวดที่ผนึกแน่นไม่ให้อากาศเข้าและเก็บไว้ในที่เย็น [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ชาเขียวจะช่วยส่งเสริมการฟื้นฟูเซลล์ผิวให้อ่อนเยาว์
- ต้มน้ำสำหรับชาอย่างน้อย 1 นาทีเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
-
ใช้ส่วนผสมน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์สำหรับผิวมัน. ทำโทนเนอร์ควบคุมความมันโดยผสมน้ำมะนาว 1 ลูก กับน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำแร่ 200 มิลลิลิตรแล้วคนให้เข้ากัน เทส่วนผสมลงในภาชนะที่ผนึกแน่นไม่ให้อากาศเข้าและเก็บไว้ในที่เย็น [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทำโทนเนอร์น้ำกุหลาบเองสำหรับผิวบอบบาง. เทน้ำกรองเดือดๆ 1/2 ถ้วย (120 มิลลิลิตร) ราดลงบนกุหลาบตูมอบแห้ง 1 ถ้วยในหม้อหรือจาน แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ใช้ที่กรองเพื่อแยกกุหลาบออกมา หลังจากนั้นเทน้ำกุหลาบใส่ในภาชนะที่ผนึกแน่นไม่ให้อากาศเข้าและเก็บไว้ในตู้เย็น [20] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ต้องใช้น้ำกุหลาบแบบโฮมเมดภายใน 1 สัปดาห์ ดังนั้นควรทำในปริมาณแค่เท่าที่คุณจะใช้ใน 1 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่ง 1 ถ้วย (240 มิลลิลิตร) ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
- เพื่อความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ ให้เติมน้ำมันดอกเจอเรเนียมสักสองสามหยดลงไปในน้ำกุหลาบ [21] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณสามารถซื้อกุหลาบตูมอบแห้งทางออนไลน์หรือตากแห้งเองก็ได้
-
เก็บรักษาโทนเนอร์อย่างถูกต้อง. คุณสามารถเก็บรักษาโทนเนอร์แบบโฮมเมดหลังจากที่คุณทำได้นานถึง 3 เดือน ให้แน่ใจว่าใช้ภาชนะที่สะอาด ถ้าคุณนำภาชนะบรรจุกลับมาใช้ใหม่ก็ให้ทำความสะอาดให้หมดจดแล้วนำไปต้มในน้ำสะอาดอย่างน้อย 1 นาทีก่อนนำมาใช้เก็บรักษาโทนเนอร์โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.today.com/series/one-small-thing/6-reasons-why-you-should-use-facial-toner-t73941
- ↑ http://www.refinery29.com/applying-skin-care-products#slide-1
- ↑ https://intothegloss.com/2014/01/what-is-toner/
- ↑ https://intothegloss.com/2014/01/what-is-toner/
- ↑ http://www.refinery29.com/applying-skin-care-products#slide-4
- ↑ http://www.refinery29.com/applying-skin-care-products#slide-4
- ↑ http://www.refinery29.com/applying-skin-care-products#slide-4
- ↑ https://intothegloss.com/2014/01/what-is-toner/
- ↑ https://www.adorebeauty.com.au/beautyiq/how-often-should-i-use-toner/
- ↑ https://intothegloss.com/2014/01/what-is-toner/
- ↑ https://intothegloss.com/2014/01/what-is-toner/
- ↑ http://food.ndtv.com/food-drinks/13-incredible-chamomile-tea-benefits-drink-up-1629069
- ↑ https://www.womenshealthmag.com/beauty/how-to-use-facial-toner
- ↑ https://intothegloss.com/2014/01/what-is-toner/
- ↑ https://www.mostinside.com/natural-astringents/
- ↑ https://intothegloss.com/2014/01/what-is-toner/
- ↑ https://intothegloss.com/2014/01/what-is-toner/
- ↑ https://intothegloss.com/2014/01/what-is-toner/
- ↑ http://helloglow.co/2-ingredient-diy-toner-recipes-for-every-skin-type/
- ↑ http://helloglow.co/2-ingredient-diy-toner-recipes-for-every-skin-type/
- ↑ http://helloglow.co/2-ingredient-diy-toner-recipes-for-every-skin-type/
โฆษณา