ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
หากมีใครเผลอกลืนกินสิ่งมีพิษเข้าไป บางครั้งเราอาจใช้วิธีการทำให้อาเจียนเพื่อให้พิษบางส่วนออกมาจากร่างกาย แต่ถ้าคุณหรือบุคคลอื่นกินสารพิษเข้าไป ให้รีบโทรติดต่อศูนย์พิษวิทยาที่ 1367 ในทันที ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ เพื่อให้ผู้ป่วยอาเจียนออกมา และในกรณีที่ไม่ทราบว่าเขากลืนอะไรเข้าไป ให้หลีกเลี่ยงการทำให้อาเจียนจนกว่าจะได้ปรึกษาศูนย์พิษวิทยา แต่ถ้าผู้ป่วยไม่หายใจ รู้สึกง่วงนอน กระวนกระวาย หรือมีอาการชัก ให้โทรติดต่อสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติที่ 1669 หรือสถานพยาบาลฉุกเฉินในพื้นที่ของคุณ ที่สำคัญ ต้องขอเตือนก่อนว่างานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ชี้ให้เห็นว่า การอาเจียนมักไม่สามารถขับสารพิษออกมาจากท้องได้มากพอ ในขณะที่ยาช่วยอาเจียนยังอาจเป็นอันตรายและส่งผลต่อวิธีการฉุกเฉินทางการแพทย์ในการควบคุมการแพร่กระจายของสารพิษ
ขั้นตอน
-
เปิดปากของผู้ป่วย. ต้องแน่ใจว่าศีรษะของผู้ป่วยชี้ลงด้านล่างเพื่อไม่ให้เกิดการสำลัก และต้องไม่ให้ผู้ป่วยนอนโดยเอาหลังลงเพราะอาจทำให้ผู้ป่วยสำลักได้เช่นเดียวกัน เราต้องให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าพักฟื้น
- คุณสามารถใช้วิธีการเดียวกันในการทำให้ตัวเองหรือบุคคลอื่นรู้สึกอยากขย้อนเพื่อกระตุ้นให้อาเจียนออกมา แต่ในกรณีที่ใช้วิธีการนี้กับตัวเอง คุณคงต้องอาศัยความมุ่งมั่นตั้งใจพอควรเพื่อที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกคลื่นไส้มากพอจนอาเจียนออกมาได้
-
สอดนิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าไปในปากของผู้ป่วย. วางนิ้วไว้บนลิ้นและล้วงปลายนิ้วเข้าไปบริเวณส่วนหลังของลำคอของผู้ป่วย
-
เมื่อล้วงเข้าไปจนถึงส่วนหลังของลำคอแล้ว ให้กดนิ้วลง. ถ้าผู้ป่วยยังไม่อาเจียนออกมา ให้ใช้ปลายนิ้วเกาๆ ตรงลำคอของผู้ป่วย
-
เตรียมตัวรับการอาเจียน. ถ้าผู้ป่วยเริ่มตัวสั่นเหมือนกำลังจะอาเจียน ให้พยายามหลบออกให้พ้นทางมากที่สุด และหันหน้าของผู้ป่วยไปทางชักโครก ภาชนะ หรือจุดอื่นๆ ตามความสะดวก แต่ถ้าผู้ป่วยกลืนสิ่งมีพิษเข้าไป คุณคงต้องจัดการทุกอย่างอย่างรวดเร็ว อย่ามัวรีรอเพียงเพราะไม่อยากให้พรมเปื้อน
-
ล้างมือของคุณให้สะอาด. ถ้าผู้ป่วยอาเจียนโดนผิวของคุณ อย่าลืมใช้น้ำอุ่นและสบู่ล้างมือให้สะอาด
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:
วิธีที่ทำได้เองที่บ้านแต่ยังไม่มีการรับรองผล: การเตรียมยาสูตรมัสตาร์ด
-
ผสมมัสตาร์ดกับน้ำอุ่น. ตักมัสตาร์ด 1 ช้อนชาราดลงในน้ำอุ่น 1 แก้วเพื่อทำเป็นยาช่วยอาเจียนหรือสารกระตุ้นให้อาเจียนออกมา
- หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าสูตรนี้ได้ผลและปลอดภัยยังคงมีไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้จึงถือเป็นวิธีการที่ทำได้เองที่บ้านแต่ยังไม่มีการรับรองผล ซึ่งควรคำนึงถึงเรื่องนี้เมื่อนำมาใช้
-
ดื่มยาสูตรมัสตาร์ดให้หมดไวๆ. ถ้าเจ้าน้ำมัสตาร์ดอุ่นๆ นี้ทำให้คุณรู้สึกหมดความอยากอาหาร นั่นก็เพราะสูตรนี้คิดค้นขึ้นมาเพื่อให้คุณอาเจียนยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นให้ลองบีบจมูกหรือกลั้นหายใจในขณะที่ดื่มถ้ารู้สึกว่าการกล้ำกลืนฝืนกินลงไปช่างเป็นอะไรที่ยากเหลือเกิน
-
รอประมาณ 20-30 นาทีเพื่อให้รู้สึกอยากอาเจียน. ถ้าผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้วยังไม่อาเจียนออกมา แสดงว่าสูตรนี้คงใช้ไม่ได้ผลสำหรับคุณแล้วล่ะ
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:
วิธีที่ทำได้เองที่บ้านแต่ยังไม่มีการรับรองผล: การเตรียมยาสูตรน้ำเกลือ
-
ผสมเกลือเข้ากับน้ำอุ่น. ใส่เกลือ 3 ช้อนชาลงในน้ำอุ่น 16 ออนซ์ เพียงเท่านี้คุณก็ได้ตัวยาช่วยอาเจียนชั้นดีแล้ว
- แต่ต้องระวังเมื่อดื่มน้ำเกลือเป็นยาช่วยอาเจียน เพราะการดื่มมากเกินไปอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ดื่มน้ำเกลือให้หมดไวๆ.
-
รอประมาณ 20 ถึง 30 นาทีจนรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียน. ถ้าไม่รู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมาเอง คุณคงต้องหาวิธีการอื่นแล้วล่ะ
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:
วิธีที่ทำได้เองที่บ้านแต่ยังไม่มีการรับรองผล: น้ำเมือกช่วยอาเจียน
-
ผสมไข่ขาวดิบ 2-3 ฟอง หรือเมือกกระเจี๊ยบ 1 ถ้วย (น้ำที่เหลือหลังการต้มกระเจี๊ยบ). ถ้าคิดว่าไข่ขาวอาจไม่ปลอดภัย ก็ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้ไข่ที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงแล้ว
-
ใช้ไข่ขาวหรือเมือกกระเจี๊ยบกลั้วคอจนรู้สึกอยากขย้อนออกมา.
-
บ้วนไข่ขาวหรือเมือกกระเจี๊ยบลงในถ้วย. ถ้าจำเป็นอาจจะทำซ้ำโดยใช้สูตรเดิมจนกระทั่งอาเจียนออกมาได้ในที่สุด
-
ขอให้คนอื่นอาเจียน. รู้หรือไม่ว่า การดูคนอื่นอาเจียนอาจทำให้คุณรู้สึกอยากอาเจียนได้เช่นเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์เรียกพฤติกรรมนี้ว่า “การอาเจียนตาม” (sympathy vomiting) [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Go Ask Alice ไปที่แหล่งข้อมูล โดยการอาเจียนตามนี้จะเกิดขึ้นได้แม้ผู้ที่อาเจียนตามไม่ได้มีโรคหรือความเจ็บป่วยเหมือนบุคคลต้นแบบ
- วิธีที่ปลอดภัยและได้ผลดีที่สุดคือการทำให้อาเจียนโดยใช้ความรู้สึกอยากขย้อนช่วยกระตุ้น ดังที่อธิบายไปก่อนหน้านี้
-
รอให้บุคคลต้นแบบอาเจียน. ขณะที่บุคคลต้นแบบของคุณอาเจียน ให้เข้าไปดูใกล้ๆ และพยายามสูดดมกลิ่นอาเจียนของเขาหรือเธอ ถ้าความรู้สึกคลื่นไส้ตีคลื่นขึ้นมา ไม่ต้องพยายามอดกลั้นมันไว้ แต่ให้ใช้ความรู้สึกคลื่นไส้นี่ล่ะทำให้คุณอาเจียนออกมา
- ใช้วิธีการนี้หลังจากใช้วิธีปลอดภัยอื่นๆ แล้วไม่ได้ผลและได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องแล้วเท่านั้น
เคล็ดลับ
- ถ้ารู้ว่าผู้ป่วยกลืนสารพิษอะไรลงไป ให้เก็บใส่ขวดและนำไปให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ข้อมูลทุกอย่างที่คุณมอบให้กับเจ้าหน้าที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ดีที่สุด
- ตรวจดูอาการของผู้ป่วยหลังการอาเจียน เพราะการอาเจียนอาจไม่สามารถกำจัดสารอันตรายออกจากร่างกายได้ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ แม้คุณจะทำให้ผู้ป่วยอาเจียนออกมาได้สำเร็จ แต่ผู้ป่วยก็ยังต้องได้รับการดูแลจากแพทย์
- ดื่มน้ำในปริมาณมากๆ (750 มล.) ก่อนที่จะใช้นิ้วล้วงคอ
- ไม่ควรทำให้ตัวเองอาเจียนเพียงเพื่อลดน้ำหนักหรือระบายท้อง เพราะการทำเช่นนี้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
- การดูวิดีโอของคนที่กำลังอาเจียนอาจทำให้คุณรู้สึกอยากอาเจียนตามได้เช่นเดียวกัน
- ล้วงนิ้วชี้ลึกเข้าไปในปากจนแตะลิ้นไก่หรืออวัยวะในปากที่ห้อยลงมา และดึงออกมาเร็วๆ
คำเตือน
- ห้ามทำให้คนที่กำลังหมดสติอาเจียนโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เขาสำลักในทันที
- ถ้าคุณกระตุ้นให้ตัวเองอาเจียนเป็นประจำเพื่อลดน้ำหนักหรือหลังจากที่เผลอทานไม่หยุดปากเลยอยากระบายท้อง (อาเจียน) เอาอาหารออกมาจากร่างกาย อาจทำให้คุณมีความผิดปกติทางการกินหรือที่รู้จักกันในชื่อโรคบูลิเมีย เนอร์โวซา นอกจากนี้ การอาเจียนอย่างต่อเนื่องในระยะยาวยังอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากจนทำให้ผิวเคลือบฟันเสียหาย หรือทำให้หลอดอาหารเสียหายถาวร ดังนั้น เมื่อไรก็ตามที่คิดว่าตัวเองมีความผิดปกติทางการกิน เช่น โรคบูลิเมีย จะต้องรีบติดต่อผู้ให้คำปรึกษาทางด้านนี้หรือปรึกษาคุณหมอในทันที
- การทำให้อาเจียนในกรณีฉุกเฉินควรทำในกรณีที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
- การกระตุ้นให้อาเจียนอาจเป็นอันตราย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เพราะฉะนั้น ในกรณีต่อไปนี้ ห้ามกระตุ้นให้ผู้ป่วยอาเจียนโดยเด็ดขาด
- ถ้าผู้ป่วยกินผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นกรดหรือด่างเข้าไป เพราะสารเคมีอาจทำให้ผู้ป่วยแสบร้อนที่ปากและลำคออย่างรุนแรงถ้าคุณทำให้เขาอาเจียน
- ถ้าผู้ป่วยกินผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของปิโตรเลียมเข้าไป ในกรณีนี้ ถ้าผู้ป่วยอาเจียน ผู้ป่วยอาจสูดเอาสารที่ระเหยออกมาเข้าไป ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปอดบวมได้
- ถ้าผู้ป่วยรู้สึกสับสนหรือดูมึนงง
- ถ้าผู้ป่วยเป็นเด็กที่อายุน้อยเกินกว่าจะปฏิบัติตามที่สิ่งที่คุณบอกได้
- ถ้าคุณยังมีความเคลือบแคลงสงสัยและไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไร ในกรณีนี้ให้โทรสอบถามศูนย์พิษวิทยาหรือโทรขอความช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์
- มีการนำน้ำเชื่อมไอปิแคค (Ipecac syrup) มาใช้เป็นยาช่วยกระตุ้นการอาเจียนอย่างแพร่หลายมานานหลายศตวรรษสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมการแพร่กระจายของสารพิษ เพราะน้ำเชื่อมพิษตัวนี้สามารถลดอาการอาเจียนที่ควบคุมไม่ได้ในผู้ที่ทานเข้าไป อย่างไรก็ตาม การศึกษาเมื่อไม่กี่ปีผ่านมาชี้ให้เห็นว่าน้ำเชื่อมนี้ไม่ได้ผลจริง อีกทั้งยังอาจเป็นอันตรายและส่งผลต่อการควบคุมการแพร่กระจายของสารพิษ รวมถึงลดประสิทธิภาพของยาต้านพิษและตัวยาอื่นๆ [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล จึงไม่มีผู้ผลิตและแนะนำให้ใช้อีกต่อไป นอกจากนี้ ตัวน้ำเชื่อมยังอาจก่อให้เกิดอาการแพ้รุนแรงในบางราย [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เพราะฉะนั้น ถ้าคุณมีน้ำเชื่อมไอปิแคคอยู่ในมือ อย่าใช้โดยเด็ดขาด เว้นแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมสารพิษแนะนำให้ใช้เพราะเหลือเพียงทางเลือกสุดท้าย และห้ามใช้น้ำเชื่อมไอปิแคคกับผู้ป่วยที่ตั้งครรรภ์ มีโรคหัวใจ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น แผลเปื่อย โรคโครห์น หรือการติดเชื้อโดยเด็ดขาด [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/14677797
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/2255221
- ↑ http://goaskalice.columbia.edu/why-do-i-gag-when-someone-vomiting
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/9482425
- ↑ MayoClinic.com - Ipecac Syrup (Oral Route)
- ↑ http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-157-IPECAC.aspx?activeIngredientId=157&activeIngredientName=IPECAC