ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
การได้รู้จักคนอื่นๆ เป็นกิจกรรมปกติในชีวิตประจำวันของเรา ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนเข้าสังคมเก่ง แต่ก็ยังมีบางคราวเหมือนกันที่คุณอับจนคำพูดและเริ่มนึกไม่ออกว่าจะหาหัวเรื่องอะไรมาใช้สนทนาดี โดยการเตรียมตัวจัดทำรายชื่อหัวข้อสนทนาเอาไว้ในใจ คุณก็จะไม่มีวันต้องนึกหวั่นว่าจะหมดเรื่องคุยอีก ทั้งหมดที่ต้องทำก็แค่ดึงออกมาสักหัวข้อหนึ่งแล้วปล่อยให้มันไหลลื่นไปในการสนทนา
ขั้นตอน
-
คุยเรื่องคนอื่น. ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการเป็นนักสนทนาที่ดีคือการแค่ปล่อยให้คนอื่นเป็นฝ่ายพูดคุยเรื่องของพวกเขาเอง [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เพราะอะไรนะรึ มันเป็นประเด็นหัวข้อที่พวกเขาคุ้นเคยและอาจจะรู้สึกสะดวกใจที่จะคุยด้วยไง ให้ลองเคล็ดลับเหล่านี้:
- สอบถามความคิดเห็น คุณสามารถเชื่อมมันกับสิ่งที่เป็นไปในห้องขณะนั้น สถานการณ์ปัจจุบัน หรืออะไรก็ตามที่คุณอาจอยากสนทนาด้วย
- เจาะลงไปในประเด็น "เรื่องราวในชีวิต" ถามว่าคู่สนทนานั้นมีพื้นเพมาจากที่ไหน เติบโตมายังไง และต่อมาเรื่อยๆ
-
มีประเด็นเปิดการสนทนาที่ต่างกันสำหรับคนที่คุณมีความสนิทสนมต่างกัน. คำถามที่คุณจะยกมาถามใครสักคนขึ้นอยู่กับว่าคุณสนิทกับพวกเขาดีแค่ไหน นี่เป็นตัวอย่างบทเปิดการสนทนาสำหรับบุคคลสองประเภทที่คุณต้องสนทนาด้วย:
- ผู้คนที่คุณรู้จักดี : ถามเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหรือเปล่า โปรเจ็คต์งานหรือการเรียนของเขาไปได้ด้วยดีไหม ลูกเป็นไงบ้าง และเขาเพิ่งได้ดูหนังหรือรายการทีวีดีๆ อะไรบ้างไหม
- ผู้คนที่คุณรู้จักแต่ไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว : ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างนับแต่ครั้งล่าสุดที่ได้เจอกัน ดูว่าเขายังทำงานที่เดิมหรือยังอาศัยอยู่ที่เดิมหรือเปล่า ถามถึงเรื่องลูกและว่าเขามีเพิ่มไหม (ถ้ามันเกี่ยวโยงกัน) บางทีอาจถามว่าเขามีนัดเดทกับใครอยู่หรือเปล่า
-
เตือนตัวเองไว้ว่าต้องหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง. คุณย่อมรู้กฎเดิมๆ ดีอยู่แล้ว: อย่าพูดคุยเรื่องศาสนา การเมือง เงิน ความสัมพันธ์ ปัญหาภายในครอบครัว ปัญหาสุขภาพ หรือเรื่องเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ได้สนิทอะไรกันนัก ความเสี่ยงของการที่จะไปพูดขัดเขานั้นมีสูงเกินไป ฉะนั้นเลี่ยงไว้ก่อนจะดีกว่า พวกเหล่านี้มักเป็นประเด็นที่กระทบจิตใจด้วยเช่นกัน [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง .
-
ค้นหาเรื่องความสนใจและงานอดิเรก. คนเรานั้นมีความซับซ้อน มีความสนใจ มีงานอดิเรกและความชอบความชังแตกต่างกันไป มีคำถามแตกต่างกันหลายรูปแบบที่คุณสามารถเอ่ยถามถึงความสนใจและงานอดิเรก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะนำไปสู่บทสนทนาต่อเนื่องได้ด้วยตัวมันเอง คำถามที่ควรถามก็เช่น:
- คุณเล่นหรือติดตามกีฬาไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า?
- ชอบออนไลน์ไหม?
- ชอบอ่านอะไรบ้าง?
- เวลาว่างชอบทำอะไรล่ะ?
- ชอบเพลงแนวไหน?
- ชอบดูหนังแนวไหน?
- ติดรายการทีวีเรื่องอะไร?
- ชอบเล่มเกมกระดานบ้างไหมแล้วเกมอะไร?
- ชอบสัตว์หรือเปล่า? ชอบสัตว์อะไรมากที่สุด?
-
ยกเรื่องครอบครัวมาคุย. หัวข้อที่แน่นอนที่สุดคือเรื่องพี่น้องและข้อมูลแบ็คกราวนด์ทั่วๆ ไป (อย่างเช่นโตมาจากที่ไหน) ให้แน่ใจว่าคุณได้โต้ตอบด้วยความกระตือรือล้นเพื่อกระตุ้นให้เขาเล่าเพิ่มเติม [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง พ่อแม่อาจเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับคนที่โตขึ้นมาแบบมีปัญหาด้านการเลี้ยงดู มีพ่อแม่ชอบทำร้ายร่างกาย หรือพ่อแม่เพิ่งจากไป หัวข้อเรื่องลูกก็อาจเป็นเรื่องไม่สะดวกใจคุยสำหรับคู่ที่มีปัญหาเรื่องการเป็นหมันหรือยังไม่ลงรอยเรื่องความพร้อมจะมีบุตร หรือคนที่อยากมีลูกแต่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ คำถามบางคำถามที่คุณอาจเอ่ยถามได้ก็เช่น:
- คุณมีพี่น้องบ้างไหม? มีกี่คน?
- (ถ้าเขาเป็นลูกโทน) การเป็นลูกคนเดียวนี่มันรู้สึกยังไงบ้าง?
- (ถ้าเขามีพี่น้อง) พี่น้องชื่ออะไรกันมั่ง?
- พวกเขาอายุเท่าไหร่แล้ว?
- พวกเขาทำงานอะไร? (ปรับคำถามตามอายุ พวกเขาเรียนโรงเรียน /มหาวิทยาลัยไหนหรือทำงานกันหรือยัง)
- พวกคุณหน้าตาคล้ายกันไหม?
- บุคลิกเหมือนกันหรือเปล่า?
- คุณโตมาจากที่ไหน?
-
ถามเรื่องการท่องเที่ยวหรือการผจญภัยที่ผ่านมา. ถามคู่สนทนาว่าเขาเคยไปที่ไหนมาบ้าง ถึงแม้เขาจะไม่เคยไปไหนเลย เขาก็น่าจะมีความสุขที่ได้คุยเรื่องที่ที่อยากจะไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณควรจะถามว่า:
- ถ้าคุณมีโอกาสได้ไปอยู่ประเทศอื่น อยากไปอยู่ที่ไหนและเพราะอะไร?
- จากทุกเมืองที่เคยไปเที่ยวมา คุณชอบเมืองไหนที่สุด?
- พักร้อนคราวที่แล้วไปไหนมา? เป็นไงบ้าง?
- พักร้อนที่ดีที่สุด/แย่ที่สุดที่เคยไปมาคือที่ไหน?
-
ชวนพูดคุยเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม. อาหารอาจเป็นหัวข้อสนทนาที่ดีกว่าเล็กน้อยเพราะมันมีโอกาสที่คุณจะไปเจอะคนที่มีปัญหาเรื่องการติดสุราหรือคนที่ไม่ชอบดื่ม ให้ระมัดระวังด้วยว่าบทสนทนานี้จะไม่เกิดกับคนที่กำลังควบคุมอาหารหรือวิธีการที่พวกเขาพยายามลดน้ำหนัก มันอาจนำไปสู่ทิศทางที่เป็นลบได้ คุณควรถามแบบนี้แทน:
- ถ้าเกิดต้องกินอาหารได้อย่างเดียวไปตลอดชีวิต อาหารจานนั้นจะเป็นอะไร?
- เวลาไปทานข้าวนอกบ้าน ชอบไปร้านไหน?
- ชอบทำอาหารเองไหม?
- ลูกกวาดที่ชอบที่สุดคือ?
- ร้านอาหารที่ห่วยที่สุดเท่าที่เคยกินมาคือที่ไหน?
-
ถามถึงเรื่องงาน. ตรงนี้อาจยุ่งยากเล็กน้อยตรงที่มันอาจลงเอยฟังดูเหมือนการสัมภาษณ์งานได้ กระนั้น ถ้าคุณดำเนินการสนทนาด้วยความระมัดระวังและทำให้มันกระชับกับอ่อนหวาน มันจะนำไปสู่การสนทนาที่น่าสนใจได้ และอย่าลืมว่าคู่สนทนาอาจกำลังเรียนอยู่ เกษียณแล้ว หรือ "อยู่ในช่วงเปลี่ยนงาน" คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้นก็เช่น:
- คุณทำงานอะไร? ทำงาน (หรือเรียน) ที่ไหน?
- งานแรกที่ทำคืออะไร?
- เท่าที่ผ่านมาใครเป็นหัวหน้างานที่คุณชอบที่สุด?
- ตอนเป็นเด็กเคยคิดอยากทำงานอะไรเวลาที่เป็นผู้ใหญ่?
- ชอบตรงไหนมากที่สุดในงานที่ทำอยู่?
- ถ้าเงินไม่ได้เป็นประเด็น คุณยังจะทำงานเดิมอยู่ไหม งานในฝันคืองานอะไร?
-
หาว่าเหตุใดคุณสองคนถึงมาอยู่ในที่เดียวกัน. หากคุณไม่เคยพบหน้าเขามาก่อน มันมีสิ่งที่ลึกลับมากมายให้ค้นหาว่าเหตุใดคุณสองคนจึงมาอยู่ในที่เดียวกัน ถามคำถามอย่าง:
- แล้วงั้น คุณรู้จักเจ้าภาพได้ยังไง?
- คุณมามีส่วนร่วมกับงานนี้ทางไหน? (หรือ ถ้าเกี่ยวข้องกัน) เพราะบริจาคเงิน? ในงานไตรกีฬา?
- คุณหาเวลามามีส่วนร่วมกับงานทำนองนี้ได้ยังไง?
-
เอ่ยคำชมอย่างจริงใจ. พยายามทำให้มันเป็นคำชมในสิ่งที่เขาได้ทำมากกว่าที่จะเป็นสิ่งที่เขาเป็นอยู่ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถต่อบทสนทนาออกไปโดยการถามเขาถึงความสามารถนั้นๆ ถ้าคุณชมคู่สนทนาว่าเขามีตาสวย เขาจะเอ่ยขอบคุณแล้วบทสนทนาก็แทบจะจบลงแค่นั้น ให้แน่ใจว่าคุณยังคงแสดงความกระตือรือร้นเวลาที่เอ่ยคำชมออกไปเพื่อที่จะดูจริงใจ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ประโยคดีๆ ที่น่าใช้ก็เช่น:
- คุณเล่นเปียโนเก่งจัง เล่นมานานเท่าไหร่แล้ว?
- คุณดูขึ้นพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจดีจัง ไปเรียนรู้การพูดพรีเซนต์งานให้ดีแบบนี้จากที่ไหนมา?
- คุณวิ่งได้ยอดไปเลย แต่ละอาทิตย์ต้องฝึกยังไงบ้าง?
โฆษณา
-
ทำให้มันไม่เครียด. คุณไม่อาจคาดหวังปาฏิหาริย์บังเกิดขึ้นตั้งแต่การมีปฏิสัมพันธ์ขั้นต้นกับใครสักคน สิ่งที่คุณจะคาดหวังได้ก็แค่มีสัมพันธไมตรีเกิดขึ้น โอกาสดีที่สุดที่จะทำมันขึ้นมาก็คือให้ยึดอยู่กับหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจและพูดคุยได้สนุกออกรส มันจะช่วยให้สามารถสอดแทรกมุกตลกเล็กๆ เข้าไปในบทสนทนาได้ด้วย [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องปัญหาในชีวิตหรือสถานการณ์ด้านลบอื่นๆ ถ้าหากคุณเห็นสายตาของคู่สนทนาเหม่อลอยออกไปเวลาที่มีการหยิบยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาพูด มันก็เป็นเพียงเพราะมีคนแค่ไม่กี่คนที่คาดหวังจะได้พูดคุยปัญหาหรือสถานการณ์หนักหน่วงในบทสนทนาที่ผ่อนคลายเป็นกันเอง
- คนส่วนใหญ่มองหาประเด็นที่สุภาพ น่าสนใจ และไม่เครียดมาสนทนา และการแทรกอะไรในเชิงลบเข้าไปมีแต่ทำลายบรรยากาศตอนนั้นลง ทำให้การสนทนาจบลงได้
-
อย่าพะวงเรื่องความเงียบ. ความเงียบไม่จำเป็นต้องดูอึดอัด มันจะให้คุณได้รวบรวมความคิดเห็นประมวลคู่สนทนาหรือคิดหาหัวข้อที่เขาน่าจะอยากคุย มันทำให้คุณทั้งคู่มีเวลาหายอกหายใจและได้หยุดพักย่อยความคิด [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่างไรก็ตาม ความเงียบก็ชวนให้อึดอัดได้ ถ้าคุณรู้สึกพะว้าพะวงหรือพยายามจะกลบเกลื่อนความเงียบเพราะคุณเป็นกังวลกับมัน
-
แบ่งปันความสนใจที่มีร่วมกัน. เช่น ถ้าคุณพบว่าทั้งคู่ต่างชอบการวิ่ง ให้ใช้เวลามากขึ้นในการคุยเรื่องเหล่านี้ อย่างไรก็ดี ให้ใส่ใจด้วยว่าถึงอย่างไรเมื่อถึงจุดหนึ่งคุณก็จะต้องย้ายหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่น การสนทนาเรื่องวิ่งนานถึง 45 นาทีคงเป็นเรื่องที่ชวนอึดอัดสำหรับผู้คนส่วนใหญ่ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- สนทนาถึงคนอื่นที่มีความสนใจร่วมกันและความสำเร็จของพวกเขา เช่น คุณอาจรู้จักผู้ชนะการวิ่งมาราธอนปีที่แล้วด้วยกันทั้งคู่ และคุณคนใดคนหนึ่งอาจสามารถเล่ารายละเอียดว่าคนๆ นั้นฝึกฝนอย่างไรถึงชนะได้
- ในการพูดคุยเรื่องความสนใจที่มีร่วมกันนั้น อาจพูดคุยเรื่องอุปกรณ์เครื่องเล่นใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ กลยุทธใหม่ๆ เป็นต้น
- แนะนำสิ่งใหม่ๆ ที่คุณทั้งคู่สามารถลองทำในความสนใจร่วมกันนี้ได้ บางทีถึงอาจขนาดหาเวลาไปฝึกหรือลองอะไรใหม่ๆ ด้วยกัน
โฆษณา
-
จุดประกายทิศทางการสนทนาใหม่ด้วยการตั้งข้อสมมติฐานขึ้นมา. มันอาจฟังดูแปลกพิกลในทีแรก แต่ลองทำแล้วดูว่ามันจะเปิดการสนทนาให้ขยายออกไปได้อย่างมีสีสันขนาดไหน นี่คือตัวอย่างคำถามชวนคิดที่อาจเพิ่มรสชาติการสนทนาได้:
- จากความสำเร็จทั้งหมดที่คุณได้ทำมา อะไรที่คุณคิดว่าสำคัญที่สุดสำหรับตัวคุณเอง /เป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับสังคม?
- สมมติว่าคุณสามารถร่ำรวย โด่งดัง หรือมีอิทธิพล คุณจะเลือกอย่างไหนและเพราะอะไร?
- นี่เป็นช่วงเวลาดีที่สุดในชีวิตคุณเลยหรือเปล่า?
- ถ้าคุณสามารถเป็นเจ้าของของได้แค่ 10 อย่าง มันจะมีอะไรบ้าง?
- ถ้าคุณต้องเลือกอาหารแค่ห้าอย่างกับเครื่องดื่มแค่สองอย่างไปตลอดชั่วชีวิต คุณจะเลือกอะไร?
- คุณเชื่อว่าคนเราเป็นฝ่ายสร้างความสุขขึ้นมาเองหรือรอมันเกิดขึ้นมาเอง?
- คุณจะทำอะไรถ้าเกิดมีผ้าคลุมล่องหน?
- คุณเชื่อในเจตจำนงเสรีหรือเปล่า?
- คุณคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นสัตว์อะไรถ้าเกิดมีคนเปลี่ยนคุณเป็นสัตว์ได้?
- ซูเปอร์ฮีโร่ตัวโปรดของคุณเป็นใครและเพราะอะไร?
- คุณสามารถเชิญใครก็ได้ในประวัติศาสตร์มาร่วมทานข้าวเย็นที่บ้านได้ห้าคน คุณจะเชิญใคร?
- ถ้าพรุ่งนี้คุณเกิดถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง คุณจะใช้มันยังไง?
- ถ้าสามารถเป็นคนดังได้หนึ่งสัปดาห์ อยากมีชื่อเสียงด้านไหน? (หรือจะเลือกเป็นคนดังคนใด?)
- ยังเชื่อในซานตาคลอสหรือเปล่า?
- อยู่โดยไม่มีอินเทอร์เน็ตได้ไหม?
- ทริปในฝันของคุณเป็นไง?
-
จดจำไว้ว่าหัวข้อไหนที่ได้รับการตอบสนองอย่างดีในการสนทนา. ให้กลับมาหากลยุทธการพูดคุย "ที่ได้ผล" นี้อยู่เรื่อยๆ ตราบเท่าที่มันยังคงใช้ได้ผลต่อคุณ
- เช่นเดียวกัน จดจำหัวข้อที่ดูเหมือนผู้คนจะรู้สึกไม่สะดวกใจหรือรู้สึกเบื่อหน่าย แล้วหลีกเลี่ยงมันในอนาคต
-
อ่านเหตุการณ์ต่างๆ ในปัจจุบัน. ตามอ่านเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกและลองถามความคิดเห็นของคู่สนทนาถึงประเด็นข่าวใหญ่ที่เกิดขึ้นล่าสุด (กระนั้นพึงจำไว้ว่าในกรณีส่วนใหญ่แล้ว ทางที่ดีควรเลี่ยงเรื่องการเมือง) [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- จดจำข่าวขำๆ ที่เรียกเสียงหัวเราะจากคุณได้และเตือนให้คู่สนทนาได้นึกถึงข่าวขำๆ ที่เขาเพิ่งอ่านผ่านตามา
-
ฝึกพูดให้กระชับ. การหาหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการทำให้เกิดบทสนทนาที่ดี แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันคือคุณจะสื่อประเด็นนั้นออกมาได้อย่างไร [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ให้แน่ใจว่าได้พูดหัวข้อนั้นได้ตรงประเด็นโดยไม่ได้กล่าววกไปวนมาจนหาเป้าหมายไม่ได้
- พยายามอย่าพูดวกออกนอกเรื่องในระหว่างการหยิบยกประเด็นการสนทนา มิฉะนั้นอาจเสี่ยงที่คู่สนทนาจะหมดความสนใจจะคุยกับคุณ!
โฆษณา
เคล็ดลับ
- อย่าเอาแต่ปั้นคำถามที่เอ่ยถึงข้างต้นในบทความระดมใส่คู่สนทนา มันอาจทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกซักฟอก
- พยายามเป็นมิตรและไม่ไปพูดกระทบกระเทียบใคร
- ถ้าคุณพูดอยู่ในกลุ่ม ให้แน่ใจว่าได้ทำให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วม ถ้าคุณเริ่มคุยกับคนๆ เดียวในกลุ่มและคาดหวังให้คนอื่นนิ่งฟังการสนทนา มันจะทำให้ทั้งกลุ่มดูอึดอัดใจ
- ฟังคำตอบของคู่สนทนาอย่างตั้งใจ เพราะมันอาจนำไปสู่ประเด็นการสนทนาที่เกี่ยวข้องได้
- คิดก่อนพูด คุณไม่สามารถกลืนสิ่งที่พูดออกไปแล้ว นอกจากนี้ ผู้คนยังมักจดจำการสนทนาที่ได้คุยกับคุณ ฉะนั้นอย่าทำตัวไม่เป็นมิตรเว้นแต่คุณอยากให้เขาจดจำคุณแบบนี้
- วิธีที่ดีอย่างหนึ่งในการทำให้บทสนทนาเดินหน้าอย่างมีสมดุลคือการผลัดกันถามคำถาม มันไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนการทายปัญหาถามตอบหรือเป็นการแข่งขันเพื่อดูว่าคำถามของใครเข้าท่ากว่ากัน แต่มันเป็นวิธีที่สุภาพในการรักษาบทสนทนาให้ต่อเนื่องโดยไม่มีฝ่ายไหนคอยควบคุมอีกฝ่าย
- ถ้าเป็นครั้งแรกที่เจอคนๆ นั้น พยายามหลีกเลี่ยงคำพูดประชดประชัน ถึงแม้เขาจะเป็นคนแบบนั้นก็ตาม คุณอาจจะอยากแซวเขาบ้าง กระนั้นก็อย่าทำมากเกิน ไม่มีใครชอบการประชดประชันที่ มาก เกินไป
- ตั้งใจฟัง และพยายามมีส่วนร่วม หลังจากเขาตอบคำถามคุณ ดูว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ใดของคุณ หรือตอบคำถามนั้นเองถึงแม้เขาจะยังไม่ได้เอ่ยถาม
- หลีกเลี่ยง "คำตอบคำเดียว" (อย่างเช่น "ใช่”, "ไม่ใช่" และ "ก็ดี") เท่าที่จะทำได้ เพราะมันทำให้การสนทนาไม่คืบหน้าไปไหน
- ถ้าคุณเพิ่งเจอใครครั้งแรก จดจำชื่อเขาให้ได้! มันอาจฟังดูง่าย แต่ก็ลืมกันง่ายเช่นกัน พยายามพูดชื่อเขาในใจเร็วๆ ห้าครั้งติดต่อกันตอนที่เขาแนะนำตัวเอง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/fulfillment-any-age/201107/10-tips-talk-about-anything-anyone
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/look-it-way/201001/topics-avoid
- ↑ http://psychcentral.com/lib/making-conversation-a-skill-not-an-art/
- ↑ http://psychcentral.com/blog/archives/2013/04/01/the-psychology-of-constructing-a-conversation/
- ↑ http://psychcentral.com/lib/making-conversation-a-skill-not-an-art/
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/happiness-in-world/200912/the-effective-use-silence
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/resolution-not-conflict/201507/how-good-are-you-the-art-conversation-quiz
- ↑ http://psychcentral.com/lib/making-conversation-a-skill-not-an-art/
- ↑ http://psychcentral.com/lib/making-conversation-a-skill-not-an-art/
โฆษณา