PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

การรักษาชีวิตการทำงานหรือชีวิตส่วนตัวให้สมดุลบางครั้งก็ยากลำบากมาก คนส่วนมากอาจต้องยอมให้การเรียนหรือการทำงานมามีผลกระทบต่อความสัมพันธ์หรือครอบครัว และบางคนอาจต้องยอมให้ความสัมพันธ์และชีวิตครอบครัวมีผลกระทบต่อการเรียนและการทำงาน การจัดสมดุลชีวิตและการทำงานได้จะเป็นผลดีต่อตัวเราและทำให้เราเหนื่อยน้อยลง ถึงแม้การจัดสมดุลชีวิตต้องมีการวางแผนเป็นอย่างดีและการเตรียมตัวมาก แต่ก็เป็นไปได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

จัดเวลา

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในยุคที่สามารถเรียนและทำงานทางอินเตอร์เน็ตได้ เราสามารถอยู่บ้านได้ทั้งวันโดยที่ยังทำภารกิจทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยได้ ยิ่งสามารถเรียนและทำงานที่บ้านได้ ก็ยิ่งสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ข้อเสียคืองานหรือการเรียนอาจเริ่มมาเบียดบังเวลาพักผ่อนหรือเวลาทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว การผละจากงานที่อยู่ตรงหน้านั้นยาก อีกทั้งถ้าเราไม่ยอมแบ่งเวลาพักและเวลาทำงานให้ชัดเจน ก็อาจผละจากงานเพื่อมาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมกับครอบครัวได้ยากยิ่งขึ้น [1] ฉะนั้นเราจึงต้องแบ่งเวลาให้ชัดเจนก่อนถึงจะแก้ปัญหาที่กล่าวมาแล้วได้
    • ถ้าเราทำงานหรือเรียนทางอินเตอร์เน็ต การไปนั่งทำงานหรือนั่งเรียนที่ห้องสมุดใกล้บ้าน ร้านกาแฟ หรือบริเวณที่จัดไว้ให้นักศึกษาหรือคนทำงานที่ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อทำภารกิจของตน เมื่อทำเสร็จแล้ว เราก็ออกจากสถานที่นั้นเสีย จะได้เป็นการบอกตัวเองว่าถึงเวลาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมส่วนตัวแล้ว
    • ถ้าเราทำงานที่บ้าน ก็ให้แบ่งพื้นที่ใช้ทำงานและพื้นที่พักผ่อนให้ชัดเจน เราอาจทำห้องหนึ่งของบ้านให้เป็นสำนักงาน หรือพื้นที่เล็กๆ ให้เป็นที่ทำงานก็ได้ แต่ถ้าบางครั้งเราอยากเปลี่ยนไปทำงานที่บริเวณอื่นของบ้าน ก็ทำได้เช่นกัน
    • ถ้าเราทำงานในสำนักงานของบริษัท ให้หาวิธีการผ่อนคลายหลังจากเลิกงานในวันนั้นแล้ว ตัวอย่างเช่น เราอาจใช้เวลาระหว่างเดินทางกลับบ้านฟังเพลงหรือหนังสือเสียง แวะยิมเพื่อออกกำลังกายสักหน่อย หรือโทรหาเพื่อนเพื่อพูดคุยกันสักเล็กน้อย
  2. เราต้องรู้ว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง ถึงจะจัดสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้ ฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุจำเป็น หรือเผชิญหน้ากับสถานการณ์เร่งด่วน เราก็จะรู้ว่าต้องทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก
    • เขียนว่ามีด้านไหนบ้างที่มีความสำคัญต่อชีวิตเรามากที่สุด เราอาจเขียนว่าด้านที่สำคัญต่อชีวิตของเรามี ครอบครัว ความสัมพันธ์อันดีกับคนรัก งาน และจิตใจ รวมทั้งการเป็นอาสาสมัคร การมีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ การรักษาวงสังคม หรือการหมั่นให้ความรักและความเอาใจใส่ผู้อื่น
    • ดูสิ่งที่เราเขียนและจัดอันดับโดยเริ่มจากเขียนหมายเลข 1 ให้กับสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เขียนหมายเลข 2 ให้กับสิ่งที่สำคัญรองลงมา และเขียนหมายเลขต่อไปสำหรับสิ่งที่มีความสำคัญอันดับต่อไป การจัดอันดับจะแสดงให้เห็นว่าเราควรทำอะไรก่อนหลัง พยายามจัดดับลำความสำคัญของภารกิจทุกวันและทุกสัปดาห์ [2]
  3. ถ้าสัปดาห์หนึ่งเรามีภารกิจต้องทำมากมาย และไม่สามารถกำหนดได้ว่าภารกิจแต่ละภารกิจต้องทำวันไหนบ้าง การจัดตารางเวลาให้กับภารกิจต่างๆ ในช่วงสุดสัปดาห์น่าจะช่วยได้ [3] [4] หลังจากสัปดาห์นี้ผ่านไป เราก็จะรู้มากขึ้นว่าควรจะจัดตารางงาน การเรียน และกิจกรรมหรือธุระต่างๆ อย่างไร
    • การจัดตารางให้กับสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกสัปดาห์เช่น จัดตารางการทำงาน จัดตารางเรียน จัดตารางเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาและกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ที่ต้องทำให้เสร็จภายในครั้งเดียวนั้นมีประโยชน์มาก แต่ละคืนก่อนที่จะจัดตารางเวลาให้งานแต่ละอย่างที่ต้องทำ เราต้องเรียงลำดับความสำคัญของงานต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน [5]
    • จัดเวลาให้กับภารกิจที่ต้องทำสามอย่างในแต่ละวัน (นอกเหนือจากไปทำงานหรือไปเรียน) [6] อาจจัดเวลาทำภารกิจที่มีส่วนสำคัญต่อการทำงาน เช่น การเตรียมตัวนำเสนองาน หรือจัดเวลาทำภารกิจส่วนตัว เช่น ไปหาหมอฟันหรือไปงานโรงเรียนของลูกๆ
    • เราแยกประเภทของภารกิจเพิ่มเติมก็ได้ ถ้าเห็นว่าทำภารกิจได้น้อยเกินไป เราอาจแบ่งเป็นภารกิจที่ต้องทำในการเรียนหรือการทำงานสามอย่าง และภารกิจส่วนตัวที่ต้องทำสามอย่าง ถ้าเราทำงานทั้งสองประเภทสำเร็จรวมกันได้ 3 อย่างหรือสำเร็จทั้งหมด เราก็จะสบายใจมากขึ้น
  4. [7] การผัดวันประกันพรุ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญอย่างหนึ่งต่อการจัดสมดุลให้กับชีวิตและการทำงาน เราอาจเห็นว่าเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวเริ่มมาเบียดบังกัน เพราะเราเอาแต่ประวิงเวลาทำภารกิจต่างๆ ไปเรื่อยๆ ฉะนั้นเราจึงมักทำงานเสร็จล่าช้า หรือทำภารกิจส่วนตัวในเวลาทำงาน
    • วิธีหนึ่งที่จะป้องกันการผัดวันประกันพรุ่งได้คือเขียนเหตุผลที่เราเลือกเรียนคณะนี้หรือเลือกทำอาชีพนี้และอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการช่วยเหลือคนอื่น เราก็จะช่วยเหลือเขาทันทีโดยไม่รีรอ เพราะมีเหตุผลว่าเขาเคยช่วยเหลือเรามาก่อนและทำให้งานของเราสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเช่นกัน เขียนเหตุผลของการทำงานและปิดไว้ที่โต๊ะทำงาน เมื่ออ่านเหตุผลของการทำงาน เราจะได้มีแรงบันดาลใจในการทำงาน ไม่อยากผัดวันประกันพรุ่ง
    • อีกวิธีหนึ่งที่จะป้องกันการผัดวันประกันพรุ่งได้คือการแตกงานใหญ่เป็นงานย่อย เราจะได้มีกำลังใจและแรงบันดาลใจเมื่อทำงานย่อยแต่ละงานสำเร็จ
  5. เราจะพบสิ่งรบกวนมากมายเข้ามาขัดขวางการทำงาน นักวิจัยอ้างว่าคนส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีของทุกชั่วโมงในการจัดการสิ่งรบกวนที่แทรกเข้ามา ผลคือต้องใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงในแต่ละวันถึงจะกลับมาจดจ่อกับการทำงานของตนเองได้อีกครั้ง [8] ถ้าเราสามารถลดสิ่งรบกวนในการทำงานให้เหลือน้อยลง เราก็จะสามารถป้องกันสิ่งรบกวนนั้นไม่ให้เข้ามาขัดขวางการใช้ชีวิตส่วนตัวได้ ลองใช้วิธีขจัดสิ่งรบกวนดังต่อไปดู [9]
    • เน้นทำภารกิจที่สำคัญมากกว่าภารกิจที่เร่งด่วน เพราะภารกิจที่เร่งด่วนเป็นภารกิจที่เราทำไปตามปฏิกิริยา แต่ภารกิจที่สำคัญเป็นภารกิจที่เราทำตามที่ตนเห็นสมควร
    • ปิดโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์เพื่อเราจะไม่ได้ยินเสียงแจ้งเตือน
    • หมั่นทำความสะอาดและจัดที่ทำงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
    • วางโทรศัพท์ให้ห่างตัว
    • ปิดโปรแกรมที่เราไม่ใช้งานแล้ว
    • ดื่มน้ำ กินของว่าง หรือไปห้องน้ำช่วงพักให้เรียบร้อย ระหว่างทำงานจะได้ไม่กระหายน้ำ ไม่หิว หรือปวดปัสสาวะ
  6. ถึงแม้เราจะพยายามอย่างหนักแค่ไหน แต่ก็มีบางครั้งที่เราต้องเอาใจใส่ทั้งงานและชีวิตส่วนตัวพร้อมกัน ฉะนั้นจงสร้างสรรค์วิธีที่เราสามารถทำได้เพื่อทำงานที่สำคัญและเร่งด่วนให้สำเร็จลุล่วง และยังสามารถมีเวลาส่วนตัวทำอย่างอื่นได้ด้วย
    • ตัวอย่างเช่น เราทำงานล่วงเวลาทุกสัปดาห์และไม่เคยออกไปเที่ยวกับคู่ชีวิตเลย เราอาจพยายามทำอะไรพิเศษ เช่น การจุดเทียนสร้างบรรยากาศรับประทานอาหารค่ำใต้แสงเทียน หรือเลือกหนังสักเรื่องหนึ่งมานั่งดูด้วยกันตอนค่ำ จะเห็นว่าอะไรเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไม่ได้ใช้เวลามากมายอะไร อีกทั้งยังเป็นการแสดงความรักและความเอาใจใส่คู่ชีวิตอีกด้วย
    • เราลองกระจายงานชิ้นใหญ่หรือขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน ภาระงานที่ล้นมือจะได้เบาบางลงและมีเวลาให้กับความสัมพันธ์และครอบครัวมากขึ้น ถ้าไม่สามารถลดงานได้ ก็ให้นัดครอบครัวมารับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ร้านอาหารสักแห่งซึ่งใกล้ที่ทำงาน หรือพาครอบครัวไปปิกนิกกับบริษัท
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

กำหนดขอบเขต

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในการจัดสมดุลชีวิตส่วนตัวและการทำงาน อาจมีบางสถานการณ์ที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรามีลูก ลองใคร่ครวญดูสิว่ามีสถานการณ์ไหนบ้างที่ต้องปรับขอบเขตระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ลองนึกถึงสมาชิกในครอบครัวและความรับผิดชอบส่วนตัวของเรา ดูสิว่าเราต้องเอาใจใส่สมาชิกในครอบครัวและทำภารกิจส่วนตัวบ่อยแค่ไหนขณะที่เราทำงานอยู่
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าลูกเรายังเล็กอยู่ ควรจัดตารางงานให้สอดคล้องกับตารางกิจวัตรของลูกๆ ด้วย หรือถ้าเราเป็นคนดูแลลูกเป็นหลักและทำงานอยู่ในบ้าน เราต้องหยุดทำงานชั่วขณะบ้าง ถ้าลูกคนใดคนหนึ่งต้องการความช่วยเหลือ
    • แต่บางครั้งก็มีงานบางงานที่เราต้องให้ความสำคัญมากว่าชีวิตส่วนตัว ตัวอย่างเช่น ถ้าเราทำงานเป็นบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งต้องพร้อมปฏิบัติงานตลอดเวลา เราอาจต้องยุติการทำกิจกรรมส่วนตัวกะทันหันเพื่อไปปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนที่เข้ามา
  2. การทำงาน การเรียน หรือการทำภารกิจต่างๆ หนักมากเกินไปก็อาจทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าจนเกินจะทนไหว การละเลยสุขภาพของตนเองย่อมส่งผลเสียตามมา เช่น เราอาจป่วยหนักจนต้องขาดงาน ขาดเรียน พลาดโอกาสที่จะได้ทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นหรือครอบครัว ความวิตกกังวลกลัวว่าจะทำทุกสิ่งไม่เสร็จทันเวลาก่อให้เกิดความเครียด และความเครียดนั้นก็ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ [10]
    • ควรออกกำลังกายอย่างน้อยสองสามครั้งต่อสัปดาห์ จะได้คลายเครียดและทำให้ร่างกายแข็งแรง จะไปร่วมทีมกีฬาของบริษัท วิ่งจ๊อกกิ้งที่สวนสาธารณะกับเพื่อน หรือไปเข้ายิมก็ได้
    • นอกจากออกกำลังกายแล้ว การกินอาหารที่สมดุลทุกวัน นอนหลับให้เพียงพอ และหางานอดิเรกทำก็สามารถคลายความเครียดได้ [11]
  3. เมื่อเราเห็นว่าการทำงาน การเรียน หรือการรักษาความสัมพันธ์เริ่มประสบปัญหา เราก็อาจทิ้งงานอดิเรกและสิ่งที่เราอยากทำเพื่อมาทุ่มเทกับการแก้ปัญหาที่หนักหนาเหล่านี้ ปัญหาคือถ้าเราไม่ได้ทำงานอดิเรกหรือกิจกรรมที่เราสนใจบ้าง ความสามารถในการทำงานจะลดลงและเกิดความเครียดเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นจงหาเวลาว่างและแสดงความสามารถให้ผู้อื่นเห็น หรือทำงานอดิเรกที่เราชอบ [12]
    • พยายามหาเวลาให้ตนเองได้พักเพื่อจะได้ทำงานอดิเรกที่ตนชื่นชอบหลังทำงานเสร็จไปมากพอสมควรแล้ว
    • อีกวิธีหนึ่งที่เราจะหาเวลาทำสิ่งที่ตนเองรักได้คือจัดตารางทำกิจกรรมเหล่านี้ จัดตารางเข้าเรียนการปั้นเครื่องปั้นดินเผาหรือเข้าชมรมคนรักหนังสือเหมือนกับที่เราจัดตารางการทำงานหรือจัดตารางดูแลครอบครัว
  4. การปฏิเสธอาจดูไม่สุภาพหรือเห็นแก่ตัวในตอนแรก แต่ถ้าลองทำดู อาจพบว่าการรู้จักปฏิเสธอะไรสักอย่างนั้นจะง่ายขึ้นมาก จงตอบรับคำขอร้องที่ตรงกับภารกิจซึ่งเราต้องทำเป็นอันดับแรกและไม่ทำให้ตารางการทำงานของเราแน่นมากเกินไป ต่อไปนี้จะเป็นคำแนะนำวิธีการปฏิเสธ [13]
    • แสดงให้เห็นว่าเราเข้าใจถึงความจำเป็นของสิ่งที่ร้องขอมา อาจพูดว่า “ฟังดูนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีแต่ว่า...”
    • อธิบายอย่างกระชับ เช่น “ที่จริงแล้ว ฉันไม่ค่อยถนัดงานนี้เท่าไรนัก” หรือ “ฉันมีงานต้องทำให้เสร็จภายในวันนี้เยอะมาก”
    • แนะทางเลือกให้ ตัวอย่างเช่น เราอาจพูดว่า “ฉันอาจช่วยไม่ได้ก็จริง แต่ฉันรู้ว่าใครสามารถช่วยเธอได้”
  5. ถ้าเห็นว่าการทำงานและการดูแลครอบครัวไปพร้อมกันนั้นเป็นภาระที่หนักหนาเกินไป เราต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นหลัก ไม่อย่างนั้นเราจะเครียดและไม่มีความสุข ลองใคร่ครวญดูว่าเราจะเลือกทำภารกิจด้านไหนมากกว่า
    • ตอนที่อยู่ที่บ้าน เราถูกเรียกตัวไปทำงานบ่อยหรือเปล่า เจ้านายมักชอบสั่งงานในนาทีสุดท้ายก่อนเลิกงานหรือเปล่า ถ้าดูจากฐานะทางการเงินแล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำงานหนักมากใช่ไหม ถ้าคำตอบของทุกคำถามเหล่านี้คือใช่ แสดงว่าการทำงานกำลังเข้ามาเบียดบังเวลาส่วนตัวของเราอยู่ แต่เราสามารถแก้ไขโดยไปคุยกับเจ้านายของเรา และขอให้เขาลดปริมาณงานหรือชั่วโมงการทำงานลง [14]
    • ถ้าเราเป็นคุณแม่ที่ต้องไปทำงานนอกบ้าน การลดจำนวนชั่วโมงทำงานลงอาจทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงโดยส่วนใหญ่จะมีความสุขมากขึ้นเมื่อลดชั่วโมงการทำงานลงและได้มีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น [15]
    • คู่ชีวิตของเราโทรมาบ่อยๆ ระหว่างที่เรากำลังทำงาน และบอกเรื่องภายในครอบครัวที่ไม่ใช่เหตุจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ใช่ปัญหาสำคัญไหม ประสิทธิภาพการทำงานของเราลดลงเพราะชอบไปกินเลี้ยงกับเพื่อนหรือไปงานเลี้ยงกับคู่ชีวิตไหม ต้องรีบออกจากที่ทำงานเพื่อมาทำธุระหรือทำงานบ้านที่คั่งค้างมากมายไหม ถ้าตอบว่าใช่ทุกข้อ แสดงว่าเวลาที่ให้กับครอบครัวกำลังมีผลกระทบต่อความสามารถในการทำงานของเราอยู่ เราต้องตัดสินใจว่าเราจะกำหนดขอบเขตและกำหนดเวลาให้สมาชิกครอบครัวอย่างไรเพื่อไม่ให้กระทบกับงาน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

จัดระเบียบสื่อสังคม

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. แยกสื่อสังคมให้มีแบบที่ใช้ในการทำงานและแบบที่ใช้ในเรื่องส่วนตัว. สื่อสังคมกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานและชีวิตของคนส่วนใหญ่ การแยกเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงานจึงเป็นเรื่องยาก ถ้าเราเป็นคนใช้สื่อสังคมในการทำงานและในชีวิตส่วนตัว ก็ควรแยกสื่อสังคมทั้งสองด้านนี้ออกจากกันให้ชัดเจน เราจะได้รู้ว่าข้อมูลอะไรควรแสดงในสื่อสังคมแบบที่ใช้ในการทำงาน หรือข้อมูลแบบไหนควรแสดงในสื่อสังคมแบบที่ใช้ในเรื่องส่วนตัว
    • ผู้คนจำนวนมากเลือกใช้ลิงค์อินในการทำงานหรือสร้างเครือข่ายด้านการศึกษา และใช้เฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมไว้โพสต์ข้อมูลส่วนตัว ติดต่อ หรือติดตามข่าวสารเพื่อนและครอบครัว [16]
  2. แยกข้อมูลในการทำงานและข้อมูลส่วนตัวให้ชัดเจน. [17] ถ้าเราทำงานโดยใช้อินเตอร์เน็ต เราก็ต้องรู้ว่าบริษัทของเรามีนโยบายแยกข้อมูลการทำงานและข้อมูลส่วนตัวหรือเปล่า บางบริษัทอาจมีอุปกรณ์ให้พนักงานแยกไว้ต่างหาก (เช่น โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์) เพื่อใช้ในการทำงานเท่านั้น บางบริษัทอาจยอมให้ใช้อุปกรณ์ส่วนตัวได้
    • รู้นโยบายการแยกข้อมูลข้างต้นและมีการสำรองข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลในการติดต่อผู้อื่น รูปภาพ และเพลงไว้บ้าง
  3. [18] ถ้าการใช้สื่อสังคมเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน เราก็จะเห็นว่าตนเองใช้อินเตอร์เน็ตมากเกินจำเป็น การลงชื่อเข้าใช้สองสามครั้งต่อวันหรือเมื่อไรก็ตามที่มีการแจ้งเตือนปรากฏขึ้นมาอาจรบกวนทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว
    • ปิดคอมพิวเตอร์สักสองสามชั่วโมงต่อวัน หรือเลือกย่อหน้าต่างเพื่อจะได้ติดต่อเพื่อนหรือผู้อื่นได้ แล้วจากนั้นจึงปิดคอมพิวเตอร์
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

ทำงานที่บ้าน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การทำงานตามเวลาเดิมทุกวันที่บ้านอาจยาก แต่ถ้าทำได้เราจะสามารถรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้เป็นอย่างดี [19] [20] กำหนดเวลาทำงานและทำงานตามเวลาที่กำหนดนั้น ตัวอย่างเช่น เราอาจเริ่มทำงาน 8 โมง เลิก 4 โมงครึ่ง และทำงานวันจันทร์ถึงวันศุกร์
    • อย่าปล่อยให้เวลาทำงานมาเบียดบังเวลาส่วนตัว เมื่อถึงเวลาเลิกงานของวันนั้น ให้หยุดทำงาน ปิดแล็ปท็อป และออกจากห้องทำงาน
    • พยายามกำหนดเวลาทำงานที่สอดคล้องกับการใช้เวลาส่วนตัว ตัวอย่างเช่น พยายามไม่ทำงานช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้าต้องการใช้วันนั้นทำกิจกรรมอื่นๆ
  2. ใส่ชุดทำงานในตอนเช้าและใส่ชุดอยู่กับบ้านตอนเย็น การลุกจากเตียงและเข้าห้องทำงานทั้งที่สวมชุดนอนจะทำให้ปรับตัวให้พร้อมทำงานได้ยาก การใส่ชุดทำงานในตอนเย็นก็จะทำให้ปรับตัวให้พร้อมพักผ่อนได้ยากเช่นกัน [21]
    • ลองตื่นขึ้นมาก่อนเวลาทำงานสัก 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงาน
    • เราต้องเปลี่ยนมาใส่ชุดอยู่กับบ้านหลังหมดชั่วโมงทำงานแล้ว อาจเปลี่ยนมาใส่ชุดนอน หรือสวมเสื้อยืด ใส่กางเกงยีนส์ตัวโปรดก็ได้
  3. เมื่อเราทำงานที่บริษัท การพักกินอาหารกลางวันนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำ และถ้าเราเผลอทำงานล่วงมาจนถึงเวลากินข้าว ก็จะมีเพื่อนร่วมงานคอยเตือนให้ไปพักกินอาหารกลางวันอยู่ดี แต่เมื่อทำงานที่บ้าน การวางมือจากงานชั่วคราวเพื่อพักกินข้าวอาจเป็นเรื่องยาก เราอาจทำงานต่อไปจนเลยช่วงกินอาหารกลางวัน หรือกินไปด้วย ทำงานไปด้วย ฉะนั้นจงกำหนดให้มีเวลาพักกินอาหารกลางวันด้วย [22]
    • กำหนดเวลาพักกินอาหารกลางวันและทำตามกำหนดเวลานั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อเรากำหนดเวลากินข้าวเที่ยงไว้ตั้งแต่ 12.00 ถึง 12.30 เราก็ต้องกินข้าวเที่ยงตามกำหนดเวลานี้ทุกวัน
    • ขอให้คนในครอบครัวหรือคู่ชีวิตช่วยเตือนเรา เมื่อถึงเวลาพักกินอาหารกลางวัน ถ้าเรากลัวว่าจะทำงานจนลืมเวลา ก็ขอให้เพื่อนของเราสักคนหรือคนในครอบครัวมาเตือน เมื่อถึงเวลากินข้าวเที่ยง
  4. เราอาจอยากทำงานบ้านหลายๆ อย่างให้เสร็จสิ้นตอนที่อยู่ในช่วงพักสั้นๆ หรือทำงานที่ต้องใช้การพูดคุยทางโทรศัพท์ แต่การทำแบบนี้ก็อาจทำให้เราทำงานบ้านและทำงานของบริษัทผสมปนเปกันอย่างสะเปะสะปะ [23] [24]
    • เมื่อถึงเวลาพัก ก็จงวางมือจากงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านหรืองานบริษัท ถ้าเราเห็นมีงานบ้านที่ต้องการทำให้เสร็จ จดใส่สมุดจนบันทึกและทำหลังจากจบชั่วโมงการทำงานแล้ว
    • แต่งานบางงานก็อาจช่วยให้เราผ่อนคลายตอนพักได้ เช่น ถ้าเห็นว่าการพับผ้าเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เราผ่อนคลายตอนพัก ก็จงทำไปเถอะ!
  5. การให้รางวัลแก่ตนเองเล็กๆ น้อยๆ หลังจากทำงานหนักมาตลอดวันก็สำคัญเช่นกัน เราอาจให้รางวัลตนเองด้วยการออกไปเดินเล่นข้างนอก ดื่มน้ำชา คุยกับเพื่อน หรือทำกิจกรรมที่เราชื่นชอบอื่นๆ เมื่อจบชั่วโมงการทำงานแล้ว [25]
    • ลองทำกิจกรรมที่ได้พบปะผู้คนทุกวัน การทำงานที่บ้านอาจทำให้เรารู้สึกว้าเหว่ ฉะนั้นหาโอกาสพบปะผู้คนบ้าง เราอาจหาเวลาพูดคุยกับคู่ชีวิต นัดพบปะเพื่อนฝูงที่ร้านกาแฟ หรือเข้าเรียนการเต้นแอโรบิกหลังเลิกงานก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

จัดสมดุลการทำงานและการดูแลเด็ก

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การกำหนดชั่วโมงการทำงานอาจใช้ไม่ได้ผลกับทุกคน ยิ่งเป็นคนที่มีเด็กเล็กต้องดูแลด้วยแล้ว การทำงานตามเวลาที่กำหนดอาจเป็นไปได้ยาก เราอาจต้องทำตัวให้คุ้นชินกับการทำงานแต่ละครั้งให้เสร็จภายใน 5 ถึง 10 นาทีเพื่อจะได้ปลีกตัวมาดูแลลูกได้เมื่อเขาต้องการ หรือเราอาจต้องทำงานช่วงค่ำเพื่อสะสางงานที่ยังทำไม่เสร็จในระหว่างวัน
    • เมื่อต้องเลี้ยงลูกไปด้วยทำงานไปด้วย เราอาจเพิ่มเวลาเข้าไปบ้างเพื่อทำให้ชีวิตส่วนตัวและการทำงานสมดุลกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องเลี้ยงเด็กเล็กและทำงานไปด้วย เราต้องทำงานเพิ่มอีกหนึ่งหรือสองชั่วโมงหลังจากพาลูกเข้านอนแล้ว หรือหลังจากที่คู่ชีวิตกลับบ้านมาดูแลลูกแทนแล้ว [26]
    • ต้องถามนายจ้างหรือผู้ว่าจ้างว่ายินยอมให้เราทำงานที่ปรับตามความสะดวกของตนเพื่อจะได้ดูแลลูกได้ด้วยหรือไม่ ถ้านายจ้างคาดหวังให้ราทำงานตามเวลาทุกวัน เราก็ไม่อาจใช้วิธีปรับชั่วโมงการทำงานตามที่ตนสะดวกได้ แต่ถ้าเราทำงานรับจ้าง เราอาจทำงานตอนกลางวันหรือกลางคืนก็ได้
  2. การขอให้ใครสักคนมาดูแลลูกสักสองสามชั่วโมงต่อวันน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางที่จะทำให้เรามีโอกาสจัดการงานให้เสร็จ ถ้าพ่อแม่ ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนบ้านของเรารับอาสาดูแลเด็กให้ได้สองสามชั่วโมงทุกวัน เราก็จงรับความช่วยเหลือนี้ไว้
    • ลองปรึกษากับคนที่จะมาดูแลเด็กด้วยเพื่อจะได้หาทางออกที่เห็นพ้องต้องกัน เช่น พ่อแม่ของเราอาจมาดูแลลูกให้เราที่บ้านเลย หรือแวะส่งเด็กให้อยู่เล่นกับคุณตาคุณยายสักสองสามครั้งต่อสัปดาห์
    • ถ้าเราสามารถจ่ายค่าดูแลเด็กได้ ลองหาพี่เลี้ยงเด็กที่ไว้ใจได้มาดูแลลูกตอนไปทำงานก็เป็นทางเลือกที่ดี ถ้าเราไม่รู้จะหาพี่เลี้ยงเด็กได้ที่ไหน ลองถามเพื่อนและครอบครัว เผื่อเขาจะแนะนำพี่เลี้ยงเด็กดีๆ ให้เราได้
  3. ให้ลูกๆ ได้ทำสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบอย่างเพลิดเพลินในขณะที่เราทำงานอยู่. ถ้าไม่อาจหาใครมาดูแลเด็กๆ ได้ ตอนที่เรางานยุ่ง เราก็ต้องหากิจกรรมอะไรสักอย่างให้ลูกทำ เขาจะได้เพลิดเพลินและเราจะได้มีสมาธิในการทำงาน [27] ทางหนึ่งที่จะทำให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบอย่างเพลิดเพลินคือการรวบรวมของเล่นมาใส่กล่องเอาไว้ และให้เด็กๆ หยิบของในกล่องขึ้นมาเล่นขณะที่เรานั่งทำงานอยู่
    • สิ่งที่ใส่ในกล่องควรเป็นของหรืออุปกรณ์ที่ทำให้เด็กพบความสนุกสนานเพลิดเพลินในขณะที่เรานั่งทำงานอยู่ ตัวอย่างเช่น ดินสอสี ดินเหนียว สมุดภาพระบายสี สติกเกอร์ ตัวต่อต่างๆ และของเล่นอื่นๆ
    • เตรียมกล่องใส่ของเล่นไว้ในตอนดึกและนำไปวางไว้ใกล้โต๊ะทำงาน จะใช้กล่องรองเท้า หรือกล่องอะไรก็ได้ จากนั้นจึงเลือกของเล่นหรืออุปกรณ์อื่นๆ แล้วนำไปใส่ไว้ อาจเพิ่มอะไรใหม่ๆ ให้ลูกประหลาดใจ เช่น สมุดภาพระบายสีใหม่หรือสติกเกอร์ชุดใหม่
    • เราอาจใส่ของต่างๆ ตามหัวข้อที่กำหนด ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการสอนลูกให้รู้จักสีต่างๆ ก็อาจใส่ของต่างๆ ที่มีสีแดง สีฟ้า เป็นต้น หรืออาจใส่ของที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ หนังสือ รายการทีวี หรือตัวละครที่ลูกชื่นชอบลงไป
  4. การทำงานใกล้กับบริเวณที่ลูกเล่นกันอยู่เป็นความคิดที่ดี เพราะเราจะได้ดูแลและแนะนำวิธีการเล่นสนุกๆ ให้เด็กๆ ได้สะดวก ตัวอย่างเช่น ถ้าเราทำงานอยู่ในบ้าน เราอาจจัดบริเวณให้เด็กๆ เล่นสนุกด้วยการปูพรมสีสันแปลกตาหรือเสื่อของเล่นพร้อมกับวางของเล่นที่ลูกชื่นชอบไว้ตรงนั้น
    • เราอาจต้องเรียนรู้การพูดคุยกับลูกและเล่นกับเด็กๆ พร้อมกับทำงานไปด้วย การทำงานและดูแลลูกไปพร้อมกันเป็นทักษะอย่างหนึ่ง และเราสามารถพัฒนาทักษะนี้ให้ดีขึ้นได้ด้วยการฝึกฝนบ่อยๆ
    • ถ้าเรามีสวนหลังบ้านซึ่งมีพื้นที่เล่นสำหรับเด็ก หรืออยู่ใกล้สวนสาธารณะที่มีสนามเด็กเล่น เราอาจลองนำงานไปทำนอกบ้านช่วงกลางวันก็ได้ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศและดูแลเด็กๆ ซึ่งกำลังเล่นสนุกไปด้วย [28]
    โฆษณา


  1. http://www.mentalhealthamerica.net/work-life-balance
  2. https://www.mentalhealth.org.uk/a-to-z/w/work-life-balance
  3. http://www.webmd.com/women/features/balance-life
  4. https://blog.asana.com/2015/07/workstyle-eliminatingdistractions/
  5. http://www.careerealism.com/cut-hours-getting-fired/
  6. http://www.theatlantic.com/business/archive/2013/12/moms-who-cut-back-at-work-are-happier/282460/
  7. http://www.entrepreneur.com/article/231544
  8. http://www.entrepreneur.com/article/231544
  9. http://money.usnews.com/money/blogs/outside-voices-careers/2013/05/07/why-you-should-unplug
  10. http://www.apartmenttherapy.com/things-that-people-who-work-from-home-can-do-to-signal-the-end-of-the-day-217678
  11. http://www.workflexibility.org/separate-work-life-when-you-work-at-home/
  12. http://www.apartmenttherapy.com/things-that-people-who-work-from-home-can-do-to-signal-the-end-of-the-day-217678
  13. http://www.apartmenttherapy.com/things-that-people-who-work-from-home-can-do-to-signal-the-end-of-the-day-217678
  14. http://www.apartmenttherapy.com/things-that-people-who-work-from-home-can-do-to-signal-the-end-of-the-day-217678
  15. http://www.workflexibility.org/separate-work-life-when-you-work-at-home/
  16. http://www.apartmenttherapy.com/things-that-people-who-work-from-home-can-do-to-signal-the-end-of-the-day-217678
  17. http://money.usnews.com/money/personal-finance/articles/2013/06/12/how-to-effectively-work-from-home-with-kids?page=2
  18. http://www.apartmenttherapy.com/working-from-home-with-kids-making-it-work-184328
  19. http://money.usnews.com/money/personal-finance/articles/2013/06/12/how-to-effectively-work-from-home-with-kids

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,267 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา