ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ถ้าคุณเลี้ยงปลาทองเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจ คงจะเศร้าน่าดูถ้าอยู่ๆ มันก็พะงาบๆ เหมือนใกล้ตายขึ้นมา มีหลายสาเหตุด้วยกันที่ทำปลาทองถึงตายได้ ตั้งแต่โรคภัยไข้เจ็บไปจนถึงอาการเครียดหรือหดหู่ ถ้าคุณรู้แต่เนิ่นๆ ก็จะสามารถช่วยชีวิตน้องปลาของคุณไว้ได้ทันท่วงที ดีไม่ดีอาจอายุยืนยาวถึง 10 - 20 ปี [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
ขั้นตอน
-
แยกปลาทองที่ป่วย. ถ้าปลาทองตัวหนึ่งป่วย สำคัญมากว่าต้องแยกออกจากปลาทองตัวอื่นทันที จะได้ไม่ติดกันไปทั่ว แต่ถ้าคุณมีปลาทองแค่ตัวเดียว ก็ปล่อยไว้ในตู้เดิมนั่นแหละ
- เวลาจะย้ายปลาไปตู้ “พยาบาล” ให้เอาใส่ถุงพลาสติกใส แล้วใส่ในถุงกระดาษหรือถุงอะไรที่ทึบๆ อีกที ปลาทองจะได้ไม่กลัวจนเครียด
- อาจจะต้องเอาน้ำในตู้ปลาเก่ามาเติมในตู้ปลาใหม่ด้วย แต่ถ้าน้ำเก่าคือสาเหตุที่ทำให้ปลาป่วยหรือใกล้ตาย ระวังปลาจะอาการหนักกว่าเดิม [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล ตอนจะเอาปลาลงน้ำใหม่ ให้เอาถุงใส่ปลาแช่ลงไปในน้ำประมาณ 15 - 20 นาที เพื่อปรับอุณหภูมิไม่ให้ปลาน็อคน้ำ [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ตรวจสอบคุณภาพน้ำ. ปลาใกล้ตายส่วนใหญ่แค่เปลี่ยนน้ำชีวิตก็เปลี่ยน การหมั่นรักษาคุณภาพของน้ำนี่แหละจุดสำคัญที่ทำให้ปลามีความสุขสุขภาพดี ที่สำคัญคือยังมีชีวิตอยู่ [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- ตามร้านขายปลาเลี้ยงหรือตามเน็ตก็มีชุดตรวจสอบคุณภาพน้ำขายอยู่เหมือนกัน [5] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- ชุด kit นี้จะทำให้คุณรู้ได้ว่าน้ำในตู้ปลามีปัญหาอะไรหรือเปล่า เช่น ค่าแอมโมเนียสูง เป็นต้น
- ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำ ให้อยู่ที่ประมาณ 10 - 25 องศาเซลเซียส [6] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- วัดค่าความเป็นกรดด่าง ค่าที่เหมาะสมสำหรับปลา คือมีค่า pH ประมาณ 7 หรือก็คือเป็นกลาง (neutral) [7] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าน้ำเป็นกรดมากเกินไป ให้ซื้อ chemical neutralizer หรือสารที่ปรับค่าน้ำให้เป็นกลางมาใช้ มีขายตามร้านขายปลาเลี้ยงหรือตามเน็ต [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- เช็คค่าออกซิเจนในน้ำด้วย ให้ความเข้มข้นของออกซิเจนเกิน 70% [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
หมั่นล้างตู้ปลาและเปลี่ยนน้ำ. ปลาทองขับถ่ายบ่อย แป๊บเดียวก็น้ำขุ่น เต็มไปด้วยแอมโมเนียหรือแบคทีเรียแล้วก็ตะไคร่ แค่คุณล้างทำความสะอาดตู้ปลาและเปลี่ยนน้ำ ปลาก็สุขภาพดีขึ้นแล้ว
- แยกปลาทองไปไว้อีกตู้ แล้วค่อยล้างตู้เดิมและเปลี่ยนน้ำ
- ควรล้างตู้ปลาอาทิตย์ละครั้ง จะได้ไม่มีแบคทีเรียสะสม
- ถ่ายน้ำออก 15% และกำจัดพวกกรวด ตะไคร่ และสิ่งสกปรกออกให้หมด
- ห้ามใส่สารเคมีใดๆ ก็ตามในน้ำตู้ปลา แค่ล้างเอาพวกกรวดกับสารตกค้างต่างๆ ที่ระเหยติดตามข้างตู้ออกให้หมดก็พอแล้ว [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล เพราะสารเคมีหรือสบู่แค่นิดเดียวก็ทำปลาตายได้
- เติมน้ำก๊อกเย็นๆ สะอาดๆ ลงไป อย่าลืมเติม dechlorinator ลงในน้ำใหม่ เพื่อขจัดคลอรีนส่วนเกิน
-
เฝ้าระวังน้องปลา. หลังล้างตู้ปลาและเปลี่ยนน้ำแล้ว ให้จับตาดูปลาทองของคุณอีกสัก 2 - 3 วัน ว่าอาการดีขึ้นไหม จะได้ตัดไปทีละอย่างเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้ปลาป่วย
- วิธีนี้จะเห็นผลทันตา เช่น พอน้ำมีออกซิเจนเยอะแล้วปลาดีขึ้น แต่ก็มักจะใช้เวลา 2 - 3 วันกว่าปลาทองจะปรับตัวเข้ากับตู้ใหม่หรือน้ำใหม่ได้
- รอสัก 1 - 2 วันก่อน แล้วค่อยลองรักษาวิธีอื่น จะได้ตัดปัญหาเรื่องรักษาไม่ตรงจุด ไม่งั้นเดี๋ยวอาจเป็นอันตราย
โฆษณา
-
หาให้เจอ ปลาป่วยเป็นอะไร. ปลาทองเจ็บป่วยได้ด้วยหลายโรคด้วยกัน ถ้าคุณระบุสาเหตุได้ตรงจุดรวดเร็ว ปลาก็จะมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ช่วงเวลาที่สังเกตอาการเจ็บป่วยได้ดีที่สุด ก็คือก่อนให้อาหารนี่แหละ [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อาการหายใจผิดปกติ: เช่น หายใจพะงาบๆ หายใจหอบถี่ โผล่มาฮุบอากาศแถวผิวน้ำ หรืออีกทีคือดิ่งอยู่ก้นตู้ปลา เหล่านี้อาจเป็นเพราะปลาป่วยจริง หรือเพราะน้ำเสียก็ได้ [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- มีพยาธิ: ปลาทองปกติก็หิวตลอด (มากด้วย) แต่ถ้าอยู่ๆ น้องปลาของคุณเกิดไม่กินอาหารหรือซูบไปถนัดตา เป็นไปได้ว่าอาจมีพยาธิ [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- โรคเสียการทรงตัว (Swim bladder disease): สังเกตซิว่าปลาทองว่ายแปลกๆ หงายท้อง หรือถูตัวกับตู้ปลา ก็เป็นไปได้ว่าปลาเป็นโรคเสียการทรงตัวหรือเป็นที่อาหารการกินก็ได้ [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- มีเชื้อรา: ถ้าปลาทองมีอาการครีบพับหรือฉีกขาด มีจุดด่างตามตัว มีก้อนหรือตุ่มนูน ตาโปน เหงือกซีด หรือตัวบวม แปลว่าน่าจะเป็นเพราะเชื้อราแล้วล่ะ [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- โรคครีบเปื่อย (Fin rot): เป็นโรคจากเชื้อราที่พบบ่อยที่สุดในปลา โดยครีบหรือหางของปลาจะเริ่มซีดขาว ดูเปื่อยๆ ยุ่ยๆ [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
สังเกตอาการปลาตัวอื่น. พอระบุอาการของปลาตัวที่ใกล้ตายได้แล้ว ให้ลองสังเกตอาการของปลาตัวอื่นในตู้เดียวกันด้วย จะได้รู้ว่าอะไรที่ทำให้ปลาป่วยกันไปหมด
-
เอาเครื่องกรองน้ำในตู้ปลาออก แล้วเปลี่ยนน้ำ. คุณแก้ปัญหาเรื่องโรคจากเชื้อราและโรคครีบเปื่อยได้ โดยเอาเครื่องกรองน้ำในตู้ปลาออก แล้วเปลี่ยนน้ำ แบบนี้ปลาจะอาการดีขึ้นแน่นอน [18] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เอาถ่านกรองน้ำ (carbon filters) ออกจากตู้ปลา แล้วใช้ยาแทน อย่าง Maracyn-Two สำหรับโรคครีบเปื่อย หรือ methylene blue สำหรับโรคจากเชื้อรา [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าปลาทองของคุณเป็นโรคไหนกันแน่ ก็อย่าเพิ่งใช้ยา เพราะถ้าใช้ยาผิดโรคหรือปลาไม่ได้ป่วยจริงละก็ ทีนี้อาจถึงตายก็เพราะยานี่เอง [20] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ดูแลน้ำในตู้ปลาด้วยเกลือกับความร้อน. ถ้าคุณสังเกตว่าปลามีจุดด่างขาวๆ ตามตัว แปลว่าปลาน่าจะป่วยด้วยโรคปรสิต ich (Ichthyophthirius Multifiliis) ไม่ก็โรคหนอนสมอ (anchor worms) หรือมีเห็บปลา เกลือกับความร้อนจะช่วยขจัดโรคให้ปลาทองของคุณอาการดีขึ้นได้ [21] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิน้ำในตู้ปลาให้ถึง 30 องศา ภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อหยุดการแพร่พันธุ์ของปรสิต ich [22] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง และให้คงอุณหภูมินี้ไว้ 10 วัน [23] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เติมเกลือสำหรับใส่ตู้ปลา หรือ aquarium salt ลงไป 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 5 แกลลอน [24] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เปลี่ยนน้ำตู้ปลาทุกๆ 2 - 3 วัน [25] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ค่อยๆ ลดอุณหภูมิน้ำกลับไปที่ 18 องศา [26] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้ามีปลาที่ยังปกติดีอยู่ในตู้ คุณก็ใช้เกลือกับความร้อนได้ จะได้กำจัดปรสิตตกค้างที่ทำเอาปลาปกติป่วยไปด้วย [27] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ให้ปลากินผักกับอาหารโปรตีนต่ำ. ถ้าปลาเป็นโรคเสียการทรงตัว แค่เปลี่ยนน้ำก็จะไม่ช่วยอะไร ลองให้ปลากินพวกผัก อย่างถั่วแช่แข็งดู แล้วก็อาหารโปรตีนต่ำ อาจจะช่วยให้ปลาทองหายจากโรคนี้ได้ [28] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถั่วแช่แข็งนี่แหละดี เพราะไฟเบอร์สูง แถมใส่ลงในตู้แล้วจมลงทันที ปลาไม่ต้องผุดขึ้นมาฮุบที่ผิวน้ำให้ลำบาก [29] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่าให้ปลาป่วยกินมากเกินไป และให้อาหารใหม่ต่อเมื่อปลากินอาหารเก่าหมดแล้วเท่านั้น ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาเรื่องแอมโมเนียในตู้ปลา ทีนี้ปลาก็จะป่วยกว่าเดิม [30] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เอาแหนบคีบปรสิตออก. ถ้าสังเกตเห็นว่าปลาทองมีพยาธิหรือปรสิต อย่างหนอนสมอ ก็ให้ใช้แหนบคีบออก แต่ต้องทำแบบเบามือนะ ปลาจะได้ไม่เจ็บตัวหรืออันตรายถึงตาย
- ปรสิตบางชนิดก็อยู่ลึกลงไปในตัวปลา อาจต้องคีบออกควบคู่ไปกับการใช้ยากำจัด
- เวลาคีบให้คีบปรสิตชิดติดกับแผลของปลาที่สุด จะได้ดึงออกมาทั้งตัว
- เอาปลาลงน้ำทุกๆ 1 นาที ปลาจะได้ไม่ขาดอากาศ
- กว่าปรสิตจะหายเกลี้ยงจากตู้ปลา ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 2 - 3 อาทิตย์
- วิธีนี้สงวนไว้เฉพาะกรณีที่คุณรู้แน่ว่าปลาทองมีพยาธิหรือปรสิตเท่านั้น และต้องแน่ใจว่าคุณมือเบาพอจะไม่ทำปลาตายซะก่อนตอนคีบ
-
ใช้ยาสำหรับรักษาปลาโดยเฉพาะ. ถ้าไม่แน่ใจว่าปลาป่วยเพราะอะไร ก็ใช้ยารักษาโรคในปลาโดยเฉพาะเลยดีกว่า รักษาได้ทั้งโรคและปรสิต [31] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- ยาของปลามีขายตามร้านขายปลาตู้ทั่วไป ตามห้างและตามเน็ตก็มี
- ยาที่อวดอ้างสรรพคุณว่ารักษาโรคของปลาได้ บางทีก็มาจากเมืองนอก ไม่ได้รับรองโดยอย. หรือหน่วยงานของไทย ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมดูให้ดี ไม่งั้นอาจรักษาไม่หายหรือเป็นอันตรายต่อปลา แต่ยังไงวิธีที่ดีที่สุด ก็คือต้องหาให้เจอก่อนว่าปลาป่วยด้วยโรคอะไร [32] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
พาปลาไปหาหมอ. ถ้ารักษาเองแล้วปลาไม่ดีขึ้น ก็พาปลาไปหาหมอจะดีกว่า จะได้รู้แน่ชัดกันไปเลยว่าปลาทองของคุณเป็นอะไรกันแน่ จะได้รักษากันถูก
- เวลาพาปลาไปหาหมอ ให้เอาปลาใส่น้ำในถุงพลาสติก แล้วเอาถุงพลาสติกไปซ้อนในถุงกระดาษทึบๆ อีกที ปลาจะได้ไม่เครียด
- แต่ก็ต้องทำใจไว้ก่อน ว่าบางทีปลาอาจป่วยหนักเกินเยียวยา ถึงจะพาไปหาหมอก็ไม่ได้แปลว่าจะรักษาได้เสมอไป
โฆษณา
-
ดูแลปลาไม่ให้ป่วยแต่แรกนี่แหละดีที่สุด. ถ้าคุณรู้จักดูแลปลาให้มีความสุขสุขภาพแข็งแรงแต่แรก ก็ไม่ต้องมานั่งเครียดทีหลังเวลาปลาป่วยใกล้ตาย ทำได้ตั้งแต่หมั่นล้างตู้ปลา ไปจนถึงให้อาหารปลาหลากหลายหน่อย ดูแลดีแต่แรกนี่แหละ ที่จะทำให้ปลาของคุณไม่ต้องเสี่ยงชีวิต [33] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
-
รักษาคุณภาพน้ำในตู้ปลา. รักษาคุณภาพน้ำในตู้ที่น้องปลาแหวกว่ายให้สะอาดอยู่เสมอ นี่แหละกุญแจสำคัญที่จะทำให้ปลาทองของคุณอายุยืนยาว ไม่ใช่แค่รักษาอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสม แต่ออกซิเจนในน้ำก็ต้องเพียงพอด้วย [34] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- ชีวิตน้องปลาจะดี๊ดี ถ้าน้ำมีอุณหภูมิอยู่ที่ 10 - 25 องศาเซลเซียส [35] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล ยิ่งน้ำเย็นเท่าไหร่ก็ยิ่งมีออกซิเจนหนาแน่นขึ้นเท่านั้น
- ปลาทองปล่อยของเสียบ่อย ระดับแอมโมเนียในน้ำเลยสูงตามตัว ทำให้ปลายิ่งเสี่ยงเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ หรือถึงขั้นตายได้เลย [36] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- หมั่นทดสอบคุณภาพน้ำทุกอาทิตย์ จะได้แน่ใจว่าน้ำสะอาดปราศจากเชื้อโรค [37] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ล้างตู้ปลาเป็นประจำ. ถ้าคุณหมั่นล้างทำความสะอาดตู้ปลาเป็นประจำ นอกจากคุณภาพน้ำจะเยี่ยมแล้ว ยังช่วยขจัดแบคทีเรียหรือตะไคร่น้ำที่อาจหมักหมมจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพของปลาทองได้ [38] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล แค่ทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง ก็ป้องกันโรคต่างๆ ได้ในระยะยาวแล้ว [39] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- เปลี่ยนน้ำทุกอาทิตย์ ทีละหลายๆ แกลลอน จะได้ขจัดพวกสารตกค้าง [40] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- เก็บพวกกรวดให้เกลี้ยง รวมถึงขัดตะไคร่น้ำหรือเมือกที่เกาะตามข้างตู้ปลาด้วย [41] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าในตู้มีพืชน้ำ ก็เล็มบ้างอย่าให้โตจนเกะกะ [42] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนถ่านกรองน้ำด้วย เดือนละ 1 ครั้ง [43] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- ห้ามล้างตู้ปลาด้วยสารเคมีหรือกระทั่งสบู่ เพราะเป็นอันตรายต่อปลาได้
-
ให้ปลาทองกินอาหารที่หลากหลาย. อีกสุดยอดวิธีป้องกันไม่ให้ปลาทองตายก่อนวัยอันควร ก็คือให้กินอาหารที่หลากหลายและสารอาหารครบถ้วน อีกเรื่องที่สำคัญพอกันก็คืออย่าให้อาหารมากไป นอกจากปลาทองจะป่วยแล้วยังทำให้น้ำขุ่นเร็วขึ้นอีกด้วย [44] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- ให้อาหารปลาที่มีขายทั่วไปก็ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นๆ แห้งๆ แบบนี้จะได้สารอาหารครบถ้วน [45] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- ให้อาหารอย่างอื่นเพิ่มเติม เช่น ถั่วลันเตา ไรน้ำเค็ม หนอนแดง แล้วก็ไส้เดือนน้ำ [46] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- จริงๆ แล้วสาหร่ายหรือตะไคร่น้ำในตู้ปลาก็กินเป็น snack ได้เหมือนกัน แต่ปล่อยให้โตได้แค่มุมเดียวของตู้ก็พอ แล้วให้ปลาทองว่ายไปตอดเอา [47] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
- ห้ามให้ปลากินเยอะเกินไปเด็ดขาด ให้อาหารแค่วันละครั้งก็พอ เพราะอาหารส่วนเกินจะจมลงไปที่ก้นตู้ จนทำเอาน้ำขุ่นจนเน่าได้ [48] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals ไปที่แหล่งข้อมูล
-
แยกปลาที่ป่วยทันที. ถ้าปลาป่วย (หรืออาการร่อแร่) แค่บางตัวหรือตัวเดียว ให้รีบแยกออกจากตัวที่ปกติดีทันที เพื่อป้องกันปลาสุขภาพดีไม่ให้ติดโรคจนตายขึ้นมา [49] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
เคล็ดลับ
- เตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆ ว่าบางทีอาการของปลาก็หนักเกินเยียวยา อย่าโทษตัวเองหรือโทษใคร คุณทำดีที่สุดแล้วล่ะ
โฆษณา
คำเตือน
- ห้ามเลี้ยงปลาป่วยรวมกับปลาปกติเด็ดขาด เพราะถ้าเกิดเป็นไวรัสขึ้นมาจะติดกันไปหมดทั้งตู้
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.algone.com/oxygen-in-the-aquarium
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diagnosis/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://aquadaily.com/2009/01/26/fin-rot-symptoms-and-treatment/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.peteducation.com/article.cfm?c=16+2160&aid=2421
- ↑ http://www.peteducation.com/article.cfm?c=16+2160&aid=2421
- ↑ http://www.peteducation.com/article.cfm?c=16+2160&aid=2421
- ↑ http://www.peteducation.com/article.cfm?c=16+2160&aid=2421
- ↑ http://www.peteducation.com/article.cfm?c=16+2160&aid=2421
- ↑ http://www.peteducation.com/article.cfm?c=16+2160&aid=2421
- ↑ http://www.cichlid-forum.com/articles/ich.php
- ↑ http://www.aquahobby.com/articles/e_constipated_fish.php
- ↑ http://www.aquahobby.com/articles/e_constipated_fish.php
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://fish.mongabay.com/disease.htm
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.fishlore.com/Articles/SickFish.htm
- ↑ http://www.fishlore.com/Articles/SickFish.htm
- ↑ http://www.fishlore.com/Articles/SickFish.htm
โฆษณา