PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

การซ้อนภาพนี่แหละคำตอบ ถ้าคุณอยากได้พื้นหลังใหม่ ยำภาพต่างๆ เข้าด้วยกัน หรือตัดต่อตัวเองร่วมเฟรมกับดารา ไม่ว่าคุณจะแค่อยากแต่งภาพทำการ์ดปีใหม่ หรือตัดต่อรูปไปหลอกใคร ก็ใช้โปรแกรมแต่งรูปฟรีได้เลย บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีซ้อนหลายภาพออกมาเป็นภาพใหม่ให้คุณเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รูปเรียบๆ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เป็นวิธียำภาพเรียบๆ รายละเอียดไม่มากเข้าด้วยกันแบบเร็วทันใจ บอกกันก่อนว่าวิธีนี้ตัดต่อรูปออกมาได้ไม่เนียนเป๊ะ สำหรับคนอยากได้การ์ดปีใหม่ฮาๆ น่ารักๆ หรืองานแค่พอไปวัดไปวาได้
    • ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมแต่งรูปฟรีอย่าง GIMP, Paint.NET หรือ Pixlr มาใช้เพื่อการนี้ แต่ถ้าบังเอิญมีโปรแกรมเทพอย่าง Photoshop หรือ Paint Shop Pro อยู่แล้ว ก็ใช้ได้เลย แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อแต่อย่างใด
    • วิธีนี้ใช้แค่ไม่กี่อุปกรณ์ (tools ในโปรแกรม) เพราะงั้นไม่ต้องขวนขวายหาโปรแกรมเทพๆ ถ้าไม่มี แค่ Windows Paint ก็เอาอยู่แล้ว แต่ อาจจะไม่มี "feather tool" สำหรับแต่งรูปให้ออกมาเนียนสวยยิ่งขึ้น ทีนี้พอไม่มีฟังก์ชั่น "layer" ซ้อนภาพเป็นชั้นๆ ก็อาจทำรูปเละจนต้นฉบับเสียได้
  2. นี่คือรูปที่จะใช้เป็นพื้นหลังใหม่ หรือรูปที่เราจะเอารูปอื่นมาซ้อนทับ ให้เปิดโปรแกรมแต่งรูปแล้วไปที่ File Open เพื่อเปิดไฟล์รูป
    • เข้า File Save As เพื่อเซฟเป็นชื่อไฟล์ใหม่ จะได้เก็บไฟล์ต้นฉบับไว้ให้ปลอดภัย หรือค่อยทำตอนแต่งรูปเสร็จก็ได้ แต่ถ้าทำแต่แรก จะได้ไม่พลาดจนเผลอเซฟทำรูปจริง
  3. หรือก็คือรูปที่จะตัดบางส่วนเอาไปแปะบนรูปพื้นหลัง ให้เปิดไฟล์นี้ขึ้นมาในหน้าต่างใหม่ของโปรแกรมเดียวกัน ที่สำคัญคือต้องเข้า File Save As แล้วเซฟเป็นไฟล์ชื่อใหม่ด้วย จะได้เก็บรูปต้นฉบับไว้
  4. จะเห็นปุ่มเป็นรูปต่างๆ ในแถบเครื่องมือทางซ้ายของหน้าจอ พวกนี้คือ tools หรืออุปกรณ์แต่งภาพของคุณ ให้คลิกเส้นประรูปวงกลมหรือวงรี ที่อยู่ด้านบนของแถบเครื่องมือ
    • ให้เลื่อนเคอร์เซอร์ไปที่อุปกรณ์ แล้วรอจนชื่ออุปกรณ์นั้นโผล่มา จะได้เลือกถูก บางทีอุปกรณ์นี้ก็เรียกว่า "ellipse selection", "ellipse select" หรืออะไรที่ใกล้เคียงกัน
    • ถ้าหา selection tool นี้ไม่เจอ ให้ใช้บ่วงบาศก์ "lasso tool" หรือ "rectangle select" tool ที่เป็นสี่เหลี่ยมแทน
  5. คลิกแล้วลากเพื่อล้อมกรอบส่วนของรูปที่จะตัดไปแปะ. เช่น คน สัตว์ หรือสิ่งของต่างๆ ที่จะตัดไปแปะใส่รูปพื้นหลัง พยายามเลือกส่วนของรูปให้ดีๆ โดยวัตถุที่ต้องการอยู่ตรงกลาง โดยไม่ติดส่วนเกินอื่นๆ มาด้วย (เช่น แขนใครยื่นเข้ามา)
    • โปรแกรมแต่งรูปส่วนใหญ่จะมีคำสั่ง Invert Selection ที่ใช้เลือกทุกอย่าง ยกเว้น อะไรที่คุณเลือกไว้ จะได้รู้ว่าพอเหลือแต่สิ่งที่คุณเลือกไว้จะเป็นยังไง คุณ invert หรือกลับค่าการเลือกได้ โดยกด Ctrl + Shift + I (หรือ command + Shift + I ถ้าใช้ Mac) จากนั้นกด Edit Cut เพื่อลบทุกอย่างยกเว้นรูปที่จะตัดไปแปะ หรือเลือก Edit Undo เพื่อลองเลือกส่วนอื่นของรูปดู
    • ถ้าลองหลายๆ แบบแล้วยังไม่โดนใจ ให้เลื่อนลงไปอ่านวิธีการซ้อน "รูปที่มีรายละเอียดเยอะ" แทน
  6. เบลนด์ขอบรูปบริเวณที่เลือกให้ฟุ้งๆ (ไม่จำเป็น). ขอบของรูปที่ตัดมาอาจจะดูโดดหรือชัดเกินไป พอเอาไปแปะแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือเห็นชัดๆ ว่าตัดต่อ คุณแก้ได้โดยใช้ "feather tool" หรือ "feather setting" เพื่อเบลนด์หรือเกลี่ยขอบให้ฟุ้งๆ แต่ต้องเลือกฟังก์ชั่นนี้ในโปรแกรมที่ใช้ให้ได้ซะก่อน
    • ถ้าใช้ Photoshop ให้คลิกขวารูปที่เลือกไว้ แล้วคลิก Feather [1]
    • ถ้าใช้ Gimp ให้ดูตรงเมนูด้านบน แล้วเลือก Select Feather [2]
    • ถ้าใช้ Paint.NET ต้องดาวน์โหลด Feather Plugin ก่อน แล้วเปิดเมนูของ plugin เพื่อใช้ tool นี้
    • ถ้าใช้ Pixlr หรือ Paint Shop Pro ให้คลิก selection tool แล้วเปลี่ยน feather setting ก่อน เลือกบริเวณที่จะตัดไปแปะ [3]
    • ถ้าใช้โปรแกรมอื่นๆ จะเห็นตัวเลือกให้ใส่เลขกำหนดระดับ feathering effect หรือความชัดความเบลอของขอบเป็นพิกเซล ให้เริ่มจาก 1 - 2 พิกเซลก่อน จะได้ไม่เบลอจนเกินไป
  7. พอได้รูปที่ต้องการแล้ว ก็ copy มา paste ใส่รูปพื้นหลังได้เลย. โดยเลือก Edit Copy และ Edit Paste อย่าลืมเลือกรูปพื้นหลังที่ต้องการก่อน (ก็รูปที่เปิดไว้ในอีกหน้าต่างของโปรแกรมเดียวกันนั่นแหละ)
    • ถ้า copy ได้มาเฉพาะส่วนอื่น ที่ไม่ใช่ รูปที่ต้องการ ให้เลือก Invert Selection อีกรอบก่อน จะได้กลับมาเลือกส่วนที่คุณต้องการ
  8. เลือก move tool ที่หน้าตาเหมือนเคอร์เซอร์ (ลูกศร) หรือเข็มทิศ จากนั้นคลิกแล้วลากรูปที่แปะไปไว้ตรงตำแหน่งที่ต้องการ ส่วนถ้าอยากปรับขนาดรูปที่เอามาแปะ ก็ให้
    • ไปที่ File Free Transform (หรือกด Ctrl + T ) เพื่อเพิ่ม-ลดขนาดตามต้องการ
    • จะมีสี่เหลี่ยมโผล่มาล้อมรูปที่ตัดมาแปะ ให้คลิกแล้วลากเส้นขอบหรือมุมเพื่อปรับขนาดและรูปทรงตามต้องการ ถ้าอยากคงสัดส่วนเดิมไว้ เปลี่ยนแต่ขนาด ให้กด Shift ค้างไว้ จากนั้นคลิกแล้วลากมุม
    • ถ้าขยับผิดวัตถุ ต้องเช็คก่อนว่าอยู่ถูก layer โดยไปที่ View Layer หรือ Window Layer แล้วคลิก layer ที่มีรูปที่คุณตัดมาแปะไว้
  9. ไปที่ File Save As เพื่อเซฟรูปที่ซ้อนแล้วเป็นไฟล์ใหม่. อย่าลืมเลือกรูปที่แต่งแล้วก่อนเซฟ หรือก็คือรูปที่อยู่หน้ารูปอื่นๆ
    • คุณซ้อนรูปอื่นๆ เพิ่มเข้าไปได้ด้วยวิธีเดียวกัน จะกี่ชั้นก็แล้วแต่
    • ถ้าอยากเปลี่ยนลำดับการซ้อนรูป ให้เข้าเมนู Layers ที่ View Layers หรือ Window Layers ที่เมนูด้านบนสุด แล้วลาก thumbnail ของแต่ละรูปขึ้นไปด้านบนหรือด้านล่างของรูปอื่นๆ ในรายการ layer ชั้นล่างสุดจะเป็น background image หรือรูปพื้นหลังเสมอ ส่วน layer ชั้นบนสุดจะอยู่ด้านบนของทุกอย่างในรูป
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

รูปที่มีรายละเอียดเยอะ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดูก่อนว่ารูปต้นฉบับรายละเอียดซับซ้อนแค่ไหน จะได้รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง. วิธีนี้จะแนะนำการใช้ "magic wand" tool ที่ช่วยลบส่วนต่างๆ ของรูปอย่างรวดเร็ว โดยลบเป็นสีๆ ไป จะได้ไม่เกินไปลบอย่างอื่นที่ต้องการ แต่จะทำงานง่ายขึ้นอีกเยอะ ถ้าพื้นหลังของรูปเป็นสีพื้นเรียบๆ มีเหลือบแค่นิดหน่อย หรือรูปที่จะเลือกมีเส้นขอบแยกจากพื้นหลังชัดเจน
    • ถ้ารูปที่จะตัดไปแปะอยู่บนพื้นหลังที่มีรายละเอียดเยอะ ให้ข้ามไปอ่านขั้นตอน "เลือก selection tool" เลย แล้วลากเส้นรอบบริเวณของรูปที่จะตัดไปแปะด้วยตัวเอง
    • ถ้าอยากตัดแปะรูปแบบง่ายๆ ไม่ต้องเนี้ยบมาก ให้เลื่อนกลับไปอ่านวิธีซ้อน "รูปเรียบๆ" ด้านบน
  2. จะซ้อนรูปก็ต้องมีโปรแกรมแต่งรูปซะก่อน ถึงไม่มีโปรแกรมเทพๆ อย่าง Photoshop หรือ PaintShop Pro ก็ไม่เป็นไร แค่ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีอย่าง Pixlr, GIMP หรือ Paint.NET มาใช้ก็พอ
    • ถ้าใช้ Mac ให้ลองหา GIMP ในเครื่องดูก่อน ถ้าไม่มีค่อยไปดาวน์โหลด เพราะบางทีในเครื่องก็มีโปรแกรมแต่งรูปฟรีติดมาอยู่แล้ว
    • ในบรรดาโปรแกรมแต่งรูปฟรีทั้งหลาย GIMP นี่แหละใกล้เคียงโปรแกรมเทพๆ มากที่สุด [4] ถ้าคุณแค่อยากซ้อนรูปอย่างเดียว เลือกโปรแกรมฟรีอื่นที่เมนูน้อยๆ ใช้งานง่ายๆ ก็ได้
    • ถ้าอยากใช้โปรแกรมฟรีอื่นที่เราไม่ได้แนะนำไว้ ก็ต้องเช็คให้ชัวร์ว่ามีฟีเจอร์ layering หรือซ้อนภาพเป็นชั้นๆ โดย search คำว่า "Layers" ในเมนู Help ของโปรแกรมก่อน หรืออ่านคำอธิบายแต่ละฟีเจอร์ในเว็บของโปรแกรมเอง
    • ขั้นตอนต่างๆ ของวิธีการนี้ใช้กับ MSPaint, Windows Paint และ Inkscape ไม่ได้
  3. นี่คือรูปที่จะใช้เป็นพื้นหลังใหม่ เดี๋ยวคุณจะตัดรูปอื่นมาแปะลงในรูปนี้
    • ถ้าดับเบิลคลิกที่ไฟล์แล้วโปรแกรมแต่งรูปไม่เปิดขึ้นมา ให้เปิดโปรแกรมแต่งรูปก่อน จากนั้นค่อยไปที่ File Open ในเมนูด้านบน แล้วเลือกไฟล์รูปที่ต้องการ
  4. นี่คือรูปที่คุณจะตัดไปแปะในรูปพื้นหลัง ให้ไปที่ File Open แล้วเปิดไฟล์รูปที่สองขึ้นมาในหน้าต่างใหม่ โดยเปิดรูปพื้นหลังทิ้งไว้ก่อน คุณสลับไปมาระหว่าง 2 หน้าต่างได้ แค่คลิกแล้วลากหน้าต่างหนึ่งไปข้างๆ ให้เห็นอีกหน้าต่าง หรือย่อหน้าต่างหนึ่งให้เล็กลงโดยลากมุมขวาล่าง
    • รูปที่ตัดต่อง่ายที่สุด คือรูปที่วัตถุตัดกับพื้นหลัง (เก่า) แบบชัดเจน
  5. ไปที่ File Save As แล้วเปลี่ยนชื่อรูปเป็นอะไรก็ได้ที่ต้องการ เท่านี้ก็เอารูปไปตัดต่อได้แบบไม่ต้องกลัวทำไฟล์รูปต้นฉบับเสีย
    • ให้เลือก Save As แล้วเปลี่ยนชื่อรูปเพื่อสร้างไฟล์ copy ถ้าคุณคลิกแค่ Save หรือคลิก Save As แต่ไม่ได้เปลี่ยนชื่อไฟล์ ทุกการเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดกับไฟล์ต้นฉบับแทน
    • พอได้ไฟล์ใหม่แล้ว ระหว่างตัดต่ออย่าลืมเซฟบ่อยๆ โดยไปที่ File Save กันไว้ก่อนปลอดภัยกว่า
  6. คลิกรูปไม้กายสิทธิ์ในแถบเครื่องมือทางซ้าย นี่คือ tool สำหรับเลือกสีต่างๆ ในเฉดสีที่คุณกำหนด แค่คลิกส่วนไหนก็ได้ของรูป พิกเซลที่คุณเลือกจะเป็นสีต้นแบบไว้ใช้อ้างอิงในการเลือกสีอื่นๆ ที่ใกล้เคียง
    • ไอคอนของ magic wand tool ที่ว่า จะเป็นรูปไม้กายสิทธิ์ มีแสงวาบออกมาที่ปลายไม้ ถ้าไม่แน่ใจว่าเลือกถูก tool ไหม ให้เลื่อนเคอร์เซอร์ไปจ่อที่รูป 1 - 2 วินาที เดี๋ยวจะมีชื่อ tool โผล่ขึ้นมาเอง
    • ถ้าใช้ GIMP จะเรียกว่า "fuzzy select" tool แต่รูปไอคอนก็คล้ายๆ กัน
  7. settings จะโผล่มาด้านบนของรูปตอนเลือก tool อย่าลืมติ๊กช่อง “Contiguous” จะได้ลบแค่พิกเซลใกล้เคียง ไม่ใช่ลบพิกเซลสีนั้นทั้งหมดในรูป รวมถึงให้ปรับ tolerance ตามพื้นหลัง ว่าเป็นสีพื้นหรือสีเหลือบ contrast กันกับวัตถุด้านหน้าที่ต้องการแค่ไหน ถ้าค่า tolerance ต่ำ สีที่จะลบก็มีจำกัด เหมาะสำหรับรูปที่วัตถุและพื้นหลังมีสีคล้ายๆ กัน ส่วนค่า tolerance สูงๆ จะลบสีได้หลากหลายกว่า เหมาะสำหรับรูปที่วัตถุกับพื้นหลังแตกต่างกันอย่างชัดเจน
  8. ให้คลิกสีในบริเวณที่ไม่ต้องการในรูป เพื่อเลือกบริเวณที่เป็นสีนั้น จะมีเส้นกรอบกะพริบโผล่มาล้อมบริเวณนั้น ให้กด Shift หรือ Ctrl ค้างไว้ แล้วคลิกเลือกพื้นที่ในรูปเพิ่มเติมจนได้ส่วนที่ไม่ต้องการในรูปครบทั้งหมด เหลือแต่รูปที่จะตัดไปแปะ
    • อาจจะต้องปรับค่า tolerance 2 - 3 รอบระหว่างนั้น โดยใช้ settings ของ magic wand tool ค่า tolerance ควรจะต่ำถ้าเวลาเลือกบริเวณที่จะตัดไปแปะ และค่า tolerance ควรจะสูง เวลาเลือกจุดยิบย่อย
    • เวลาเลือกผิดให้คลิก Edit Undo เพื่อยกเลิกเฉพาะการคลิกล่าสุด ไม่ต้องกลัวกลับไปเริ่มต้นใหม่แต่แรก หรือกด Ctrl + Z ถ้าใช้ Windows และกด command + Z ถ้าใช้ Mac
    • ถ้าเลือกส่วนที่ไม่ต้องการแล้วดันมีวัตถุที่จะตัดไปแปะติดมาด้วย ให้เลื่อนลงไปอ่านขั้นตอน "เลือก selection tool" แล้วค่อยๆ คลิกเลือกรูปเองโดยใช้ lasso tool
  9. เบลนด์ขอบรูปบริเวณที่เลือกให้ฟุ้งๆ (ไม่จำเป็น). ขอบของรูปที่ตัดมาอาจจะดูโดดหรือชัดเกินไป พอเอาไปแปะแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือเห็นชัดๆ ว่าตัดต่อ คุณแก้ได้โดยใช้ "feather tool" หรือ "feather setting" เพื่อเบลนด์หรือเกลี่ยขอบให้ฟุ้งๆ แต่ต้องเลือกฟังก์ชั่นนี้ในโปรแกรมที่ใช้ให้ได้ซะก่อน
    • ถ้าใช้ Photoshop ให้คลิกขวารูปที่เลือกไว้ แล้วคลิก Feather [5]
    • ถ้าใช้ Gimp ให้ดูตรงเมนูด้านบน แล้วเลือก Select Feather [6]
    • ถ้าใช้ Paint.NET ต้องดาวน์โหลด Feather Plugin ก่อน แล้วเปิดเมนูของ plugin เพื่อใช้ tool นี้
    • ถ้าใช้ Pixlr หรือ Paint Shop Pro ให้คลิก selection tool แล้วเปลี่ยน feather setting ก่อน เลือกบริเวณที่จะตัดไปแปะ [7]
    • ถ้าใช้โปรแกรมอื่นๆ จะเห็นตัวเลือกให้ใส่เลขกำหนดระดับ feathering effect หรือความชัดความเบลอของขอบเป็นพิกเซล ให้เริ่มจาก 1 - 2 พิกเซลก่อน จะได้ไม่เบลอจนเกินไป
  10. หรือเลือก Edit Cut ในเมนูด้านบน พยายามทำแบบนี้ไล่ไปเป็นจุดๆ ดีกว่าเลือกที่เดียวทั้งหมดที่จะลบ เผื่อผิดพลาดขึ้นมาจะได้แก้ไขง่าย แถมงานละเอียดกว่าด้วย
    • พอเหลือส่วนที่ไม่ต้องการในรูปแค่เล็กน้อย ให้ซูมเข้าไปลบเก็บรายละเอียด ปุ่ม Zoom In จะหน้าตาเหมือนแว่นขยาย มี "+" อยู่ข้างใน หรือเลือกคำสั่ง View Zoom ในเมนูด้านบนก็ได้
    • พอลบบริเวณที่ล้อมกรอบไว้แล้ว จะมีลาย "ตารางหมากรุก" หรือสีพื้นโผล่มาแทน แปลว่าเอารูปที่เหลือไปซ้อนกับรูปอื่นได้เลย
  11. ปกติอยู่แถวด้านบนในแถบเครื่องมือ โดยมีทั้งสี่เหลี่ยม วงกลม แล้วก็บ่วงบาศก์ ถ้าเป็น tools สี่เหลี่ยมกับวงกลม จะตีกรอบรูปทรงนั้นล้อมบริเวณที่เลือก ส่วน lasso tool หรือบ่วงบาศก์ใช้ลากเส้นกรอบรูปใดก็ได้ เหมาะสำหรับเวลาเลือกวัตถุที่จะตัดไปแปะโดยไม่ติดส่วนที่ไม่ต้องการ
  12. พยายามลบพื้นหลังให้ละเอียด จะได้ไม่เหลือส่วนที่ไม่ต้องการ เสร็จแล้วจะเลือกโดนสีพื้นหรือลายตารางไปบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าโปร่งใสไปแล้ว
    • ถ้าลบพื้นหลังละเอียดๆ ด้วย magic wand tool ไม่หมด ให้ซูมเข้าโดยใช้คำสั่ง View Zoom ในเมนูด้านบน แล้วค่อยๆ ตีกรอบรอบวัตถุที่ต้องการโดยใช้ lasso tool อาจจะใช้เวลาหลายนาทีหน่อย แต่เพื่องานที่ละเอียดยิ่งขึ้น พอ copy วัตถุที่เลือกไป paste ในพื้นหลังใหม่แล้ว อาจจะต้องเก็บรายละเอียดด้วย lasso tool อีกที
  13. copy วัตถุที่เลือกไว้ สลับไปที่หน้าต่างของรูปพื้นหลัง แล้ว paste เลย. จะกด Ctrl + C เพื่อ copy และกด Ctrl + V เพื่อ paste หรือใช้เมนู Edit ก็ได้ ถ้ารูปที่ได้ยังดู "โดด" หรือไม่เป็นธรรมชาติ ให้ undo ที่ paste ไป แล้วเพิ่มค่า feathering (เบลนด์ขอบฟุ้ง) อีก 2 - 3 พิกเซล
    • อ่านวิธีการ "Soften the edges" หรือ "เบลนด์ขอบรูปบริเวณที่เลือกให้ฟุ้งๆ" ได้ที่ด้านบน
    • ถ้าไม่แน่ใจว่ารูปที่ paste ไปอยู่ไหน ให้เปิด Layers Palette โดยไปที่ Window Layer หรือ View Layer จะเห็น layer พร้อม thumbnail ของรูปที่คุณ paste ไป ด้านบนของลายตาราง ให้ลาก layer นี้ขึ้นไปอยู่บนสุดของรายชื่อ layer แปลว่าอยู่ด้านบนสุดของรูป ไม่ใช่อยู่ล่างรูปพื้นหลังที่ต้องการ
  14. เลือก move tool ที่หน้าตาเหมือนเคอร์เซอร์ (ลูกศร) หรือเข็มทิศ จากนั้นคลิกแล้วลากรูปที่แปะไปไว้ตรงตำแหน่งที่ต้องการ ส่วนถ้าอยากปรับขนาดรูปที่เอามาแปะ ก็ให้
    • ไปที่ File Free Transform (หรือกด Ctrl + T ) เพื่อเพิ่ม-ลดขนาดตามต้องการ
    • จะมีสี่เหลี่ยมโผล่มาล้อมรูปที่ตัดมาแปะ ให้คลิกแล้วลากเส้นขอบหรือมุมเพื่อปรับขนาดและรูปทรงตามต้องการ ถ้าอยากคงสัดส่วนเดิมไว้ เปลี่ยนแต่ขนาด ให้กด Shift ค้างไว้ จากนั้นคลิกแล้วลากมุม
    • ถ้าขยับผิดวัตถุ ต้องเช็คก่อนว่าอยู่ถูก layer โดยไปที่ View Layer หรือ Window Layer แล้วคลิก layer ที่มีรูปที่คุณตัดมาแปะไว้
  15. ไปที่ File Save As เพื่อเซฟรูปที่ซ้อนแล้วเป็นไฟล์ใหม่. เช็คให้ชัวร์ว่ารูปที่จะเซฟเป็นรูปที่ตัดต่อแล้ว อย่าเผลอไปเลือกหน้าต่างที่เหลือแต่เศษรูปที่คุณไม่ต้องการ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ใส่ลูกเล่นเพิ่มเติม

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เปิดเมนู Layer โดยไปที่ View Layer หรือ Window Layer แล้วเลือก layer ที่คุณแปะรูปไป จะเห็นหลายตัวเลือกสำหรับปรับแต่งรูป
    • โปรแกรมแต่งรูปเดี๋ยวนี้มีเยอะแยะ แต่ละโปรแกรมก็มีตัวเลือกมากมายมหาศาลแตกต่างกันไป จะลองใช้ตามที่แนะนำข้างล่าง หรือลองใส่ลูกเล่นดูเองก็ได้ โดยเลือกจากในเมนู Filter หรือ Layer
  2. บางรูปที่เอามาแปะ ถ้าดูจางๆ หน่อยก็อาจทำให้ดูดีมีอะไรขึ้น โดยเฉพาะถ้าใช้วิธี Quick overlay หรือตัดแปะรูปแบบง่ายๆ อันนี้ถือเป็นการแต่งรูปให้ดูไม่เรียบเกินไป ต้องใช้เวลาแต่งนิดหน่อย
    • แถวๆ รายชื่อ layers ที่เราบอกวิธีดูไปแล้วด้านบน จะมีช่อง Opacity คุณใส่ตัวเลข 0 (โปร่งใส) ถึง 100 (ทึบ) ได้ หรือปรับแถบเลื่อนเพื่อให้รูปค่อยๆ จาง
  3. Drop Shadow effect เป็นการเพิ่ม "layer เงา" ใต้วัตถุ ทำให้ดูเนียนไปกับพื้นหลังยิ่งขึ้น ให้ลองทำตามขั้นตอนข้างล่างดู รูปจะออกมาสมจริงกว่า
    • ถ้าใช้ GIMP ตัวเลือกนี้จะอยู่ที่ Filter Light and Shadow
    • ถ้าใช้ Photoshop ตัวเลือกนี้จะอยู่ที่ Layer Layer Style Drop Shadow
    • ปรับแต่ง layer เงา โดยไปที่ Filter Blur เพื่อให้เงาดูเนียนขึ้น ไม่ตัดกันชัดเจน
    • หรือไปที่ Edit Free Transform เพื่อปรับรูปร่างและตำแหน่งเงาให้สัมพันธ์กับทิศทางที่แสงตกกระทบในรูปพื้นหลัง
  4. พูดไปก็ไม่หมด เพราะแต่ละโปรแกรมยังมีลูกเล่นอีกเยอะ ให้ลองใช้ตัวเลือก Blending ต่างๆ ดู รูปที่เอามาแปะจะได้ดูเนียนขึ้น หรือใส่ลูกเล่นเว่อร์ๆ ให้ดูติงต๊องหรืออาร์ตๆ ไปเลย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณใช้ erase tool ลบได้ทั้งส่วนเกินที่ไม่ต้องการ หรือพื้นที่ใหญ่ๆ ที่ห่างไกลจากวัตถุ
  • help box ช่วยได้ ถ้าอยากรู้ว่าอะไรใช้ยังไง
  • ถ้าสีพื้นโผล่มาหลังลบพื้นหลังบางส่วน แล้วทำให้เลือกพื้นหลังส่วนอื่นยาก ให้เปิด Layers Palette ( View Layers หรือ Window Layers ) แล้วหา "Background Layer" หรือก็คือ layer ที่มีสีพื้นนั้น ถ้าเห็นสัญลักษณ์แม่กุญแจล็อคไว้ ให้ดับเบิลคลิกแล้วคลิก OK เพื่อปลดล็อค จากนั้นลากไปใส่ถังขยะที่ล่าง Layers Palette หรือคลิกขวาแล้วเลือก Delete Layer เท่านี้สีพื้นก็จะกลายเป็นลายตารางแทน
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามเซฟทับไฟล์รูปต้นฉบับเด็ดขาด
  • ถ้าคุณใช้ Invert Selection เหมือนที่อธิบายไปด้านบน แล้วได้สีแปลกๆ มาแทน ให้ใช้ Invert แทน [8] Invert Selection จะอยู่ในเมนู Select ของแต่ละโปรแกรม หรือกดคีย์ลัด Ctrl + Shift + I ก็ได้ (ถ้าใช้ Mac ให้กด command + Shift + I )
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,578 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา