ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
แมวเป็นสัตว์ที่มีสายตาที่ดีเลิศและสามารถมองเห็นทั้งในที่ร่มและกลางแจ้งในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม การบาดเจ็บที่ดวงตาและโรคบางประเภทอาจส่งผลให้ความสามารถในการมองเห็นของแมวลดลงหรือถึงขั้นทำให้แมวสูญเสียการมองเห็นได้ ซึ่งหากคุณพบสัญญาณเริ่มต้นของภาวะตาบอดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แมวของคุณก็จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและมีโอกาสที่จะกลับมามองเห็นเป็นปกติหรือมองเห็นได้บ้างบางส่วน แต่หากสุดท้ายแล้วแมวของคุณตาบอดอย่างถาวร คุณจะต้องเตรียมความพร้อมที่คอยให้ความช่วยเหลือพวกมันอย่างเต็มที่ เพื่อให้แมวของคุณได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมที่สุด ลองสังเกตพฤติกรรมหรือการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่บ่งชี้ว่าพวกมันกำลังเริ่มสูญเสียการมองเห็นหรือมีอาการตาบอดสนิท
ขั้นตอน
-
จับตาดูความเชื่องช้าและงุ่มง่าม. เฝ้าดูลักษณะการเดินไปมารอบๆ เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นของแมวของคุณและลองสังเกตหากพวกมันมักกระโดดขึ้นเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นพลาดอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งคอยสังเกตว่าแมวของคุณเริ่มเดินชนกำแพงหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ก่อนหน้านี้สามารถเดินหลบได้บ้างหรือไม่ การที่แมวของคุณมีท่าทางที่เชื่องช้าและงุ่มง่ามในบริเวณในบ้านที่พวกมันมักใช้เวลาอยู่เป็นประจำอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการสูญเสียการมองเห็นหรือภาวะตาบอดได้ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อีกหนึ่งข้อสังเกตคือเมื่อพวกมันกลิ้งตกบันไดหรือลื่นไถลเมื่อพยายามกระโดดขึ้นไปบนที่ประจำของมัน
- ลองสังเกตว่าพวกมันมีปัญหาในการมองเห็นสิ่งของคุ้นเคยอื่นๆ หรือไม่ เช่น มองหาชามใส่อาหารหรือน้ำไม่เจอ
-
เฝ้าดูท่าทางการเดิน. ลองสังเกตท่าทางการเดินของแมวของคุณ หากคุณสังเกตเห็นว่าพวกมันมีท่าทางการเดินโดยย่อตัวต่ำๆ อาจเป็นเพราะว่าพวกมันกำลังพยายามคลำทางโดยใช้จมูกและหนวด อีกหนึ่งสัญญาณที่ควรเฝ้าสังเกตคือเมื่อแมวของคุณเดินก้มหัวหรือขยับหัวขึ้นลงเพื่อพยายามกะระยะห่าง [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อีกหนึ่งข้อสังเกตคือพวกมันเดินไปมาแบบไร้จุดหมาย
-
ลองฟังเสียงร้อง. ลองฟังดูว่าแมวของคุณส่งเสียงร้องมากกว่าปกติหรือไม่ เพราะเมื่อพวกมันไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนหรือสูญเสียการมองเห็น พวกมันมักส่งเสียงร้องดังยิ่งขึ้นเพื่อแสดงถึงความเจ็บปวด นอกจากนี้คุณยังอาจสังเกตเห็นว่าแมวของคุณมักแสดงท่าทีวิตกกังวล ตื่นกลัว หรือหงุดหงิดในระหว่างการปรับตัวเข้ากับการมองเห็นที่ไม่ชัดเจนเช่นเดิม [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณอาจสังเกตเห็นได้อีกว่าพวกมันดูสะดุ้งตกใจได้ง่ายขึ้น
-
สังเกตดูว่าแมวติดคุณแจหรือไม่. จับตาดูสัญญาณที่บ่งบอกว่าแมวของคุณแลดูไม่มีความมั่นใจเหมือนเคย อย่างเช่น พวกมันติดคุณแจกว่าเดิมหรือใช้เวลาอยู่กับคุณนานขึ้น รวมทั้งคอยสังเกตว่าแมวของคุณนอนหลับบ่อยขึ้นหรือเดินไปมาน้อยกว่าปกติหรือไม่โฆษณา
-
ตรวจสอบรูม่านตา. เมื่อคุณสงสัยว่าแมวของคุณตาบอดหรือเริ่มสูญเสียการมองเห็น ให้คุณตรวจสอบที่รูม่านตาของพวกมัน ซึ่งหากคุณสังเกตเห็นว่าลักษณะของรูม่านตาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่ว่าจะอยู่ในที่ที่มีแสงมากหรือแสงน้อยหรือรูม่านตาทั้งสองข้างมีขนาดที่แตกต่างกัน ความผิดปกติเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะตาบอดหรือการสูญเสียการมองเห็นในระยะเริ่มต้นได้
- รวมทั้งลองสังเกตหากพวกมันหรี่ตาตลอดเวลาหรือไม่ตอบสนองใดๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงของแสง
-
ตรวจสอบสีของดวงตา. ความผิดปกติหนึ่งที่คุณอาจสังเกตเห็นได้คือสีของดวงตาที่เปลี่ยนไปของแมวของคุณ นอกจากนี้คุณยังอาจพบว่าดวงตาของพวกมันแดงผิดปกติหรือเริ่มดูขุ่นมัว ฝ้าฟาง หรือขาวขึ้นกว่าเดิม
- ลองสังเกตว่าเนื้อเยื่อบริเวณรอบดวงตาของพวกมันแดงผิดปกติหรือไม่ แต่ไม่ต้องกังวลหากเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวเป็นสีชมพูอ่อนๆ ซึ่งเป็นลักษณะที่ปกติ
- หากเลนส์แก้วตาทั้งสองข้างของพวกมันดูไม่ใสเหมือนเคย อาการผิดปกตินี้อาจเป็นสัญญาณของโรคต้อกระจกได้
-
ทดสอบการตอบสนองต่อการเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ของวัตถุ (Menace reflex). ลองเคลื่อนปลายนิ้วเข้ามาใกล้ดวงตาของแมวของคุณอย่างรวดเร็วโดยระวังอย่าให้สัมผัสโดนแก้วตา ซึ่งแมวที่มองเห็นได้ปกติจะถอยหนีหรือกระพริบตาเมื่อคุณเคลื่อนปลายนิ้วเข้ามาใกล้ดวงตา ในขณะที่แมวที่ตาบอดจะยังคงไม่รับรู้ถึงปลายนิ้วที่เคลื่อนใกล้เข้ามา พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ปลายนิ้วเข้าใกล้หนวดของพวกมันจนเกินไปหรือทำให้พวกมันสามารถตรวจจับการพัดของลมผ่านทางหนวดได้ ไม่เช่นนั้นพวกมันจะไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีนิ้วมือกำลังเคลื่อนเข้าหาใบหน้าของพวกมัน
-
ลองหย่อนลูกบอลไหมพรมลงมาข้างหน้า. สังเกตดูว่าแมวของคุณจ้องมองหรือมองตามลูกบอลไหมพรมหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วแมวที่มองเห็นได้ปกติจะจ้องมองลูกบอลไหมพรมที่ตกลงมา ในขณะที่แมวที่ตาบอดจะยังคงไม่รู้ว่ามีลูกบอลไหมพรมตกผ่านหน้าลงไป พยายามอย่าให้ลูกบอลไหมพรมเข้าใกล้หนวดของพวกมันจนเกินไป ไม่เช่นนั้นพวกมันจะไม่สามารถรับรู้ถึงลูกบอลไหมพรมได้ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
คอยสังเกตขนาดของดวงตาเพื่อตรวจเช็คโรคต้อหิน. หากดวงตาของหนึ่งของแมวของคุณดูมีขนาดใหญ่กว่าดวงตาอีกข้างหนึ่ง คุณควรพาพวกมันไปพบสัตวแพทย์โดยทันที เพราะแม้ว่าความผิดปกติดังกล่าวอาจไม่จำเป็นต้องหมายความว่าพวกมันตาบอดเสมอไป แต่โรคต้อหินอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะตาบอดได้หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เมื่อเป็นโรคต้อหิน ดวงตาข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างของพวกมันอาจดูฝ้าฟางยิ่งขึ้น
โฆษณา
-
พาแมวไปพบสัตวแพทย์. หากคุณสงสัยว่าแมวของคุณตาบอดหรือเริ่มสูญเสียการมองเห็น ให้คุณพาแมวของคุณไปพบสัตวแพทย์เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความวิตกกังวลของคุณรวมถึงอาการผิดปกติต่างๆ ที่คุณสังเกตเห็น โดยคุณควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะการได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะป้องกันไม่ให้พวกมันตาบอดสนิทรวมทั้งช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยภาวะอันตรายที่อาจเป็นสาเหตุของอาการผิดปกติที่คุณสังเกตเห็นก่อนหน้านี้
- ภาวะตาบอดที่เกิดขึ้นอาจเป็นอาการผิดปกติของโรครุนแรงๆ อื่น เช่น โรคความดันโลหิตสูงที่อาจส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคลมชักได้ ดังนั้นการได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
วางสิ่งของต่างๆ ในบ้านไว้ในตำแหน่งเดิม. พยายามเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมรอบตัวแมวของคุณให้น้อยที่สุดเพื่อช่วยเหลือพวกมันในการปรับตัวเข้ากับการมองเห็นที่ไม่ชัดเจนเช่นเดิม รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายชามใส่อาหารหรือน้ำและกระบะทรายเพื่อช่วยให้พวกมันสามารถหาเจอได้ง่าย [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณยังสามารถปรับเฟอร์นิเจอร์ให้ต่ำลงหรือจัดเตรียมทางลาดเอาไว้เพื่อให้พวกมันปีนขึ้นไปได้ง่ายขึ้น
- อย่าให้มีของกองระเกะระกะบนพื้นเพื่อให้พวกมันเดินไปมาได้อย่างสะดวกสบาย
-
คอยดูแลเมื่อพาออกไปข้างนอก. เฝ้าระวังแมวของคุณอย่างใกล้ชิดเมื่อคุณพาพวกมันออกไปข้างนอกและคอยกักให้พวกมันอยู่ในพื้นที่ปิดล้อมตลอดเวลา หรือหากคุณยังคงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย พยายามปล่อยให้แมวของคุณอยู่ภายในบ้านพร้อมทั้งปิดประตูและหน้าต่างให้สนิทและใช้ไม้ตีปิดทับประตูสัตว์เลี้ยงให้เรียบร้อย
-
ระบุตัวตนของแมว. ฝังไมโครชิพให้แมวของคุณเพื่อเป็นประโยชน์ในกรณีที่พวกมันหายออกไปจากบ้าน รวมทั้งให้พวกมันสวมปลอกคอพร้อมป้ายชื่อที่ระบุว่าแมวของคุณตาบอดหรือมีสายตาเลือนลาง [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
หลีกเลี่ยงการทำให้แมวสะดุ้งตกใจ. อย่าส่งเสียงดังหรือทำให้แมวของคุณสะดุ้งตกใจ โดยพยายามรักษาความสงบเมื่ออยู่ใกล้ๆ พวกมันเพื่อไม่ให้พวกมันรู้สึกตื่นกลัว รวมทั้งเตือนสมาชิกในครอบครัวโดยเฉพาะพวกเด็กๆ และแขกผู้มาเยือนว่าอย่าส่งเสียงดังหรือทำอะไรก็ตามที่อาจทำให้แมวตกใจกลัวได้โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.cat-world.com.au/Cat-Health-Collection/blindness-in-cats.html
- ↑ http://www.cats.org.uk/uploads/documents/The_Cat_Mag_extracts/Blind_cats.pdf
- ↑ http://www.pethealthnetwork.com/cat-health/cat-diseases-conditions-a-z/sudden-onset-blindness-cats
- ↑ http://www.eyevet.ie/wp-content/uploads/2009/01/vision_cat.pdf
- ↑ https://www.vet.cornell.edu/departments-centers-and-institutes/cornell-feline-health-center/health-information/feline-health-topics/feline-glaucoma
- ↑ https://icatcare.org/advice/cat-health/hypertension-high-blood-pressure-cats
- ↑ https://icatcare.org/advice/cat-health/sudden-onset-blindness-cats
- ↑ http://www.petplace.com/article/cats/diseases-conditions-of-cats/features/living-with-a-blind-cat
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 17,417 ครั้ง
โฆษณา