ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการใช้ macOS High Sierra ในเครื่อง Windows โดยดาวน์โหลดแอพชื่อ Unibeast มาก่อน และต้องใช้ Mac กับ Windows ที่รองรับการใช้งานแบบนี้ด้วย สุดท้ายคือฮาร์ดไดรฟ์เปล่า
ขั้นตอน
-
เช็คสเปคคอม. คอมพิวเตอร์ Windows ของคุณต้องใช้ Intel processor i5 หรือ i7 ถึงจะใช้ macOS High Sierra ได้ และต้องมี RAM อย่างน้อย 2 GB วิธีเช็คก็คือ
- เปิด Start
- พิมพ์ system information
- คลิก System Information ที่ด้านบนของเมนู
- ดูชื่อ processor ทางขวาของหัวข้อ "Processor"
- เลื่อนลงไปดูเลขทางขวาของหัวข้อ "Installed Physical Memory"
-
เช็คประเภท BIOS ของคอม. ข้างหัวข้อ "BIOS Mode" ในเมนู System Information ให้มองหา "UEFI" หรือ "BIOS" แล้วจำหรือจดไว้ก่อน
- หลังจากนี้ก็ออกจาก System Information ได้เลย
-
เช็ค bit ของคอม . คอมมี 2 ประเภทด้วยกัน คือ 32-bit กับ 64-bit คอมของคุณต้องเป็น 64-bit ถึงจะติดตั้ง macOS ได้
-
ต้องมีหรือขอใช้ Mac รุ่นใหม่ๆ ของใครได้. เครื่อง Mac ที่ว่าต้องดาวน์โหลด macOS High Sierra ได้
- ย้ำว่าต้องเป็นเครื่อง Mac รุ่นที่ใช้ macOS High Sierra ได้เท่านั้น
-
รวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็น. จะติดตั้ง macOS High Sierra ใน Windows ได้ ต้องมีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ไดรฟ์ USB - เลือกแฟลชไดรฟ์ที่ใส่ข้อมูลได้ 16 GB
- ฮาร์ดไดรฟ์ว่าง - เลือก USB external hard drive ที่ใส่ข้อมูลได้อย่างน้อย 100 GB (ใช้ติดตั้งไฟล์ต่างๆ ของ macOS เพราะงั้นยิ่งพื้นที่เยอะก็ยิ่งดี)
- USB-C adapter - ถ้าใช้ Mac ที่ไม่มีพอร์ท USB แบบเก่า ก็ต้องใช้ adapter แบบแปลง USB-C เป็น USB-3.0
โฆษณา
-
เข้าเว็บดาวน์โหลด Unibeast ใน Mac. ไปที่ https://www.tonymacx86.com/ โดยใช้ Mac เพราะโฟลเดอร์จะดาวน์โหลดผิดแอพ ถ้าทำใน Windows แล้วพยายามถ่ายข้อมูลไปที่ Mac
-
คลิก Log in or Register . ที่ด้านขวาบนของหน้า แล้วเมนูจะโผล่มาที่ด้านบนของหน้า
-
พิมพ์อีเมล. ในช่อง "Email address" ต้องเป็นอีเมลที่ใช้งานอยู่จริงๆ เพราะต้องต้องล็อกอินไป verify หรือยืนยันความถูกต้องทีหลัง
-
ติ๊กช่อง "No, create an account now". ทางด้านล่างของเมนู
-
คลิก Sign up . เพื่อไปยังหน้า Create an Account
-
พิมพ์ข้อมูลที่จำเป็น. กรอกรายละเอียดในช่องต่อไปนี้
- Name — พิมพ์ชื่อที่จะใช้กับบัญชี
- Password — พิมพ์รหัสผ่านที่จะใช้ตอนล็อกอิน
- Confirm Password — พิมพ์รหัสผ่านด้านบนซ้ำเพื่อยืนยัน
- Date of Birth — ใส่วันเดือนปีเกิด
- Location — พิมพ์ชื่อประเทศ
-
ติ๊กช่อง "I agree to the terms and rules". ทางด้านล่างของหน้า
-
คลิก Sign up . เป็นปุ่มที่อยู่ท้ายหน้า เพื่อสร้างบัญชีแล้วส่งอีเมลยืนยันไปยังอีเมลที่ระบุ
-
ไปที่ inbox ของอีเมล. เข้าอีเมลที่ระบุไว้ตอนสมัครบัญชี โดยล็อกอินเข้า inbox ด้วยอีเมลและรหัสผ่าน
-
เปิดอีเมลยืนยัน. คลิกเปิดอีเมลจาก "tonymacx86.com"
-
คลิกลิงค์ยืนยัน. คลิกลิงค์ใต้ข้อความ "Confirm Account" กลางหน้าอีเมล เพื่อกลับไปยังเว็บดาวน์โหลด Unibeast
-
ดับเบิลคลิก tab Downloads . ทางขวาของแถวบรรดา tab ทั้งหลาย ทางด้านบนของหน้า แล้วหน้า Downloads จะเปิดขึ้นมา
- ถ้ามีแค่เมนูขยายลงมา ให้คลิก tab Downloads อีกรอบ
-
เลื่อนลงไปคลิก Unibeast . ต้องคลิก Unibeast เวอร์ชั่นที่เลขข้างๆ สูงสุด
- เช่น เวอร์ชั่นปัจจุบันของ Unibeast (พฤษภาคม 2561) คือ 8.3.2
-
คลิก Download Now . ที่มุมขวาบนของหน้า เพื่อดาวน์โหลด Unibeast ลง Mac
-
ดาวน์โหลด Multibeast. โปรแกรมที่อยู่ในเว็บเดียวกับ Unibeast นี้ จะทำให้ติดตั้งไดรฟ์เวอร์ต่างๆ แล้วใช้ลำโพง ต่อเน็ต และอื่นๆ ใน PC ได้
- ดับเบิลคลิก tab Downloads อีกรอบ
- คลิก Multibeast - High Sierra 10.2.0
- คลิก Download Now ที่มุมขวาบนของหน้า
โฆษณา
-
เปิด App Store ของ Mac. คลิกไอคอน App Store ที่เป็นสีฟ้า มีตัว "A" สีขาวด้านบน อยู่ใน Dock ของ Mac
-
คลิกแถบค้นหา. ที่ด้านขวาบนของหน้าต่าง App Store
-
ค้นหา High Sierra. พิมพ์ high sierra ในแถบค้นหา แล้วกด ⏎ Return
-
คลิก Download . ทางขวาของไอคอน High Sierra เพื่อเริ่มดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งลง Mac
-
กด ⌘ Command + Q ตอนที่หน้าต่างเปิดขึ้นมา. เพื่อปิดหน้าต่างติดตั้ง
-
เปิด Finder. คลิกไอคอนรูปหน้าสีฟ้า ใน Dock ของ Mac
-
คลิกโฟลเดอร์ Applications . ทางซ้ายของหน้าต่าง Finder
-
เช็คว่ามีไฟล์ติดตั้งในนั้น. ไฟล์ติดตั้งจะชื่อ "Install macOS High Sierra" หรืออื่นๆ ที่ใกล้เคียง และจะมีรูปเทือกเขาด้านบน ถ้าไฟล์ติดตั้งอยู่ในโฟลเดอร์ Applications แล้วก็ไปต่อได้เลย
- ถ้าไม่เจอไฟล์ติดตั้ง ให้ลองดาวน์โหลด High Sierra อีกรอบ
โฆษณา
-
เสียบไดรฟ์ USB ที่เครื่อง Mac. จะติดตั้ง macOS High Sierra ในคอม ต้องใช้แฟลชไดรฟ์ 16 GB ขึ้นไป
- ถ้า Mac ไม่มีพอร์ท USB ตามปกติ ให้ใช้ adapter แบบแปลง USB-C เป็น USB-3.0
-
เปิด Spotlight . คลิกไอคอนรูปแว่นขยายที่มุมขวาบนของหน้าจอ เพื่อเปิดแถบค้นหา
-
พิมพ์ disk utility ใน Spotlight. เพื่อค้นหาแอพ Disk Utility ใน Mac
-
คลิก Disk Utility . ล่างแถบค้นหาของ Spotlight เพื่อเปิด Disk Utility
-
เลือกไดรฟ์ USB. คลิกชื่อไดรฟ์ USB ที่ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง
-
คลิก tab Erase . ที่ด้านบนของหน้าต่าง แล้วจะมีช่อง pop-up โผล่ขึ้นมา
-
คลิกช่อง "Format" ให้ขยายลงมา. ปกติจะอยู่กลางช่อง pop-up คลิกแล้วเมนูจะขยายลงมา
-
คลิก OS X Extended (Journaled) . เพื่อกำหนด file system ของไดรฟ์ USB เป็นของ Mac
-
คลิกช่อง "Scheme" ให้ขยายลงมา. จะอยู่ล่างช่อง "Format" ที่ขยายลงมา
-
คลิก GUID Partition Map . เป็นตัวเลือกในเมนู "Format" ที่ขยายลงมา
-
คลิก Erase . เพื่อฟอร์แมตไดรฟ์ USB ใหม่ ไปใช้ file system ของ Mac
-
คลิก Done ตอนที่ขึ้น. เสร็จแล้วก็ไปสร้างไดรฟ์ติดตั้งได้เลยโฆษณา
-
เปิดโฟลเดอร์ Unibeast. ดับเบิลคลิกโฟลเดอร์ Unibeast เพื่อ unzip แล้วเปิด
-
เปิด Unibeast. ดับเบิลคลิกไฟล์ PKG ของ Unibeast เพื่อเปิด
-
คลิก Open ตอนที่ขึ้น. เพื่อเปิดหน้าต่างติดตั้ง Unibeast
- ถ้าตอนนี้ Mac ใช้ macOS Sierra หรือใหม่กว่า ก็ต้อง verify หรือยืนยันการติดตั้ง Unibeast ก่อน
-
คลิก Continue 4 ครั้ง. ที่มุมขวาล่างของ 4 หน้าแรก ของหน้าต่างติดตั้ง Unibeast
-
คลิก Agree ตอนที่ขึ้น. ทางด้านบนของหน้าต่าง
-
เลือกไดรฟ์ USB แล้วคลิก Continue . คลิกชื่อไดรฟ์ USB เพื่อเลือก
-
เลือก High Sierra แล้วเลือก Continue . จะเห็น High Sierra ที่กลางหน้า
-
เลือกชนิดเมนบอร์ด. อันนี้แล้วแต่ว่าเครื่อง Windows ของคุณใช้เมนบอร์ดแบบ UEFI หรือ BIOS เพราะตัวเลือกจะต่างกันออกไป
- UEFI — คลิก UEFI Boot Mode แล้วคลิก Continue
- BIOS — คลิก Legacy Boot Mode แล้วคลิก Continue
-
เลือกการ์ดจอถ้าจำเป็น แล้วคลิก Continue . ติ๊กช่องข้าง Inject [ชื่อการ์ด] เพื่อเลือก settings ของการ์ดจอที่จะใช้
- ถ้าการ์ดจอใช้กับ macOS High Sierra ได้ตามค่า default ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย
-
คลิก Continue . ที่มุมขวาล่างของหน้า เพื่อใส่รหัสผ่านของ Mac
-
พิมพ์รหัสผ่านของ Mac. พิมพ์รหัสผ่านที่ใช้ล็อกอินเข้า Mac
-
คลิก OK . แล้ว Unibeast จะเริ่มติดตั้งลงไดรฟ์ USB เท่านี้ก็พร้อมใช้ติดตั้ง macOS High Sierra ลงคอม พอติดตั้ง Unibeast เสร็จ ก็ให้ไปเปลี่ยนลำดับการบูทของ Windowsโฆษณา
-
ถอดทุกอุปกรณ์ USB ที่เสียบอยู่กับ Windows. โดยเฉพาะอย่าเสียบไดรฟ์ USB ไว้
-
เข้าหน้า settings ของ BIOS หรือ UEFI ของคอม . เป็นขั้นตอนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละคอม แต่ปกติคือให้รีสตาร์ทคอมแล้วกดปุ่มรัวๆ (เช่น ปุ่ม Del ) ทันทีหลังคอมติด
-
หาหัวข้อ "Boot Order". ปกติส่วนนี้จะอยู่ในหน้าหลักของ BIOS ให้กดปุ่มลูกศรเพื่อเลื่อนไปยัง tab "Boot" หรือ "Advanced"
- หัวข้อ "Boot Order" จะต่างกันไปตาม BIOS ถ้าหาหน้า "Boot Order" ของ BIOS ไม่เจอ ให้อ่านคู่มือเมนบอร์ด หรือเอารุ่นคอมไปค้นในเน็ต เพื่อดูหน้า BIOS ของรุ่นนั้นโดยเฉพาะ
-
เลือก Removable Devices . ใช้ปุ่มลูกศรขยับแถบกะพริบไปที่ Removable Devices
- บางเวอร์ชั่น หัวข้อนี้จะเป็น USB Devices หรืออะไรที่ใกล้เคียง (เช่น Peripherals )
-
ขยับตัวเลือกที่ต้องการไปไว้บนสุดของรายการ. ปกติคือให้กดปุ่ม + โดยที่เลือก boot location หรืออุปกรณ์ที่ใช้บูทเครื่องไว้ จนตัวเลือกขึ้นมาอยู่ด้านบนสุดของรายชื่อ "Boot Order"
- ต้องกดปุ่มไหน เช็คได้ที่ legend ทางขวา ท้ายหน้า BIOS
-
เซฟ settings แล้วออกจาก BIOS. มองหาปุ่มที่ต้องกดถ้าจะเซฟแล้วออก ใน legend ทางขวาของหน้าเช่นกัน เจอแล้วก็กดได้เลย เพื่อเปลี่ยน boot priority หรือลำดับอุปกรณ์ที่ใช้บูท Windows เท่านี้ไดรฟ์ USB สำหรับติดตั้งก็จะถูกเลือกเป็นอุปกรณ์ที่ใช้บูทตอนเสียบเข้าไป
- อาจจะต้องกดปุ่มอื่นเพื่อยืนยันตัวเลือก
โฆษณา
-
ใส่ Multibeast ในไดรฟ์ USB. เปิดโฟลเดอร์ของไดรฟ์ USB แล้วลากไฟล์ Multibeast ไปใส่ในโฟลเดอร์ เดี๋ยวต้องใช้ Multibeast ทีหลัง เพราะงั้นถ้ามีอยู่ในแฟลชไดรฟ์ เวลาจะใช้ก็สะดวก
-
eject ไดรฟ์ USB ที่มี Unibeast จาก Mac. เปิด Finder แล้วคลิกไอคอน ⏏ Eject ทางขวาของชื่อไดรฟ์ USB ที่มุมซ้ายบนของหน้าต่าง Finder จากนั้นก็ถอดไดรฟ์ USB ได้เลย
- รอให้ติดตั้ง Unibeast เสร็จก่อนแล้วค่อยดึงไดรฟ์ออก
-
ปิดเครื่อง Windows. กดปุ่ม Power ของเครื่อง Windows ค้างไว้จนคอมปิดสนิท ปกติคือภายใน 1 - 2 วินาทีหลังจอดับ
-
เสียบทั้งไดรฟ์ USB ที่มี Unibeast และฮาร์ดไดรฟ์ว่าง. เสียบที่พอร์ท USB ของคอมได้เลย
-
เปิดเครื่อง Windows. กดปุ่ม Power เพื่อเปิดคอม พอคอมเริ่มบูทเครื่องแล้ว ก็จะเลือกบูทจากไดรฟ์ USB ที่เสียบไว้
-
เลือกไดรฟ์ USB ตอนที่ขึ้น แล้วกด ↵ Enter . เพื่อเริ่มติดตั้ง macOS
-
เลือกภาษา แล้วคลิก → . เพื่อไปยังหน้าติดตั้งหน้าถัดไป
-
คลิก Continue 2 รอบ. จะอยู่ที่มุมขวาล่างของหน้า
-
คลิก Agree ตอนที่ขึ้น. จะอยู่ทางด้านบนของหน้าจอ
-
คลิก Disk Utility . ในเมนูที่ขยายลงมา
-
เลือกฮาร์ดไดรฟ์ว่าง. คลิกชื่อฮาร์ดไดรฟ์ว่าง ทางซ้ายของหน้า
-
คลิก tab Erase . ทางด้านบนของหน้า
-
ฟอร์แมตฮาร์ดไดรฟ์ว่าง. ให้เปลี่ยนข้อมูลในช่องต่อไปนี้
- Format — คลิกช่องให้ขยายลงมา แล้วคลิก Mac OS X Extended (Journaled)
- Scheme — คลิกช่องให้ขยายลงมา แล้วคลิก GUID Partition Map
-
คลิก Erase . เพื่อฟอร์แมตฮาร์ดไดรฟ์ว่างอีกรอบ เป็น file system ของ macOS
-
คลิก Done ตอนที่ขึ้น แล้วปิดหน้าต่าง Disk Utility. เท่านี้ก็ติดตั้ง macOS High Sierra ในฮาร์ดไดรฟ์ได้แล้ว
-
คลิกชื่อฮาร์ดไดรฟ์ว่าง แล้วคลิก Continue . เพื่อเลือกฮาร์ดไดรฟ์นั้นเป็นตำแหน่งติดตั้ง และเริ่มติดตั้ง macOS High Sierra
-
รอจนติดตั้ง macOS High Sierra เสร็จ. ปกติจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที
-
ทำตามขั้นตอนที่ปรากฏในหน้าจอ. จะมีให้กรอกข้อมูล เช่น ชื่อ-นามสกุล รหัสผ่าน ภาษาที่เลือก ประเทศ และอื่นๆ พอติดตั้งเสร็จ ระบบ macOS ก็พร้อมใช้ในเครื่อง Windows แล้วโฆษณา
-
เปิดแฟลชไดรฟ์. เปิด Finder แล้วคลิกชื่อแฟลชไดรฟ์ที่ใช้ติดตั้ง macOS High Sierra เพื่อเปิดหน้าต่างของแฟลชไดรฟ์ใน Finder
-
ดับเบิลคลิกไฟล์ Multibeast. เพื่อเปิดหน้าต่าง Multibeast
-
คลิก tab Bootloaders . ที่ด้านบนของหน้าต่าง
-
เลือก bootloader ที่เหมาะสม. ติ๊กช่อง "Clover UEFI Boot Mode" ถ้าเลือก UEFI boot mode ของเมนบอร์ดไว้ตอนทำอุปกรณ์ติดตั้ง Unibeast หรือติ๊กช่อง "Clover Legacy Boot Mode" แทน ถ้าใช้ legacy boot mode
-
คลิก tab Drivers . ตัวเลือกนี้จะอยู่ด้านบนของหน้าต่าง
-
คลิก Audio . ทางซ้ายของหน้าต่าง
-
เลือก audio drivers. คลิกหัวข้อ current audio item กลางหน้าต่าง เพื่อขยายออกมา แล้วติ๊กช่องข้างชื่อ audio provider ของคอม (อุปกรณ์กระจายเสียง)
-
คลิก Misc . ทางซ้ายของหน้าต่าง
-
ติ๊กช่อง "FakeSMC". ทางด้านบนของหน้าต่าง
-
คลิก Network . ทางซ้ายของหน้าต่าง
-
เลือก Internet driver. คลิกชื่อของการ์ดอินเทอร์เน็ต แล้วติ๊กช่องข้างชื่อไดรฟ์เวอร์
-
คลิก tab Customize . ทางด้านบนของหน้าต่าง
-
เลือกตัวเลือก graphics ที่เหมาะสม. ติ๊กช่องข้างชื่อการ์ดจอของคอม แล้วติ๊กช่อง "Fixup" ของยี่ห้อการ์ดจอ
- เช่น ถ้าจะติดตั้งไดรฟ์เวอร์การ์ด NVIDIA ให้ติ๊กทั้งช่อง "NVIDIA Web Drivers Boot Flag" และ "NVIDIA Graphics Fixup"
- ปล่อยตัวเลือก "Inject" ว่างไว้
-
คลิก System Definitions . ทางซ้ายของหน้าต่าง
-
เลือก Mac ที่ใกล้เคียงกับเครื่องคุณที่สุด. คลิกหัวข้อประเภทของเครื่อง Mac (เช่น iMac ) ที่ใกล้เคียงกับคอมของคุณ แล้วติ๊กช่องข้างประเภทของ Mac ที่ใช้ settings การ์ดจอเหมือนกัน
- ดูรายชื่อประเภทการ์ดจอของ Mac รุ่นต่างๆ ที่นี่ได้เลย https://drive.google.com/file/d/1FPpFR3j9ibwb3zbnPoBbI3Mncsqp-BUU/view
-
คลิก tab Build . ที่ด้านบนของหน้าต่าง
-
เลือกไดรฟ์. คลิกช่อง "Select Install Drive" ทางขวาของหน้าต่าง แล้วคลิกชื่อไดรฟ์ macOS ในเมนูที่ขยายลงมา
-
ติดตั้งไดรฟ์เวอร์. พอเสร็จขั้นตอนนี้แล้ว ก็ใช้คอม macOS แบบแทบไม่ยุ่งยากอะไรเลย
- คลิก Install ที่มุมขวาล่าง
- คลิก Agree ตอนที่ขึ้น
- พิมพ์รหัสผ่าน Mac ตอนที่ถูกถาม
- คลิก Install Helper
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าใช้ macOS ในเครื่อง Windows แล้วชอบ ก็ลองซื้อ Mac มาใช้จริงๆ ซะเลย จะได้ไม่ขาดตอน
- เครื่อง Windows ที่ลง macOS ไว้ เขาเรียก "Hackintosh" (Macintosh ที่ถูกแฮกไง)
- macOS จะไม่มีไดรฟ์เวอร์สำหรับใช้ utilities ต่างๆ เช่น Wi-Fi หรือ sound เหมือนในเครื่อง Windows นี่คือสาเหตุว่าทำไมเราถึงต้องใช้ Multibeast ด้วย
โฆษณา
คำเตือน
- การติดตั้ง macOS ลงเครื่อง Windows จริงๆ แล้วผิดกฎการใช้งานของ Apple (End User License Agreement) เต็มๆ
- จะทำตามขั้นตอนในบทความวิกิฮาวนี้ได้ก็ต่อเมื่อคอมมี RAM มากพอ
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา