ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
อาการแน่นจมูกเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปเมื่อเยื่อจมูกบวมมีของเหลว มันมักจะเป็นอาการร่วมกันอาการแน่นโพรงไซนัสและอาการน้ำมูกไหล โชคดีที่ว่าสเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกสามารถบรรเทาอาการแน่นจมูกที่เกิดจากไข้หวัดหรืออาการแพ้ได้ คุณสามารถทำสเปรย์น้ำเกลือเพื่อใช้พ่นจมูกเองได้ที่บ้าน โดยสามารถใช้ได้ทั้งผู้ใหญ่ เด็ก หรือแม้กระทั่งทารก
ขั้นตอน
-
รวบรวมอุปกรณ์. การทำน้ำเกลือนั้นง่ายมากเพราะว่าสิ่งที่คุณต้องใช้มีแค่เกลือกับน้ำ! [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เกลือทะเลหรือเกลือที่ใช้ปรุงอาหารสามารถนำมาใช้ทำน้ำเกลือได้ แต่ถ้าคุณแพ้ไอโอดีน คุณควรใช้เกลือที่ไม่มีไอโอดีน เช่น เกลือสำหรับหมักดอง (Pickling Salt) และเกลือโคเชอร์ (Kosher Salt) คุณจะต้องเตรียมกระป๋องพ่นน้ำเล็กๆ ไว้ด้วย เพื่อที่จะพ่นน้ำเกลือไปทางจมูกได้ ถ้าเป็นกระป๋องที่มีความจุ 30-60 มิลลิลิตรจะดีมาก
- เด็กทารกและเด็กเล็กๆ ไม่สามารถสั่งน้ำมูกเองได้ดีมากนัก ให้หาลูกสูบยางนิ่มๆ สูบเอาน้ำมูกออกเบาๆ
-
ทำน้ำเกลือ. การทำน้ำเกลือนั้นมีขั้นตอนไม่ใช่แค่เอาน้ำผสมกับเกลือ เพื่อที่จะให้เกลือละลายได้ดีในน้ำ คุณจะต้องเพิ่มอุณหภูมิของน้ำ ให้ต้มน้ำที่จะใช้ โดยมันจะเป็นการฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในน้ำก๊อกที่อาจจะเป็นอันตรายได้ ต้มน้ำประมาณ 240 มิลลิลิตร จากนั้นปล่อยให้มันเย็นลงจนมันมีอุณหภูมิอยู่ในระดับ "ค่อนข้างอุ่นมาก" ใส่เกลือ ¼ ช้อนชาและผสมให้เข้ากันจนเกลือละลาย เกลือปริมาณ ¼ ช้อนชานั้นจะเป็นการทำให้น้ำเกลือนั้นเหมาะสมกับปริมาณเกลือที่อยู่ในร่างกายของคุณ (ชนิดไอโซโทนิก)
- คุณอาจจะอยากทำสเปรย์น้ำเกลือที่มีความเข้มข้นกว่าปริมาณเกลือในร่างกายของคุณ (ชนิดไฮเปอร์โทนิค) นี่มีประโยชน์อย่างมากถ้าคุณมีอาการแน่นจมูกแน่นเป็นพิเศษและมีน้ำมูกเยอะ ถ้าคุณมีปัญหาในการหายใจหรือการสั่งน้ำมูก ให้ลองใช้น้ำเกลือแบบไฮเปอร์โทนิค [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล
- ในการทำน้ำเกลือชนิดนี้ เพียงแค่ใส่เกลือ 1/2 ช้อนชาแทนแต่เดิมที่ใช้แค่ 1/4 ช้อนชา
- อย่าใช้น้ำเกลือสูตไฮเปอร์โทนิคกับทารกหรือเด็กเล็กๆ ที่อายุน้อยกว่า 5 ขวบ
-
ลองใส่ผงฟูเพิ่ม (ไม่จำเป็น). [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง การใส่ผงฟูเพิ่มอีกครึ่งช้อนชาจะช่วยปรับค่า pH ของน้ำเกลือ นี่จะทำให้แสบจมูกน้อยลง โดยเฉพาะน้ำเกลือสูตรไฮเปอร์โทนิคที่มีปริมาณเกลือเยอะ ให้ใส่ผงฟูเพิ่มขณะที่น้ำยังอุ่นอยู่ และผสมให้เข้ากันดีจนกระทั่งมันละลาย
- คุณสามารถใส่เกลือและผงฟูพร้อมกันเลยก็ได้ แต่การใส่เกลือก่อนจะทำให้มันผสมกันได้ง่ายขึ้น
-
เติมน้ำเกลือลงไปในขวดสเปรย์และเก็บน้ำเกลือที่เหลือไว้. [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เมื่อน้ำเกลือเย็นลงจนมีอุณหภูมิห้องแล้ว มันก็สามารถนำไปใช้ได้ เติมน้ำเกลือลงไปในขวดเสปรย์ที่มีความจุ 30-60 มิลลิลิตร จากนั้นเทน้ำเกลือที่เหลือลงไปในภาชนะที่มีฝาปิดและนำมันไปแช่เย็น เมื่อผ่านไป 2 วันแล้ว ให้ทิ้งน้ำเกลือที่ไม่ได้ใช้และทำน้ำเกลือใหม่ถ้าจำเป็นโฆษณา
-
ใช้สเปรย์น้ำเกลือเมื่อคุณรู้สึกแน่นจมูก. ขวดสเปรย์น้ำเกลือเล็กๆ สามารถพกไว้ในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเล็กๆ ได้ง่ายมาก สเปรย์พ่นจมูกจะทำให้น้ำมูกที่ตันอยู่ในจมูกละลาย ให้สั่งน้ำมูกออกหลังจากที่ใช้สเปรย์น้ำเกลือ เพื่อขจัดน้ำมูกที่ตันอยู่
- โค้งตัวไปด้านหน้าและตั้งหัวสเปรย์ที่รูจมูกข้างหนึ่ง โดยตั้งให้เฉียงๆ ไปทางหู [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ฉีดน้ำเกลือ 1-2 ครั้งต่อรูจมูก ใช้มือซ้ายถือหัวสเปรย์ถ้าฉีดเข้ารูจมูกขวา และใช้มือขวาถ้าเป็นรูจมูกซ้าย
- สูดจมูกเบาๆ เพื่อไม่ให้น้ำเกลือหยดออกจากจมูก ขอให้แน่ใจว่าไม่สูดมันไปที่คอ ซึ่งมันอาจจะทำให้ผนังระคายเคืองได้
-
ลองใช้ลูกยางสูบเพื่อฉีดสเปรย์น้ำเกลือสำหรับทารกหรือเด็กเล็ก. บีบให้ลมครึ่งหนึ่งออกจากลูกยางและดูดน้ำเกลือให้มาอยู่ในลูกยาง เอียงศีรษะของเด็กไปด้านหลังเล็กน้อยและสูบปลายของลูกยางลงไปที่รูจมูกข้างหนึ่ง หยดน้ำเกลือ 3-4 หยดลงไปรูจมูกแต่ละข้าง หลีกเลี่ยงไม่ให้ปลายลูกยางโดนภายในรูจมูกเท่าที่ทำได้ (มันอาจจะทำได้ยากกับเด็กทารกที่ดิ้นไปมา!) จับศีรษะของทารกให้นิ่งๆ เป็นเวลา 2-3 นาทีขณะที่ใช้น้ำเกลือ
-
ดูดน้ำมูกของเด็กด้วยลูกยางสูบ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง . ใช้สเปรย์พ่นจมูกเหมือนอย่างที่ผู้ใหญ่ทำ จากนั้นรอ 2-3 นาทีเพื่อให้มันออกฤทธิ์ หลังจากนั้น คุณสามารถใช้ลูกยางสูบค่อยๆ ดูดน้ำมูกออกจากจมูกของเด็ก ใช้กระดาษทิชชู่นิ่มๆ ค่อยๆ เช็ดน้ำมูกรอบๆ รูจมูกออก ขอให้จำไว้ว่าให้ใช้ทิชชู่แผ่นใหม่กับรูจมูกแต่ละข้างและแน่ใจว่าได้ล้างมือก่อนและหลังทำด้วย
- เอียงศีรษะของเด็กไปด้านหลังเล็กน้อย
- บีบลูกยางให้อากาศ 1/4 ในลูกยางออกไป จากนั้นค่อยๆ ใส่ปลายของลูกยางไปในรูจมูก คลายลูกยางเพื่อให้มันสูบเอาน้ำมูกเข้ามาอยู่ในลูกยาง
- อย่าใส่ปลายลูกยางในรูจมูกของเด็กให้ลึกเกินไป คุณทำได้แค่ขจัดสิ่งสกปรกที่ในส่วนด้านหน้าของรูจมูกเท่านั้น
- พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ปลายลูกยางสัมผัสกับภายในของรูจมูก มันอาจจะระคายเคืองและแสบเมื่อมีอาการป่วย
-
รักษาสุขอนามัยให้เหมาะสมหลังจากใช้ลูกยางสูบ. [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ใช้ทิชชู่เช็ดน้ำด้านนอกลูกยางออกและทิ้งทิชชู่นั้นไป ล้างลูกยางสูบในน้ำอุ่นและใช้สบู่ทันทีหลังจากที่คุณใช้เสร็จ ดูดน้ำสบู่เข้าไปและบีบมันออกมาหลายๆ ครั้ง ทำอีกครั้งแต่ใช้น้ำสะอาดที่ไม่มีสบู่ แกว่งให้น้ำทำความสะอาดทั่วภายในลูกยางเพื่อล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนผนังลูกยาง
-
ใช้ลูกยางสูบน้ำมูกออก 2-3 ครั้งต่อวัน. คุณไม่ควรใช้ลูกยางสูบมาเกินไป จมูกของเด็กๆ นั้นจะแสบและระคายเคือง ถ้าคุณใช้ลูกยางตลอดเวลา เด็กก็จะยิ่งเจ็บมากขึ้น ให้สูบน้ำมูกออกอย่างมากที่สุด 4 ครั้งต่อวัน [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เวลาที่ดีที่สุดในการใช้ลูกยางคือช่วงก่อนป้อนนมหรือเข้านอน นี่จะทำให้เด็กหายใจได้สะดวกขึ้นขณะที่กินนมและหลับ
- ถ้าเด็กดิ้นมากๆ อาจจะพักก่อนและลองใหม่ทีหลัง ขอให้ระลึกว่าจะต้องอ่อนโยนกับเด็กให้มากๆ !
-
ทำให้ร่างกายชุ่มชื้น. [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้อาการแน่นจมูกดีขึ้นก็คือการทำให้ร่างกายของคุณชุ่มชื้น นี่จะทำให้น้ำมูกเบาบางและเหลวและจะทำให้สั่งออกไปได้ง่ายขึ้น น้ำมูกของคุณอาจจะไหลลงคอ แม้ว่ามันอาจจะรู้สึกไม่ดี แต่มันเป็นเรื่องปกติและดีต่อสุขภาพ ดื่มชาร้อนๆ หรือซุปไก่ก็จะช่วยให้ร่างกายของคุณอิ่มน้ำยิ่งขึ้น
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้ว (แก้วความจุ 240 มิลลิลิตร) ทุกวัน. ดื่มน้ำให้เยอะขึ้นอีกถ้าคุณมีไข้หรืออาการป่วยทำให้คุณอาเจียนหรือท้องเสีย [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
สั่งหรือดูดน้ำมูกเบาๆ. เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวที่จมูกของคุณแห้งมากเกินไป ให้ใช้วาสลีนหรือโลชั่นและครีมที่ไม่ก่อให้แพ้ (Hypoallergenic) ทาที่คัตตอนบัตแล้วใช้ทาที่รอบๆ รูจมูกถ้าจำเป็น คุณสามารถใช้เครื่องทำความชื้นหรือแค่วางชามน้ำไว้ทั่วๆ บ้าน น้ำจะระเหยและทำให้อากาศชื้นขึ้น พักผ่อนเยอะๆ เท่าที่ทำได้!
-
ให้แพทย์ตรวจอาการทารกและเด็กเล็กๆ. สำหรับทารกแล้ว อาการแน่นจมูกนั้นเป็นปัญหาที่รุนแรง มันจะทำให้ทารกหายใจยากและทำให้ป้อนนมได้ยากด้วย ให้โทรศัพท์หาแพทย์ภายใน 12-24 ชั่วโมงถ้าใช้สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกแล้วไม่ได้ผล
- โทรศัพท์หาแพทย์ทันทีถ้าทารกหรือเด็กเล็กๆ มีอาการแน่นจมูกพร้อมกับเป็นไข้ ไอ หายใจลำบาก หรือมีปัญหาในการป้อนนมเพราะอาการแน่นจมูก
โฆษณา
-
พิจารณาสาเหตุหลายอย่างที่อาจเป็นไปได้. อาการแน่นจมูกนั้นบ่งบอกได้ถึงสาเหตุหลายอย่าง สาเหตุที่พบได้ทั่วไปมากที่สุดคือการติดเชื้อเช่น เป็นหวัด มีไข้ ไซนัสอักเสบ และมีอาการแพ้ สิ่งที่ทำให้ระคายเคืองที่อยู่ตามสภาพแวดล้อมอย่างสารเคมีและควันก็อาจจะทำให้แน่นจมูกได้ บางคนนั้นมีอาการน้ำมูกไหลเรื้อรัง ซึ่งเป็นอาการที่รู้จักกันในชื่อโรคจมูกอักเสบ (Vasomotor rhinitis (VMR)) [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ดูสัญญาณของการติดเชื้อไวรัส. ไวรัสนั้นรักษาได้ยากเพราะว่ามันอยู่ในเซลล์ของร่างกายและแพร่พันธุ์ได้เร็วมาก โชคดีที่ว่าการติดเชื้อไวรัสส่วนใหญ่เป็นอาการไข้หวัดและไข้ ซึ่งจะหายเองเมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตาม การรักษาก็เป็นเรื่องสำคัญเพื่อควบคุมอาการและให้คุณรู้สึกสบายที่สุดในช่วงที่ป่วยอยู่ เพื่อป้องกันการเป็นไข้ ให้ฉีดวัคซีนทุกปีก่อนที่จะถึงฤดูที่มักจะเป็นไข้ [13] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล อาการของหวัดและไข้ได้แก่ [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เป็นไข้
- น้ำมูกไหลหรือแน่นจมูก
- มีน้ำมูกใส น้ำมูกสีเขียวหรือสีเหลือง
- เจ็บคอ
- ไอและจาม
- อ่อนแรง
- เจ็บกล้ามเนื้อและปวดหัว
- ตาแฉะ
- ไข้หวัดใหญ่อาจจะมีอาการเพิ่มเติมคือ มีไข้สูง (มากกว่า 39.9 องศาเซลเซียส) คลื่นเหียน หนาวสั่น มีเหงื่อ และไม่อยากอาหาร
-
ใช้ยาปฏิชีวนะสำหรับการติดเชื้อแบคทีเรีย [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง การติดเชื้อแบคทีเรียนั้นอาจจะมีอาการได้หลายอย่างซึ่งรวมถึงเป็นไข้ด้วย การติดเชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่จะต้องนำมาวินิจฉัยทางคลินิกหรือเพาะเชื้อจากคอและจมูก แพทย์จะจ่ายยาปฏิชีวนะที่จะรักษาเชื้อแบคทีเรียทั่วไป ยาปฏิชีวนะจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือหยุดไม่ให้มันแพร่พันธุ์ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราต่อสู้กับการติดเชื้อที่เหลืออยู่
- ใช้ยาปฏิชีวนะให้หมด แม้ว่าคุณจะหายดีแล้ว ถ้าคุณหยุดใช้ยาก่อนที่หมอกำหนด การติดเชื้ออาจจะเกิดขึ้นใหม่ได้
-
ดูอาการของโรคไซนัสอักเสบ. [16] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล ไซนัสอักเสบเป็นอาการที่โพรงไซนัสอักเสบและบวมทำให้ผลิตน้ำมูกเยอะขึ้น มันอาจจะเกิดจากหวัด อาการแพ้ และการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ซึ่งมันอาจจะระคายเคือง แต่ปกติแล้วโรคไซนัสอักเสบสามารถรักษาได้ที่บ้านโดยไม่ต้องพึ่งยา อาการติดเชื้อที่โพรงไซนัสที่รุนแรงและเรื้อรังจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา อาการของโรคไซนัสอักเสบนั้นได้แก่
- มีน้ำมูกหนาสีเหลืองหรือเขียว มักจะมีอยู่ที่คอด้วย
- แน่นจมูก
- แสบและการบวมรอบดวงตา แก้ม จมูก และหน้าผาก
- มีความสามารถในการดมหรือรับกลิ่นลดลง
- ไอ
-
ดูว่าแสงจ้าเกินไปหรือไม่. [17] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล แสงที่จ้าเกินไปนั้นเป็นสาเหตุปกติของอาการแน่นจมูก ดวงตาและจมูกนั้นมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกัน ดังนั้นเมื่อดวงตาทำความหนักและตึงจึงมีผลต่อโพรงจมูกด้วย ลองหรี่ไฟในบ้านหรือที่ทำงานลงนิดหน่อยเพื่อดูว่าจมูกจะโล่งหรือไม่
-
ไปทดสอบอาการแพ้. [18] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อาการแน่นจมูกอาจจะเป็นผลมาจากอาการแพ้ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้เลย ให้นัดแพทย์เพื่อทดสอบอาการแพ้ถ้าคุณแน่นจมูกรุนแรงหรือเรื้อรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีอาการคันหรือจาม หรือคิดว่าคุณอาจจะมีอาการแพ้ แพทย์จะทำการทดสอบซึ่งจะฉีดสิ่งที่ทำให้แพ้ทั่วไปไปในผิวหนังของคุณในปริมาณนิดเดียว ถ้าคุณมีอาการแพ้ผิวหนังของคุณจะบวมนิดเดียวเหมือนยุงกัด นี่จะทำให้คุณหาทางรักษา (ใช้ยากิน ยาพ่นจมูก หรือแม้แต่ฉีดยา) หรือหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้แพ้เหล่านั้น สิ่งที่ทำให้แพ้ส่วนใหญ่ได้แก่
- ฝุ่น
- อาหาร อย่าง นม กลูเตน นมถั่วเหลือง เครื่องเทศ หอยเชลล์ และสารกันบูด
- ละอองเรณู (ไข้ละอองฟาง)
- กาวลาเท็กซ์
- เชื้อรา
- ถั่วลิสง
- สะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง
-
กำจัดสิ่งที่ทำให้ระคายเคืองออกจากสภาพแวดล้อมของคุณ. ทุกๆ ครั้งที่คุณสูดหายใจเข้าและหายใจออก คุณได้สูดสิ่งที่อยู่ในสภาพแวดล้อมของคุณเข้าไปทางจมูกด้วย ถ้าอากาศรอบตัวคุณนั้นเป็นแหล่งของสิ่งที่ทำให้จมูกระคายเคือง คุณควรเริ่มเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของคุณ สิ่งที่ทำให้แพ้ส่วนใหญ่ได้แก่ [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- บุหรี่
- ควันพิษ
- น้ำหอม
- อากาศแห้ง (ให้ซื้อเครื่องทำความชื้น)
- อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
-
ถามแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาของคุณ. คุณอาจจะใช้ยาเพื่อรักษาอาการบางอย่างอยู่ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจมูก แต่ผลข้างเคียงของยาทำให้แน่นจมูกได้ ให้นำรายชื่อของยาไปให้แพทย์ดูและยาที่คุณซื้อตามร้านขายยาที่คุณใช้ ถ้ามียาตัวหนึ่งที่ทำให้คุณแน่นจมูก แพทย์สามารถแนะนำการรักษาวิธีอื่น อาการแน่นจมูกปกติแล้วจะมาจากยาต่อไปนี้
- ยาความดันโลหิตสูง [20] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ใช้ยาพ่นจมูกเพื่อลดอาการบวมของจมูกมากเกินไป
- การใช้ยาในทางที่ผิด
-
พิจารณาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน. [21] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล ฮอร์โมนเป็นสิ่งที่ควบคุมการทำงานทั่วร่างกายและอาจจะส่งผลกระทบกับหลายๆ ระบบ การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนและความผิดปกติของฮอร์โมนอาจจะมีผลต่อความสามารถในการระบายน้ำมูกออกในทางเดินหายใจอย่างปกติ ถ้าคุณเป็นหญิงมีครรภ์ มีความผิดปกติที่ไทรอยด์ หรืออาการอื่นๆ ที่บ่งบอกว่ามีเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ให้พูดคุยกับแพทย์ แพทย์จะช่วยคุณควบคุมฮอร์โมนและลดไม่ให้มันมีผลทำให้แน่นจมูก
-
ตรวจดูว่ามีปัญหาที่โครงสร้างจมูกหรือไม่. [22] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง มันอาจจะไม่ใช่เพราะการติดเชื้อ การใช้ยา และความผิดปกติที่ฮอร์โมน ที่เป็นสาเหตุทำให้คุณแน่นจมูก มันอาจจะเป็นเพราะลักษณะโครงสร้างของจมูกของคุณ ขอให้แพทย์ทั่วไปแนะนำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมอาการแน่นจมูกของคุณได้ ผู้เชี่ยวชาญจะวินิจฉัยว่ามันเป็นเพราะความผิดปกติทางกายหรือไม่ที่เกี่ยวข้องกับการหายใจของคุณ ความผิดปกติทางโครงสร้างที่พบได้แก่
- ผนังกั้นช่องจมูกคด
- ริดสีดวงจมูก
- มีต่อมอะดีนอยด์ขนาดใหญ่
- สิ่งแปลกปลอมในจมูก
- นี่เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในเด็ก มันมักจะทำให้มีน้ำมูกหนาที่มีกลิ่นเหม็นและมักจะเป็นแค่จมูกข้างเดียว
โฆษณา
คำเตือน
- ถ้าคุณมีอาการแน่นจมูกนานกว่า 10-14 วัน ควรโทรศัพท์หาแพทย์
- ให้โทรศัพท์หาแพทย์ถ้าน้ำมูกมีสีเขียวหรือเป็นเลือดหรือถ้าคุณมีปัญหาที่ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือโรคหอบหืด
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- น้ำเปล่า
- เกลือ (เกลือที่ไม่มีไอโอดีนถ้าคุณแพ้ไอโอดีน)
- ผงฟู (ไม่จำเป็น)
- ภาชนะที่มีฝาปิดเพื่อแช่น้ำเกลือที่เหลือ
- ขวดสเปรย์ 1-2 ออนซ์
- ช้อนตวง
- ลูกสูบยางที่นิ่มๆ เพื่อใช้กับเด็กทารกหรือเด็กเล็กๆ
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.aboutkidshealth.ca/En/HealthAZ/TestsAndTreatments/HomeHealthCare/Pages/Normal-Saline-Solution-How-prepare-home.aspx
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/21258306
- ↑ http://www.sbccp.org.br/arquivos/LG-2013-01-Comparison-of-buffered.pdf
- ↑ http://www.aboutkidshealth.ca/En/HealthAZ/TestsAndTreatments/HomeHealthCare/Pages/Normal-Saline-Solution-How-prepare-home.aspx
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=iaZdNhp8_40
- ↑ http://www.nationwidechildrens.org/suctioning-the-nose-with-a-bulb-syringe
- ↑ http://www.babycenter.com/0_how-to-use-a-bulb-syringe-or-nasal-aspirator-to-clear-a-stuf_482.bc
- ↑ http://www.nationwidechildrens.org/suctioning-the-nose-with-a-bulb-syringe
- ↑ http://www.nationwidechildrens.org/suctioning-the-nose-with-a-bulb-syringe
- ↑ http://www.riversideonline.com/health_reference/cold-flu/id00048.cfm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/nasal-congestion/basics/when-to-see-doctor/sym-20050644
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/001648.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/flu/protect/keyfacts.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/001648.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/bacterialinfections.html
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/acute-sinusitis/basics/symptoms/con-20020609
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/nasal-congestion/basics/causes/sym-20050644
- ↑ http://www.aaaai.org/conditions-and-treatments/library/at-a-glance/allergy-testing.aspx
- ↑ https://www.marshfieldclinic.org/specialties/allergies/allergies-allergic-and-non-allergic-rhinitis-frequently-asked-questions
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/nasal-congestion/basics/causes/sym-20050644
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/nonallergic-rhinitis/basics/causes/con-20026910
- ↑ http://www.entcare.com.au/blocked-nose-adults-david-lowinger.html
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,175 ครั้ง
โฆษณา