PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ช่วงปิดเทอมสามเดือนเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่หอมหวานที่สุดเลยก็ว่าได้ ในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน นักเรียนส่วนใหญ่จะเริ่มนอนดึกและตื่นสายเพราะไม่ต้องหงุดหงิดกับเสียงนาฬิกาปลุกและรีบขึ้นรถไปโรงเรียน แต่ในเมื่อเทอมใหม่ที่กำลังจะมาถึงทำให้คุณต้องตื่นเช้าขึ้น คุณจึงต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง ให้เวลาตัวเองค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับตารางเวลาใหม่ คุณจะได้กลับมาตื่นเช้าไปโรงเรียนได้แบบไม่งัวเงีย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เข้านอนเร็วขึ้น

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณเข้านอนตอนเที่ยงคืนจนชิน คุณจะกลับไปนอนตอนสองทุ่มเหมือนเดิมไม่ได้แน่ๆ เพราะฉะนั้นให้เข้านอนตอนห้าทุ่ม แล้วก็สี่ทุ่มไปเรื่อยๆ อาจจะต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ว่าจะเปลี่ยนจังหวะตามธรรมชาติของร่างกายได้ คุณต้องเริ่มปรับร่างกาย 2-3 สัปดาห์ก่อนเปิดเทอม [1]
    • เผื่อเวลาให้ร่างกายและจิตใจได้ปรับตัวสักระยะ อย่าเริ่มปรับเวลานอนแค่สองคืนก่อนเปิดเทอม คุณไม่ได้นอนดึกได้ในคืนเดียวฉันใด คุณก็ไม่สามารถตื่นเช้าได้ภายในข้ามคืนเหมือนกัน! การปรับนาฬิกาภายในต้องใช้เวลา เพราะฉะนั้นให้เริ่มปรับสัก 2-3 สัปดาห์ก่อนเปิดเทอมวันแรก [2]
  2. คนแต่ละกลุ่มช่วงวัยก็ต้องการการนอนที่ไม่เท่ากัน เด็กอายุ 6-13 ปีควรนอนวันละ 9-11 ชั่วโมง ในขณะที่วัยรุ่นอายุ 14-17 ปีต้องนอนประมาณ 8-10 ชั่วโมง ส่วนผู้ใหญ่ตอนต้นอายุ 18-25 ปีนั้นควรนอนวันละ 7-9 ชั่วโมง [3]
  3. การออกกำลังกายเป็นประจำเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มพลังงานและทำให้คุณนอนหลับสนิทตอนกลางคืน แถมยังช่วยให้คุณหลับเร็วขึ้นด้วย นอกจากนี้งานวิจัยยังระบุด้วยว่า คนที่ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาทีจะรู้สึกตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่าตอนตื่นมากกว่า [4]
    • การออกกำลังกายตอนดึกจะทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าก่อนเข้านอน เพราะฉะนั้นพยายามออกกำลังกายตอนเช้าหรือบ่ายอ่อนๆ และทำงานอดิเรกเบาๆ เพื่อผ่อนคลายในช่วงหัวค่ำ เช่น อ่านหนังสือ
  4. คาเฟอีนนอกจากจะทำให้นอนหลับยากแล้ว ยังรบกวนการนอนทำให้หลับไม่สนิทด้วย การงดคาเฟอีนไปเลยจะทำให้คุณหลับลึกและมีคุณภาพ พร้อมรับวันใหม่ที่สดใส แต่ถ้าคุณไม่อยากงดคาเฟอีนไปเลย ก็พยายามงดก่อนเข้านอนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง [5]
  5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ว่านี้รวมทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โทรทัศน์ และอื่นๆ แสงสว่างจากอุปกรณ์เหล่านี้จะส่องเข้าไปในดวงตา ซึ่งวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าทำให้ตาสว่าง เช่นเดียวกับการที่พระอาทิตย์ตกดินเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดในแต่ละวัน คุณก็ไม่ควรจะเห็นแสงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน ห้องนอนมืดๆ จะทำให้สมองรับรู้ว่าถึงเวลานอนแล้ว [6]
  6. คุณสามารถดาวน์โหลดแอปฯ เสียงสีขาวในโทรศัพท์ได้ฟรีเช่นกัน แต่หน้าจอต้องไม่มีแสงออกมานะ! สมองของคุณต้องการการกระตุ้น และการระงับความต้องการนั้นในเวลากลางคืนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เครื่องกำเนิดเสียงสีขาวตอบสนองการกระตุ้นที่อ่อนโยนและผ่อนคลาย และยังช่วยกลบเสียงรบกวนจากนอกห้องนอนที่ทำให้คุณตื่นได้ด้วย [7] คุณสามารถเลือกฟังเสียงสีขาวต่างๆ เช่น เสียงพายุฟ้าคะนอง เสียงกองไฟ เสียงป่าฝน และอื่นๆ สลับกันไปได้
  7. ถ้าคุณต้องพลิกตัวไปมาในห้องนอนร้อนๆ กว่าจะหลับก็คงอีกนาน ขณะที่อุณหภูมิร่างกายของลดลง สมองก็จะรับรู้ว่าได้เวลานอนแล้ว อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการนอนของคนไทยอยู่ระหว่าง 20-25 องศาเซลเซียส [8] แต่ถ้าคุณไม่มีเครื่องปรับอากาศ พัดลมตั้งพื้นหรือพัดลมเพดานก็ช่วยได้เหมือนกัน แถมพัดลมยังมีเสียงสีขาวที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายด้วย
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ตื่นให้เร็วขึ้น

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณควรตั้งนาฬิกาปลุกให้เร็วขึ้นแบบเดียวกับที่คุณค่อยๆ ปรับเวลานอนให้เร็วขึ้น ค่อยๆ ปรับเวลาให้เร็วขึ้นครั้งละ 1 ชั่วโมง
    • ไม่ว่าคุณจะอยากกดเลื่อนปลุกมากแค่ไหน อย่าเด็ดขาด! เพราะมันจะทำให้คุณตื่นยากขึ้นในระยะยาว
  2. วิธีนี้เป็นการส่งสัญญาณให้สมองรู้ว่าได้เวลาตื่นแล้ว และจะช่วยสลัดความงัวเงียออกไปได้ เปิดม่าน เปิดไฟ หรือจะออกไปข้างนอกก็ได้ แสงสว่างจะทำให้สดชื่นและทำให้อารมณ์โดยรวมดีขึ้นด้วย [9]
  3. เป็นงานบ้านง่ายๆ ที่หลายคนไม่ยอมทำ การเก็บที่นอนนอกจากจะเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสำเร็จแล้ว ยังทำให้คุณไม่อยากคลานกลับเข้าไปนอนบนเตียงที่เก็บเรียบร้อยแล้วด้วย ทำบ่อยๆ แล้วจะเคยชินเป็นนิสัย
  4. ร่างกายของคุณอาจขาดน้ำในช่วงกลางคืน และอาการขาดน้ำนี้เองที่ทำให้คุณยิ่งรู้สึกเหนื่อยล้าในตอนเช้า การดื่มน้ำแก้วใหญ่เป็นสิ่งแรกในตอนเช้าจะช่วยชดเชยน้ำที่สูญเสียไปในตอนกลางคืน และเพิ่มพลังได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว นอกจากนี้น้ำเย็นยังช่วยเพิ่มอะดรีนาลีนที่ช่วยปลุกคุณให้ตื่นด้วย [10]
  5. ถ้ารอบตัวคุณมีแต่ความเงียบ บรรยากาศมันก็จะชวน (และดึงดูด) ให้คุณกลับไปนอนได้ง่ายๆ ไม่ต้องเปิดเพลงที่ฟังแล้วฮึกเหิมที่สุดให้สุดเสียงหรอก แค่เปิดเพลงจังหวะสนุกสนานที่มีเนื้อร้องในแง่ดีก็พอ มันจะช่วยให้คุณกลายร่างจากซอมบี้ไปเป็นมนุษย์ได้ [11] สร้างรายการเพลง "ตื่นรับความสดใส" ไว้ในโทรศัพท์เพื่อเปิดในตอนเช้าตรู่ของวัน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เริ่มต้นวันใหม่ให้ถูกต้อง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าน้ำตาลในเลือดต่ำ พลังงานของคุณก็จะต่ำไปด้วย การรับประทานอาหารเช้าที่ดีต่อสุขภาพในตอนเช้าเป็น “การยุติช่วงเวลาอดอาหารในตอนกลางคืน” และเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายในตอนเช้า [12]
    • พยายามรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและอุดมไปด้วยสารอาหารเพื่อเสริมสร้างระดับพลังงานที่คงที่ ซีเรียลที่มีน้ำตาลสูงและขนมอบอาจดูเย้ายวนใจ แต่มันอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลตกหลังจากพลังงานพุ่งสูงในตอนแรก [13]
  2. เคลื่อนไหวร่างกายอย่างไรก็ได้ในตอนเช้า ถ้ามีเวลาออกกำลังกายช่วงเช้าก็เยี่ยมเลย แต่ถ้าไม่มีเวลาออกกำลังกายอย่างจริงจัง การยืดเส้นยืดสายเบาๆ ก็ช่วยได้ การเคลื่อนไหวร่างกายและการยืดเส้นยืดสายจะทำให้หัวใจของคุณเต้นเร็วและเลือดไหลเวียนไปที่สมอง [14] นอกจากนี้คุณก็อาจจะได้รับเอนดอร์ฟินส์ สารเคมีที่ทำให้ “รู้สึกดี” ที่หลั่งออกมาเล็กน้อยระหว่างที่เคลื่อนไหวร่างกายด้วย [15]
  3. เป็นเรื่องปกติที่คุณจะง่วงนอนและเซื่องซึมในช่วงที่ร่างกายกำลังค่อยๆ ปรับตัวกับตารางใหม่ แต่ไม่ว่าคุณจะง่วงเหงาหาวนอนขนาดไหน อย่างีบหลับเด็ดขาด การนอนกลางวันจะทำให้คุณหลับยากในตอนกลางคืน และทำให้ความพยายามตื่นเช้าของคุณสูญเปล่า [16]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณมักจะกดปุ่มเลื่อนปลุกตอนกึ่งหลับกึ่งตื่น วางนาฬิกาปลุกให้ไกลจากเตียงนอน ถ้าคุณต้องฝืนลุกจากที่นอนเพื่อมาปิดเสียงนาฬิกาปลุก ก็เท่ากับว่าคุณเอาชนะส่วนที่ยากที่สุดได้แล้ว!
  • เตรียมอาหารเช้าง่ายๆ และทำได้เร็วไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน คุณอาจจะเผลอข้ามมื้อเช้าได้ง่ายๆ ถ้าคุณไม่มีเวลา แต่มื้อเช้าเป็นส่วนสำคัญของช่วงเวลาในตอนเช้า
  • เตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ต้องนำไปโรงเรียนในคืนก่อนหน้าด้วยเช่นกัน เพราะการเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อมจะช่วยลดความเครียดในตอนเช้าแถมยังประหยัดเวลาด้วย
  • อย่านอนผิดเวลาในวันเสาร์อาทิตย์ เพราะถ้าคุณนอนดึกหรือตื่นสาย กิจวัตรวันธรรมดาที่คุณอุตส่าห์สร้างขึ้นมาก็จะพังไปด้วย
  • อาบน้ำก่อนนอนเพื่อให้นอนหลับสบายขึ้น
  • วางอุปกรณ์ล่อตาล่อใจไว้นอกห้อง
  • เริ่มปรับเวลานอนก่อนเปิดเทอม 1 เดือน
  • ถ้าคุณไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้เล่นโทรศัพท์ตอนกลางคืนได้ กลางวันก็ไม่ต้องชาร์จแบตฯ เลย ตอนกลางคืนแบตฯ จะได้เหลือไม่เยอะ ซึ่งจะทำให้คุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเอาไปชาร์จแล้วเข้านอน
  • อย่าอมลูกอมหรืออาหารที่ให้พลังงานอื่นๆ ก่อนเข้านอน
  • ถ้าเป็นช่วงปิดเทอม 6 สัปดาห์ คุณควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเทอมใหม่ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ (ตั้งนาฬิกาปลุก เตรียมเสื้อผ้า เป็นต้น) ถึงเวลาคุณจะได้พร้อมไปโรงเรียนอีกครั้งและไม่เข้านอนตอนเที่ยงคืน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,849 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา