ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการปิด Windows Defender ของ Windows 10 ทั้งชั่วคราวและ "ถาวร" ปกติคุณปิดการทำงาน (disable) ของ Windows Defender ได้ใน Settings ซึ่งจะกลับมาทำงานหลังรีสตาร์ทคอม แต่ถ้าอยากปิดการทำงานของ Windows Defender ไปเลย จนกว่าคุณจะมาเปิดเอง ต้องทำใน Windows Registry Editor ย้ำว่าปิดการทำงานของ Windows Defender แล้ว คอมอาจมีช่องโหว่ให้ไวรัสและมัลแวร์ต่างๆ เจาะเข้ามาได้ง่าย ที่สำคัญคือถ้าไม่เชี่ยวชาญพอหรือไม่มีความรู้ความเข้าใจ แล้วไปแก้ไข Registry Editor สุ่มสี่สุ่มห้า โดยเฉพาะนอกเหนือจากที่แนะนำในบทความวิกิฮาวนี้ อาจทำให้คอมเสียหาย ถึงขั้นเจ๊งได้เลย
ขั้นตอน
-
เปิด Start . คลิกโลโก้ Windows มุมซ้ายล่างของหน้าจอ แล้วเมนู Start จะโผล่มา
-
เปิด Settings . คลิกไอคอน Settings รูปฟันเฟือง ที่ด้านซ้ายล่างของเมนู Start เพื่อเปิดหน้าต่าง Settings
-
คลิก Update & Security. ในแถวล่างสุดของตัวเลือก Settings
-
คลิก Windows Security . ที่เป็น tab ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง
-
คลิก Virus & threat protection . ที่เป็นตัวเลือกแรก ล่างหัวข้อ "Protection areas" ทางด้านบนของหน้า เพื่อเปิดหน้าต่าง Windows Defender
-
คลิก Virus & threat protection settings . ที่เป็นตัวเลือกกลางหน้า
-
ปิด (disable) การสแกนแบบ real-time ของ Windows Defender. คลิกสวิตช์ "On" สีฟ้า ล่างหัวข้อ "Real-time protection" แล้วคลิก Yes ตอนที่ขึ้น เพื่อปิดฟีเจอร์ real-time scanning ของ Windows Defender [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Microsoft Support ไปที่แหล่งข้อมูล
- หรือปิดการป้องกันผ่าน cloud ของ Windows Defender โดยคลิกสวิตช์ "On" สีฟ้า ล่างหัวข้อ "Cloud-delivered protection" แล้วคลิก Yes ตอนที่ขึ้น
- Windows Defender จะเปิดตัวเองกลับมาทุกครั้งที่คุณรีสตาร์ทคอม
โฆษณา
-
เปิด Start . คลิกโลโก้ Windows มุมซ้ายล่างของหน้าจอ แล้วเมนู Start จะโผล่มา
-
เปิด Registry Editor. โปรแกรม Registry Editor ให้คุณเปลี่ยนฟีเจอร์หลักของคอมได้ วิธีเปิดคือ
- พิมพ์ regedit
- คลิกไอคอน regedit สีฟ้า ด้านบนของเมนู Start
- คลิก Yes ตอนที่ขึ้น
-
ไปยังตำแหน่งที่มีโฟลเดอร์ Windows Defender. โดยขยายแต่ละโฟลเดอร์ที่เกี่ยวข้อง ทางซ้ายของ Registry Editor
- ขยายโฟลเดอร์ "HKEY_LOCAL_MACHINE" โดยดับเบิลคลิก (ถ้าขยายโฟลเดอร์แล้ว ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้)
- ขยายโฟลเดอร์ "SOFTWARE"
- เลื่อนลงไปขยายโฟลเดอร์ "Policies"
- ขยายโฟลเดอร์ "Microsoft"
- คลิกโฟลเดอร์ "Windows Defender" 1 ครั้ง
-
คลิกขวาที่โฟลเดอร์ "Windows Defender". จะเห็นเมนูขยายลงมา
- ถ้าเมาส์ไม่มีปุ่มคลิกขวา ให้คลิกที่ด้านขวาของเมาส์ หรือคลิกด้วย 2 นิ้ว
- ถ้าคอมใช้ trackpad แทนเมาส์ ให้แตะ trackpad 2 นิ้วพร้อมกัน หรือกดด้านขวาล่างของ trackpad ค้างไว้
-
เลือก New . ทางด้านบนของเมนูที่ขยายลงมา แล้วเมนูจะโผล่มา
-
คลิก DWORD (32-bit) Value . ที่เป็นตัวเลือกในเมนูที่โผล่มา แล้วจะมีไฟล์สีฟ้าขาวโผล่มาในหน้าต่าง "Windows Defender" ทางขวาของหน้า
-
พิมพ์ชื่อไฟล์ว่า "DisableAntiSpyware". พอไฟล์ DWORD โผล่มา ให้พิมพ์ DisableAntiSpyware แล้วกด ↵ Enter [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เปิดไฟล์ DWORD ชื่อ "DisableAntiSpyware". โดยดับเบิลคลิก แล้วหน้าต่าง pop-up จะโผล่มา
-
เปลี่ยนเลขใน "Value data" เป็น 1 . เพื่อเพิ่มค่า DWORD ขึ้นมา
-
คลิก OK . ทางด้านล่างของหน้าต่าง
-
รีสตาร์ทคอม. คลิก Start คลิก Power แล้วคลิก Restart ในเมนู pop-up พอคอมรีสตาร์ทเสร็จ ก็เท่ากับปิดการทำงานของ Windows Defender เรียบร้อย
-
เปิด Windows Defender กลับมาเมื่อต้องการ. ถ้าอยากเปิด Windows Defender ให้กลับมาทำงานเมื่อไหร่ ก็ทำได้โดย
- กลับไปที่โฟลเดอร์ Windows Defender ใน Registry Editor
- คลิกโฟลเดอร์ "Windows Defender" 1 ครั้ง
- เปิดค่า "DisableAntiSpyware" โดยดับเบิลคลิก
- เปลี่ยนค่า "Value data" จาก 1 เป็น 0
- คลิก OK แล้วรีสตาร์ทคอม
- ลบค่า "DisableAntiSpyware" ถ้าไม่อยากเก็บไว้อีก
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ติดตั้งโปรแกรม antivirus อื่น (เช่น McAfee) แล้วไม่ได้แปลว่า Windows Defender จะปิดไป แต่แค่หยุดการทำงานตามค่า default เป็นการป้องกันเผื่อโปรแกรมรักษาความปลอดภัยของระบบถูกปิด (deactivated) คอมจะได้มีแผน 2 ไว้รักษาความปลอดภัย
โฆษณา
คำเตือน
- การปิดการทำงาน (disable) ของ Windows Defender จากใน Windows Security settings อาจไป disable โปรแกรม security อื่นๆ ที่ติดตั้งไว้ด้วย เช่น โปรแกรม antivirus หรือ firewall อื่นๆ นี่เป็น "ฟีเจอร์" ของ Microsoft ที่บังคับให้เก็บ Windows Defender ไว้ "เผื่อฉุกเฉิน"
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา