ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ถ้าแฟลชไดรฟ์ของคุณติด write-protected ก็แปลว่าแก้ไขและเซฟไฟล์ไม่ได้ รวมถึงฟอร์แมตไดรฟ์ไม่ได้ด้วย บทความวิกิฮาวนี้เลยจะมาแนะนำ 2 - 3 วิธีช่วยปลด write protection จากแฟลชไดรฟ์ USB ให้คุณเอง แต่ถ้าไดรฟ์ล่ม หรือถูกล็อคด้วยโปรแกรมรักษาความปลอดภัย ก็อาจช่วยอะไรไม่ได้มาก โดยวิธีการปลด write protection ของแฟลชไดรฟ์ USB ในบทความนี้ ทำได้ทั้งในคอม Windows และ macOS เลย
ขั้นตอน
-
เลื่อนสวิตช์ที่ไดรฟ์ USB. ถ้าไดรฟ์ USB ที่ใช้ มีสวิตช์ write-protection ข้างๆ ลองเช็คดู อาจจะเลื่อนผิดตำแหน่งอยู่ (ล็อคไว้) ให้เลื่อนสวิตช์ก่อนทำขั้นตอนต่อไป
- บางทีแฟลชไดรฟ์ก็ถูกล็อคด้วยโปรแกรมรักษาความปลอดภัย ป้องกันไม่ให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลข้างในได้ แบบนี้จะปลด write-protection ของไดรฟ์ USB นั้นไม่ได้ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เสียบแฟลชไดรฟ์ที่สล็อต USB ว่าง. จะเสียบ USB ช่องไหนของคอมก็ได้
-
คลิกขวาที่เมนู Start . ปกติจะอยู่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ คลิกแล้วจะเห็นเมนู
-
คลิก Run . ด้านล่างของเมนู ที่โผล่มาตอนคลิกขวาที่เมนู Windows Start เพื่อเปิดหน้าต่าง Run ขึ้นมา
-
พิมพ์ diskpart ใน Run แล้วกด ↵ Enter . เพื่อเปิด Diskpart ใน Command Prompt
-
พิมพ์ list disk แล้วกด ↵ Enter . จะเห็นรายชื่อไดรฟ์ทั้งหมด รวมถึงแฟลชไดรฟ์ แต่ละไดรฟ์จะมีชื่อ "Disk (หมายเลข)" และแต่ละหมายเลขประจำไดรฟ์จะไม่ซ้ำกัน
- คุณระบุไดรฟ์ USB ได้ โดยดูพื้นที่ที่เหลือ ในหัวข้อ "Size" เช่น ถ้าไดรฟ์ USB มีขนาด 32 GB ก็จะเขียนว่า "32 GB" หรือใกล้เคียง ที่ล่าง "Size" ใน Command Prompt
-
พิมพ์ select disk # แล้วกด ↵ Enter . เปลี่ยน # เป็นเลขประจำแฟลชไดรฟ์ (เช่น "select disk 3") เพื่อเลือกไดรฟ์ USB ใน Diskpart
-
พิมพ์ attributes disk clear readonly แล้วกด ↵ Enter . เพื่อปลดสถานะ write-protected จากไดรฟ์
-
พิมพ์ clean แล้วกด ↵ Enter . เพื่อลบข้อมูลจากไดรฟ์ เสร็จแล้วจะตั้งค่าเพื่อใช้งานได้
-
พิมพ์ create partition primary แล้วกด ↵ Enter . เพื่อแบ่งพาร์ทิชั่นในไดรฟ์ USB
-
พิมพ์ format fs=fat32 หรือ format fs=ntfs แล้วกด ↵ Enter . เพื่อแปลงไดรฟ์เป็นฟอร์แมตที่ใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ถ้าพื้นที่ของไดรฟ์ USB น้อยกว่า 32 GB ให้พิมพ์ "format fs=fat32" ถ้าไดรฟ์ใหญ่กว่า 32 GB ให้พิมพ์ "format fs=ntfs" [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
พิมพ์ exit แล้วกด ↵ Enter . เพื่อกลับไปยัง command prompt ตามปกติ เท่านี้ไดรฟ์ก็ใช้เก็บข้อมูลและอื่นๆ ได้แล้วโฆษณา
-
เลื่อนสวิตช์ที่ไดรฟ์ USB. ถ้าไดรฟ์ USB ที่ใช้ มีสวิตช์ write-protection ข้างๆ ลองเช็คดู อาจจะเลื่อนผิดตำแหน่งอยู่ (ล็อคไว้) ให้เลื่อนสวิตช์ก่อนทำขั้นตอนต่อไป
-
เปิด Windows Registry Editor ใน PC. ขั้นตอนคือ
- กด ⊞ Win + S เพื่อเปิดแถบค้นหา
- พิมพ์ regedit ในช่องค้นหา
- คลิก Registry Editor ในผลการค้นหา
- คลิก Yes เพื่อเปิดแอพ
-
ไปยังโฟลเดอร์ Control. ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อไปยังโฟลเดอร์ Control ใน system registry จะเห็นอีกหลายโฟลเดอร์ในโฟลเดอร์ Control
- คลิกโฟลเดอร์ HKEY_LOCAL_MACHINE
- คลิกโฟลเดอร์ SYSTEM
- คลิกโฟลเดอร์ CurrentControlSet
- คลิกโฟลเดอร์ Control
-
คลิกโฟลเดอร์ StorageDevicePolicies (ถ้ามี). ถ้าเห็นโฟลเดอร์นี้ในกรอบทางซ้าย (ในโฟลเดอร์ "Control") ให้ดับเบิลคลิกเพื่อแสดงข้อมูลในกรอบขวามือ ถ้าไม่เจอโฟลเดอร์นี้ ให้สร้างด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คลิกขวาตรงที่ว่างในกรอบขวามือ เพื่อเปิดเมนูคลิกขวา
- เลือก New แล้วเลือก Key ในเมนู
- พิมพ์ StorageDevicePolicies แล้วคลิกตรงที่ว่าง เพื่อเซฟคีย์ใหม่
- คลิก StorageDevicePolicies ในกรอบทางซ้าย เพื่อเปิดขึ้นมา
- คลิกขวาตรงที่ว่าง ในกรอบขวามือ แล้วเลือก New > DWORD
- พิมพ์ WriteProtect แล้วคลิกตรงไหนก็ได้ เพื่อเซฟ DWORD
-
ดับเบิลคลิก WriteProtect ในคอลัมน์ทางขวา. หน้าต่าง dialog จะโผล่มา
-
พิมพ์ "0" ใน "Value Data" แล้วคลิก OK . ให้พิมพ์เลขศูนย์ โดยไม่ต้องใส่เครื่องหมายคำพูด
-
ปิด Registry Editor แล้วรีสตาร์ทคอม. เปลี่ยนแปลงอะไรใน Registry Editor ต้องรีสตาร์ทก่อนถึงจะมีผล
-
เสียบแฟลชไดรฟ์ที่คอม แล้วเปิด File Explorer. คุณเปิด File Explorer ได้โดยกด ⊞ Win + E หรือโดยคลิกขวาที่เมนู Start แล้วเลือก File Explorer
-
คลิกขวาที่แฟลชไดรฟ์ แล้วเลือก Format . จะเห็นตัวเลือกสำหรับลบและฟอร์แมตไดรฟ์
-
ตั้งค่าการฟอร์แมตไดรฟ์ แล้วคลิก Start . เพื่อลบข้อมูลในแฟลชไดรฟ์ แล้วเตรียมไดรฟ์ให้พร้อมใช้ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล ให้ลองวิธี "ใช้ Diskpart (Windows)"
โฆษณา
-
เลื่อนสวิตช์ที่ไดรฟ์ USB. ถ้าไดรฟ์ USB ที่ใช้ มีสวิตช์ write-protection ข้างๆ ลองเช็คดู อาจจะเลื่อนผิดตำแหน่งอยู่ (ล็อคไว้) ให้เลื่อนสวิตช์ก่อนทำขั้นตอนต่อไป
-
เสียบแฟลชไดรฟ์ที่ติด write-protected ในช่อง USB ของเครื่อง Mac.
-
เปิด Finder . ที่เป็นไอคอนแรกใน Dock ปกติจะอยู่ท้ายหน้าจอ
-
คลิกโฟลเดอร์ Applications . ที่อยู่ในกรอบซ้ายมือ บางไอคอนก็โผล่มาในกรอบขวามือ
-
ดับเบิลคลิกโฟลเดอร์ Utilities . ในกรอบขวามือ
-
ดับเบิลคลิก Disk Utility . ที่เป็นไอคอนฮาร์ดไดรฟ์ มีหูฟังคุณหมอ ในกรอบขวา เพื่อเปิด tool สำหรับฟอร์แมตไดรฟ์
-
เลือกแฟลชไดรฟ์ในกรอบซ้าย. จะเห็นข้อมูลบางส่วนของไดรฟ์ ในกรอบขวามือ
-
พิมพ์ชื่อไดรฟ์ (ไม่บังคับ). จะใช้ชื่อตั้งต้นต่อไปก็ได้
-
เลือก file system type จากในเมนู "Format". ถ้าอยากให้แฟลชไดรฟ์ใช้ได้ทั้งใน PC และ Mac ให้เลือก MS-DOS (FAT) (แฟลชไดรฟ์เล็กกว่า 32 GB) หรือ ExFAT (ไดรฟ์ที่ใหญ่กว่า 32 GB) ไม่งั้นก็เลือก Mac filesystem type
-
คลิกปุ่ม Erase . มุมขวาล่างของหน้าต่างที่เปิดอยู่ เพื่อให้ Mac ฟอร์แมตไดรฟ์ที่ติด write-protected แล้วเปลี่ยนสถานะ sharing and permissions เป็น "read and write [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง "
- ถ้าทำขั้นตอนนี้แล้วไดรฟ์ยังใช้ไม่ได้ แสดงว่าเป็นที่กลไก ไดรฟ์อาจจะเสีย แบบนี้ต้องซื้อใหม่
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าอยากเปิดหรือใช้แฟลชไดรฟ์ที่ติด write-protected ใน Mac ให้ลองใช้แฟลชไดรฟ์นั้นกับ Windows ก่อน แล้วค่อยฟอร์แมตไดรฟ์ เพราะบางทีแฟลชไดรฟ์อาจจะขึ้น “read-only” เฉพาะใน Mac ด้วยปัญหาการใช้งานข้ามระบบ Apple และ Windows ไม่ได้
โฆษณา
คำเตือน
- ถ้าแฟลชไดรฟ์เสียหรือชำรุดที่ตัวอุปกรณ์ ขั้นตอนในบทความวิกิฮาวนี้อาจจะใช้ฟอร์แมตแฟลชไดรฟ์ที่ติด write-protected ไม่ได้ผล ถ้าทำตามขั้นตอนแล้วยังฟอร์แมตแฟลชไดรฟ์ไม่ได้ แนะนำให้ซื้อใหม่เลยจะดีกว่า
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.computerhope.com/issues/ch001617.htm
- ↑ https://kb.iu.edu/d/bccm
- ↑ https://www.techadvisor.co.uk/how-to/storage/remove-write-protection-usb-3633096
- ↑ http://www.pcadvisor.co.uk/how-to/storage/how-erase-write-protected-usb-drive-or-sd-card-3456666/
- ↑ https://support.apple.com/kb/ph22241?locale=en_US
- ↑ http://computers.tutsplus.com/tutorials/quick-tip-solving-read-only-external-drive-problems-on-your-mac--mac-52507
โฆษณา