PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

หลายคนที่ป่วยหนัก หวังแค่ซักวันหนึ่งจะกลับมามีสุขภาพดีได้ แต่เรามักจะมาคิดได้ตอนที่เสียมันไปแล้ว ดังนั้นควรทำตามคำแนะนำต่อไปนี้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

กินเพื่อสุขภาพ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยผู้ใหญ่ควรดื่มให้ได้ 2-3 ลิตร หรือประมาณ 8 แก้วต่อวัน [1] ไม่รวมชากับกาแฟ เพราะน้ำช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายให้ปกติ และขจัดสารพิษ ทำให้เห็นผลต่อระบบเผาผลาญพลังงานและชีวิตที่ดีขึ้น แล้วสุขภาพก็จะดีขึ้นโดยอัตโนมัติเลยล่ะ
    • น้ำช่วยทำความสะอาดผิว รวมทั้งไต นอกจากนี้ยังควบคุมความอยากอาหาร และให้พลังงาน [2] ถามหน่อยสิว่าถ้าการมีสุขภาพดี ร่างกายกระฉับกระเฉง และผิวที่ดีขึ้นไม่น่าสนใจแล้ว ยังจะมีอะไรอีก
    • มันยังช่วยให้ห่างจากเครื่องดื่มพวกโซดาและน้ำผลไม้ที่มีแคลอรีสูงๆ เหล่านั้น เพราะร่างกายแทบจะไม่จำเลยว่าได้กินมันเข้าไปแล้ว และยังทำให้คุณอยากกินเพิ่มอีกหลายร้อยแคลอรีเลยล่ะ แต่ถ้าอยากจะเพิ่มรสชาติก็ลองบีบเลมอน มะนาวหรือใส่น้ำผลไม้แท้ลงในน้ำดูสิ แต่อย่าลืมกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงอย่างบล็อกโคลีด้วยนะ จะได้ช่วยเรื่องกระดูกเวลาแก่ตัวลงด้วย
  2. แค่อาหารเช้าเบาๆ อย่างพวกโปรตีนไร้มัน และธัญพืชเต็มเมล็ดก็ช่วยให้ได้รับประโยชน์เพียงพอแล้ว และยังช่วยให้ไม่หิวกระหายในมื้อถัดไปอีก จากงานวิจัยยังพบอีกว่าผู้ที่ไม่กินมื้อเช้ามักจะกินมากขึ้นกว่าเดิมด้วย ดังนั้นเพื่อหยุดความอยากอาหาร อย่าอดมื้อเช้าเป็นอันขาดล่ะ
    • แทนที่จะกินแต่พวกช็อคโกแลต โดนัท และกาแฟที่มีครีมเต็มไปหมดเหล่านั้น ให้เลือกเป็นเมนูไข่ ผลไม้ และเครื่องดื่มอย่างนมไขมันต่ำ น้ำส้มคั้นสดๆ หรือชาดีกว่านะ เพราะมื้อเช้าที่ดีต่อสุขภาพจะช่วยให้พลังงานคุณและทำให้ไม่หิวไปตลอดทั้งวันเลยล่ะ [3]
  3. ในหนึ่งจานต้องมีผักและผลไม้อยู่ครึ่งหนึ่ง [4] แล้วก็เติมพวกโปรตีนไร้มัน นมไขมันต่ำ และธัญพืชเต็มเมล็ดเพิ่มเข้าไปด้วยสิ เมื่อกินแบบนี้จนเป็นนิสัยแล้ว จะรู้สึกสบายตัวขึ้น ถึงจะมีช่วงหนึ่งที่ร่างกายโหยหาของหวานๆ แต่เมื่อผ่านช่วงนั้นไปได้แล้ว คุณจะรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยล่ะ
    • จำไว้ว่าไขมันน่ะไม่ใช่ศัตรูตัวร้ายเสมอไปหรอกนะ ไขมันที่ดีหาได้จากปลาอย่างพวกแซลมอน หรือทูน่า อโวคาโด ถั่วและน้ำมันมะกอก และที่สำคัญคือต้องกินให้เหมาะสม ลองหาอ่านเคล็ดลับเพิ่มเติมจากบทความวิธีการกินอย่างมีสุขภาพต่างๆ
  4. เวลาสำหรับมื้อเย็นที่ดีต่อสุขภาพและย่อยง่ายอยู่ในช่วง 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม นี่น่ะเป็นทางที่ดีที่จะไม่กินขนมมื้อดึกที่เพิ่มแคลอรีแถมยังรบกวนการนอนหลับอีกต่างหาก แต่ถ้าอยากกินจริงๆ ก็เลือกกินพวกถั่วไม่เค็ม เมล็ดต่างๆ แล้วก็ผักผลไม้ละกัน
    • ขนมน่ะไม่ใช่สิ่งเลวร้ายขนาดนั้นหรอก ถ้ากินให้ถูก และจริงๆ แล้วการกินอยู่เรื่อยๆ จะทำให้ไม่รู้สึกโหยแล้วไปกินชีสเค้กเป็นชิ้นที่ 3 นั่นหรอก แค่กินให้มันพอดีๆ ก็พอ [5]
  5. ถ้าสังเกตดีๆ นะ ก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้พูดถึงเนื้อสัตว์มากเท่าไหร่ จริงๆ แล้วการเป็นมังสวิรัติน่ะเป็นทางที่จะลดปริมาณแคลอรีและรับวิตามินและเกลือแร่เข้าไปได้ดีทางหนึ่งเลยล่ะ แต่ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เพราะถ้าจะเป็นมังสวิรัติเต็มตัว การห้ามกินเนื้อที่ปกติกินเยอะๆ น่ะยากมาก ทางที่ดีลองปรับปริมาณและเปลี่ยนชนิดของเนื้อสัตว์ดูสิ เช่น จากเนื้อหมูมาเป็นเนื้อไก่ และจากเนื้อสเต็กมาเป็นทูน่าแทน
    • การกินอาหารใยอาหารสูงจะกินง่ายกว่าถ้าไม่มีเนื้อสัตว์นะ และใยอาหารน่ะช่วยทั้งลดคลอเรสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ปรับสุขภาพลำไส้ให้ดีขึ้น และทำให้ไม่กินเยอะเกินไปด้วยนะ โดยแนะนำให้ผู้ชายกินวันละ 30 กรัม ส่วนผู้หญิงก็วันละ 21 กรัม แต่ถ้าอายุเลย 50 ปีไปแล้วให้ผู้ชายกินวันละ 38 กรัม ส่วนผู้หญิงก็วันละ 25 กรัม และแหล่งใยอาหารที่มีพวกผักผลไม้ (ทั้งเปลือก) ธัญพืชเต็มเมล็ด และฝักถั่ว [6]
  6. อาหารสำเร็จรูปน่ะต้องดูดีๆ บล็อกโคลี่แช่แข็งน่ะไม่แย่เท่ากับแมคชีสหรอกนะ แต่ทางที่ดีก็ควรจะหลีกเลี่ยงถ้าทำได้ ไม่งั้นก็อ่านฉลากซะ ดูว่ามันใส่อะไรไม่ดีๆ ไปบ้าง อย่างเกลือ น้ำตาลและไขมัน
    • อาหารที่วางอยู่บนชั้นมักจะใส่โซเดียมไปด้วย และถ้าเจอคำที่ลงท้ายด้วย –ose ไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวในส่วนประกอบอาหารบนฉลาก (โดยเฉพาะในปริมาณมากๆ ) ให้หลีกเลี่ยงมันซะ มันไม่คุ้มกันหรอก ยังมีทางเลือกอื่นที่ดีต่อสุขภาพอีกเยอะเลย
      • แม้จะบอกว่าไม่มีไขมันทรานส์ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีเลย เพราะถ้ามีปริมาณไม่มากก็ไม่ผิดกฎหมาย ดังนั้นวิธีสังเกต คือให้ดูว่าส่วนผสมที่มีน้ำมันผ่านกระบวนการในนั้นไหม [7]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

สร้างแผนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. มันช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มความมั่นใจ เพราะการออกกำลังกายเป็นหลักในการสร้างสิ่งที่ดีๆ ต่อร่างกายและจิตใจ และการมีสุขภาพหัวใจดีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ ดังนั้นออกไปแตะขอบสระ ฟุตบาท และสวนสาธารณะให้บ่อยเท่าที่ทำได้ซะเถอะ [8]
    • การออกกำลังกายช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันด้วยนะ แม้เป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ อย่าง การเดินเร็ววันละ 20-30 นาที โดยทำ 5ครั้งต่อสัปดาห์ แค่นี้ก็จะช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้นด้วยการเพิ่มการสร้างแอนติบอดี้ และเซลล์ T-killerได้ [9]
    • การออกกำลังกายเป็นวิธีที่เยี่ยมไปเลย สำหรับการนอนหลับที่ดีในยามค่ำคืน [10] มันจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ โดยการไม่กินเยอะเกินไป
  2. ร่างกายของเราแตกต่างกันทั้งขนาดและน้ำหนัก โดยคนที่ตัวใหญ่หน่อยจะมีน้ำหนักมากกว่าคนตัวเล็กอยู่แล้ว
    • การที่น้ำหนักน้อยเกินไปไม่ใช่เรื่องดีไปซะหมดนะ แล้วก็ห้ามกินอะไรน่ากลัวๆ พวกนั้นนะ เพราะมันไม่มีของวิเศษสำหรับการลดน้ำหนักหรอก และถึงจะมี การที่ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นก็ไม่ใช่วิธีที่ดีแน่ๆ แต่การค่อยๆ เปลี่ยนนิสัยการกินนั้น จะปลอดภัยและทำได้ยาวนานกว่า แถมยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วยนะ
    • ถ้าไม่อยากควบคุมอาหาร ลองอ่านวิธีลดน้ำหนักโดยออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวสิ แต่ถึงพวกนักกีฬาจะเผาผลาญพลังงานได้ดีพอจะกินได้เยอะๆ แต่พวกเขาก็ไม่ทำหรอก เพราะมันเป็นการทำร้ายร่างกายน่ะสิ ถ้าจะกินมากกว่าที่ร่างกายต้องการแล้วล่ะก็ ต้องเลือกสิ่งที่มีประโยชน์นะ เพราะหัวใจ สมอง กล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะต่างๆ และเลือดของเรามันรับอาหารแย่ๆ ไปตลอดไม่ได้หรอก
  3. แค่วิ่งได้ 8 กิโลเมตรโดยไม่หยุดเลยไม่ได้แปลว่าสุขภาพดีหรอกนะ เช่นเดียวกับการยกน้ำหนักแหละ ถ้าทำแค่อย่างเดียวก็ใช้กล้ามเนื้อได้แค่ส่วนเดียว [11] คุณจะตกใจตอนที่ไปว่ายน้ำหรือออกกำลังกายต่อไม่ได้
    • แล้วต้องทำยังไงล่ะ การออกกำลังกายแบบนี้ไม่ใช่แค่การทำหลายๆ อย่างเพื่อออกกำลังกล้ามเนื้อทุกส่วน (ทำให้ป้องกันการบาดเจ็บ) แต่ยังทำให้ไม่เบื่อไปซะก่อน ซึ่งมันถือเป็นตัวทำลายการออกกำลังกายสุดๆ เลยล่ะ เพราะงั้นก็เพิ่มแอโรบิคและการฝึกความแข็งแรงเข้าไปในการฝึกประจำวันด้วยสิ รับรองว่ากล้ามเนื้อต้องชอบแน่ๆ
  4. การเคลื่อนไหวทุกครั้งเสี่ยงที่จะบาดเจ็บได้ เพราะฉะนั้นต้องทำให้ถูก แล้วจะได้ไม่มาบ่นทีหลังว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องแย่
    • อย่างแรกเลยนะ อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ ควรจิบน้ำขณะที่ออกกำลังกาย ไม่งั้นจะเวียนหัวหรือปวดหัวได้ตอนที่เหงื่อออกหรือสูญเสียน้ำ [12]
    • พักซะ ไม่ได้เป็นการขี้เกียจหรอก แต่มันดีต่อสุขภาพนะ ไม่มีทางที่จะทำตลอดโดยไม่หยุดหรอก หลังจาก 30 นาทีของการออกกำลังกาย ให้หยิบขวดน้ำขึ้นมาแล้วดื่มมันซะ ร่างกายต้องการการพัก จะได้ไปต่อได้นานขึ้นไงล่ะ
  5. การเคลื่อนไหวแบบกระฉับกระเฉงไม่ใช่แค่การย่ำบนทางเดินหรือการเข้ายิม แต่มันคือวิถีชีวิตที่อยู่กับเราตลอดเวลา [13] ลองทำอะไรเพิ่มซัก 10 อย่างดูสิ เดี๋ยวโอกาสก็มาแล้ว
    • คิดไม่ออกหรอ ก็ลองจอดรถให้ไกลจากที่ทำงาน ทางเข้าห้าง หรือร้านขายของชำสิ หรือจะปั่นจักรยานไปที่ทำงานหรือที่โรงเรียน เดินขึ้นบันได พาน้องหมาไปเดินเล่นทุกๆ วัน หรืออาจจะไปกินข้าวกลางวันที่สวนสาธารณะ ปั่นไปทำงานหรือร้านกาแฟใกล้ๆ จริงๆ แล้วโอกาสก็มีอยู่ทุกที่น่ะแหละ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

อารมณ์ดีสุขภาพดี

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. จิตใจของเรามีพลังเหนือทุกสิ่งในชีวิตเลยล่ะ เพราะการมองโลกในแง่ดีง่ายๆ สามารถเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาสได้เลย แล้วยังไม่ใช่แค่ทำให้รักตัวเองมากขึ้นนะ แต่ระบบภูมิคุ้มกันก็สามารถสู้กับอาการหวัดหรือโรคหัวใจได้ดีอีกด้วย [14] ฮาร์วาร์ดไม่โกหกหรอกนะ
    • เริ่มทำอะไรที่ยากขึ้นดูสิ อย่างการขอบคุณเรื่องแย่ๆ ที่เข้ามา หยุดแล้วตัดมันออกไปมันซะ แล้วจะติดเป็นนิสัยเลิกคิดลบโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ
  2. ไม่ได้หมายความว่าให้คุณพอใจกับชีวิตที่มี (ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ให้เป็นได้แค่ช่วงสั้นๆ นะ) แต่หมายถึงการสร้างความพอใจให้ตัวเอง เช่น ถ้าควบคุมอาหารอยู่ ก็ยอมให้ตัวเองกินอาหารที่อยากกินซักนิดสิ แล้วถ้าการดู the Golden Girls ในคืนวันศุกร์ตลอด 3 ชั่วโมงมันแสนสุขนัก จะรออะไรล่ะ ไม่ว่าสิ่งเล็กน้อยแค่ไหนที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำมันซะเถอะ
    • ความสุขเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ เราจะสุขภาพดีไม่ได้ถ้าไม่มีความสุข และถ้างาน เพื่อน ครอบครัว ความสัมพันธ์ และเงินสร้างความทุกข์แล้วล่ะก็ จะกินแซนวิชหรือบาเกิลโฮลวีตก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรอก
  3. เราจะหวาดกลัว หงุดหงิด และขี้เกียจเมื่อคิดถึงฝันที่ยังไม่เป็นจริง ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องคิดถึงมันเลย เพราะการคิดแบบสุขภาพดี คือการคิดถึงตอนนี้ เวลานี้ แม้การคิดถึงอนาคตจะเป็นสิ่งที่ดีแต่เราไม่ควรหมกมุ่นกับมันมากเกินไป
    • สุขภาพดีอย่างอารมณ์ดี (และมีความสุข) เป็นสิ่งที่ง่าย ถ้ามองจากแต่ละก้าวที่จะไปสู่จุดหมาย เช่น ถ้าอยากเข้าบรอดเวย์ก็ต้องประกวด จากนั้นก็รอผลการตัดสิน แล้วก็ค่อยย้ายที่อยู่ เพราะฉะนั้นปัจจุบันน่ะมาก่อนอนาคตเสมอ ต้องเรียงลำดับความสำคัญด้วย
  4. นี่เป็นปัญหาใหญ่เลย เพราะถ้าความเครียดเข้าครอบงำชีวิตแล้ว ทุกสิ่งก็จะพังเลยล่ะ บ้านวุ่นวาย จิตใจยุ่งเหยิง และความสัมพันธ์ก็จะตึงเครียดอีก เพราฉะนั้นลองหยุดคิดซัก 5 นาที แล้วตระหนักถึงระดับความเครียดที่มีว่าจะจัดการกับมันยังไง จะทำอย่างไรให้สงบและผ่อนคลายลงได้บ้าง
    • วิธีที่ดีมากๆ เลยคือ การเล่นโยคะ แต่ถ้ามันไม่น่าสนใจ ลองการทำสมาธิไหม ไม่ชอบหรอ งั้นก็ลองใช้เวลาซักวันละ 10 นาที สงบลงดูสิ ลองนั่งลงและหายใจ แล้วตั้งเป้าทำให้ได้ทุกๆ วันนะ
  5. ถึงเรารู้ว่าจะรู้ว่าใครทำให้เราแย่ แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกับเค้าอยู่ดี เพราะเขามีทีวีสุดเจ๋ง แล้วในที่สุดเราก็เบื่อ โชคร้ายที่แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เราทำเป็นไม่รู้เพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ยุ่งยากเหล่านั้น ทำไมไม่ทำในสิ่งที่ใจต้องการล่ะ เอาแผลพวกนั้นออกไปซะ แล้วจะมีความสุขขึ้นเยอะเลยล่ะ
  6. ความรู้สึกที่ว่า “วันนี้ฉันทำอะไรไปเยอะเลยล่ะ”มันเป็นสิ่งที่ดีนะ และพอทำแล้วจะหยุดตัวเองไม่อยู่เลย แล้วที่แม่บอกว่า “ถ้าใส่ใจก็ทำได้” มันเป็นเรื่องจริงนะ งั้นก็ลองคิดถึงการทำอะไรยากๆ บ่อยๆ ดูสิ
    • เริ่มที่เขียนรายการสิ่งที่ต้องทำก่อน จะใส่ในปฏิทินหรือสมุดวางแผนงานก็เยี่ยมไปเลย และจำไว้เสมอว่าต้องคิดเล็กๆ แล้วจะทำให้ทำอะไรบางอย่างได้โดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ
  7. มันเหมือนกับการพึงพอใจ โดยบางครั้งต้องทำอะไรที่เหมาะกับตัวเองซะบ้าง แม้ว่าโลกจะไม่ต้องการก็เถอะ ทำตามที่คิทแคทแท่งนั้นบอกก็ได้ ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก “หลับซะ เดี๋ยวก็เช้าแล้ว” พอตื่นมาพลังก็กลับมาเต็มเปี่ยมแล้ว
    • นี่รวมถึงการออกกำลังกายด้วย ถ้าทำอะไรซ้ำๆ กล้ามเนื้อจะชิน คุณก็จะเบื่อ แล้วมันจะจบ เพราะฉะนั้นแทนที่จะออกไปกระแทกฟุตบาทวันพุธ ก็ไปว่ายน้ำแทน ไม่ได้เป็นการขี้เกียจนะ มันมีเหตุผลจะตาย
  8. ถึงจะเข้าใจเรื่องสุขภาพดีแล้วก็เถอะ แต่ถ้าข้างในยังไม่ปกติก็ไม่มีประโยชน์หรอก บางครั้งคนเราก็ต้องการยาบำรุงกำลัง และอีกหลายๆ อย่างที่ทำได้เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น หากปัญหายืดเยื้อก็ต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับความเจ็บปวดทางอารมณ์หรือแม้กระทั่งความผิดหวังด้วย
    • เมื่อจัดการกับตัวเองได้แล้วก็มาถึงเรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่นบ้าง โดยเรียนรู้ที่จะจัดการและควบคุมความสัมพันธ์ และถ้าจำเป็นก็ศึกษาวิธีจัดการกับการดูถูกที่กระเทือนอารมณ์ แล้วคุณจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพตามมา
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

มีกิจวัตรที่สร้างสุขภาพ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพราะความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดผลเสียระยะยาวเลยล่ะ แล้วอะไรที่ทำซ้ำๆ ก็เป็นหนึ่งในปัญหาทางจิตใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องโดยตรง เริ่มทำตามเป้าหมายนี้ด้วย :
    • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยขึ้น
    • หยุดดื่มมากเกินไป
    • เลิกดื่มเหล้า
    • เลิกบุหรี่
    • เลิกติดยา
      • สิ่งเหล่านี้สามารถทำได้ แม้มันจะยาก แต่ถ้าทำสำเร็จอย่างหนึ่ง อย่างอื่นก็จะดูง่ายขึ้นมาเลยล่ะ
  2. เราเน้นเรื่องการออกกำลังกายไปแล้ว แต่มาทำให้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้กันเถอะ โดยใส่มันเข้าไปในกิจวัตรประจำวันหรือประจำสัปดาห์ เพราะมันช่วยทั้งเพิ่มระดับการเผาผลาญพลังงาน ควบคุมน้ำหนัก แล้วยังทำให้รู้สึกสดชื่นไปตลอดทั้งสัปดาห์อีก เรียกว่าได้โชค 3 ชั้นเลยทีเดียว
    • ยึดหลัก คือ แอโรบิคอาทิตย์ละ 150 นาที (หรือทำอย่างอื่นแบบกระฉับกระเฉงซัก 75 นาที) และออกกำลังกายฝึกความแข็งแรงอาทิตย์ละ 2 ครั้ง [15] แม้แต่ตัดหญ้าก็นับนะ
  3. เมื่อหลับร่างกายจะผลิตเซลล์ที่สู้กับโรค การอักเสบ และความเครียดขึ้นมา นั่นหมายถึงการนอนน้อยหรือการนอนแบบไร้คุณภาพ ไม่เพียงแต่จะทำให้ป่วยง่าย แต่ยังหายช้าอีกด้วยนะ ดังนั้นคิดซะว่าถึงไม่ได้หลับเพื่อตัวเอง ก็หลับเพื่อสุขภาพละกัน [16]
    • จากงานวิจัยของคลินิกด้านโภชนาการบำบัดจากวารสารสัญชาติอเมริกัน พบว่าคนที่นอนแค่ 4 ชั่วโมง กินมากกว่าปกติที่นอนเป็นเวลา 8 ชั่วโมง ถึง 500 กิโลแคลอรี [17] ถ้ากำลังมองหาอาหารการกินง่ายๆ นี่เลย
      • หาอ่านวิธีการหลับให้ดี เพิ่มเติมได้นะ
  4. การทำกับข้าวกินเองเป็นประสบการณ์สุดแสนวิเศษที่ต้องลองเอง เป็นการลองสูตรใหม่ๆ แล้วก็ประหยัดเงินได้ด้วยในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมสิ่งที่จะเอาเข้าไปในร่างกายได้อีกด้วย และมันเป็นทางเดียวที่จะควบคุมอาหารต่อไปได้
    • เมื่อทำกับข้าวให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันเยอะๆ และไขมันอื่นๆ ให้ใช้แต่น้ำมันมะกอกแทนการใช้น้ำมันพืช เนย หรือมาการีนดีกว่านะ แล้วก็เติมเกลือหรือชีสให้น้อยที่สุด แต่ถ้าไม่อร่อยก็ลองปรุงแบบอื่นดูสิ
  5. รักษาความสะอาดส่วนตัว.ล้างมือให้บ่อย โดยเฉพาะหลังจากเข้าห้องห้องน้ำทั้งในบ้านและที่สาธารณะต่างๆ เพราะเชื้อโรคน่ะลุกลามได้เหมือนไฟป่าเลยล่ะ แถมยังทำลายเราได้ในพริบตาด้วย แต่ถ้ายังไม่สะอาดอีก คราวนี้ก็ต้องอาบน้ำแล้วล่ะ
    • เมื่อใส่อะไรเข้าปาก ให้ใช้ไหมขัดฟันและแปรงฟันและลิ้นซะ อาหารเป็นส่วนหลักเลยล่ะที่ทำให้เกิดกลิ่นปากและโรคเหงือก พบทันตแพทย์บ่อยๆ เพื่อทำความสะอาดและตรวจปัญหาอื่นๆ ก่อนที่มันจะลุกลาม ลองหาดูวิธีรักษาอนามัยเพื่อศึกษาเพิ่มเติม
  6. การรักษานิสัยรักสุขภาพและพลังงานอันเต็มเปี่ยมไว้นั้น ยากสำหรับคนที่มักจะทำงานหนัก เป็นหวัด ติดเชื้อ หรือมีผลอื่นๆ ต่อระบบภูมิคุ้มกัน
    • ถ้าทำได้ก็กินวิตามินและเกลือแร่ให้ครบในมื้ออาหารเลย เพราะการกินอาหารเสริมมันเป็นแค่ตัวช่วย [18] ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ให้ความรู้กับตัวเอง เพราะทุกวันนี้โอกาสเรียนรู้มีมาก
  • อย่าเครียด โดยลองสงบลงและให้กำลังใจตัวเองในการทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนสิ
  • ถ้าร่างกายบอกว่าต้องการพักผ่อน ให้ฟังมัน เพราะแม้ร่างกายจะเป็นอวัยวะสำคัญเหมือนอุปกรณ์ที่ซ่อมตัวเองได้ แต่ก็ต้องการการดูแลที่ดีพอ
  • ลองกินขึ้นฉ่ายดูสิ มันช่วยเผาผลาญพลังงานมากกว่าให้พลังงานซะอีก
  • เพิ่มการกินสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อต่อสู้กับเหล่าตัวร้ายที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด หรือโรคอื่นๆ [19]
  • สำนึกบุญคุณ โดยขอบคุณสิ่งต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นวันจนถึงเข้านอน แล้วคุณจะมีสุขภาพดีอารมณ์ดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ
โฆษณา

คำเตือน

  • เริ่มปรับกิจวัตรใหม่ช้าๆ แล้วอย่าทำให้ระบบของเราตกใจนัก โดยถ้าจะออกกำลังกายแบบใหม่ๆ หรือกินอย่างมีวินัยขึ้น ให้ปรึกษาแพทย์เพราะเขาจะมีข้อระวังเกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพให้อย่างดีเลยล่ะ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 44,606 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา