ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
คุณกำลังถลำลึกลงไปในความสัมพันธ์ที่มีปัญหา และเริ่มนำไปสู่หายนะหรือเปล่า? เพื่อนๆ ที่คุณเคยมี เริ่มตีตัวออกห่าง และคนในครอบครัวคุณก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติในตัวคุณแล้วใช่มั้ย? หากคุณต้องการจะกลับมาเข้มแข็งและเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง คุณควรตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า ความสัมพันธ์ในปัจจุบันนี้ มันมีแต่บั่นทอนชีวิตคุณลงไปหรือไม่ ถ้าใช่ คุณต้องจบความสัมพันธ์อันเป็นวงจรอุบาทว์นี้เสียที
ขั้นตอน
-
ศึกษาลักษณะอาการของคนที่เข้าข่ายเป็นจอมบงการ. ลองอ่านลักษณะต่างๆ ด้านล่างนี้ดู พยายามซื่อสัตย์ต่อตนเอง และอย่าเข้าข้างแฟน หรือคิดประมาณว่า “อืม แฟนเราคงไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้หรอกมั้ง” หรือ “ก็อาจจะมีบ้างนะ แต่แค่ไม่กี่ครั้งเองนี่นา” (แค่ครั้งเดียวก็ถือว่าเยอะเกินแล้วล่ะ) เอาเป็นว่า หน้าที่คุณคือ แค่อ่านแล้วก็ตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ ซึ่งหากคุณตอบว่าใช่ประมาณ 3-4 ข้อ ก็เพียงพอแล้วที่สมควรจะบอกเลิกกับแฟนคนนี้ และไปหาแฟนใหม่ที่ให้ความเคารพนับถือในแบบที่คุณคู่ควร เอาล่ะ ลองตอบว่า แฟนคุณคนนี้ มักมีพฤติกรรมต่อไปนี้หรือไม่: [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
- ทำให้คุณอับอายหรือเยาะเย้ยคุณ ต่อหน้าเพื่อนๆ และคนในครอบครัว
- ส่ายหัวกับความสำเร็จของคุณ และชอบคัดค้านเป้าหมายของคุณ
- ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับว่าตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้
- ใช้การข่มขู่หรือทำให้คุณรู้สึกผิด เพื่อให้คุณยอมตาม
- สั่งคุณว่า เสื้อผ้าชุดนั้นใส่ได้ ชุดนี้โป๊เกิน ห้ามใส่
- สั่งให้คุณดูแลเสื้อผ้าหน้าผม ให้ไปเสริมแต่งตามแบบที่เขาหรือเธอต้องการ
- บอกคุณว่า “ถ้าขาดฉันไป เธออยู่ไม่ได้หรอก” หรือ “ฉันก็คงอยู่ไม่ได้ ถ้าขาดเธอ”
- ทำรุนแรงกับคุณ โดยที่คุณไม่ยินยอม เช่น ดึง ผลัก หยิก เขย่าตัว หรือตบตี
- โทรหาคุณคืนละหลายรอบ หรือแวะมาดูเพียงเพื่อที่จะเช็คว่า คุณอยู่ในที่ๆ เขาสั่งให้อยู่หรือเปล่า
- ใช้ยาเสพติดหรือสุรา เป็นข้ออ้างเวลาที่ด่าคุณหรือกระทำทารุณต่อคุณ
- กล่าวโทษคุณที่ทำให้พวกเขาต้องมีพฤติกรรมแย่ๆ
- กระทำทางเพศต่อคุณ แม้ในเวลาที่คุณขัดขืน
- ทำให้คุณรู้สึกหาทางออกจากชีวิตเขาไปไม่ได้
- คอยกันท่าไม่ให้คุณทำสิ่งที่ต้องการ เช่น การออกไปหาเพื่อนหรือคนในครอบครัว
- อาจมีการกักตัวคุณไว้ไม่ให้ออกไปไหนหลังจากโต้เถียงหรือทะเลาะกัน เพื่อเป็นการ “ให้บทเรียน” หรือสั่งสอนให้หลาบจำ
-
ขุดคุ้ยข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องฉาวของแฟนคุณให้ละเอียดที่สุด. คุณมักได้ยินเรื่องราวสองด้านในเรื่องเดียวกันอยู่เสมอรึเปล่า? เคยได้ยินเพื่อนๆ เขาพูดเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา ในแบบที่คุณไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือไม่ การเล่าความจริงเพียงด้านเดียว หรือการจงใจถ่ายทอดข้อมูลเพียงส่วนเดียว เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเขากำลังปั้นแต่งข้อเท็จจริงให้คุณเชื่อ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบอกเหตุถึงพฤติกรรมจอมบงการ ดังนั้นคุณควรหาข้อมูลให้ดีๆ
- คนเรามักจะถูกควบคุมหรือชักใย เวลาที่ได้รับฟังความจริงด้านเดียวหรือข้อความที่ถูกดัดแปลง ไม่ใช่จากการโกหกแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยมักจะเป็นเรื่องแบบที่ทำให้คุณรู้สึกฉงนหรือระแคะระคายเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขนาดที่ทำให้คุณตระหนักว่าควรเลิกรากับเขาหรือเธอ
- หากมีเหตุการณ์ในทำนองนี้เกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้ง พยายามหยุดและฉุกคิดก่อนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณเกิดปฏิกิริยาเช่นนี้ พยายามวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างสิ่งที่คุณได้ยินจากปากของเขา กับสิ่งที่เพื่อนๆ ของเขาหรือเธอมักพูดถึงกัน หากคุณเห็นความผิดปกติมากเกินจะนิ่งนอนใจ ก็จงชี้ให้แฟนคุณเห็น หากเขาหรือเธอตอบฟังไม่ขึ้นหรือไม่สมเหตุผล คุณควรเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
-
ยิ่งแฟนคุณคอยกันท่ามากเท่าไร คุณยิ่งต้องพยายามเกาะติดเพื่อนเอาไว้. การพยายามกีดกันคุณออกจากวงสังคมและคนในครอบครัวคุณเอง เป็นเทคนิคที่พวกจอมบงการมักใช้ในการข่มเหงคุณ แต่ด้วยความร้ายกาจของคนแบบนี้ พวกเขาจึงมีวิธีทำให้คุณเชื่อว่ามันเป็นทางเลือกของคุณเอง ที่ตัดสายใยกับบรรดาคนเหล่านั้น ซึ่งหากแฟนคุณชอบแอบนินทาเพื่อนคุณลับหลัง หรือเย้ยหยันคนในครอบครัวคุณ และชอบหาเรื่องดราม่าเวลาที่คุณออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ละก็ คุณก็ควรตอกฝาโลงความสัมพันธ์กับแฟนคนนี้เพื่อก้าวต่อไป ทางใครทางมัน
- พวกจอมบงการ มักชอบสร้างเรื่องดราม่าและใช้ความตึงเครียดกดดันเหยื่อ พวกเขามักจะคอยยั่วยุ เล่นสงครามจิต และคอยจงใจหาเรื่องเป้าหมายอยู่เสมอ และเมื่อเกิดปัญหาตามมา พวกเขาก็จะตีหน้าเซ่อ พร้อมกับกล่าวโทษเพื่อนๆ และคนในครอบครัวคุณ
- เมื่อคุณถึงจุดที่ถอยห่างจากเพื่อนๆ เพราะไม่อยากรับรู้ความตึงเครียดระหว่างแฟนกับเพื่อนคุณอีกต่อไปแล้ว แฟนนักบงการของคุณก็จะถือโอกาสนี้ในการครอบงำคุณ เพราะคุณไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครได้อีกแล้ว
-
แสดงความหึงหวงหรือเป็นเจ้าของเกินเหตุ. หากคุณมีแฟนที่คอยปกป้องคุณ ก็ถือว่าเยี่ยม แต่หากเขาหรือเธอคอยแสดงความหวงแหนเกินเหตุ มันก็กลายเป็นเรื่องน่ารำคาญและน่ากลัวด้วย แฟนคุณมักจะคอยเช็คเวลากลับบ้านของคุณ หรือเจ้ากี้เจ้าการเวลาที่คุณจะไปที่ไหนหรือเปล่า คุณมักถูกเขาหรือเธอซักอย่างเอาเป็นเอาตาย หลังจากที่เห็นคุณเดินกับคนอื่นหรือไม่ และแฟนคุณยังมักตัดพ้อว่า คุณไม่ให้ความสำคัญกับเขาหรือเธอในเวลาที่คุณออกไปกับเพื่อนๆ ด้วยหรือเปล่า
- ความหึงหวงแต่พองามเป็นเรื่องปกติ ออกจะน่ารักด้วยซ้ำ แต่ไม่ควรถึงขนาดมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ความหึงหวงกับความไม่เชื่อใจเป็นคนละเรื่องกัน ถ้าแฟนคนไหนไม่เชื่อใจคุณ ก็ไม่ควรเริ่มออกเดทกับเขาหรือเธอแต่แรกแล้ว
-
ใช้สองมาตรฐานและกำชัยอยู่ฝ่ายเดียว. เวลาแฟนคุณมาสายห้าชั่วโมง มันถือเป็นเองปกติ แต่พอคุณช้าไปแค่ห้านาที เขาหรือกลับเล่นงานคุณยับเลยหรือเปล่า เวลาแฟนคุณหว่านเสน่ห์กับใคร มันถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่พอคุณแค่ยิ้มทักคนรู้จัก แฟนคุณกลับหาว่านอกใจใช่มั้ย ถ้าคุณพยายามประหยัด แฟนคุณก็กล่าวหาว่าขี้งก แต่ถ้าคุณใช้จ่ายออกไป เขาหรือเธอก็จะตำหนิว่าฟุ่มเฟือย สำหรับจอมบงการเหล่านี้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร หรือแค่ยืนหายใจเฉยๆ คุณก็ผิดแล้ว มันเป็นแค่เทคนิคการเล่นเกมครอบงำจิตใจ ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปในความสัมพันธ์ทำนองนี้ คือ ประเภทที่ฝ่ายหนึ่งคอยชักใยบงการชีวิตอีกฝ่ายนั่นเอง คุณไม่มีทางชนะหรอก อย่าไปบ้าเล่นตามคนแบบนี้เลย หนีออกมาซะ!
-
อย่าติดกับดักสำนึกผิด. แฟนประเภทนี้มักทำผิดต่อคุณแล้วก็มาขอโทษภายหลังเสมอ ซึ่งพอคุณติดกับดัก หรือใจอ่อน พอผ่านไปสักพักเหตุการณ์เดิมก็วนเวียนกลับมาให้คุณเอียนได้อีก
- เมื่อถึงจุดที่คุณแสดงจุดยืนว่า จะไม่ยอมทนอีกต่อไปแล้ว เขาหรือเธอก็มักจะหน้าด้านเล่นละคร หรือถึงขนาดบีบน้ำตาได้ เพื่อจะขอโอกาสคุณอีกสักครั้งในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยอาจมาพร้อมกับการให้ของขวัญหรือของกำนัลเพื่อล่อใจคุณ ทั้งนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับคุณเองว่า จะให้โอกาสพวกเขาแก้ตัวหรือไม่ หากเขาหรือเธอทรยศความไว้ใจของคุณอีกครั้ง คุณก็จำเป็นต้องบอกลากันที และหนีหายไปจากชีวิตคนๆ นั้นตลอดกาล
โฆษณา
-
จงซื่อสัตย์ต่อตนเอง แม้ว่าบางครั้งมันอาจเจ็บปวด. เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องตลก ความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้มีแต่เรื่องเศร้า แต่คุณจำเป็นต้องแหวกม่านอารมณ์อันขมขื่นและความกังวลใจ ให้ลึกลงไปถึงแก่นแท้ของเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะเข้าใจมันอย่างทะลุปรุโปร่ง ความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่นี้ มันให้คุณหรือให้โทษกันแน่ คุณลองทำใจให้เป็นกลางและวิเคราะห์ดูว่า ชีวิตคุณได้เปลี่ยนไปในทิศทางใดบ้าง ตั้งแต่คบหาเป็นแฟนกับคนๆ นี้มา
- พูดกันตรงๆ นะ: อาการติดเซ็กส์ ก็เล่นงานจิตสำนึกคุณได้เหมือนกัน ดังนั้น ต่อให้แฟนคุณอาจเร่าร้อนบนเตียงเพียงใด คุณก็ไม่ควรเอามาเป็นเหตุผลในการคบหาต่อไป
-
คิดดูดีๆ ว่า เขาหรือเธอทำให้คุณรู้สึกอย่างไร. จำไว้ว่า คุณคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตตัวเอง ไม่ควรประเมินความรู้สึกของตัวเองอย่างไร้ค่า หรือมองว่ามันไม่จริง หรือเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ ดังนั้น หากคุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนขยะชิ้นนึง ก็แสดงว่าคุณกำลังถูกปฏิบัติเหมือนขยะจริงๆ นั่นแหละ แค่นั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรต่อแล้ว จงก้าวออกมาใช้ชีวิตของตัวเองเถอะ โดยเฉพาะหากคุณมักเกิดความรู้สึกว่า…
- หวาดระแวงอยู่เสมอว่า แฟนคุณจะมาทำอะไรคุณ หรือตอบสนองอย่างไรต่อสิ่งที่คุณทำ
- ชอบเอาอารมณ์ความรู้สึกของแฟน มาเป็นภาระทางใจของตัวเอง
- ต้องคอยตามล้างตามเช็ดหรือขอโทษคนอื่น ในเรื่องไม่ดีที่แฟนทำไว้
- เชื่อว่าทุกอย่างเป็นความผิดของตัวเอง
- พยายามยอมทุกอย่าง เพื่อไม่ให้แฟนโกรธหรือหัวเสีย
- ตนเองไม่เคยทำให้แฟนพอใจหรือมีความสุขได้เลย
- ต้องทำในสิ่งที่แฟนต้องการตลอดเวลา แทนที่จะเป็นสิ่งที่ตนเองต้องการ
- จำใจต้องอยู่กับเขาหรือเธอต่อไป เพราะกลัวสิ่งที่พวกเขาจะลงมือทำ หากคุณบอกเลิก
-
ลองสำรวจสถานะความสัมพันธ์ด้านอื่นของตัวเอง. ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเพื่อนและคนในครอบครัว จะตึงเครียดขึ้นมาทันทีที่เอ่ยชื่อแฟนคุณ หรือในทางกลับกัน แฟนคุณก็จะตึงเครียดทันทีที่ได้ยินคุณเอ่ยถึงครอบครัวและเพื่อนๆ ใช่หรือเปล่า ทั้งนี้ หากทุกคนที่คุณแคร์ เริ่มกังวลในสวัสดิภาพของคุณ และแฟนคุณเริ่มมีท่าทีคอยกันคนเหล่านั้นออกไปล่ะก็ นั่นถือเป็นสัญญาณอันตรายแล้วล่ะ
- เขาหรือเธอส่งเสริมให้คุณกลายเป็นคนที่ดีขึ้นหรือแย่ลง คุณควรจะรักตัวเองตลอดเวลา ด้วยความที่ตัวคุณเองย่อมมีความเลอค่า และน่าทะนุถนอมในแบบของตัวเอง ซึ่งหากคุณไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น อาจเป็นเพราะว่าคุณกำลังถูกครอบงำด้วยพลังด้านมืดบางอย่างจากแฟนคุณนั่นเอง
- ระวังพฤติกรรมของแฟนคุณที่แสดงต่อคนในครอบครัวและเพื่อนของคุณ โดยเฉพาะหากว่าเขาหรือเธอวางตัวเป็นปฏิปักษ์ ชอบโต้เถียง หรือชอบพูดจาให้ร้ายคนเหล่านั้นตลอดเวลา
- เมื่อใดที่คุณเริ่มคิดว่า มันคงง่ายกว่าหากว่าคุณตัดครอบครัวหรือเพื่อนตัวเองออกไป เมื่อนั้นแสดงว่าคุณกำลังปล่อยให้ปีศาจร้ายกำชัยเหนือคุณแล้ว รีบออกมาจากความสัมพันธ์อันให้โทษนี้ซะ
-
เลิกปกป้องแฟนคุณเสียเถอะ— คุณอาจกำลังหลงมัวเมาจนเข้าข้างคนผิด. การหลงรักใครสักคนหัวปักหัวปำนั้น ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การยอมเข้าข้างคนผิดเพราะรักนั้น อาจทำให้คุณเดือดร้อนเสียเอง ดวงตาที่กำลังเคลิบเคลิ้มของคุณ มันอาจพริ้มหรี่ลงมากเสียจน เกินกว่าที่จะมองเห็นสัญญาณอันตรายได้ชัดเจน ต่อให้เพื่อนๆ และคนในครอบครัวพยายามปลุกคุณแรงแค่ไหนก็ตาม คุณอาจต้องหาเวลาเป็นส่วนตัว เพื่อพิจารณาสถานการณ์ให้เห็นจริงว่าอะไรเป็นอะไร ลองหาทางปลีกวิเวกออกมาสักสองสามวัน หรือเท่าที่โอกาสจะอำนวย และถามตัวเองดูว่า:
- คุณรู้สึกว่าตนเองกำลังปกป้อง หรือแม้กระทั่งขอโทษแฟน ในสิ่งที่เขาหรือเธอทำกับคุณหรือเปล่า ปกติแล้ว คนเราไม่จำเป็นต้องออกมาปกป้องความสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น คนที่เป็นแฟนกันควรต้องดีเพียงพอสำหรับกันและกัน ถึงได้มาตกลงเป็นแฟนกันแต่ทีแรก
- คุณกำลังมีอะไรปิดบังคนรอบข้างหรือเปล่า แน่นอนว่า คนเราต้องมีความเป็นส่วนตัวบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณควรขังปีศาจร้ายไว้ในใจคนเดียว ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การมีความลับ แต่อยู่ที่คุณกำลังมีความสัมพันธ์อันน่าย่ำแย่เสียจนไม่อาจบอกใครได้
- คุณมักต้องทำตามความต้องการของแฟน มากกว่าของตัวเองหรือเปล่า คนเราไม่ได้หาแฟนเพราะอยากมีหัวหน้ามาเพิ่มขึ้นอีกคนหรอกนะ คุณควรได้มีโอกาสแสดงความเห็นบ้าง และความเห็นของคุณก็ควรได้รับการเคารพด้วย หากใครไม่ให้ความเคารพในจุดนั้น ก็ลืมๆ เขาหรือเธอไปดีกว่า
- ที่ผ่านมา คุณเริ่มสูญเสียการติดต่อกับคนในครอบครัวหรือเพื่อนๆ บ้างหรือเปล่า ไม่ว่าคุณจะกำลังตกหลุมรักแฟนมากแค่ไหน ก็ไม่ควรเป็นสาเหตุให้ต้องตัดขาดจากเพื่อนเก่าๆ เพียงเพราะรักครั้งใหม่นี้ อาจเป็นไปได้ว่าเขาหรือเธอกำลังพยายามโดดเดี่ยวคุณจากโลกภายนอก เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม โดยเฉพาะหากเขามีพฤติกรรมชอบให้ร้ายเพื่อนและคนในครอบครัวคุณด้วย
-
อย่ามัวเกลียดตัวเองที่หลงไปรักคนผิด แต่จงเลิกกับคนๆ นั้นให้เร็วที่สุด. คุณควรปลอบตัวเองว่า การที่แฟนคุณเป็นคนดีแต่ฉากหน้า นั่นย่อมทำให้คุณมองคนผิดไปได้ ไม่ใช่เรื่องน่าตำหนิตัวเองสักหน่อย พวกจอมบงการมักจะมีบุคลิกดูฉลาดและน่าหลงใหลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการเป็นจอมบงการไงล่ะ ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดือ การตัดเขาหรือเธอออกจากชีวิตโดยเร็วที่สุด คนประเภทนี้เป็นพวกฉาบฉวยและไม่คู่ควรกับเวลาในชีวิตคุณหรอก และมันเป็นความผิดของพวกเขาไม่ใช่ของคุณ การที่เขาหรือเธอพยายามบงการชีวิตคุณก็เพราะเห็นว่าคุณมีชีวิตที่ดีกว่า ดังนั้น รีบชิ่งออกมาซะสิ รออะไร
- คุณต้องตระหนักว่า คนประเภทนี้จะใช้ความรักของคุณที่มีต่อเขาหรือเธอ เป็นอาวุธทิ่มแทง และเป็นกับดักในการเหนี่ยวรั้งคุณไว้เอง คุณไม่ผิดหรอกที่เผลอไปหลงรักพวกเขา แต่เขาหรือเธอนั่นแหละผิด ที่หลอกใช้ความรักของคุณ
โฆษณา
เคล็ดลับ
- อย่าทำตัวร้ายกาจ คุณไม่จำเป็นต้องทำพฤติกรรมเยี่ยงพวกเขาก่อนที่จะทิ้งทวนบอกเลิก แค่พูดไปตรงๆ ว่า คุณเข้ากันไม่ได้และขอจากไปดีกว่า แค่นั้นจบ ไม่ต้องไปชี้ให้เขาเห็นพฤติกรรมต่างของตัวเองที่เราร่ายให้ฟังข้างต้น คนพวกนี้ไม่มีทางตระหนักในพฤติกรรมตัวเองอยู่แล้ว เหมือนการสีซอให้ควายฟัง ควายก็ไม่ชอบ ส่วนคุณเองก็เสียเวลา
- หากจอมบงการทำการขู่อาฆาตคุณ อย่าเห็นเป็นเรื่องเล็ก พยายามหาทางรับมือเอาไว้ อย่าประเมินความบ้าอำนาจของคนประเภทนี้ต่ำไป พวกเขาอาจยอมทำในสิ่งที่คุณคาดไม่ถึง หากคุณต้องการความช่วยเหลือให้โทรหาตำรวจหรือหน่วยงานคุ้มครองสวัสดิภาพต่างๆ
- สารภาพกับเพื่อนๆ และคนในครอบครัว พร้อมกับขอโทษพวกเขาที่ไม่เชื่อฟังคำเตือนของพวกเขาเกี่ยวกับคนๆ นี้ บอกพวกเขาว่าคุณน่าจะรับฟังแต่แรกก็ดี ระบายความโกรธแค้นและเจ็บปวดให้พวกเขาฟัง พวกเขาย่อมจะยินดีรับฟัง และที่สำคัญ จะดีใจมากด้วยที่รู้ว่า คุณตัดขาดคนๆ นั้นไปเสียที
- อย่าบอกปัดความเห็นของเพื่อนและคนในครอบครัว เพราะพวกเขามักเห็นแก่สวัสดิภาพของคุณเป็นหลัก ความเห็นบางคนอาจไม่ควรฟัง แต่ส่วนใหญ่คุณควรรับฟังไว้ พวกเขามักบอกว่าคุณมีพฤติกรรมแปลกไปหรือเปล่า พวกเขาเริ่มเปรยถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวคุณมั้ย แต่ไม่ใช่ในทางบวกนะ มีคนรอบข้างที่คุณรักแสดงท่าทีรังเกียจแฟนคุณให้เห็นหรือเปล่า ฯลฯ
- การจัดวางหมากเพื่อควบคุมชีวิตใครบางคน มักจะซับซ้อนและใช้เวลาสักพัก บทความนี้เพียงแต่ชี้ให้เห็นสัญญาณเตือนบางอย่างในความสัมพันธ์ และด้วยเหตุที่สัญญาณแต่ละอย่างค่อนข้างคลุมเครือ ดังนั้น คุณควรรวบรวมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของสัญญาณแต่ละข้อรวมกัน หากเจอแค่สัญญาณเดียวยังพอโอเค แต่หากมี 4-5 ข้อขึ้นไป คุณควรปรึกษาเพื่อนและคนในครอบครัวได้แล้ว หากพวกเขาช่วยคอนเฟิร์มสัญญาณเหล่านั้นอีก ก็ถึงเวลาที่คุณควรประเมินความสัมพันธ์นี้เสียใหม่ และอย่าให้แฟนจอมบงการของคุณรู้ตัวล่ะ
- หากแฟนคุณมักพูดอย่างทำอย่าง อย่าฟังสิ่งที่เขาหรือเธอพูด แต่จงดูสิ่งที่เขาหรืเธอทำ จงตัดสินจากการกระทำเหล่านั้นและให้น้ำหนักมากกว่าคำพูด ปกติคำขอโทษของคนประเภทนี้ไม่ได้มีความจริงใจ แต่มันแฝงความหมายไว้ว่า “เสียใจด้วยนะ ที่เธอไม่ชอบ แต่ฉันก็จะทำมันอีก”
โฆษณา
คำเตือน
- พวกจอมบงการที่มีอาการชอบความคุมและบ้าอำนาจขั้นรุนแรง มักมีปัจจัยภายนอกเป็นสาเหตุ เช่น เคยถูกผู้ปกครองกระทำทารุณในวัยเด็ก หรืออาจเกิดจากโรคทางประสาทบางอย่าง คุณอย่าไปหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงหรือช่วยโอบอุ้มคนพวกนี้เลย หากคุณอยากเป็นแม่พระจริงๆ สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณควรทำคือ (ก) อย่ายอมเป็นเหยื่อของพวกเขา (ข) แนะให้พวกเขาไปรับการรักษา
- ระวังพฤติกรรมสะกดรอยตาม หรือขู่อาฆาตมาดร้ายต่างๆ ไว้ด้วย รวมถึงการขู่ทำร้ายคุณและคนที่เข้าข้างคุณทุกคน หรือแม้แต่การขู่ฆ่าตัวตายก็ตาม อย่ามัวแต่ประเมินถึงความร้ายแรงของปัญหานี้ด้วยตนเอง แต่ควรแจ้งตำรวจหรือลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน จริงอยู่ที่ว่า คนๆ นี้อาจจะเก่งแต่ขู่ให้รำคาญใจและไม่กล้าลงมือก่อเหตุ แต่อย่าเอาสวัสดิภาพของตัวเองไปเสี่ยงเลย หากจำเป็น ก็ควรขอหมายศาลห้ามเขาหรือเธอเข้าใกล้ โดยคุณสามารถแจ้งตำรวจจับได้ทันทีหากมีการละเมิดคำสั่งดังกล่าว หรือขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานคุ้มครองสวัสดิภาพ ช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องให้คุณด้วย
- ความเมตตากรุณามักจะใช้กับคนประเภทนี้ไม่ได้ มันรังแต่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายเจ็บปวด แถมยังเป็นไปได้มากว่า เขาหรือเธอกลับจะใช้ความเมตตากรุณาของคุณ มาเป็นอาวุธทำร้ายคุณเองอีก การตัดพวกเขาออกจากวงจรชีวิตอาจดูโหดร้าย แต่มันก็ช่วยจบปัญหาและการเผชิญหน้า และบังคับให้พวกเขาตัดใจไปได้โดยปริยาย รวมถึงอาจมีโอกาสได้รับการรักษาอย่างที่ควรจะเป็นด้วย
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา