ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ศิลปะของการให้ผลตอบรับเชิงวิจารณ์ช่วยให้คนเราก้าวหน้าและไม่รู้สึกแย่ คำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์ช่วยพัฒนาพฤติกรรมของผู้คนและช่วยเลี่ยงการกล่าวโทษและการโจมตีส่วนตัว [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง คำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์มีผลดีและมุ่งเน้นไปยังจุดประสงค์ที่ชัดเจนและเป็นไปได้
ขั้นตอน
-
ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างคำวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์กับคำวิจารณ์เชิงทำลาย. คำวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ช่วยพัฒนาพฤติกรรมของผู้คนและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ในขณะที่คำวิจารณ์เชิงทำลายนั้นประณามและบั่นทอนกำลังใจของผู้คน
- คำวิจารณ์เชิงทำลายนั้นลดคุณค่า ทำลายชื่อเสียงและทำร้ายผู้คน
- ในทางกลับกัน คำวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ช่วยพัฒนาพฤติกรรมที่เฉพาะเจาะจงโดยปราศจากการโจมตีส่วนตัว ความเชื่อมั่นในตัวเองของพวกเขายังคงมีเท่าเดิม
-
เจตนาที่ดี. เหตุผลของคุณในการวิจารณ์งานหรือพฤติกรรมของใครสักคนนั้นส่งผลต่อวิธีที่คุณหยิบยื่นผลตอบรับ หากคุณมีเป้าหมายแอบแฝงนอกเหนือจากความต้องการช่วยเหลือบุคคลให้พัฒนามันจะกลายเป็นข้อเสียที่แจ่มแจ้ง คุณควรคิดทบทวนว่าคำวิจารณ์ที่คุณอยากจะสื่อสารนั้นจะเป็นประโยชน์หรือไม่ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เจตนาที่ดีอาจจะไม่ได้มาซึ่งผลตอบรับในเชิงบวกเสมอไป เช่น หากเพื่อนของคุณอ้วนขึ้นมากจากครั้งที่แล้วที่คุณเจอกัน เธอก็อาจจะไม่อยากได้ยินคุณพูดว่าเธอควรลดนั้นหนักเพื่อสุขภาพที่ดีและเธอก็อาจจะรู้สึกเสียใจอีกต่างหาก การวิจารณ์เป็นหนึ่งในขอบเขตที่ซึ่งเจตนานั้นสำคัญน้อยกว่าสิ่งที่คุณพูดและทำ
- คุณต้องคิดให้รอบคอบและถามตัวเองว่ามันจะฟังดูเป็นอย่างไรหากคุณบอกสิ่งที่คุณคิดกับบุคคลนี้แทนที่จะทำการกระตุ้นเขา คำพูดที่คุณใช้เหมาะสมหรือไม่? ความหมายแอบแฝงเป็นอย่างไร? ตัวคุณเป็นอย่างไร? เช่น หากคุณต้องการวิจารณ์เพื่อนเกี่ยวกับน้ำหนักของเธอและคุณเป็นคนผอม ลองคิดว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรหากได้ยินสิ่งเหล่านั้นจากคุณซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยต้องพยายามลดน้ำหนักหรือเจอะเจอกับคำดูถูกเกี่ยวกับน้ำหนัก
-
คำวิจารณ์นั้นเป็นที่ต้องการหรือไม่?. หากมีคนร้องขอความเห็นและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง เมื่อนั้นคำวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์จะเป็นที่ต้องการ ถามตัวเองว่าบุคคลนั้นควรได้รับคำวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์หรือไม่? มันจะส่งผลดีต่อชีวิตของพวกเขาหรือไม่? [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คำวิจารณ์ที่ไม่ได้ร้องขออาจจะทำให้เจ็บปวดได้ หากปัญหานั้นเล็กน้อย เช่น ในสถานการณ์ที่คุณไม่ชอบเสื้อผ้าที่เพื่อนใส่เพราะว่ามันสีชมพูเกินไปและคุณอยากบอกเธอ มันก็อาจจะดีกว่าหากคุณไม่พูดอะไรนอกจากคุณจะเห็นว่าสถานการณ์นี้อาจส่งผลเสียหรือทำร้ายเพื่อนของคุณ คุณต้องใช้คำวิจารณ์เพื่อช่วยเหลือคนอื่นไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือตัวเองหรือแค่ให้คนอื่นได้ฟังความคิดเห็นของคุณ
-
พิจารณาว่าคุณใช่คนที่ควรวิจารณ์หรือไม่. หากคุณอยู่ในสถานะที่สามารถหรือมีคนร้องขอความเห็นของคุณ เมื่อนั้นคุณก็สามารถให้คำวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ได้ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เช่น หากคุณมีธุรกิจและมันได้เวลาสำหรับการตรวจสอบพนักงานตามไตรมาส คุณก็ต้องประเมินการทำงานของพนักงานและพูดคุยเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการพัฒนาหากคุณเห็นสมควร
-
เลือกเวลาและสถานที่. คุณต้องเลือกช่วงเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมในการให้คำวิจารณ์เพียงลำพังเพราะการได้รับคำวิจารณ์ต่อหน้าผู้คนนั้นตึงเครียด เช่น การให้คำวิจารณ์เกี่ยวกับประสิทธิภาพของแต่ละคนต่อหน้าเพื่อนร่วมงานในการประชุมพนักงานนั้นไม่เหมาะสม
- จัดเวลาในการเจอกับบุคคลนั้น นัดเจอกันในที่ซึ่งเป็นส่วนตัวและสงบ เช่น ที่ทำงาน ให้เวลาในการนัดพบสำหรับการพูดคุยโต้ตอบกันเผื่อว่าอีกฝ่ายมีคำถามและต้องการตอบรับคำวิจารณ์ของคุณ คุณไม่ควรเร่งรัดการนัดพบเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้รู้สึกว่ามีคุณค่าและได้รับการเคารพ ไม่ใช่รู้สึกถูกทับถมและเมินเฉย
- สภาพแวดล้อมของสถานที่ที่คุณพบกันควรจะเป็นที่กลางๆ และน่าภิรมย์ หากคุณพูดกับคนที่คุณรักคุณก็ควรออกไปนอกบ้านเพื่อไปเดินเล่นกันหรือขับรถไปในที่ที่คุณสองคนชอบ
- หากคุณพูดกับเพื่อนร่วมงานหรือนักเรียนก็ควรพูดกันในห้องประชุมหรือที่ที่เป็นส่วนตัว
โฆษณา
-
เริ่มในทางที่เป็นบวก. คุณสามารถหาเรื่องที่เป็นบวกมาพูดในการให้คำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์กับใครสักคน แม้มันจะเป็นเพียงความพยายามที่บุคคลนั้นแสดงออกมา เริ่มด้วยคำชมที่จริงใจและซื่อตรง (เช่น “ขอบคุณที่พยายาม...”) เพื่อให้บุคคลนั้นรู้สึกมีค่า จากนั้นจึงเดินหน้าต่อไปกับการให้คำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์ [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เมื่อใดที่คุณขอให้ใครสักคนเปลี่ยนแปลงบางอย่างคุณก็ต้องเริ่มในทางที่เป็นบวก วิธีนี้จะทำให้กระบวนการและผลลัพธ์ออกมาเป็นบวกเช่นกัน [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
อย่าใส่อารมณ์ลงไป. หากคุณกำลังให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวคุณก็อาจจะรู้สึกอ่อนไหว หากคุณดูโกรธหรือเสียใจ ภาษากายและน้ำเสียงของคุณจะทำให้คนอื่นปิดตัวและไม่ยอมรับฟังคำวิจารณ์ของคุณ
- ใจเย็นๆ คุณอาจจะรู้สึกประหม่ากับการให้ผลตอบรับและรบเร้าคำตอบจากผู้อื่น คุณต้องตั้งสติโดยการย้ำจุดประสงค์หลักและรักษาเป้าหมายไว้ในใจ หากอารมณ์รุนแรงปรากฏขึ้นก็ควรหยุดทุกขั้นตอนไว้ก่อนและกลับมาเริ่มใหม่เมื่อคุณสงบลง [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ยิ้มและใช้ภาษากายที่อบอุ่น. ทำให้คนอื่นรู้ว่าคุณเข้าใจ วิธีนี้จะช่วยให้คนๆ นั้นรู้สึกผ่อนคลายและทำให้เขารู้ว่าคุณก็เคยผ่านสิ่งนี้มาเช่นกัน
- รักษาการสื่อสารทางสายตาและไม่มองต่ำมาที่อีกฝ่าย
- เปิดตัวเองโดยการไม่ไขว่ห้างหรือกอดอก การกอดอกอย่างแน่นแสดงออกว่าคุณกำลังปิดตัวหรือโกรธ การทำท่าทางที่เปิดตัวจะนำไปสู่การพูดคุยและการโต้ตอบระหว่างคุณกับผู้ที่รับผลตอบรับ
-
ระวังน้ำเสียง. ทำให้น้ำเสียงเรียบๆ และเป็นมิตร น้ำเสียงของคุณสามารถสื่อสารได้มากและบางครั้งมากกว่าคำพูดที่คุณเลือกอีกต่างหาก [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เลี่ยงการขึ้นเสียงหรือปล่อยให้มีเสียงสูงเข้ามาแทรก ใช้น้ำเสียงกับผู้ที่รับผลตอบรับอย่างที่คุณอยากได้ยินหากอยู่ในสถานการณ์กลับกัน
-
เลี่ยงภาษาเชิงลบ การกล่าวโทษและการโจมตีส่วนตัว. สิ่งนี้จะลดความน่าจะเป็นที่ผู้ฟังจะตอบรับด้วยกิริยาที่ก้าวร้าวและโกรธเคือง [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เลี่ยงภาษาที่รุนแรงและตัดสิน เช่น “เธอผิด” และ “ความคิดของเธอมันโง่เง่า”
- ใช้คำวิจารณ์ที่แทนตัวของคุณเองเพื่อพูดจากประสบการณ์ตรงและแสดงวิธีที่การกระทำของผู้อื่นมีผลกับคุณหรือสถานการณ์ของคุณ เช่น "ฉันรู้สึกว่ารายงานนี้น่าจะดีกว่านี้ ฉันอยากเห็นการพูดถึงความคิดหลักๆ ที่ชัดเจนกว่านี้เพื่อที่เราจะได้เข้าใจมากขึ้นว่าเราควรทำอย่างไรต่อ” [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เลี่ยงการแทนตัวของผู้อื่นซึ่งกล่าวโทษบุคคลที่รับคำวิจารณ์นั้นโดยตรง เช่น แทนที่จะพูดว่า “รายงานของเธอไม่ได้สื่อถึงความคิดหลักๆ เลย” ลองพูว่า “รายงานนี้น่าจะเจาะจงมากกว่านี้ในแง่ของความคิดหลักๆ”
-
เจาะจง. ยิ่งผลตอบรับเจาะจงมากเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็จะยิ่งปรับปรุงได้มากเท่านั้น มุ่งเล็งไปที่ข้อหลักๆ ที่ขัดแย้งกับความเห็นของคุณ ลำพังแค่การบอกอีกฝ่ายว่าคุณไม่ชอบอะไรนั้นไม่เป็นประโยชน์ คุณต้องแบ่งผลตอบรับออกเป็นข้อหลักๆ และให้ตัวอย่างที่เจาะจงเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้รู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Here's an example:
- ลูกจ้างคนหนึ่งเพิ่งจะทำรายงานเกี่ยวกับร้านอาหารแห่งใหม่ๆ ในเมืองของคุณเสร็จ คุณได้อ่านมันและผลตอบรับของคุณคือ “มีความพยายามที่ดีแต่ฉันไม่ชอบมัน ทำใหม่” ไม่ว่าบางคนจะ “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ” บางสิ่งและไม่ลงรายละเอียดเจาะจง มันจะกลายเป็นการยากต่ออีกฝ่ายที่จะเข้าใจว่าต้องแก้ไขอย่างไร แทนการทำเช่นนั้นให้คุณลองระบุขอบเขตของปัญหาในคำวิจารณ์ของคุณและยกตัวอย่างที่เจาะจง เช่น "มีความพยายามที่ดีในการตามหาร้านอาหารแต่คำอธิบายของร้านต่างๆ ควรจะละเอียดกว่านี้ ลองขยายรายงานนี้ด้วยข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของอาหาร เมนูเด่นและที่ตั้งของแต่ละร้าน” [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
กระตุ้นการวิจารณ์ตนเอง. ในบางกรณีมันอาจจะดีกว่าหากคุณปล่อยให้บุคคลนั้นแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนที่จะให้ความคิดเห็นว่าควรทำอย่างไร [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เมื่อคุณกล่าวคำวิจารณ์แล้ว ลองถามบุคคลนั้นว่าเขาควรทำเช่นไร วิธีนี้สามารถทำให้บุคคลนั้นรู้สึกเป็นประโยชน์และมีความสามารถ
-
มุ่งเล็งไปที่พฤติกรรม ไม่ใช่ที่ตัวบุคคล. คิดให้รอบคอบก่อนที่จะวิจารณ์ลักษณะหรือนิสัยส่วนตัวของใครสักคนเพราะมันจะทำให้เขาเสียความรู้สึกแน่นอน [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการให้ผลตอบรับเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ลองแยกตัวบุคคลออกจากสถานการณ์ กล่าวถึงปัญหาและไม่พูดถึงตัวบุคคล (เช่น พูดว่า “รายงานนี้สายแล้ว” ไม่ใช่ “เธอสายแล้ว”) [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ลองใช้ตัวอย่างเหล่านี้:
- ให้ผลตอบรับเกี่ยวกับสไตล์ของบุคคล – แทนที่จะพูดว่า "เสื้อผ้าของเธอน่าเบื่อมากและมันทำให้เธอดูเหมือนคนแก่” สิ่งนี้คือการโจมตีส่วนตัว พยายามวิจารณ์สถานการณ์แต่ไม่ใช่ตัวบุคคล เช่น พูดว่า “เสื้อผ้าที่ฉันเห็นว่าเธอใส่มันเป็นสไตล์แบบเก่าแก่ แม้มันจะไม่ผิดนักแต่เสื้อผ้าเหล่านั้นสามารถทำให้คนสวมใส่ดูมีอายุได้” [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ให้ผลตอบรับเกี่ยวกับนิสัยของบุคคล - แทนที่จะพูดว่า "เธอนี่คิดลบจังและฉันไม่สามารถทนเธอได้” ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ็บปวดและไม่สร้างสรรค์ พยายามเปลี่ยนสิ่งนี้ให้กลายเป็นคำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์โดยการบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าพฤติกรรมของเขามีผลกับคุณอย่างไร เช่น พูดว่า "บางครั้งฉันรู้สึกเจ็บกับความเห็นลบๆ ของเธอ เช่นความเห็นที่เธอมีต่อรอยสักใหม่ของฉัน ฉันเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบรอยสักแต่ความเห็นที่เธอมีต่อรอยสักของฉันนั้นมันทำให้ฉันเจ็บและเสียใจ"
-
ทำผลตอบรับให้เป็นประโยชน์. คุณอยากช่วยให้คนๆ นี้เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นซึ่งแปลว่าคุณต้องพูดสิ่งที่คนๆ นี้สามารถทำได้ แทนที่จะพูดสิ่งที่เขาทำไม่ได้ การวิจารณ์สิ่งที่บุคคลนี้สามารถทำได้จะทำให้คำวิจารณ์ของคุณสร้างสรรค์และจะผลักดันเขา ในขณะที่การวิจารณ์สิ่งที่บุคคลนี้ทำไม่ได้จะยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่เพราะเขาทำอะไรเกี่ยวกับสิ่งนั้นไม่ได้แม้เขาจะอยากทำก็ตาม [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เช่น เพื่อนของคุณเพิ่งเริ่มทำธุรกิจและได้เซ็นต์สัญญาเช่าที่ 12 เดือนในพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่านระดับหนึ่ง จากนั้นเธอถามถึงคำแนะนำของคุณเกี่ยวกับวิธีการกระจายข่าวธุรกิจของเธอและเรียกลูกค้ามากขึ้น การบอกให้เธอ “ย้ายสถานที่ตั้งร้าน” นั้นไม่เป็นประโยชน์เพราะเธอเพิ่งเซ็นต์สัญญาเช่าที่ คำแนะนำที่สร้างสรรค์ควรจะเป็นการที่เธอย้ายสถานที่ของร้านในอีกหนึ่งปีข้างหน้าแต่ในช่วงนี้เธอก็สามารถนำเสนอส่วนลดพิเศษฉลอง “การเปิดร้านใหม่" หรือโปรโมทผ่านสื่อออนไลน์
-
อย่าพูดเยอะในครั้งเดียว. คุณคงไม่อยากทำให้คนๆ นั้นตกใจกับข้อมูลที่ล้นหลาม แม้คำวิจารณ์ของคุณจะเต็มไปด้วยสาระดีๆ แต่มันอาจจะฟังดูเหมือนลิสต์ของปัญหาที่คุณอยากให้เขาบอกและน้ำเสียงของบทสนทนานี้จะกลายเป็นเชิงลบในที่สุด [18] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- จำกัดคำวิจารณ์ให้เป็นการบอกสิ่งที่สามารถทำได้สองสามอย่าง คนเราสามารถรับเอาและประมูลข้อมูลได้มากในเวลาเดียวกัน หากคุณมีสิ่งอื่นที่อยากบอกก็บอกในบทสนทนาที่ต่างออกไป [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
รู้ว่าควรหยุดวิจารณ์เมื่อไหร่. หลังจากที่คุณให้คำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์เกี่ยวกับหัวข้อใดๆ ไปแล้วครั้งสองครั้งก็น่าจะเพียงพอ การพูดปัญหาเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาจะไม่ช่วยอะไรและจะสามารถนำไปสู่ความรู้สึกด้านลบในส่วนของบุคคลที่คุณกำลังวิจารณ์อยู่ เลิกให้คำแนะนำที่คนๆ นั้นได้ยินมาหลายครั้งและอย่าพูดอะไรเพิ่งจนกว่าเขาจะขอความเห็นจากคุณ
-
ติดตามผล. ติดตามผลของคนๆ นั้นหลังจากที่คุณให้คำปรึกษาและประเมินความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น บทสนทนาย่อยๆ เกี่ยวกับปัญหาที่คุณได้ให้คำวิจารณ์ไว้ควรจะมุ่งเน้นไปที่พัฒนาการที่บุคคลนั้นได้ทำ ถกเถียงเรื่องขั้นตอนหลักๆ ที่บุคคลนั้นได้ทำเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายที่คุณตั้งไว้และชมเชยพัฒนาการของเขา การรับเอาและชมเชยความสำเร็จของบุคคลจะผลักดันให้เขาสานต่องานที่ดีและทำให้เขารู้สึกมีค่าและเป็นที่เคารพ
- คุณต้องชมเชยแบบเจาะจง เช่น อย่าพูดว่า “ฉันชอบวิธีที่เธอทำรายงานคราวนี้มาก” ให้พูดว่า “ขอบคุณที่ตั้งใจทำรายงานของสัปดาห์นี้ เธอทำได้ดีเรื่องพิมพ์ไม่ตกในส่วนของคำแนะนำ เพราะถ้าเธอพิมพ์ตกไปบริษัทของเราจะดูแย่ในการประชุมสัปดาห์นี้” [20] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
เริ่มด้วยจุดแข็ง. บอกบุคคลนี้ถึงสิ่งที่คุณชอบในคำถาม เช่น หากพนักงานของคุณสร้างบันทึกเสร็จก็ให้บอกเขาถึงข้อดีเกี่ยวกับบันทึกนี้ สิ่งนี้สำคัญเพราะคุณกำลังบอกให้บุคคลนี้รู้ว่าคุณอยู่ข้างเขาและนี่ไม่ใช่การโจมตี
- การเริ่มด้วยข้อดียังทำให้รับรู้ถึงสิ่งที่บุคคลนี้กำลังทำได้ถูกต้องและตอกย้ำความเชื่อมั่นเชิงบวกได้ดีกว่าการพูดถึงแต่สิ่งที่ต้องการการปรับปรุงเพียงอย่างเดียว การเพ่งเล็งไปที่จุดบกพร่องอาจจะสื่อถึงการเป็นคนที่ไม่เข้าใจผู้อื่นและหยาบคายและทำให้อีกฝ่ายไม่อยากรับฟังคำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์ของคุณอีกด้วย [21] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ให้คำวิจารณ์. บอกให้พวกเขารู้ถึงสิ่งที่ใช้ไม่ได้เกี่ยวกับข้อคำถามและระบุขอบเขตสำคัญที่ต้องการการปรับปรุง [22] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ย้อนกลับไปที่ข้อดี. ย้ำความเห็นที่เป็นบวกที่คุณพูดแล้วอีกครั้งและอ้างอิงผลลัพธ์ที่เป็นบวกที่อาจได้รับหากคำวิจารณ์ถูกพิจารณาและแก้ไข การจบบทสนทนาด้วยวิธีนี้ช่วยให้บุคคลนั้นรู้สึกไม่แย่อย่างที่มันอาจจะเป็น อีกทั้งยังเตือนให้คนๆ นั้นรู้ว่ากำลังทำสิ่งใดถูกต้องและประโยชน์ของการวิจารณ์อย่างมีประสิทธิภาพ [23] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- วิธีนี้เรียกว่าวิธีแบบแซนด์วิชเพราะมันหนีบคำวิจารณ์เอาไว้ตรงกลางระหว่างบทเปิดและบทปิดที่เป็นบวก เช่นเดียวกับเนื้อระหว่างขนมปังสองแผ่น
- นี่คือตัวอย่างของการให้ผลตอบรับแบบแซนด์วิช “เธอทำส่วนแรกของรายงานนี้ได้ดีมากแต่ส่วนกลางต้องปรับปรุงเพราะมันมีคำที่พิมพ์ผิดอยู่ ถ้าแก้ไขอีกนิดฉันว่าเธอจะทำให้มันกลายเป็นรายงานชิ้นยอดเลย!" [24] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ปฏิบัติกับผู้อื่นอย่างที่คุณอยากถูกปฏิบัติ อย่าพูดสิ่งที่อาจจะทำให้คนอื่นเสียใจหรือทำให้คุณรู้สึกแย่หากมีคนพูดกับคุณแบบเดียวกัน
- หนังสือคลาสสิกที่อาจจะเป็นประโยชน์กับคุณคือ “'How to Make Friends and Influence People โดย Dale Carnegie บทที่สี่ของหนังสือพูดเกี่ยวกับวิธีรับมือกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้อื่นโดยไม่ทำให้พวกเขาโกรธหรือเคืองใจ
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.boundless.com/communications/textbooks/boundless-communications-textbook/learning-to-listen-and-helping-others-do-the-same-5/giving-and-receiving-criticism-34/giving-effective-criticism-be-positive-specific-objective-and-constructive-151-10645/
- ↑ https://www.boundless.com/communications/textbooks/boundless-communications-textbook/learning-to-listen-and-helping-others-do-the-same-5/giving-and-receiving-criticism-34/giving-effective-criticism-be-positive-specific-objective-and-constructive-151-10645/
- ↑ http://www.pickthebrain.com/blog/3-advantages-of-constructive-criticism/
- ↑ http://personalexcellence.co/blog/constructive-criticism/
- ↑ http://dwd.wisconsin.gov/apprenticeship/pdf/tbt01_constructivecriticism.pdf
- ↑ http://blog.dalecarnegie.com/leadership/4-ways-give-constructive-criticism-positive-way/
- ↑ http://dwd.wisconsin.gov/apprenticeship/pdf/tbt01_constructivecriticism.pdf
- ↑ http://www.bankersonline.com/operations/bg_criticism.html
- ↑ https://www.boundless.com/communications/textbooks/boundless-communications-textbook/learning-to-listen-and-helping-others-do-the-same-5/giving-and-receiving-criticism-34/giving-effective-criticism-be-positive-specific-objective-and-constructive-151-10645/
- ↑ http://www.inc.com/kevin-daum/how-to-give-and-recieve-positive-criticism.html
- ↑ https://www.boundless.com/communications/textbooks/boundless-communications-textbook/learning-to-listen-and-helping-others-do-the-same-5/giving-and-receiving-criticism-34/giving-effective-criticism-be-positive-specific-objective-and-constructive-151-10645/
- ↑ http://business.time.com/2013/05/27/how-to-give-and-receive-positive-criticism/
- ↑ http://www.inc.com/kevin-daum/how-to-give-and-recieve-positive-criticism.html
- ↑ http://oregonstate.edu/instruct/comm440-540/criticism.htm
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/think-well/201110/the-art-constructive-criticism
- ↑ http://personalexcellence.co/blog/constructive-criticism/
- ↑ http://personalexcellence.co/blog/constructive-criticism/
- ↑ http://oregonstate.edu/instruct/comm440-540/criticism.htm
- ↑ http://oregonstate.edu/instruct/comm440-540/criticism.htm
- ↑ http://blog.dalecarnegie.com/leadership/4-ways-give-constructive-criticism-positive-way/
- ↑ http://personalexcellence.co/blog/constructive-criticism/
- ↑ http://personalexcellence.co/blog/constructive-criticism/
- ↑ http://personalexcellence.co/blog/constructive-criticism/
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/think-well/201110/the-art-constructive-criticism
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 26,111 ครั้ง
โฆษณา