ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ผู้คนใช้ภาพในการนำเสนอ จัดระเบียบ และทำความเข้าใจข้อมูลมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในคริสต์ทศวรรษ 1970 โทนี บูซาน นักวิจัยและนักการศึกษาได้พัฒนาแผนที่ความคิดขึ้นมาอย่างเป็นทางการ แผนที่ความคิดมีรูปร่างคล้ายใยแมงมุมหรือต้นไม้ซึ่งแตกแขนงออกไปเพื่อแสดงความสัมพันธ์ แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และช่วยจดจำว่าได้เรียนรู้อะไรไปบ้าง แผนที่ความคิดช่วยให้เราทำและเข้าใจเรื่องต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น จึงสามารถเข้าใจและจัดระเบียบเรื่องต่างๆ ในชีวิตได้เป็นอย่างดี บทความนี้จะบอกวิธีการออกแบบแผนที่ความคิด เขียนออกมา และพิจารณาข้อดีกับข้อเสียของโปรแกรมสร้างแผนที่ความคิดที่วางขายอยู่ตามท้องตลาด
ขั้นตอน
-
นึกภาพเครื่องบินอยู่บนท้องฟ้า. เมื่อนึกภาพหรือเห็นเครื่องบินอยู่บนท้องฟ้า ให้สนใจแต่เครื่องบินในตอนนั้น และปล่อยให้สมองคิด ให้เริ่มนำเครื่องบินมาเป็นหลักอ้างอิงหรือหลักในการเชื่อมโยง อาจอ้างอิงหรือเชื่อมโยงกับสีของท้องฟ้า เครื่องบินแบบต่างๆ วิธีการบิน นักบิน ผู้โดยสาร และอื่นๆ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เพราะกำลังนึกภาพ ไม่ใช้นึกคำพูด เราจึงมักจะนึกถึงอะไรที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินไปด้วย
- เมื่อนึกภาพ เราจะเริ่มสร้างแผนที่ความคิดในใจทันที สร้างความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่เกี่ยวข้องหรือความคิด คล้ายกับการสร้างเว็บไซต์ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
นึกภาพแมงมุมหรือต้นไม้ที่เต็มไปด้วยกิ่งก้าน. ให้นำภาพเครื่องบินมาสร้างเป็นแผนที่ความคิดและเขียนคำว่า “เครื่องบิน” ไว้ตรงกลาง (ลำตัวแมงมุมหรือลำต้นของต้นไม้) กระดาษเปล่าซึ่งวางไว้ในแนวนอน จากนั้นลากเส้นสีต่างๆ จากเครื่องบิน (กิ่งไม้หรือขาแมงมุม) เขียนสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับเครื่องบินที่ปลายเส้นเหล่านี้ อย่างเช่น นักบินและสนามบิน ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับนักบินและสนามบิน ให้ลากเส้นออกมาจากคำเหล่านี้
- เมื่อนึกถึงอะไรที่เกี่ยวข้องกับนักบิน ก็อาจนึกถึงเงินเดือนหรือการฝึก แผนที่ความคิดก็จะแตกแขนงออกไปมากขึ้น [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แผนที่ความคิดสะท้อนให้เห็นว่าสมองของเราที่จริงแล้วประมวลผลและนึกข้อมูลออกอย่างไร สมองจะประมวลผลและนึกข้อมูลโดยการเชื่อมโยงและการมองเห็น ไม่ใช่ทำงานเป็นเส้นตรงอย่างที่เคยคิดกัน
- ตัวอย่างเช่น แผนที่ความคิดได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีจดโน้ตที่ได้ผลดีมาก แทนที่จะจดคำพูดของคุณครูลงไปทุกคำ (คิดแบบเส้นตรง) ให้เขียนชื่อหัวข้อตรงกลางกระดาษ ส่วนหัวข้อย่อยให้เขียนไว้ที่ปลายเส้นที่เชื่อมจากหัวข้อใหญ่ ถ้ามีการกล่าวถึงหัวข้อย่อย ตัวอย่าง วันเดือนปี และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็ให้วาดแผนที่ความคิดตามที่ได้ยินลงไป
- เวลาจะเขียนเรียงความ บทความวิจัย ทบทวนเนื้อหาเพื่อเตรียมตัวสอบ ให้สร้างแผนที่ความคิดแทนการเขียนเค้าโครงตามปกติ
-
คิดในแบบที่สมองคิด. บูซานเรียกว่าการคิดรอบทิศทาง เมื่อสมองเชื่อมโยงกับอะไรสักอย่าง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นความคิด เสียง ภาพ ความรู้สึกอะไรก็ตาม “สิ่งนั้น” จะยืนอยู่ใจกลางความคิดของเรา มีความคิด ภาพ ความรู้สึกต่างๆ หลายอย่างนับไม่ถ้วนเชื่อมโยงออกมาจากใจกลางนั้น [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แผนที่ความคิดช่วยเราเชื่อมโยงชิ้นส่วนข้อมูลและแนวคิดต่างๆ เข้าด้วยกัน ยิ่งสมองเชื่อมโยงข้อมูลได้มากเท่าไร ก็ยิ่งจดจำข้อมูลได้มากขึ้นเท่านั้น
-
สร้าง เก็บ ซึมซับ และสื่อสารข้อมูล. การนำข้อมูลมาเชื่อมโยงกันจะทำให้สามารถสร้าง เก็บ ซึมซับ และสื่อสารข้อมูลได้ดีและเร็ว ขณะกำลังวาดแผนที่ความคิด ก็จะมีการทำแบบนี้อยู่แล้ว เราจะใช้คำ รูปภาพ เส้น สี สัญลักษณ์ ตัวเลข และอื่นๆ ระบุและเชื่อมโยงความคิด ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าข้อเขียนและภาพจะช่วยให้เราจำได้ดีขึ้น เพิ่มความคิดสร้างสรรค์และการประมวลผลความคิด สีช่วยในการจดจำได้มากทีเดียว [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เมื่อใช้สิ่งเหล่านี้ เราจะสามารถสร้างแผนที่ความคิดขึ้นมาได้
- แผนที่ความคิดเป็นเครื่องมือในการ สร้าง สิ่งต่างๆ และคิดวิธีการแก้ปัญหา การใช้แผนที่ความคิดเพื่อจุดประสงค์สองอย่างนี้ต้องมีการระดมความคิด ฉะนั้นเราจึงสามารถนำแผนที่ความคิดมาใช้กับเรื่องต่างๆ เช่น การแต่งงาน การทำอาหารเมนูใหม่ๆ การรณรงค์โฆษณา การเสนอขอขึ้นเงินเดือนกับหัวหน้า และอื่นๆ เขียนออกมาสิว่าเรารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นบ้าง แผนที่ความคิดยังนำมาใช้แก้ปัญหาต่างๆ เช่น การบริหารเงิน การวินิจฉัยสุขภาพ ความขัดแย้งระหว่างบุคคล เป็นต้น เราสามารถเขียนแผนที่ความคิดเพื่อหาหนทางแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้
- แผนที่ความคิดใช้ในการ เก็บ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหนึ่งโดยตรง จึงสามารถบีบอัดข้อมูลปริมาณมากให้เล็กลงได้ ตัวอย่างเช่น แผนที่ความคิดช่วยให้รู้ว่าต้องจดบันทึกอะไรบ้าง ต้องบันทึกอะไรบ้างในการประชุม ต้องเขียนอะไรบ้างในอัตชีวประวัติของตนเอง ต้องมีข้อมูลอะไรบ้างในเรซูเม่ เป็นต้น
- แผนที่ความคิดช่วยเราให้ ซึมซับ ข้อมูลและนำไปใช้ ฉะนั้นจึงช่วยให้สามารถจดจำข้อมูลอย่างเช่น เนื้อหาในหนังสือ การอภิปรายกับผู้อื่น ตารางเวลา และอื่นๆ ได้ดีขึ้น ยังใช้แผนที่ความคิดในการวิเคราะห์เรื่องยากๆ อย่างเช่น การเล่นหุ้น การสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการทำงานของเครื่องยนต์กลไกได้ด้วย แผนที่ความคิดยังนำมาใช้ในการวางแผนและดำเนินการเรื่องอย่างเช่น การพักร้อน การบริหารเวลา การทำงานโครงการสำคัญ เป็นต้น
- แผนที่ความคิดเป็นเครื่องมือใน การสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง สามารถสร้างแผนที่ความคิดเพื่อนำมาใช้ในการนำเสนองาน โครงงานกลุ่ม การสนทนากันอย่างเปิดเผย สรุปเนื้อหาของงานเขียน เป็นต้น
-
ทำแผนที่ความคิดด้วยมือตนเองหรือด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์. ผู้คนทำแผนที่ความคิดมาหลายสิบปีแล้ว แต่เมื่อมีโปรแกรมสร้างแผนที่ความคิด ผู้คนก็สร้างแผนที่ความคิดของตนเองโดยใช้คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในโลกของธุรกิจแล้วมีการนำซอฟต์แวร์มาใช้ทำทุกอย่างเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่บันทึกรายงานการประชุมไปจนถึงการบริหารโครงการให้เสร็จสิ้น จะเลือกทำแผนที่ความคิดด้วยตนเองหรือใช้คอมพิวเตอร์นั้นแล้วแต่บุคคลและสภาพแวดล้อม
- อย่างไรก็ตามขอแนะนำให้เขียนแผนที่ความคิดในแบบของตนเอง ฉะนั้นเขียนออกมาอย่างไรก็ได้
- อย่าเข้มงวดเรื่องรูปแบบแผนที่ความคิดมากเกินไป ถ้าเข้มงวดกับรูปแบบแผนที่ความคิดมากเกินไป เราจะไม่ได้ใช้สมองซีกซ้ายและซีกขวาอย่างเต็มที่
- แผนที่ความคิดต้องพึ่งการใช้สมองทั้งสองซีกเพื่อสร้างเครือข่ายที่เชื่อมโยงกัน สมองซีกขวาใช้สำหรับนึกภาพ สี มิติ จินตนาการ และการคิดแบบ “มองภาพรวม” สมองซีกซ้ายไว้สำหรับคิดคำ ตรรกะ วิเคราะห์ ตัวเลข และการคิดไปตามลำดับ [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
แสดงให้เห็นโครงสร้างของหัวข้อ. แผนที่ความคิดควรแสดงให้เห็นโครงร่างหรือโครงสร้างของหัวข้อนั้น สามารถแสดงโครงร่างหรือโครงสร้างนี้ด้วยการทำให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างกันของความคิดต่างๆ อย่างชัดเจนและเห็นว่าความคิดเหล่านั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร เราจะกลับมาดูแผนที่ความคิดนี้และจดจำข้อมูลภายหลัง แต่ก่อนอื่นเราต้องเขียนความคิดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหัวลงไปและเชื่อมโยงความคิดก่อน
- ลองนึกถึงภาษิตที่บอกว่า “ภาพหนึ่งแทนคำพูดได้หนึ่งพันคำ” ดูสิ แล้วเราจะเข้าใจว่าแผนที่ความคิดควรหน้าตาเป็นอย่างไร แผนที่ความคิดต้องแสดงให้เห็นทั้งภาพรวมและรายละเอียด
-
ระดมสมองคิดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ. เราสามารถระดมสมองก่อนที่จะเริ่มวาดแผนที่ความคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้บันทึกข้อมูลเอาไว้อย่างเช่น มีโน้ตจากการฟังบรรยายหรือประชุม จะระดมสมองคิดให้เสร็จไปทีละหัวข้อหรือคิดทุกหัวข้อพร้อมกันเลยก็ได้ เมื่อระดมสมอง เราต้องเขียนทุกอย่างที่นึกออกเกี่ยวกับหัวข้อนั้นลงไป เขียนเป็นคำสำคัญหรือวลีดีกว่าเขียนเป็นประโยคหรือย่อหน้า
- อย่าเพิ่งจัดระเบียบข้อมูล เขียนอะไรที่นึกออกลงกระกระดาษก่อน [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เมื่อกำลังระดมความคิด ถามตนเองว่าความคิดเหล่านี้เกี่ยวข้องกับหัวข้ออย่างไรและแตกต่างกันตรงไหน
-
วาดแผนที่ความคิดก่อน. คนส่วนใหญ่ชอบวาดแผนที่ความคิดออกมาก่อน ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ต้องเขียนหัวข้อไว้ตรงกลางกระดาษ วางกระดาษในแนวนอนและเขียนชื่อหัวข้อลงไปที่กลางกระดาษ 1–2 คำ วงกลมชื่อหัวข้อไว้ [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง พยายามเขียนตัวอักษรให้มีขนาดเท่ากันเพื่อให้ดูเรียบร้อยและอ่านง่าย อาจใส่สีให้กับคำและวงกลมก็ได้
- พยายามใช้สีในแผนที่ความคิดอย่างน้อยสามสี เพราะสีจะช่วยแยกแยะความคิดและทำให้จำข้อมูลได้ง่ายขึ้น
- อย่าใช้กระดาษที่มีเส้น เพราะอาจทำให้เราเผลอคิดเป็นเส้นตรง
-
ลากเส้นและใส่ชื่อหัวข้อย่อย. ลากเส้นของหัวข้อย่อยแต่ละเส้นออกมาจากวงกลมหัวข้อใหญ่และใส่ชื่อเป็นวลีสั้นๆ หรือภาพไว้ที่ปลายเส้นนั้น อย่าใช้อักษรย่อ จากตัวอย่างก็จะได้หัวข้อย่อยว่าสนามบินและนักบิน เส้นทุกเส้นหรือกิ่งก้านสาขาในแผนที่ความคิดควรเชื่อมโยงกันและเส้นแรกๆ ควรหนาที่สุด
- แต่ละคำหรือแต่ละภาพที่ใช้ในแผนที่ความคิดต้องมีเส้นเป็นของตนเอง
- ใช้ภาพ รูปถ่าย และภาพวาดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ตัวอย่างเช่น วาดสัญลักษณ์หยุดข้างหัวข้อย่อยที่เป็นด้านลบ (สนามบิน) หรือวาดเครื่องหมายบวกสีเหลืองให้กับหัวข้อย่อยที่เป็นด้านบวก (นักบิน)
- ใช้ลูกศร สัญลักษณ์ การเว้นวรรค และอื่นๆ มาเชื่อมโยงภาพต่างๆ และทำให้เกิด “เครือข่ายภาพ” ซึ่งบูซานกล่าวว่าเป็นส่วนสำคัญของแผนที่ความคิด [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เพิ่มเส้นหัวข้อย่อย. เส้นที่ออกมาจากหัวข้อย่อยควรจะบางกว่าเส้นที่เชื่อมโยงระหว่างหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อย คิดสิว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับหัวข้อย่อยนั้นบ้าง มีประเด็นหรือข้อเท็จจริงอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อย่อย ในตัวอย่างของเรามีอะไรเกี่ยวข้องกับสนามบินบ้าง ความล่าช้าหรือเปล่า ความปลอดภัยไหม อาหารแพงหรือเปล่า
- จากนั้นลากเส้นจากหัวข้อสนามบินไปที่แต่ละหัวข้อเหล่านี้ เราจะให้ชื่อหัวข้อเหล่านี้เช่น ความปลอดภัย
- ใส่สีและรูปภาพลงไปด้วย [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
แตกแขนงความคิดต่อไปเรื่อยๆ. แตกแขนงความคิดต่อไปเรื่อยๆ เพื่อทำให้แผนที่ความคิดสมบูรณ์ เส้นจะเริ่มบางลงเรื่อยๆ เพราะหัวข้อย่อยเริ่มมีรายละเอียดอย่างข้อเท็จจริงหรือวันเดือนปีมาสนับสนุนมากขึ้น อาจแตกแขนงเพิ่มไปอีกจากหัวข้อเดิม หรืออาจแม้แต่เพิ่มหัวข้อย่อย เมื่อค้นพบอะไรใหม่ๆ
- อาจเรียงลำดับหัวข้อย่อยด้วยก็ได้
- ฉะนั้น ถ้า “ความล่าช้า” “ความปลอดภัย” และ “อาหารแพง” เป็นหัวข้อแยกย่อยไปอีก ก็จะลากเส้นหรือแตกแขนงไปที่หัวข้อแยกย่อยเหล่านี้อย่างละเส้น จากนั้นนำหัวข้อแยกย่อยที่เห็นว่าสำคัญที่สุดมาไว้ที่เส้นบนสุด
-
เพิ่มเติมหรือปรับแก้จนเสร็จสิ้น. เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ปรับเปลี่ยนเมื่อพบความเชื่อมโยงใหม่ๆ ปรับแก้จนพอใจ การตรวจแก้จะทำให้เห็นความสอดคล้องและข้อผิดพลาดในแผนที่ความคิด เราจะได้แผนที่ความคิดที่เรียบร้อย ไม่ยุ่งเหยิงนัก ถ้าแผนที่ความคิดยุ่งเหยิงเกินไป จะทำให้เห็นภาพรวมหรือรายละเอียดไม่ชัดเจน
- อีกทางหนึ่งคือถามตนเองว่าได้เรียนรู้อะไรบ้าง เราได้ค้นพบอะไร
โฆษณา
-
พิจารณาข้อดี. ซอฟต์แวร์และแอปสร้างแผนที่ความคิดได้รับการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก บางโปรแกรมหรือบางแอปนั้นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แถมยังมีศักยภาพสูงมาก ทำให้สามารถเข้าใช้งานพร้อมกันกับผู้อื่น ระดมสมอง พูดคุย ปรับแก้แผนที่ความคิด นำเสนอบนไวท์บอร์ด วาดเขียนอย่างอิสระช่วงประชุมหรือนำเสนองาน ใช้ส่วนตัวบนโทรศัพท์มือ บริหารโครงการที่มีความซับซ้อนตั้งแต่ต้น และจัดกำหนดการต่างๆ ได้ [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง [18] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- โปรแกรมและแอปมีตั้งแต่ใช้ง่ายไปจนถึงต้องได้รับการฝึกเพื่อให้รู้ถึงศักยภาพของโปรแกรม
- มีโปรแกรมระดับท็อปสองโปรแกรมที่ให้ใช้ฟรี โปรแกรมอื่นๆ จะราคาตั้งแต่ประมาณ 156 บาทต่อเดือนขึ้นไปโดยขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของโปรแกรม
- โปรแกรมเหล่านี้ใช้ปรับแก้แผนความคิดได้ง่ายและดูเป็นระเบียบ สามารถอัพโหลดภาพของตนเองได้
- ส่วนใหญ่สามารถดาวน์โหลดเป็นไฟล์ PDF หรือดาวน์โหลดในรูปแบบอื่นได้
-
พิจารณาข้อเสีย. โปรแกรมมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป บางครั้งก็อาจทำให้ไม่สามารถสร้างแผนที่ความคิดได้อย่างอิสระ [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ตัวอย่างเช่น โปรแกรมหนึ่งอาจให้เราใส่ลูกศรจากหัวข้อแยกย่อยหนึ่งไปอีกหัวข้อแยกย่อยหนึ่งได้ แต่อีกโปรแกรมหนึ่งไม่มีให้ ความสามารถที่จะสร้างการเชื่อมโยงที่มองเห็นได้ชัดเจนนั้นสำคัญมากในการสร้างแผนผังความคิด
- โปรแกรมส่วนใหญ่จะให้ใช้เมาส์ในการวาดแผนที่ความคิด
- โปรแกรมต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และมีราคาแพง การวาดแผนที่ความคิดด้วยมือตนเองจะเพิ่มการรับรู้และทำให้ความจำดีขึ้น
-
ลองใช้ซอฟต์แวร์แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายและอ่านคำวิจารณ์จากผู้ใช้. ทดสอบด้วยการทดลองใช้ซอฟต์แวร์แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายสร้างแผนที่ความคิด จะช่วยให้รู้จักศักยภาพของโปรแกรม การทดลองใช้จะช่วยให้รู้ว่าโปรแกรมนี้มีประโยชน์พอที่จะใช้จริงเพื่อให้ได้ฟังก์ชันต่างๆ เพิ่มขึ้นหรือเปล่า อ่านคำวิจารณ์ทางอินเตอร์เน็ตเพื่อให้รู้ว่าผู้คนชอบใช้โปรแกรมไหนและพบปัญหาอะไรบ้าง โปรแกรมหรือแอปบางตัวเหมาะกับใช้ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่เหมาะใช้ในการติดตามความก้าวหน้าของโครงการโฆษณา
เคล็ดลับ
- อย่าเพิ่งใคร่ครวญถึงความคิดต่างๆ ที่เขียนลงไป ให้เขียนไปเรื่อยๆ ก่อน ถ้าเห็นว่าหัวข้อย่อยไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อใหญ่ ก็เริ่มลากเส้นจากหัวข้อใหญ่และใส่หัวข้อย่อยใหม่อีกครั้ง
- อย่ากลัวที่จะแสดงความเป็นศิลปินออกมา ถ้าหัวข้อนั้นเกี่ยวกับดนตรี ก็ให้แตกหัวข้อย่อยเป็นเครื่องดนตรีแต่ละอย่าง
- บันทึกสิ่งที่คิดด้วยการอัดเสียงพูดของตนเองไว้
- ให้กิ่งก้านของความคิดหนึ่งมีสีหนึ่งและกิ่งก้านความคิดอีกกิ่งหนึ่งมีสีหนึ่ง
- ถามคำถามในใจอย่างเช่น “ทำไมฉันถึงไม่เข้าใจเรื่องนี้” เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรติดขัด สมองจะหาคำตอบให้ ให้ถามคำถามที่หวังว่าจะได้คำตอบอย่างเช่น “เกิดอะไรขึ้นตอนนี้” [20] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- บางครั้งต้องถอยกลับไปคิดใคร่ครวญแล้วกลับมาสร้างแผนภาพความคิดใหม่ในภายหลัง!
- ร่างแผนที่ความคิดขึ้นมาก่อนและใส่ความคิดทุกอย่างลงในร่างนั้น จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าความคิดไหนจะนำมาใส่ในแผนที่ความคิดฉบับจริง
- จะสร้างแผนที่ความคิดให้ออกมาเรียบง่ายก็ได้ ไม่ต้องสนใจเรื่องสี ไม่ต้องสนใจเรื่องภาพ เขียนคำสักคำและวงกลมรอบคำนั้น ลากเส้นจากวงกลมนั้นและใส่คำอื่นที่นึกออกลงไป การใช้เวลาวาดภาพ ลงสี กำหนดความหนาบางของเส้น และความเข้มอ่อนมากเกินไปอาจทำให้ไม่สามารถเขียนแผนภาพความคิดอย่างต่อเนื่องได้
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://smallbusiness.yahoo.com/advisor/mind-mapping-project-manager-153018016.html
- ↑ http://www.managementconsultingnews.com/interview-tony-buzan/
- ↑ https://smallbusiness.yahoo.com/advisor/mind-mapping-project-manager-153018016.html
- ↑ https://smallbusiness.yahoo.com/advisor/mind-mapping-project-manager-153018016.html
- ↑ http://www.wsj.com/articles/SB10001424052748704631504575531932754922518
- ↑ http://jlr.sagepub.com/content/22/1/19.full.pdfM
- ↑ https://books.google.com/books?id=ENk0AgAAQBAJ&pg=PT85&dq=google+books+how+to+remember+anything+the+story+of+a+mind+map&hl=en&sa=X&ei=9zQYVbHDJ4rdggSAsYP4BQ&ved=0CDwQ6AEwAg#v=onepage&q=google%20books%20how%20to%20remember%20anything%20the%20story%20of%20a%20mind%20map&f=false
- ↑ http://www.managementconsultingnews.com/interview-tony-buzan/
- ↑ https://books.google.com/books?id=ENk0AgAAQBAJ&pg=PT85&dq=google+books+how+to+remember+anything+the+story+of+a+mind+map&hl=en&sa=X&ei=9zQYVbHDJ4rdggSAsYP4BQ&ved=0CDwQ6AEwAg#v=onepage&q=google%20books%20how%20to%20remember%20anything%20the%20story%20of%20a%20mind%20map&f=false
- ↑ http://www.managementconsultingnews.com/interview-tony-buzan/
- ↑ https://smallbusiness.yahoo.com/advisor/mind-mapping-project-manager-153018016.html
- ↑ http://www.mindtools.com/pages/article/newISS_01.htm
- ↑ http://www.managementconsultingnews.com/interview-tony-buzan/
- ↑ http://www.managementconsultingnews.com/interview-tony-buzan/
- ↑ : http://www.businessinsider.com/using-mind-maps-for-productivity-2014-5#ixzz3VhmAoIxt
- ↑ https://smallbusiness.yahoo.com/advisor/mind-mapping-project-manager-153018016.html
- ↑ http://www.digitaltrends.com/computing/best-mind-mapping-tools/
- ↑ http://lifehacker.com/five-best-mind-mapping-tools-476534555
- ↑ https://smallbusiness.yahoo.com/advisor/mind-mapping-project-manager-153018016.html
- ↑ https://books.google.com/books?id=ENk0AgAAQBAJ&pg=PT85&dq=google+books+how+to+remember+anything+the+story+of+a+mind+map&hl=en&sa=X&ei=9zQYVbHDJ4rdggSAsYP4BQ&ved=0CDwQ6AEwAg#v=onepage&q=google%20books%20how%20to%20remember%20anything%20the%20story%20of%20a%20mind%20map&f=false
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,205 ครั้ง
โฆษณา