PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

Tuberculosis skin test หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า Mantoux tuberculin test ก็คือการตรวจคัดกรองวัณโรคนั่นเอง โดยทดสอบการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของคุณที่มีต่อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของวัณโรค (tuberculosis) ปกติคุณหมอจะเป็นคนอ่านและวินิจฉัยผลการตรวจคัดกรองของคุณเองใน 1 - 2 วันหลังการตรวจ แต่ถ้าคุณอยากรู้ว่าการอ่านผลตรวจคัดกรองวัณโรคนั้นเขาทำกันยังไง บทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพแต่ละขั้นตอนเอง แต่ขอย้ำอีกที ว่าคุณเชื่อได้ เฉพาะ ผลที่คุณหมอผู้เชี่ยวชาญเป็นคนอ่านและวินิจฉัยเท่านั้น คุณอ่านบทความนี้และจดจำไว้เป็นความรู้ได้ แต่การจะรักษาต่อไปนั้น ต้องใช้ผลการตรวจอย่างเป็นทางการจากคุณหมอเท่านั้น [1]

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

อ่านผลการตรวจคัดกรอง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณหมอจะฉีดสารละลาย purified protein derivative หรือ PPD เข้าไปใต้ชั้นผิวหนังด้านในท่อนแขนของคุณ จนผิวหนังบริเวณนั้นนูนแข็งขึ้นมาประมาณ 6 - 10 มม. ซึ่งจะหายไปเองใน 2 - 3 ชั่วโมง [2]
  2. ภายใน 48-72 ชั่วโมง ห้ามเอาพลาสเตอร์หรืออะไรไปแปะตรงจุดที่ฉีดสารเด็ดขาด คุณยังอาบน้ำได้ตามปกติ แค่ต้องเบามือและซับให้แห้ง [3]
    • ที่สำคัญคือห้ามคุ้ยแคะแกะเกาหรือถูไถตรงจุดที่ฉีดสาร เพราะอาจทำให้บวมแดงจนอ่านผลผิดเพี้ยน ถ้าคันมากๆ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นมาประคบแทน [4]
  3. ต้องอ่านผลภายใน 48-72 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าคุณไม่กลับไปหาคุณหมอภายใน 72 ชั่วโมงละก็ จะอ่านผลไม่ได้และต้องตรวจคัดกรองกันใหม่อีกรอบ [5]
  4. ให้ใช้ปลายนิ้วลูบหาก้อนนูนแข็ง (induration) หรือก็คือผิวหนังที่ยกตัวนูนแข็งขึ้นมาและมีขอบชัดเจน พอเจอแล้วก็ใช้ปากกาทำสัญลักษณ์ไว้ตรงขอบที่กว้างที่สุด [6] ก้อนนูนแข็งนี่แหละสำคัญสุดในการอ่านผล บริเวณที่บวมแดงก็ไม่สำคัญเท่า
  5. ถึงบริเวณที่ฉีดสารจะแดง แต่ไม่ได้แปลว่าคุณเป็นวัณโรค ต้องวัดขนาดก้อนนูนแข็งไว้ โดยวัดตัดความยาวแขนและใช้หน่วยเป็นมิลลิเมตร [8] ใช้ไม้บรรทัดที่มีมิลลิเมตรมาวัด วางขอบไม้บรรทัดที่มีเลข "0" ตรงขอบซ้ายของก้อนนูนแข็ง แล้วใช้ปากกาจุดไว้ แล้วดูว่าไปถึงขอบด้านขวาแล้วยาวเท่าไหร่ [9]
    • ถ้าจุดที่ทำสัญลักษณ์ไว้อยู่ระหว่าง 2 เส้นที่แตกต่างกัน ให้ใช้เส้นที่อยู่ต่ำกว่า
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

วินิจฉัยโรคจากผลการตรวจ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. พิจารณาว่าคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงหรือเปล่า. ก้อนนูนแข็งที่มีขนาด 5 มม. ขึ้นไปนั้นจัดว่าผลเป็นบวก อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง กลุ่มที่ว่าก็เช่นคนที่
    • มีเชื้อ HIV
    • เคยรับการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ
    • เคยกินยากดภูมิคุ้มกัน (immunosuppressed) ด้วยสาเหตุใดก็ตาม
    • เพิ่งพบปะกับคนเป็นวัณโรค
    • เอ็กซเรย์หน้าอกพบวัณโรคที่เคยรักษาหายไปแล้ว
    • เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (end stages of renal (kidney) disease) [10]
  2. พิจารณาว่าคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงปานกลางหรือเปล่า. ก้อนนูนแข็งที่มีขนาด 10 มม. ขึ้นไปนั้นจัดว่าผลเป็นบวก อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงปานกลาง กลุ่มที่ว่าก็เช่นคนที่
    • เพิ่งอพยพมาจากประเทศที่วัณโรคระบาด
    • ใช้ยาฉีด
    • ทำงานในโรงพยาบาล เรือนจำ บ้านพักคนชรา หรือสถานที่ที่ใกล้เคียง
    • มีโรคประจำตัวที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง เช่น เบาหวาน ลูคีเมีย หรือน้ำหนักตัวต่ำกว่าปกติ
    • เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ
    • เป็นเด็กโตและวัยรุ่นที่คลุกคลีกับผู้ใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงสูง [11]
  3. สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงหรือเสี่ยงปานกลาง ก้อนนูนแข็งจะใหญ่ 15 มม. ขึ้นไป และผลออกมาเป็นบวก หมายถึงทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงไหน ถ้ามีแผลพุพองก็ถือเป็นบวกด้วย ถึงจะแค่บวมนิดเดียวก็เถอะ [12]
  4. ถ้าไม่พบก้อนนูนแข็งเลย แปลว่าผลเป็นลบ [13] ถ้ามีก้อนบวมนุ่มๆ หรือแดง ไม่ใช่ก้อนนูนแข็งชัดเจน หมายความว่าผลเป็นลบ [14]
    • แต่ถึงคุณจะสังเกตพบว่าตัวเองได้ผลเป็นลบ ก็ต้องกลับไปหาคุณหมอเพื่อฟังผลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าผลออกมาเป็นบวกหรือในกรณีที่ผลเป็นบวกไม่ชัดเจน (borderline positive) แล้วคุณหมอแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมก็ทำไปเลย
โฆษณา

คำเตือน

  • บางทีก็มีผลบวกลวง (False positives) หรือผลลบลวง (false negatives) ได้เหมือนกัน ถ้าคุณสงสัยตรงไหนในผลการตรวจคัดกรอง ให้รีบสอบถามคุณหมอได้เลย
  • ย้ำอีกครั้ง ว่าต้องให้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญและได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดีเป็นคนอ่านผลตรวจคัดกรองวัณโรคเท่านั้น และภายใน 72 ชั่วโมง ห้ามยึดผลที่ตัวเองอ่านเป็นหลักเด็ดขาด
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 39,438 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา