บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Mobile Kangaroo
. โจเซฟ อเล็กซานเดอร์เป็น CEO ของ Mobile Kangaroo ร้านซ่อมครบวงจรและผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Apple ในเมาเท่นวิว แคลิฟอร์เนีย Mobile Kangaroo รับซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่าง คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ตมากว่า 16 ปี พวกเขาเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Apple ในพื้นที่มากกว่า 20 เมือง
มีการอ้างอิง 9 ข้อ
ที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 180,377 ครั้ง
ถ้ามือถือมีข้อความ error ว่า "No SIM" (ไม่มีซิม) ขึ้นมากวนตลอด คงเซ็งน่าดู ยิ่งถ้ารู้อยู่ว่าใส่ซิมไปแล้วเรียบร้อย! แบบนี้เลยทำให้ SMS ไม่เข้าด้วย จะว่าไปแล้ว อะไรคือซิม (SIM) ทำไมซิมถึงมีปัญหาขึ้นมา ต้องบอกกันก่อนว่า SIM ย่อมาจาก subscriber identification module (SIM) เป็นแผ่นวงจรจิ๋วๆ ใช้ยืนยันตัวตน และเก็บข้อมูล ให้ถ่ายโอนข้อมูลได้แบบไร้รอยต่อเวลาใช้งาน ถ้าใช้มือถือแล้วเจอข้อความ error นี้ตลอด ลองเช็คสาเหตุต่อไปนี้ดู แล้วแก้ไขไปตามขั้นตอน น่าจะช่วยให้กลับมาใช้มือถือได้ตามเดิม
ขั้นตอน
-
ถอดซิมแล้วใส่เข้าไปใหม่. บางทีซิมก็หลวม หรือดันซิมเข้าไปไม่สุด เลยทำให้มีโค้ด error โผล่มา วิธีแก้ไขคือถอดถาดซิมออกมา ปกติจะอยู่ด้านข้างของมือถือ จากนั้น ถอดซิมออก รอประมาณ 30 วินาที แล้วใส่ซิมกลับเข้าไปในถาด ดันถาดกลับเข้าเครื่อง แล้วเปิดเครื่องได้เลย [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าใช้มือถือ Android ซิมอาจจะอยู่แถวๆ แบตเตอรี่ ด้านหลังของเครื่อง ก็ต้องเปิดฝาโลหะจิ๋วๆ ที่ครอบซิมไว้ออกก่อน ถึงจะถอดซิมได้
- อาจจะต้องใช้ปลายลวดหนีบกระดาษ หรืออุปกรณ์ที่เป็นโลหะชิ้นเล็กๆ สำหรับจิ้มตอนถอดซิม กดลงไปที่ปุ่มด้านข้างของถาดซิม
โฆษณา
-
ใช้ผ้าสะอาดเช็ดซิมที่เหนียวมัน. ถ้าซิมสกปรกไปหมด ก็ทำให้มือถืออ่านค่ายาก จนมีข้อความ error โผล่มา โชคดีที่ถ้าถอดซิมออกมาแล้ว ก็เช็ดทำความสะอาดได้เลย น่าจะช่วยได้ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- พยายามอย่าจับผิวหน้าของซิม เพราะน้ำมันจากมือเราจะไปเกาะ หรือทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้
- ห้ามใช้น้ำ สบู่ น้ำยาล้างจาน หรือแอลกอฮอล์ มาเช็ดซิมเด็ดขาด เพราะทำให้ผิวหน้าบอบบางของซิมเสียหายได้เลย
-
ถอดซิมและถาดใส่ซิมออกมา. มือถือบางเครื่องจะมีอุปกรณ์จิ๋วๆ ไว้ใช้จิ้มให้ถาดซิมเด้งออกมา ถ้าไม่มี ให้ดัดคลิปหนีบกระดาษให้ตรง ใช้ปลายลวดนั้นจิ้มรูจิ๋วๆ ให้ถาดเด้งออกมาแทน เสร็จแล้วจ่อท่อของอากาศอัดกระป๋องที่ถาดใส่ซิมว่างๆ ฉีดพ่นสัก 2 - 3 ครั้ง จะช่วยขจัดฝุ่นผงได้ [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- จากนั้นใส่ถาดและซิมกลับเข้าไป ดูว่าช่วยได้ไหม
โฆษณา
-
ต้องเปลี่ยนซิม ถ้ามีรอยขีดข่วนหรือบิ่น. ซิมเป็นชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพไปตามเวลา โดยเฉพาะถ้าใครถอด-ใส่ซิมบ่อยๆ ให้ขอซิมใหม่จากค่ายมือถือที่ใช้ หรือซื้อซิมใหม่ตามร้านมือถือและในเน็ตก็ตามสะดวก จากนั้นใส่ซิมดูว่าเครื่องอ่านไหม ขั้นตอนก็ง่ายๆ แค่เอาซิมเก่าออก จากนั้นใส่ซิมใหม่เข้าไป
- เดี๋ยวนี้ราคาถูกมาก มีตั้งแต่หลักสิบด้วยซ้ำ แต่ก็แล้วแต่โปรโมชั่น แพ็คเกจ และความจุที่ต้องการ แต่ถ้าซื้อซิมใหม่ ก็จะเป็นเบอร์โทรใหม่ไปเลย
- พยายามจะถอด ใส่ จับซิมบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ซิมเสื่อมสภาพไว
-
ปิดเครื่อง แล้วเปิดกลับมาใหม่ ส่วนใหญ่จะแก้ปัญหาเครื่องไม่อ่านซิมได้. หลายคนฟังแล้วอาจจะบอกว่าง่ายไปไหม แต่จริงๆ แล้วบางทีเราก็ต้องรีสตาร์ทมือถือบ้าง เพื่อล้างข้อมูลชั่วคราวต่างๆ และหยุดการทำงานของบางแอพ พอเปิดมือถือกลับมา เดี๋ยวก็สแกนเจอซิมเอง [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ก่อนจะรีสตาร์ทเครื่อง คุณอาจจะลองเปิดโหมดการบินสักแป๊บนึงก่อนแล้วค่อยกลับไปเปิดโหมดปกติ บางครั้งวิธีนี้สามารถแก้ปัญหาเครื่องไม่อ่านซิมได้
- แต่ถ้าต้องปิด-เปิดเครื่องบ่อยเกินไป เพราะเจอข้อความ error ตลอด แสดงว่าเป็นที่ตัวมือถือ หรือซิมอาจจะเสื่อมสภาพ ต้องเปลี่ยนใหม่
โฆษณา
-
ตั้งค่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตใหม่. โทรศัพท์อาจมีข้อความแจ้งข้อผิดพลาดเกี่ยวกับซิมเวลาที่คุณไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายของคุณ โทรศัพท์มือถือสมัยนี้ส่วนใหญ่จะเชื่อมต่อกับข้อมูลเครือข่ายจากซิมการ์ดโดยอัตโนมัติ ถ้าคุณเปลี่ยนการตั้งค่าของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ให้แก้ปัญหาด้วยการรีเซ็ตการตั้งค่าใหม่
- ถ้าเป็น Android ให้ไปที่ Settings > Connections > Mobile networks > Access Point Names แตะสัญลักษณ์ Options จากนั้นเลือก Reset to default
- ถ้าเป็น iPhone ให้ไปที่ Settings > Cellular > Network Selection แล้วเปิดใช้งานสวิตช์ "Automatic"
- ถ้าวิธีนี้ไม่ได้ผล คุณสามารถเลือกเครือข่ายของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจากรายการตัวเลือกได้
-
ล้าง network settings ให้มือถือสแกนเจอซิม. บางทีก็เป็นที่ network connection ทำให้มีข้อความ error ไม่เจอซิมโผล่มา
- ถ้าเป็น Android ให้ไปที่ Settings > System > Reset Options > Reset Wi-Fi, mobile, and Bluetooth > Reset settings
- ถ้าเป็น iPhone หรือ iPad ให้ไปที่ Settings > General > Transfer or Reset iPhone > Reset > Reset Network Settings [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เตือนกันก่อนว่ารีเซ็ต network settings แล้ว Wi-Fi settings จะรีเซ็ตไปด้วย แนะนำให้เตรียมรหัสผ่าน Wi-Fi ไว้ เพราะต้องใส่ใหม่หลังมือถือเปิดกลับมา
โฆษณา
-
ถ้ามือถือยังใช้ระบบปฏิบัติการเก่า ก็อาจจะสแกนไม่เจอซิมได้. ถ้าใช้มือถือ Android หรือ iPhone ของ Apple จะมีให้อัพเดทระบบปฏิบัติการเองได้ โดยค้นหา "System update" ในเมนู settings มือถือจะบอกเอง ถ้ามีอัพเดทใหม่พร้อมติดตั้ง ถ้ามีก็ให้เลือก "Download and Install" แล้วรีสตาร์ทเครื่อง หลังอัพเดทระบบปฏิบัติการใหม่เสร็จ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เลือก "Automatic updates" ในเมนู settings ได้ด้วย มือถือจะได้อัพเดทเองอัตโนมัติ เวลามีระบบปฏิบัติการใหม่
-
รีสตาร์ทเครื่องเข้า safe mode ถ้าเป็นที่แอพ. มือถือ Android หรือ iPhone ส่วนใหญ่ จะมีฟีเจอร์ safe mode ไว้ใช้แก้ปัญหาการใช้งานแอพเฉพาะหน้าได้ ถ้ามือถือที่คุณใช้ก็มีฟีเจอร์นี้ จะมีตัวเลือกโผล่มาตอนกดปุ่ม power ค้างไว้ คือเมนู "Safe mode" ก็เลือกไป น่าจะช่วยได้ แต่ถ้ามือถือยังสแกนไม่เจอซิม ลองถอนการติดตั้งแอพที่เพิ่งติดตั้งไปล่าสุด ย้อนไปเรื่อยๆ จนแก้ได้ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้ามือถือใช้งานได้ตามปกติเวลาอยู่ใน safe mode ไม่มีข้อความ error ขึ้นมา แสดงว่าเป็นที่แอพ ที่ทำให้มีข้อความ error โผล่มา ต้องลองถอนการติดตั้งแอพที่เพิ่งลง ย้อนไปทีละแอพ รวมถึงแอพที่ปกติไม่ได้ใช้ด้วย
- พอลบแอพที่ทำให้ข้อความ error โผล่มา ออกไปแล้ว ก็ลงแอพอื่นที่ถอนการติดตั้งไปตอนแรก กลับมาได้เลย
โฆษณา
-
เพื่อลบแจ้งเตือน error จากมือถือ. บางทีมือถือก็ปกติดี แต่แค่มีข้อความ error เตือนว่าไม่มีซิมโผล่มา แล้วไม่ยอมหาย แบบนี้แก้ได้โดยไปที่ "Internal storage" ในเมนู settings เลือก "Cached data" แล้วเลือก "Delete" [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทำ factory reset เพื่อลบข้อมูลทั้งหมดในมือถือ. เรียกว่าเป็นหนทางสุดท้าย ถ้าทำทุกอย่างแล้วไม่ได้ผล เวลา ทำ factory reset แล้วเปิดเครื่องกลับมา มือถือก็น่าจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ เหมือนตอนเพิ่งซื้อ แต่ก็จะไม่มีแอพ ไม่มีรายชื่อ contacts ไม่มีไฟล์ media ต่างๆ [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แนะนำให้ backup ไฟล์ทั้งหมดที่จะเก็บไว้ ในแฟลชไดรฟ์หรือระบบคลาวด์ ก่อนทำ factory reset จะได้ไม่เสียข้อมูลที่สำคัญไป
โฆษณา
-
บางทีอาจจะเป็นที่ตัวมือถือเอง ถ้าแก้เรื่องซิมแล้วยังไม่ได้ผล. ถ้าลองทุกวิธีแล้ว แต่ยังมีข้อความ error หรือใช้มือถือแล้วติดขัด ไม่ลื่นไหล แนะนำให้ปรึกษาช่างมืออาชีพจะดีกว่า หรือไปที่ศูนย์บริการของค่ายมือถือที่ใช้ก็ได้ ช่างหรือเจ้าหน้าที่น่าจะช่วยให้มือถือคุณกลับมาใช้งานได้ดังเดิม
- ถ้ามือถือเก่าแล้ว ชิ้นส่วนต่างๆ ก็อาจจะเสื่อมสภาพไปตามเวลา ทำให้ข้อความ error เกี่ยวกับซิมโผล่มา อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ แล้วเอาซิมเก่าใส่เข้าไป วิธีนี้จะเห็นผลที่สุด
บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://support.apple.com/en-us/HT201337
- ↑ https://www.manualsdir.com/manuals/75207/doro-phoneeasy-338gsm.html?page=26
- ↑ https://updato.com/how-to/phone-says-no-sim-card-android-issue-here-are-7-ways-to-fix-it/
- ↑ https://support.apple.com/kb/index?q=phone+says+there%27s+no+SIM&src=globalnav_support&locale=en_US&type=organic&page=search
- ↑ https://support.apple.com/en-us/HT204051
- ↑ https://www.techsolutions.support.com/how-to/how-to-fix-no-sim-card-installed-error-for-iphone-11111
- ↑ https://cellularnews.com/cellular-network/how-to-fix-invalid-sim-card/
- ↑ https://www.recover-android-data.com/invalid-sim-card-on-android
- ↑ https://updato.com/how-to/phone-says-no-sim-card-android-issue-here-are-7-ways-to-fix-it/