ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการย้าย เซฟ และดาวน์โหลดไฟล์ลงแฟลชไดรฟ์ USB ที่เสียบกับคอมให้คุณเอง
ขั้นตอน
-
เช็คพอร์ท USB ของคอม. ถ้าใช้แล็ปท็อป พอร์ท USB จะอยู่ทางซ้ายหรือขวาของตัวเครื่อง ส่วนพอร์ท USB ของคอมตั้งโต๊ะมักอยู่ด้านหลังหรือด้านหน้าของเคสคอม (tower) แต่ถ้าเป็นตระกูล iMac พอร์ท USB จะอยู่ที่หลังจอเลย
-
เช็คประเภทพอร์ท USB ของคอม. ถ้าเป็นคอมรุ่นใหม่ๆ พอร์ท USB จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ด้วยกัน
- USB 3.0 — จะเป็นพอร์ทสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบยาว กว้างประมาณ 3/4 นิ้ว (เกือบๆ 2 ซม.) ตัวพลาสติกตันๆ จะอยู่ครึ่งบนของพอร์ท โดยพอร์ท USB 3.0 นี้คือพอร์ทของเครื่อง Windows ส่วนใหญ่ และเครื่อง Mac รุ่นก่อนปี 2016 (2559)
- USB-C — จะเป็นพอร์ทมนๆ บางๆ กว้างประมาณ 1/2 นิ้ว (1 ซม. นิดๆ) เป็นพอร์ทประจำ MacBook และ MacBook Pro แต่แล็ปท็อป Windows บางรุ่นก็ใช้พอร์ท USB-C นี้เหมือนกัน
- ถ้าคอมมีพอร์ททั้ง 2 ประเภท ก็เลือกใช้พอร์ทให้ตรงกับประเภทแฟลชไดรฟ์ USB ได้ตามสบาย
-
เช็คว่าแฟลชไดรฟ์เป็นแบบไหน. ลองสังเกตขั้วโลหะของแฟลชไดรฟ์ดู
- ถ้าขั้วเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ข้างในมีพลาสติกตันๆ ครึ่งหนึ่ง แสดงว่าเป็นแฟลชไดรฟ์ USB 3.0
- ถ้าขั้วเป็นสี่เหลี่ยมมุมมน ไม่มีชิ้นพลาสติกตันๆ ข้างใน แสดงว่าเป็นแฟลชไดรฟ์ USB-C
-
บางทีก็ต้องซื้อ adapter มาเสียบ. ถ้าแฟลชไดรฟ์ที่จะใช้เป็น USB 3.0 แต่คอมดันมีแต่พอร์ท USB-C ก็ต้องหาซื้อ adapter มาเสียบที่พอร์ท USB-C ของคอม
- นี่เป็นปัญหาที่พบบ่อยของคนใช้ MacBook และ MacBook Pro รุ่นก่อน 2016 แต่ Windows บางเครื่องก็มีแต่พอร์ท USB-C เหมือนกัน
-
เสียบแฟลชไดรฟ์ที่คอม. ถ้าใช้แฟลชไดรฟ์ USB 3.0 ต้องเช็คให้ดี ว่าพลาสติกตันๆ ในขั้วแฟลชไดรฟ์นั้นอยู่ด้านล่างของแฟลชไดรฟ์ จะได้ลงล็อคกับพลาสติกที่ด้านบนของพอร์ท USB 3.0
- แต่ถ้าเป็นแฟลชไดรฟ์ USB-C จะเสียบยังไงก็ได้
- ถ้าใช้ adapter แปลง USB-C ต้องเสียบแฟลชไดรฟ์ USB ที่พอร์ท USB 3.9 ของ adapter แทน.
โฆษณา
-
เช็คว่าเสียบแฟลชไดรฟ์ USB แน่นแล้ว. ถ้ายังไม่ได้เสียบแฟลชไดรฟ์กับคอม ให้เสียบก่อน
-
เปิด File Explorer. คลิกหน้าต่าง File Explorer รูปโฟลเดอร์ใน taskbar หรือกด ⊞ Win + E
-
copy ไฟล์. ไปยังตำแหน่งที่มีไฟล์ที่จะ copy แล้วคลิกไฟล์ 1 ครั้ง จากนั้นกด Ctrl + C
- ถ้าจะ copy ทีละหลายไฟล์ ให้กด Ctrl ค้างไว้ แล้วคลิกเลือกไฟล์ที่จะ copy ทีละไฟล์
-
คลิกชื่อแฟลชไดรฟ์. ในกรอบทางซ้ายของหน้าต่าง File Explorer บางทีก็ต้องเลื่อนลงไปทางซ้ายของหน้าต่างก่อน
- ถ้าชื่อแฟลชไดรฟ์ไม่ขึ้น ให้คลิก This PC ทางด้านบนของกรอบด้านซ้าย แล้วดับเบิลคลิกชื่อแฟลชไดรฟ์ในหัวข้อ "Devices and drives"
-
paste ไฟล์. คลิกที่ว่างในหน้าต่างแฟลชไดรฟ์ แล้วกด Ctrl + V จะเห็นไฟล์ที่ copy มา ไปโผล่ในหน้าต่าง File Explorer
- ถ้าจะ paste ไฟล์ในโฟลเดอร์ไหนของแฟลชไดรฟ์ ให้ดับเบิลคลิกโฟลเดอร์นั้นก่อน paste ไฟล์
-
eject แฟลชไดรฟ์แล้วค่อยดึงออก. eject แฟลชไดรฟ์แล้ว คอมจะเซฟไฟล์ให้เสร็จ ดึงแฟลชไดรฟ์ออกได้อย่างปลอดภัย ไม่เสี่ยงไฟล์เสีย
- คลิกไอคอนรูปแฟลชไดรฟ์ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ (อาจจะต้องคลิก ตรงนี้) แล้วคลิก Eject Flash Drive
-
ดึงแฟลชไดรฟ์ USB ออก. พอ eject ไดรฟ์แล้ว ก็ดึงออกจากคอมได้เลย แต่อย่าดึงแรงเกินไปโฆษณา
-
เช็คว่าเสียบแฟลชไดรฟ์ USB แน่นแล้ว. ถ้ายังไม่ได้เสียบแฟลชไดรฟ์กับคอม ให้เสียบก่อน
-
เปิด Finder. คลิกไอคอนรูปหน้าสีฟ้าใน Dock
-
copy ไฟล์. ไปยังตำแหน่งที่มีไฟล์ที่จะ copy แล้วคลิกไฟล์ 1 ครั้ง จากนั้นกด ⌘ Command + C
- ถ้าจะ copy ทีละหลายไฟล์ ให้กด ⌘ Command ค้างไว้ แล้วคลิกเลือกไฟล์ที่จะ copy ทีละไฟล์
-
เปิดแฟลชไดรฟ์. คลิกชื่อแฟลชไดรฟ์ที่ด้านซ้ายล่างของหน้าต่าง Finder ปกติจะอยู่ในหัวข้อ "Devices"
-
paste ไฟล์ที่ copy มา. โดยกด ⌘ Command + V จะเห็นไฟล์ที่ copy มา ไปโผล่ในหน้าต่าง Finder
- ถ้าจะ paste ไฟล์ในโฟลเดอร์ไหนของแฟลชไดรฟ์ ให้ดับเบิลคลิกโฟลเดอร์นั้นก่อน paste ไฟล์
-
eject แฟลชไดรฟ์แล้วค่อยดึงออก. eject แฟลชไดรฟ์แล้ว คอมจะเซฟไฟล์ให้เสร็จ ดึงแฟลชไดรฟ์ออกได้อย่างปลอดภัย ไม่เสี่ยงไฟล์เสีย
- เปิด Finder แล้วคลิกไอคอน "Eject" ทางขวาของชื่อแฟลชไดรฟ์ ที่ด้านซ้ายล่างของหน้าต่าง
-
ดึงแฟลชไดรฟ์ USB ออก. พอ eject ไดรฟ์แล้ว ก็ดึงออกจากคอมได้เลย แต่อย่าดึงแรงเกินไปโฆษณา
-
เช็คว่าเสียบแฟลชไดรฟ์ USB แน่นแล้ว. ถ้ายังไม่ได้เสียบแฟลชไดรฟ์กับคอม ให้เสียบก่อน
-
เปิดโปรแกรมที่จะใช้. จะค้นหาโปรแกรมที่จะใช้ในเมนู Start (Windows) หรือเมนู Spotlight (Mac) ของคอมก็ได้
-
อาจจะต้องสร้างไฟล์ก่อน. ถ้ายังไม่มีไฟล์ที่จะเซฟลงแฟลชไดรฟ์ ก็ต้องสร้างไฟล์ใหม่ในโปรแกรมนั้นก่อน
- ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย ถ้าแค่จะ copy ไฟล์ลงแฟลชไดรฟ์
-
เปิดหน้าต่าง "Save As". ถ้ายังไม่เคยเซฟไฟล์นั้น ให้กด Ctrl + S (Windows) หรือ ⌘ Command + S แล้วจะมีหน้าต่างนี้โผล่มา หรือทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- Windows — คลิก File แล้วคลิก Save As ถ้าใช้ Microsoft Office ให้ดับเบิลคลิก This PC หลังคลิก Save As เพื่อเปิด File Explorer
- Mac — คลิก File แล้วคลิก Save As... ในเมนูที่ขยายลงมา
-
ตั้งชื่อเอกสารก่อน. ถ้าจะตั้งชื่อไฟล์ใหม่ ให้พิมพ์ในช่อง "File name" (Windows) หรือช่อง "Name" (Mac)
-
เลือกแฟลชไดรฟ์. คลิกชื่อแฟลชไดรฟ์ที่ด้านซ้ายล่างของหน้าต่าง บางทีก็ต้องเลื่อนลงไปทางซ้ายก่อน
- ถ้าใช้ Mac อาจจะต้องคลิกช่อง Where ให้ขยายลงมา แล้วคลิกชื่อแฟลชไดรฟ์ในเมนูที่ขยายลงมา หรือทางซ้ายของหน้าต่าง Finder
-
คลิก Save . ที่มุมขวาล่างของหน้าต่าง เพื่อเซฟไฟล์ลงแฟลชไดรฟ์
-
eject แฟลชไดรฟ์แล้วค่อยดึงออก. eject แฟลชไดรฟ์แล้ว คอมจะเซฟไฟล์ให้เสร็จ ดึงแฟลชไดรฟ์ออกได้อย่างปลอดภัย ไม่เสี่ยงไฟล์เสีย
- Windows — คลิกไอคอนรูปแฟลชไดรฟ์ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ (อาจจะต้องคลิก ตรงนี้) แล้วคลิก Eject Flash Drive
- Mac — เปิด Finder แล้วคลิกไอคอน "Eject" ทางขวาของชื่อแฟลชไดรฟ์ ที่ด้านซ้ายล่างของหน้าต่าง
-
ดึงแฟลชไดรฟ์ USB ออก. พอ eject ไดรฟ์แล้ว ก็ดึงออกจากคอมได้เลย แต่อย่าดึงแรงเกินไปโฆษณา
-
เช็คว่าเสียบแฟลชไดรฟ์ USB แน่นแล้ว. ถ้ายังไม่ได้เสียบแฟลชไดรฟ์กับคอม ให้เสียบก่อน
-
เปิดเบราว์เซอร์ที่ถนัด. ถ้าจะดาวน์โหลดไฟล์จากในเน็ตลงแฟลชไดรฟ์ USB โดยตรง ให้เปิดเบราว์เซอร์ก่อน (เช่น Chrome)
-
ตั้งค่าให้ยืนยันก่อนดาวน์โหลด. เบราว์เซอร์ส่วนใหญ่จะดาวน์โหลดไฟล์ลงโฟลเดอร์ "Downloads" ตามค่า default ของคอมโดยอัตโนมัติ แต่คุณตั้งค่าให้เบราว์เซอร์ถามก่อนทุกครั้งที่เซฟไฟล์ได้ โดย
- Chrome — คลิก ⋮ ที่มุมขวาบน คลิก Settings เลื่อนลงไปคลิก Advanced เลื่อนลงไปที่หัวข้อ "Downloads" แล้วคลิกสวิตช์ "Ask where to save each file before downloading" ถ้าตอนแรกเป็นสีเทา
- Firefox — คลิก ☰ ที่มุมขวาบน คลิก Options (หรือ Preferences ถ้าใช้ Mac) เลื่อนลงไปที่หัวข้อ "Files and Applications" แล้วติ๊กช่อง "Always ask you where to save files"
- Edge — คลิก ⋯ ที่มุมขวาบน คลิก Settings เลื่อนลงไปคลิก View advanced settings แล้วคลิกสวิตช์ "Off" สีเทาในหัวข้อ "Ask me what to do with each download" (ถ้าสวิตช์เป็นสีฟ้าก็แปลว่าเปิดใช้งานแล้ว)
- Safari — คลิก Safari ที่มุมซ้ายบน คลิก Preferences... คลิกช่อง "File download location" ให้ขยายลงมา แล้วคลิก Ask for each download ในเมนู
-
ไปยังไฟล์ที่จะดาวน์โหลด. ในเบราว์เซอร์ ให้ไปยังหน้าหรือเว็บที่จะดาวน์โหลดไฟล์
-
คลิกปุ่มหรือลิงค์ Download . ที่จะต่างกันไปตามอะไรที่คุณดาวน์โหลด พอคลิกว่าจะดาวน์โหลดไฟล์แล้ว หน้าต่าง pop-up จะโผล่มา
-
เลือกแฟลชไดรฟ์ USB. พอมีให้เลือกตำแหน่งเซฟไฟล์ ก็ต้องคลิกชื่อแฟลชไดรฟ์ในเมนูทางซ้าย แล้วคลิก Save เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ลงแฟลชไดรฟ์โดยตรง
- ถ้าใช้ Mac ให้คลิก Choose แทน Save
- ถ้าจะเซฟไฟล์ในโฟลเดอร์ไหนของแฟลชไดรฟ์ ให้ดับเบิลคลิกโฟลเดอร์นั้น แล้วคลิก Save
-
eject แฟลชไดรฟ์แล้วค่อยดึงออก. eject แฟลชไดรฟ์แล้ว คอมจะเซฟไฟล์ให้เสร็จ ดึงแฟลชไดรฟ์ออกได้อย่างปลอดภัย ไม่เสี่ยงไฟล์เสีย
- Windows — คลิกไอคอนรูปแฟลชไดรฟ์ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ (อาจจะต้องคลิก ตรงนี้) แล้วคลิก Eject Flash Drive
- Mac — เปิด Finder แล้วคลิกไอคอน "Eject" ทางขวาของชื่อแฟลชไดรฟ์ ที่ด้านซ้ายล่างของหน้าต่าง
-
ดึงแฟลชไดรฟ์ USB ออก. พอ eject ไดรฟ์แล้ว ก็ดึงออกจากคอมได้เลย แต่อย่าดึงแรงเกินไปโฆษณา
-
เช็คก่อนว่าไดรฟ์ไม่ได้เต็ม. ไดรฟ์ USB จะเต็มเร็วและง่ายมาก โดยเฉพาะไดรฟ์รุ่นเก่าๆ ที่จุได้ไม่มาก แบบนี้ต้องลบบางไฟล์ที่ไม่ใช้แล้วออกไปจากไดรฟ์
- คุณลบไฟล์ในไดรฟ์ได้ง่ายๆ แค่ลากไฟล์ที่จะลบไปใส่ในถังขยะของคอม คือ Recycle Bin (Windows) หรือ Trash (Mac)
-
เช็คขนาดของไฟล์ที่จะย้ายก่อน. แฟลชไดรฟ์ USB ส่วนใหญ่ จะเก็บไฟล์ได้ไม่เกิน 4 GB ถ้าต้องย้ายไฟล์ใหญ่กว่านั้น ก็ต้องฟอร์แมตไดรฟ์ USB เป็นระบบไฟล์อื่นก่อน รายละเอียดดูได้ในขั้นตอนถัดไป
-
ฟอร์แมตไดรฟ์ USB . ฟอร์แมตแล้วจะเปลี่ยน file system ของแฟลชไดรฟ์ได้ เหมาะสำหรับกรณีที่ต้องเซฟไฟล์ใหญ่กว่า 4 GB หรือจะฟอร์แมตแฟลชไดรฟ์เอาไว้ใช้กับคอม ข้อควรระวังคือฟอร์แมตแล้วทุกอย่างจะถูกลบหายไปจากแฟลชไดรฟ์
- ถ้าจะเซฟไฟล์ใหญ่กว่า 4 GB ให้เลือก exFAT (Windows) หรือ ExFAT (Mac)
- แฟลชไดรฟ์ที่ฟอร์แมตไว้ใช้กับ Windows โดยเฉพาะ จะใช้กับเครื่อง Mac ไม่ได้ และกลับกัน เพราะงั้นแนะนำให้ฟอร์แมตแฟลชไดรฟ์แบบ compatible คือใช้ได้กับทุกระบบ
โฆษณา
คำเตือน
- ถ้าฟอร์แมตแฟลชไดรฟ์ไปแล้ว จะกู้ข้อมูลก่อนหน้านั้นคืนมาไม่ได้อีก
โฆษณา
โฆษณา