PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

การขายของออนไลน์นั้นดีกว่าการมีหน้าร้านตรงที่คุณไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสถานที่และสามารถเข้าถึงลูกค้านับล้านได้ขณะที่นั่งทำงานสบาย ๆ อยู่ที่บ้าน อย่างไรก็ดี เพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ คุณต้องวางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนเริ่มทำธุรกิจไม่ต่างจากเวลาทำธุรกิจอื่นๆ โดยคุณต้องมีสินค้าที่ดึงดูดใจ เว็บไซต์ที่ใช้ง่าย และแผนการตลาดที่รัดกุม ลองอ่านคำแนะนำด้านล่างสิ คุณจะได้รู้ว่าจะเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ได้อย่างไรไงล่ะ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

พัฒนาสินค้าและวางแผนการทางธุรกิจ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ตัดสินใจว่าจะขายอะไร. ถ้าคุณคิดจะขายของออนไลน์ คุณก็คงจะรู้อยู่แล้วล่ะว่าจะขายอะไรดี แต่ต้องจำไว้เสมอนะว่าถึงของบางอย่างจะขายคล่องบนอินเตอร์เน็ตแต่บางอย่างก็ขายยากหากลูกค้าไม่สามารถเห็นของจริงได้ อย่างไรก็ตาม คุณต้องมั่นใจในคุณค่าของสินค้าที่คุณขาย ไม่อย่างนั้น คุณก็จะไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ โดยคุณต้องตอบคำถามด้านล่างนี้ให้ได้ก่อน:
    • สินค้าที่คุณจะขายเป็นสินค้าที่จับต้องได้และต้องส่งไปให้ลูกค้าไหม? หรือเป็นสินค้าดิจิตอลที่ส่งให้ลูกค้าผ่านอินเตอร์เน็ตได้?
    • คุณจะต้องตุนสินค้าแต่ละอย่างไว้ในคลังมากกว่าหนึ่งชิ้นไหม? หรือสินค้าที่ขายมีแค่อย่างละชิ้นเดียว? (เช่น งานศิลปะ, ของวินเทจ)
    • คุณวางแผนจะขายสินค้าหลายๆ อย่างไหม? หรือจะขายแค่สินค้าเฉพาะทาง เช่น ขายแต่เสื้อยืด หรือหนังสือ?
    • คุณจะผลิตสินค้าเองไหม? ถ้าใช่ คุณต้องผลิตสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าและต้องผูกสัมพันธ์กับผู้จัดหาวัตถุดิบที่ไว้ใจได้ด้วยนะ
    • ถ้าคุณไม่ได้คิดจะผลิตสินค้าเอง คุณต้องมีผู้ผลิตดีๆ คอยช่วยเหลือ ลองหาข้อมูลของหลายๆ บริษัทเพื่อหาบริษัทที่สามารถตอบสนองความคิดทางธุรกิจของคุณได้ดีที่สุด
    • คุณจะส่งสินค้าอย่างไร? คุณต้องวางแผนการส่งสินค้าจากบ้านไปสู่ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ หรือวางแผนการจัดการคลังและการส่งสินค้าร่วมกับทางโรงงาน คุณอาจต้องหาข้อมูลเรื่องการ drop-shipping หรือการที่คุณเป็นหน้าร้านให้โรงงานโดยไม่ต้องเก็บสินค้าไว้กับตัวด้วยหากสินค้าที่คุณจะขายผลิตโดยโรงงานภายนอก
    • ถ้าคุณจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการสินค้าและบริการอย่างเต็มตัว คุณต้องผูกสัมพันธ์กับคนที่ค้าขายอยู่ในวงการเดียวกันเพื่อที่จะได้กระจ่ายข่าวและโปรโมทร้านของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคุณต้องเลือกขายสินค้าที่จะทำให้คุณดำเนินธุรกิจได้ไปอย่างยืนยาว
  2. การรู้ว่าจะขายสินค้าอะไรเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของหนทางสู่ความสำเร็จในการขายของออนไลน์ คุณยังต้องหาทางที่จะทำให้ธุรกิจของคุณแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดทั้งที่มีหน้าร้านและขายออนไลน์ด้วย ทำไมลูกค้าถึงควรซื้อเสื้อสเวตเตอร์ถักของคุณในเมื่อมีร้านอื่นๆ อีกเป็นร้อยร้านที่ขายของแบบเดียวกัน?
    • ประเมินการแข่งขัน. อย่างเพิ่งเริ่มขายสินค้าอะไรก่อนที่จะได้ลองดูเว็บไซต์ของคู่แข่ง ลองเข้าเว็บที่ให้บริการร้านค้าออนไลน์ที่คุณตั้งใจจะวางขายสินค้าดูก่อนว่าคู่แข่งที่ใช้บริการเว็บเดียวกันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
    • เสนอขายสินค้าที่ไม่ซ้ำใคร ถ้าคุณจะขายสินค้าทำมือหรือขายงานศิลปะออนไลน์ ความมีเอกลักษณ์ของสินค้าอาจจะทำให้สินค้าของคุณแตกต่างจากของคนอื่น คุณต้องดึงดูดใจลูกค้าด้วยการขายสินค้าที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครแต่ก็น่าสนใจในขณะเดียวกันนะ
    • เสนอขายสิ่งที่คุณเชี่ยวชาญ บางทีสิ่งที่ทำให้บริษัทของคุณแตกต่างจากบริษัทอื่นอาจจะเป็นความเชี่ยวชาญที่คุณมีเกี่ยวกับสินค้าที่คุณขายก็ได้นะ เช่น คุณอาจเคยเป็นนักเบสบอลเก่ามาก่อนและตอนนี้ได้ผันตัวมาขายถุงมือเบสบอลแล้ว คุณต้องผนวกความชอบและสิ่งที่คุณเชี่ยวชาญเข้าไปในตัวสินค้าที่คุณขายด้วย
    • เสนอกระบวนการซื้อที่ใช้ง่ายให้ลูกค้า. ถึงสินค้าที่คุณขายจะใกล้เคียงกับเจ้าอื่น คุณก็สามารถทำให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณแตกต่างได้ด้วยการทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดายและมีความสุข คุณต้องออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้ง่ายและน่าแชร์ต่อ คุณต้องพร้อมตอบคำถามของลูกค้าและให้บริการแก่ลูกค้าอย่างที่หาไม่ได้ที่เจ้าอื่นๆ
  3. เมื่อคุณต้องการขายของผ่านหน้าร้าน คุณควรทดลองขายสินค้าผ่านทางอื่นก่อน เช่น ตามหลักแหล่งที่ไม่มีข้อผูกมัดอะไรมาก ไม่ว่าจะเป็นการฝากขาย ลองขายในตลาดนัดหรืองานขายของทำมือ ฯลฯ จากนั้นค่อยลงทุนลงแรงเริ่มทำร้านจริงจัง การขายของออนไลน์ก็เหมือนกัน คุณควรลองขายสินค้าผ่าน eBay, Craigslist , Half.com หรือเว็บไซต์ฝากขายอื่น ๆ ก่อน โดยคุณควรรู้ข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้:
    • ใครคือลูกค้าของคุณ? เสนอให้คูปองลดราคาแก่คนที่ยินดีตอบแบบสอบถามสั้นๆ เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าพวกเขาซื้อของออนไลน์กันที่ไหนอีกบ้าง
    • ลูกค้าจ่ายได้แค่ไหน? ลองขายหลายๆ ราคาดูก่อน
    • ลูกค้าพึงพอใจแค่ไหน? นี่คือเวลาที่คุณควรจะทดสอบดูว่าสินค้าของคุณเข้าถึงลูกค้าได้เพียงใด คุณใช้บรรจุภัณฑ์ดีพอหรือยัง? กระบวนการส่งของไปให้ลูกค้าเชื่อถือได้ไหม? ลูกค้าพอใจกับสินค้าไหม? คุณอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจสินค้าดีพอหรือยัง?
  4. ก่อนที่จะเริ่มเปิดร้านขายของออนไลน์ คุณต้องเขียนแผนธุรกิจอย่างละเอียดซะก่อนไม่ว่าคุณต้องการเงินลงทุนจากภายนอกหรือไม่ก็ตาม แผนการทางธุรกิจจะช่วยคุณวางแผนขั้นตอนต่างๆ ว่าต้องทำอย่างไรธุรกิจถึงจะประสบความสำเร็จ คำนวณเงินที่คุณต้องมีเพื่อดำเนินธุรกิจและเขียนกลยุทธ์ทางการตลาดออกมา โดยคุณต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
    • ต้นทุนที่ใช้ในการผลิต ไม่ว่าคุณจะผลิตสินค้าเองหรือทำสัญญากับผู้ผลิตรายอื่นหรือไม่ก็ตาม
    • ต้นทุนที่ใช้ในการขนส่งสินค้า
    • ภาษี
    • ค่าจ้างพนักงาน (ถ้ามี)
    • ค่าเช่าชื่อโดเมนและค่าบริการเว็บไซต์
  5. เมื่อคุณพร้อมที่จะเริ่มทำธุรกิจอย่างเป็นทางการแล้ว คุณต้องตั้งชื่อบริษัทและกรอกเอกสารทางกฎหมายและภาษีเพื่อลงทะเบียนเปิดบริษัทให้เรียบร้อย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

เปิดธุรกิจออนไลน์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกชื่อที่สั้น ติดหูและจำง่าย ชื่อของคุณต้องมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครเพราะพวกชื่อโหลๆ น่ะมีคนใช้ไปหมดแล้ว พิจารณาดูว่าเจ้าอื่นๆ ใช้ชื่อโดเมนอะไรบ้างและลองหาชื่ออื่นๆ ที่คุณพอใจและไม่ซ้ำใครซะ.
    • ถ้าชื่อที่คุณคิดไว้ในใจมีคนใช้ไปแล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องใช้จินตนาการหน่อยแล้วล่ะ เช่น คุณอาจลองสะกดตัวเลขออกมาเป็นคำอ่านหรือเพิ่มคำบางคนลงไป ไม่ก็ใส่ไฮเฟนดู
    • บริษัทผู้ให้บริการเช่าชื่อโดเมนจะเสนอชื่อที่ใกล้เคียงกันให้คุณเองหากชื่อที่คุณคิดไว้มีคนใช้แล้ว
  2. คุณต้องเลือกผู้ให้บริการเว็บไซต์ให้ดีเพราะเว็บไซต์คือรากฐานของร้านค้าออนไลน์ ถ้าเว็บไซต์มีขั้นตอนหยุมหยิมน่ารำคาญ ยอดขายของคุณก็จะไม่ดี ผู้ให้บริการเว็บไซต์แบบไม่เสียเงินนั้นมีอยู่ แต่เนื่องจากคุณจะใช้เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ ถึงอย่างไรคุณก็จะต้องเสียเงินสำหรับค่าบริการต่าง ๆ ที่คุณจำเป็นต้องใช้อยู่ดี [1]
    • เว็บไซต์ของคุณต้องมีเนื้อที่เพียงพอสำหรับการเติบโตในกรณีที่ธุรกิจของคุณดำเนินไปด้วยดี
    • เลือกใช้บริการเว็บไซต์ที่คุณสามารถออกแบบหน้าเว็บเองได้หากคุณคิดว่าจะเขียนโปรแกรมเอง
  3. ไม่ว่าคุณจะออกแบบเว็บไซต์เองหรือจ้างคนอื่นมาทำให้ เว็บไซต์ของคุณควรนำเสนอสินค้าได้ดีและใช้ง่ายเมื่อลูกค้าต้องการจะซื้อสินค้า อย่าไปคิดว่าออกแบบเว็บไซต์ให้ฉูดฉาดถึงจะดี เว็บไซต์ที่ใช้ง่ายตรงไปตรงมาน่ะดีกว่าสำหรับการซื้อของออนไลน์นะ
    • เพิ่มการจัดเก็บข้อมูลอีเมล์ของลูกค้าด้วย คุณจะได้ส่งโฆษณาหรือเสนอเงื่อนไขพิเศษให้ลูกค้าผ่านอีเมล์ได้ [2]
    • ลูกค้าไม่ควรต้องกดเกินสองคลิกเพื่อที่จะจบการซื้อสินค้า
    • ใช้สีสันและฟอนต์ตัวอักษรไม่กี่สีก็พอ
  4. ติดตั้งซอฟต์แวร์สำหรับ e-commerce เพื่อที่ลูกค้าจะได้สามารถใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าได้. [3] ขั้นตอนนี้จะทำให้ลูกค้าพิจารณาสินค้าและจับจ่ายได้อย่างอุ่นใจ ซอฟต์แวร์ตัวนี้จะจัดเก็บข้อมูลทั้งที่เกี่ยวกับลูกค้าและข้อมูลทางการเงิน นอกจากนี้ ซอฟแวร์สำหรับ e-commerce ยังมีส่วนช่วยในด้านการตลาดด้วยเพราะสามารถใช้เป็นช่องทางในการส่งอีเมล์ไปหาลูกค้าได้ ใช้เวลาหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทต่างๆ ที่ให้บริการให้ดีก่อนค่อยตัดสินใจเลือก เพราะซอฟต์แวร์ตัวนี้จะมีบทบาทต่อประสบการณ์การจับจ่ายใช้สอยของลูกค้าและความสำเร็จของธุรกิจของคุณมากเลยล่ะ
  5. คุณต้องเปิดบัญชีธนาคารเพื่อที่ลูกค้าจะได้ซื้อของผ่านบัตรเครดิตได้ แต่ธนาคารอาจเก็บค่าธรรมเนียมแพง ดังนั้น บรรดาร้านค้าออนไลน์เล็กๆ จึงมักใช้บริการ PayPal ซึ่งถูกกว่าแทน [4]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ใช้บริการ E-Commerce ครบวงจร

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจให้บริการ e-commerce ครบวงจร. ถ้าคุณไม่ได้คิดจะสร้างเว็บไซต์เองขึ้นมาจากศูนย์ มีเว็บไซต์มากมายที่สามารถช่วยให้คุณมีหน้าร้านออนไลน์ได้อย่างง่ายดายเพียงในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แถมยังเสียเงินเพียงไม่กี่บาท ถ้าคุณเลือกใช้บริการแบบนี้ คุณก็ไม่ต้องไปหัดเขียนโค้ดอะไรให้วุ่นวายหรือจ้างคนมาออกแบบเว็บไซต์ให้ คุณจะมีเครื่องมือครบครันพร้อมเปิดร้านขายของในพริบตาเลยล่ะ
    • บริการครบวงจรเหล่านี้มักจะหักเงินนิดหน่อยออกจากเงินที่คุณขายของได้แต่ละครั้ง
    • บริการแบบนี้มีข้อดีแต่ก็มีข้อจำกัดด้วยเช่นกันเพราะคุณต้องดำเนินธุรกิจภายใต้ระบบของของผู้ให้บริการ คุณต้องทำความคุ้นเคยกับบริการหลายๆ เจ้าก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเลือก ถ้าคุณไม่เจอผู้ให้บริการที่สามารถตอบสนองแผนการทางธุรกิจที่คุณวางไว้ได้ก็ลองคิดเรื่องลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเองอีกครั้งก็ดีนะ
  2. บริษัทเช่น Shopify และ Yahoo! นั้นมีบริการที่ทำให้หน้าร้านออนไลน์ของคุณดูน่าเชื่อถือเป็นมืออาชีพในขณะที่คุณแค่ต้องส่งของไปให้ลูกค้า แต่เว็บไซต์ที่ให้เช่าพื้นที่ทำ e-commerce จะช่วยคุณ ไปจนถึงเรื่องการออกแบบหน้าร้าน รับประกันการจ่ายเงิน ช่วยดูแลร้าน สะสมบัญชีอีเมล์ของลูกค้า ไปจนถึงช่วยคุณดูแลลูกค้าด้วย บริการแบบนี้น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่คิดจะเขียนโปรแกรมเว็บไซต์ใช้เอง
  3. ผู้ให้บริการร้านค้า อาทิ Amazon eStores LLC อนุญาตให้คุณขายของสินค้าต่อจากเว็บ Buy.com หรือผู้ค้ารายอื่นด้วยการเขียนรีวิวสินค้าและมุ่งความสำคัญไปที่คุณสมบัติที่ช่วยให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ร้าน eStores ของ Amazon อนุญาตให้คุณขายของต่อได้อย่างง่ายดายเช่นกันเพียงแต่คุณไม่สามารถขายสินค้าที่ตัวเองผลิตขึ้นเองได้
  4. ถ้าคุณเคยขายสินค้าลง eBay มาบ้างแล้วและมั่นใจว่ามีฐานลูกค้าที่นั่นมากพอ คุณอาจขยับขยายไปขายสินค้าทาง eBay เพื่อประหยัดค่าวางสินค้าก็ได้
    • ถ้าคุณไม่เคยใช้ eBay มาก่อน วิธีนั้นอาจไม่เหมาะกับคุณเพราะคุณควรมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ลูกค้าของคุณต้องเชี่ยวชาญการใช้เว็บไซต์มากพอถึงจะใช้ eBay ได้อย่างไม่ติดขัด
    • จำไว้ว่าผู้ใช้ eBay มักเป็นกลุ่มคนที่ตามหาสินค้าลดราคาหรือสินค้าที่มีเพียงชิ้นเดียว (และพวกเขาก็จะต่อราคาสินค้าชิ้นเดียวนั้นอยู่ดี)
  5. Tips เป็นตลาดขายของออนไลน์ที่คุณสามารถโฆษณาขายของหรือทำแคตตาล็อคให้ลูกค้าดูได้โดยไม่ต้องเสียเงิน คุณสามารถอัพโหลดรูป อธิบายสินค้า และตั้งราคาได้ คุณสามารถโฆษณาขายสินค้าได้หลายเดือนโดยไม่ต้องจ่ายค่าวางสินค้า Tips มีเงื่อนไขแค่ว่าถ้าสินค้าที่คุณขายได้ราคา $35 หรือน้อยกว่า คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 5% แต่ถ้าสินค้าที่ขายได้ราคา $35 หรือมากกว่า คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 3% นอกจากโฆษณาขายสินค้าแล้ว คุณยังสามารถลงวิดีโอ เขียนบล็อกเกี่ยวกับสินค้าและบริการหรือเชื่อมบัญชีทวิตเตอร์เข้ากับเว็บไซต์ได้ฟรี ๆ เลยล่ะ
  6. Cafepress คือผู้ให้บริการที่คุณน่าจะลองศึกษาดูหากคุณคิดจะขายเสื้อยืดหรือของอื่นๆ ที่สามารถพิมพ์ลายที่ไม่ซ้ำใครลงไปได้ เช่น แก้วกาแฟ สติ๊กเกอร์ หรือกระดุม ลูกค้าจะเลือกสินคาและสั่งซื้อ จากนั้น Cafepress จะรับคำสั่งซื้อและจัดการส่งสินค้าแทนคุณ คุณสามารถเริ่มสร้างร้านแบบพื้นฐานได้โดยไม่ต้องเสียเงิน และจ่ายเงินรายเดือนเพิ่มหากต้องการเพิ่มลูกเล่นต่างๆ
  7. Etsy เป็นตัวเลือกที่คนทำงานฝีมือขายนิยมใช้ โดยคุณต้องเสียเงิน 20 cent สำหรับของทุกชิ้นที่วางขายและ Etsy จะคิดเงินอีก 3.5% จากราคาขายเมื่อคุณขายของได้ คุณจะได้รับเงินทันทีและต้องรับผิดชอบส่งสินค้าเอง การจ่ายค่าธรรมเนียมจะคิดเป็นรายเดือน (โดยขึ้นอยู่กับสินค้าที่คุณขาย) [5]
  8. Instagram เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่โตไวที่สุดในโลกและเชื่อมโยงกับผู้ใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม Instagram เป็นสื่อที่เหมาะแก่การขายของแฟชั่น สินค้าทำมือ หรือสินค้าแต่งบ้าน โดยคุณต้องอัพโหลดรูปภาพของสินค้าลง Instagram และเชื่อมโยงบัญชีของคุณกับ Selly.com เพื่อสร้างร้านค้าออนไลน์จากรูปภาพที่ลงใน Instagram การจ่ายเงินจะดำเนินการผ่าน Paypal และคุณก็ไม่ต้องเสียเงินค่าสมัครสมาชิกหรือโดนหักค่าธรรมเนียมด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ดึงดูดและรักษาลูกค้า

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. สื่อสังคมออนไลน์มีความสำคัญต่อธุรกิจมากเลยนะ โดยเฉพาะต่อการโปรโมทธุรกิจออนไลน์ สร้างบัญชีและชักชวนให้คนมากดไลค์และแชร์เพจร้านของคุณเพื่อเผยแพร่ร้านคุณให้เป็นที่รู้จักดูสิ
    • เสนอของสมนาคุณให้แก่ลูกค้าที่ช่วยคุณโปรโมทร้าน โดยคุณอาจลดราคาหรือแจกของให้คนที่ร่วมสนุกด้วยก็ได้
    • คุณต้องอัดเดทข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับสินค้าและการซื้อขายเสมอ
  2. การผนวกความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเข้ากับสินค้าที่คุณขายเป็นวิธีการที่ดีในการดึงดูดให้คนเข้ามาชมเว็บไซต์ ถ้าสินค้าของคุณเกี่ยวข้องกับแฟชั่น ลองเขียนบล็อกแนะนำสไตล์การแต่งตัวโดยใช้เสื้อผ้าที่คุณขายบ้างนานๆ ที คุณต้องทำให้คนในโลกออนไลน์พูดคุยกันเกี่ยวกับสินค้าที่คุณขายให้ได้นะ
    • ผู้ให้บริการครบวงจรบางเจ้าอาจมีลูกเล่นบล็อกเป็นส่วนหนึ่งของหน้าร้าน
    • เขียนถึงสินค้าของบริษัทอื่นลงในบล็อกและขอให้ทางนั้นเขียนถึงคุณบ้าง การร่วมด้วยช่วยกันลักษณะนี้เป็นเรื่องที่ร้านค้าออนไลน์รายย่อยมักทำกันอยู่แล้ว
    • ส่งตัวอย่างสินค้าไปให้บล็อกเกอร์หรือเว็บไซต์ดังๆ เขียนรีวิวให้
    • ไปเป็นแขกรับเชิญในบล็อกของคนอื่น เช่น ถ้าคุณขายเครื่องผสมคุกกี้โฮมเมด ก็ลองไปเผยโฉมสินค้าของคุณในบล็อกเกี่ยวกับการอบขนมดังๆ เสียเลยสิ
  3. ใช้โปรแกรมส่งอีเมล์เช่น MailChimp เพื่อจัดการอีเมล์ของลูกค้าและส่งอีเมล์ที่เขียนอย่างสลักสลวยไปให้ลูกค้าเพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าคุณจะจัดรายการพิเศษ แต่ส่งไปแต่พอดีล่ะ เพราะลูกค้าอาจจะเลิกรับจดหมายข่าวจากคุณได้หากคุณส่งอีเมล์หาบ่อยเกินไป
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จับตาดูบริการเป็นคนกลางขายสินค้าที่คุณไม่มี บริการเหล่านี้มักเรียกกันว่า “drop-shipping” ซึ่งคือการทำตัวเป็นคนกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายโดยหักกำไรส่วนต่าง การทำธุรกิจแบบนี้บางเจ้าก็ทำอย่างถูกกฎหมายแต่บางเจ้าก็ทำอย่างหลบๆ ซ่อนๆ แต่แม้จะทำอย่างถูกต้องก็ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จน้อยเพราะของที่ขายมักซ้ำกับคนอื่น คนที่จะอยู่รอดในธุรกิจแบบนี้ต้องมีทักษะทางการตลาดชั้นยอดเท่านั้น ดังนั้น เรียนรู้จากตัวอย่างและนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณซะ
  • ลองใช้ตัวอย่างซอฟแวร์ e-commerce ที่ผู้ให้บริการเจ้าต่างๆ ให้ใช้ฟรีจนพอใจก่อนเพื่อที่จะได้พิจารณาแต่ละเจ้าให้ครบทุกด้านโดยไม่ต้องเสียเงิน แล้วถ้าคุณเกิดถูกใจเจ้าไหนขึ้นมาแต่หาตัวอย่างใช้ฟรีไม่ได้ก็ลองติดต่อขอลองใช้ดู โดยปกตินี้แล้วทางนั้นก็จะหยวนๆ ให้เป็นข้อยกเว้นแหละ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 10,876 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา