PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

การเรียนภาษาใหม่ๆ อาจยากลำบาก แต่ถ้าราทำตามกลวิธีบางอย่าง ในไม่ช้าเราก็จะสามารถเรียนรู้ภาษานั้นได้ การเรียนภาษาต่างประเทศจนสามารถสื่อสารได้เป็นอย่างดีนั้นไม่มีวิธีลัด เราต้องขยันและหมั่นฝึกฝนภาษานั้นบ่อยๆ ถึงจะเชี่ยวชาญภาษานั้นได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

เริ่มจากพื้นฐาน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การรู้จักรูปแบบการเรียนรู้ของตนเองนั้นสำคัญมากที่สุดในการเริ่มเรียนภาษาใดๆ ก็ตาม ทุกคนมีวิธีเรียนรู้ต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลือกที่จะเรียนภาษาใหม่ๆ แล้ว เราต้องรู้ว่าตนเองนั้นเรียนรู้ด้วยวิธีไหนถึงจะได้ผลดีที่สุด เราอาจเรียนรู้ได้ดีที่สุด ถ้าทำอะไรซ้ำๆ ได้เขียนคำต่างๆ หรือฟังเจ้าของภาษานั้นพูด
    • ใคร่ครวญดูสิว่าเราเรียนรู้จากการมองเห็น การฟัง หรือการปฏิบัติ วิธีที่จะรู้ว่าเราเรียนรู้แบบไหนได้ดีคือให้เลือกคำศัพท์จากภาษาประเทศมาสักสองคำและอ่านคำสองคำนั้นสักสองสามครั้ง ถ้าวันต่อมาเรายังจำคำศัพท์สองคำนั้นได้อยู่ แสดงว่าเราอาจเรียนรู้จากการมองเห็นได้ดี ถ้าให้ใครสักคนมาอ่านคำศัพท์สองคำนั้นให้เราฟังหลายครั้งโดยไม่ได้เห็นตัวคำศัพท์นั้น และวันถัดมาเรายังสามารถจดจำคำศัพท์นั้นได้อยู่ แสดงว่าเราอาจเรียนรู้จากการฟังได้ดี ถ้าเราทั้งอ่านและเขียนคำศัพท์สองคำนั้น อ่านซ้ำๆ ออกมาดังๆ ฟังใครสักคนอ่านคำศัพท์นั้น ร่วมกับใช้วิธีจำและนำคำศัพท์นั้นมาใช้แล้วยังจำคำศัพท์สองคำนั้นได้ในวันต่อมา แสดงว่าเราอาจเรียนรู้จากการปฏิบัติได้ดี [1]
    • ถ้าเคยเรียนภาษาอื่นๆ มาก่อน ลองกลับไปทบทวนดูสิว่าเราได้เรียนรู้อะไรไปบ้างแล้วและพยายามนึกให้ออกซิว่าวิธีการเรียนรู้แบบไหนได้ผลกับเรามากที่สุด อะไรที่ช่วยในการเรียนรู้ของเรา อะไรที่ไม่ช่วยเลย ขั้นตอนไหนที่คิดว่าง่าย ขั้นตอนไหนที่คิดว่ายาก เมื่อเราแยกแยะได้อย่างชัดเจนแล้ว เราก็พร้อมที่จะเริ่มเรียนภาษาใหม่ๆ แล้ว
  2. ถึงแม้ภาษาบางภาษาจะมีตัวอักษรคล้ายกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการออกเสียงแบบเดียวกันเสมอไป (ลองให้ชาวโปแลนด์ออกเสียงตัวอักษร “cz” ให้ฟังสิ)
    • การเรียนรู้สัทอักษรสากลช่วยให้เราเรียนรู้การออกเสียงได้ พจนานุกรมส่วนใหญ่ใช้สัทอักษรสากลนี้
    • สถาบันสอนภาษาบางแห่งอาจมีเอกสารประกอบการเรียนภาษาให้ฟรีๆ ทางอินเตอร์เน็ต โดยมีไฟล์เสียงที่ช่วยให้รู้วิธีการออกเสียง แอป Duolingo และเว็บไซต์ต่างๆ ก็เป็นแหล่งในการเรียนรู้ภาษาต่างๆ และสามารถให้กลวิธีการออกเสียงที่ถูกต้องแก่เราได้ [2]
  3. การรู้หลักไวยากรณ์ก็เป็นส่วนที่สำคัญในการเรียนภาษาต่างๆ เช่นเดียวกับการรู้คำศัพท์ "Paul want Mary go store" เราอาจรู้ว่าประโยคนี้หมายความว่าอะไร แต่ประโยคนี้นั้นเขียนไม่ถูกตามหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ถ้าเราไม่รู้หลักไวยากรณ์ของภาษาต่างๆ เราก็จะไม่สามารถใช้ภาษานั้นสื่อสารได้อย่างถูกต้อง
    • ดูโครงสร้างของภาษานั้นและวิธีการใช้คำนำหน้านาม (คำนามเพศชาย คำนามเพศหญิง คำนามเพศกลาง) การเข้าใจโครงสร้างของภาษาจะช่วยให้เราเข้าใจว่าจะนำคำต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกันได้อย่างไรเมื่อเราเริ่มรู้จักคำต่างๆ ของภาษานั้นแล้ว
    • เราต้องรู้วิธีแต่งประโยคคำถาม ประโยคบอกเล่า และประโยคปฏิเสธ ทั้งในรูปอดีต รูปปัจจุบัน และรูปอนาคต โดยใช้คำกริยาในรูปปกติและไม่ปกติที่พบได้บ่อยที่สุด 20 ตัว
  4. ภายใน 90 วันเราจะจำคำศัพท์ของภาษานั้นไปได้ประมาณ 80% เริ่มจำคำศัพท์ที่พบได้มากที่สุดก่อน การจดจำคำศัพท์เป็นก้าวสำคัญในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศและมีกลวิธีต่างๆ ในการจำมากมายให้เลือกใช้
  5. โดยเฉพาะถ้ากำลังเรียนภาษาที่มีระบบตัวอักษรแตกต่างจากภาษาแม่ที่เราใช้ เราจะต้องรู้ว่าตัวอักษรแต่ละตัวหน้าตาเป็นอย่างไรและออกเสียงอย่างไร
    • พยายามใช้ภาพช่วยในการจดจำเสียงและตัวอักษรแต่ละตัว สมองของเราจะได้จดจำตัวอักษรและเสียงของตัวอักษรนั้นได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ในภาษาอังกฤษจะมีตัวอักษร "t" ออกเสียงคล้ายตัว "ท.ทหาร" เมื่อเห็นทหารเดินผ่านหรือเห็นรูปทหาร ก็ให้นึกถึงตัว "ท.ทหาร" ก่อนแล้วค่อยนึกถึงตัว "t" การใช้ภาพช่วยในการจดจำเสียงและตัวอักษรแต่ละตัวขึ้นอยู่กับเราว่าจะใช้ภาพอะไรมาช่วยจำ อาจใช้ภาพง่ายๆ หรือภาพที่ดูไร้สาระก็ได้ ถ้าภาพเหล่านั้นช่วยให้เราจำได้ [3]
    • เราอาจต้องฝึกตนเองให้คุ้นชินกับการอ่านจากขวาไปซ้ายหรือจากบนลงล่าง เริ่มจากอ่านงานเขียนง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เปลี่ยนไปอ่านงานเขียนยากๆ เช่น เริ่มอ่านหนังสือพิมพ์ก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนไปอ่านหนังสือประเภทต่างๆ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ฝึกและพัฒนาทักษะทางภาษา

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ฝึกฟังการพูดของเจ้าของภาษา อาจฟังจากภาพยนตร์ รายการทีวี ไฟล์สนทนาจากคอร์สเรียนภาษา หรือเพลง จะช่วยให้เราจดจำคำศัพท์ที่กำลังพยายามเรียนรู้อยู่ได้ดี แต่แค่ฟังอย่างเดียวไม่พอ เราจะต้องฝึกออกเสียงคำต่างๆ ซ้ำๆ และฝึกพูดคำเหล่านั้นกับตัวเองด้วย
  2. เริ่มอ่านหนังสือที่ง่ายๆ ก่อน และถ้าเราเริ่มอ่านได้เข้าใจมากขึ้นแล้ว ให้เปลี่ยนไปอ่านหนังสือที่ยากขึ้นๆ ลองท้าทายความสามารถตนเองด้วยการอ่านแบบไม่เปิดพจนานุกรมและปล่อยให้ตนเองรู้ความหมายของคำต่างๆ เอง
    • เราอาจลองอ่านหนังสือสำหรับเด็กก่อนก็ได้เพราะหนังสือสำหรับเด็กนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อสอนเด็กให้อ่านหนังสือออกและเข้าใจภาษาของตนเอง ถ้าเราเพิ่งเริ่มต้นเรียนภาษา เราควรเริ่มอ่านอะไรที่ง่ายๆ ก่อน
    • ถ้าเราเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งในฉบับภาษาไทยแล้วชอบและรู้ว่าหนังสือต้นฉบับของหนังสือแปลเล่มนั้นเป็นภาษาที่เราพยายามเรียนอยู่ เราอาจลองหาหนังสือภาษาต้นฉบับมาอ่านก็ได้ ถ้าเรามีความรู้ความเข้าใจเนื้อหาในหนังสือเล่มนั้นมาก่อน เราจะสามารถแปลความหมายของคำแต่ละคำออกมาได้และเกิดความสนใจอ่านอย่างสม่ำเสมอ
    • ลองอ่านนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ภาษาต่างประเทศที่เราสนใจ เลือกหัวข้อที่เราสนใจ การอ่านนิตยสารจะทำให้เรามีโอกาสเรียนรู้สำนวนที่ใช้กันทั่วไปในภาษานั้น นิตยสารและหนังสือพิมพ์จะมีบทความให้อ่านหลากหลายหัวข้อและส่วนใหญ่บทความเหล่านั้นจะสั้น จึงไม่ต้องใช้เวลาอ่านนานเท่าหนังสือ
    • จะซื้อพจนานุกรมภาษาต่างประเทศที่เราอยากเรียนสักเล่มหรือใช้ดิกชันนารีออนไลน์ก็ได้ เมื่อพบคำใหม่หนึ่งคำ ค้นหาความหมายของคำนั้นในพจนานุกรม ต่อมาคัดลอกคำ นิยามของคำ และตัวอย่างประโยคที่ใช้คำนั้นลงในสมุดจด จากนั้นทบทวนเนื้อหาที่จด การทำแบบนี้จะช่วยให้เราคิดเป็นภาษานั้นได้
    • บางครั้งพจนานุกรมภาพก็มีประโยชน์ในการเรียนรู้คำนามทั่วไปสำหรับบางภาษา ตัวอย่างเช่น เราอาจใช้พจนานุกรมภาพภาษาญี่ปุ่นช่วยในการเรียนรู้คำนามทั่วไปของภาษาญี่ปุ่น เพราะคำของภาษาญี่ปุ่นมีหลายความหมายเช่นเดียวกับคำภาษาอังกฤษ
  3. ถ้าเราไม่ได้พูดภาษานั้นเลย เราก็อาจเรียนและจดจำภาษานั้นได้ไม่ดีนัก มีหลักสูตรการเรียนภาษาที่ทำให้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของภาษาผ่าน Skype อยู่ แต่ถ้าไม่สามารถพูดคุยกับเจ้าของภาษาผ่านทางนั้นได้ ลองหาสิว่าแถวบ้านหรือจังหวัดของเรามีที่ไหนซึ่งชาวต่างชาติเจ้าของภาษานิยมมาเที่ยว ให้เพื่อนหรือคนรู้จักแนะนำชาวต่างชาติเจ้าของภาษาที่สามารถช่วยเราฝึกพูดได้ โรงเรียนสอนภาษาก็เป็นสถานที่ซึ่งเหมาะสมในการเริ่มฝึกพูดเหมือนกัน
    • เรียนรู้สำนวน สุภาษิต และถ้อยคำที่ใช้บ่อยๆ เมื่อเรียนภาษาในระดับที่สูงขึ้น ให้เรียนรู้สำนวนและแม้แต่คำสแลงด้วย ถึงแม้สุดท้ายเราจะไม่มีโอกาสใช้บ่อยนัก แต่การรู้คำเหล่านี้จะช่วยให้เราแยกแยะ และเข้าใจสำนวนถ้อยคำเหล่านี้เมื่อได้ยินหรือได้อ่าน
    • อย่าอาย ถ้าเราพูดภาษาต่างประเทศได้ไม่ถูกต้องนัก การพูดภาษาต่างประเทศได้คล่องต้องอาศัยเวลา
    • หมั่นฝึกพูดเป็นประจำ ถ้าเราไม่ฝึกพูดภาษาต่างประเทศเลย เราก็จะไม่สามารถใช้สื่อสารได้อย่างเชี่ยวชาญ ฉะนั้นหมั่นหาโอกาสพูดคุยกับเจ้าของภาษา ชวนเพื่อนมาเรียนภาษาด้วยกันกับเราและฝึกพูดคุยกันเป็นภาษาต่างประเทศ พูดคุยโต้ตอบกับทีวีก็ได้
  4. อย่ากลัวการพูดภาษาต่างประเทศในที่สาธารณะและกับเจ้าของภาษา การฝึกพูดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้เชี่ยวชาญภาษานั้นมากขึ้น อย่าอายถ้าหากมีคนบอกว่าเราออกเสียงผิดและช่วยแก้ไขให้ถูกต้อง ไม่มีใครรู้ไปหมดทุกอย่าง ฉะนั้นเราต้องน้อมรับคำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์ด้วย ให้ทดสอบทักษะการพูดของตนเองทุกครั้งที่มีโอกาส
    • หมั่นดูภาพยนตร์และรายการทีวีภาษาต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากำลังเรียนภาษาสเปนและชอบดูฟุตบอล ให้ดูถ่ายทอดสดฟุตบอลเป็นภาษาสเปน พูดตอบโต้เป็นภาษาสเปนระหว่างชมเกมการแข่งขันด้วย
    • ท้ายทายตนเองขึ้นอีกนิดด้วยการฝึกคิดเป็นภาษาที่ตนเองกำลังเรียนอยู่
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เลือกภาษาที่เราสนใจอยากเรียนมากที่สุด ถ้าเราเป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ก็อาจเลือกเรียนภาษาฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี เพราะจะสามารถเรียนภาษาพวกนี้ได้ง่ายขึ้น
  • การใช้แหล่งเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ หนังสือ และการลงคอร์สเรียนภาษาควบคู่กันไปจะช่วยให้เราเรียนภาษาต่างประเทศได้อย่างครอบคลุมทุกด้าน
  • พอเข้าใจพื้นฐานแล้ว ให้ลองดูภาพยนตร์ที่ตนชื่นชอบและเคยดูมาแล้วเป็นภาษาต่างประเทศ จะมีคำบรรยายเป็นภาษาต่างประเทศด้วย ถ้าเห็นว่าเราการเรียนภาษาแบบนี้นั้นยากเกินไป ให้เริ่มต้นจากการดูบทบรรยายไทยก่อนก็ได้
  • อาจเริ่มอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศที่สนุกๆ เลือกเนื้อหาค่อนข้างตลกและมีรูปภาพประกอบ อย่างเช่น หนังสือภาพ หนังสือการ์ตูน นิตยสาร หนังสือ หรืออะไรก็ได้ที่เราพบว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง การอ่านอะไรที่สนุกและน่าสนใจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราอ่านหรือค้นคว้าจนกว่าจะเข้าใจเนื้อหาที่เขียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเรื่องแนวขำขัน เราจะอ่านหนังสือสำหรับเด็กก็ได้ เพราะเราเคยรู้เรื่องราวในหนังสือเหล่านั้นมาก่อนและภาษาที่ใช้ในหนังสือเด็กก็อ่านเข้าใจง่าย
  • ลองฟังเพลงภาษาต่างประเทศที่ชอบและฟังหลายๆ ครั้ง พอฟังมาถึงจุดหนึ่ง เราจะเข้าใจว่าเพลงนั้นร้องว่าอะไรและพยายามทำความเข้าใจเนื้อเพลงหลังจากนั้น
  • พยายามไปเยือนประเทศเจ้าของภาษาและพูดคุยกับคนในท้องถิ่น เช่น คนขับรถแท็กซี่หรือเจ้าของร้านขายของ
  • จะใช้แอปพลิเคชันสำหรับเรียนภาษาต่างประเทศเช่น "Duolingo" แอปพลิเคชันแบบนี้ก็ช่วยในการเรียนภาษาต่างประเทศได้
  • จัดตารางเรียนภาษาต่างประเทศ กำหนดระยะเวลาในการเรียนให้ชัดเจน กำหนดวิธีการเรียนภาษาในแต่ละวัน เช่น เราอาจกำหนดให้วันจันทร์และวันพุธเป็นวันที่เราจะเรียนภาษาจากเว็บไซต์ Rosetta Stone วันอังคารและวันพฤหัสบดีเป็นวันที่จะเรียนภาษาจากเว็บไซต์ Pimsleur วันศุกร์เป็นวันที่เราจะศึกษาหลักไวยากรณ์ของภาษานั้นจากหนังสือ การกำหนดตารางเรียนภาษาจะทำให้เราได้ฝึกใช้ภาษาทุกวันและพัฒนาทักษะภาษานั้นให้ดีขึ้น
  • เวลาเรียนภาษาต่างประเทศ ให้พยายามผ่อนคลายเข้าไว้ จะช่วยให้เราจดจำเนื้อหาที่เรียนได้ดีขึ้น
  • ถ้าเป็นไปได้ ขอแนะนำให้ลงเรียนภาษากับสถาบันสอนภาษาหรือจ้างครูสอนภาษาส่วนตัว การเรียนกับบุคคลจริง (แทนการเรียนจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์) มีประโยชน์ตรงที่ว่าเราสามารถถามได้เลยหากมีข้อสงสัยใดๆ และคุณครูจะประเมินให้ได้ว่าทักษะทางภาษาของเรานั้นพัฒนาไปถึงไหนแล้ว
โฆษณา

คำเตือน

  • ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยการเรียนภาษาต่างประเทศและหมั่นทบทวนเนื้อหาที่เรียนเสมอ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,825 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา