ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ช่างน่าประทับใจทุกทีที่ได้เห็นนักเปียโนมากความสามารถบรรเลงเพลงราวกับนิ้วโบยบินอยู่เหนือแป้นคีย์ด้วยสีหน้าจดจ่อ บทความนี้อาจไม่ได้สอนให้คุณเล่นมันได้ราวมืออาชีพ แต่จะให้แนวคิดกับคุณเพื่อนำไปสู่การเริ่มต้นเล่นคีย์บอร์ด
ขั้นตอน
-
ทำความรู้จักกับเครื่องดนตรีของคุณ. ไม่ว่าคุณอยากจะเป็นนักเปียโนออกคอนเสิร์ตหรือแค่มือคีย์บอร์ดในวงร็อค คุณก็ต้องเริ่มจากพื้นฐานเดียวกัน
-
รู้จักคำศัพท์. เครื่องดนตรีมีชื่อเรียกหลายอย่างและมีหลากหลายชนิดซึ่งต่างก็มีสิ่งหนึ่งที่ใช้ร่วมกัน ลองมาดูประวัติของคีย์บอร์ดแบบฉบับย่อกัน
- ฮาร์ปซิคอร์ด (Harpsichord) นี่เป็นคีย์บอร์ดรุ่นแรกสุดรุ่นหนึ่ง เล่นให้เกิดเสียงได้ด้วยการเกาสายแบบเดียวกับที่นักกีตาร์ทำ เว้นเสียแต่ว่าตัวปิ๊กนั้นติดอยู่กับคีย์ ไม่ว่าคุณจะเล่นหนักหรือเบานั้นไม่สำคัญ เสียงที่ได้จะไม่มีความดังเบาแตกต่างกันและจะดังเท่ากันตลอด
- เปียโน (Piano) กระบวนการทำให้เกิดเสียงที่ประณีตโดยใช้ค้อนที่มีน้ำหนักแทนตัวปิ๊ก แป้นคีย์จะเป็นตัวควบคุมค้อน และนักเปียโนสามารถควบคุมความดังเบาของเสียงได้ตั้งแต่เบามากไปจนถึงดังมาก
- เปียโนไฟฟ้า (Electric Piano) ในขณะที่เสียงเปียโนฟังดูหรูหราและไพเราะ แต่ก็เคลื่อนย้ายไม่สะดวก เมื่อนักดนตรีเริ่มทยอยใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้าในยุคทศวรรษที่ 50 พวกเขาก็เริ่มอยากได้เครื่องดนตรีที่ย้ายไปไหนมาไหนได้เหมือนอย่างกลองชุด จึงเกิดเปียโนไฟฟ้า (และออร์แกน) ขึ้น
- เครื่องสังเคราะห์เสียง (Synthesizer) หลังมีฮาร์ปซิคอร์ดและเปียโนมากว่า 300 ปี นักดนตรีเริ่มจะคุ้นเคยและถนัดกับรูปร่างของคีย์บอร์ด เมื่อมีเครื่องสังเคราะห์เสียงไฟฟ้า จึงไม่แปลกที่ยังใช้คีย์บอร์ดรูปร่างแบบเดิม แต่เปลี่ยนคำศัพท์เรียกนิดหน่อย ในยุคนั้นคนมักเรียกคนที่เล่นคีย์บอร์ดว่า “นักเปียโน” หรือ “นักออร์แกน” อย่างไรก็ตาม สำหรับเครื่องดนตรีที่มีแป้นคีย์เหมือนเปียโน แต่ทำให้เกิดเสียงได้เหมือนกับวงซิมโฟนีออร์เคสตร้าไปจนถึงเสียงร้องของแมวเหมียว คำว่า “นักเปียโน” จึงไม่เหมาะกับบริบทอีกต่อไป จึงเกิดคำว่า นักคีย์บอร์ด ขึ้น
-
ทีนี้คุณก็รู้จักเครื่องดนตรีนี้แล้ว. ได้เวลาฝึกซ้อมล่ะโฆษณา
-
ดูที่แป้นคีย์. ไม่ว่าคุณจะเล่นเครื่องสังเคราะห์เสียงบนไอแพด หรือคีย์บอร์ดดิจิตอลวางบนขาตั้ง หรือแกรนด์เปียโนระดับขึ้นคอนเสิร์ต เครื่องเหล่านี้ล้วนมีแป้นคีย์บอร์ดแบบเดียวกัน และอาจแตกต่างไปบ้างที่จำนวนคีย์บนแป้น[[Im
-
สังเกตว่าคีย์มีอยู่ 2 ชนิด. คีย์ดำกับคีย์ขาว นี่อาจทำให้สับสนในตอนแรกแต่มีอยู่สองสามวิธีที่จะทำให้คุณจำง่ายขึ้น
- มีคีย์พื้นฐานอยู่ 12 คีย์ ในแต่ละเซ็ตของ 12 คีย์จะมีลักษณะเดียวกับ 12 คีย์ของเซ็ตอื่น ต่างตรงที่อยู่ในช่วงเสียงสูงหรือเสียงต่ำ
- คีย์ขาวทุกตัวอยู่ในบันไดเสียง C เมเจอร์
- คีย์ดำทุกตัวมีชื่อเรียกอย่างใดอย่างหนึ่งว่า “ชาร์ป” (#) หรือ “แฟลต” (b)
-
ดูที่แป้นคีย์บอร์ดอีกครั้ง. หารูปแบบโดยเริ่มจากตัว C ที่อยู่ทางซ้ายของรูป มีคีย์ดำเยื้องมาทางขวา โน้ตตัวถัดไปตัว D มีคีย์ดำกั้นอยู่ทั้งสองข้าง และโน้ต E ที่อยู่ถัดมามีคีย์สีดำเยื้องมาทางซ้าย
- สังเกตรูปแบบของคีย์ขาวสองตัวและคีย์ดำสองตัวซึ่งมีคีย์ขาวตัวหนึ่งอยู่ตรงกลาง
- หากลุ่มต่อไปซึ่งมีลักษณะการจัดกลุ่มเหมือนๆ กัน โดยมีแค่คีย์ดำสามตัวและคีย์ขาวสองตัวอยู่ตรงกลางระหว่างโน้ต F กับ B
-
หาตัว C ที่อยู่ถัดมาทางขวาของแป้นคีย์. คุณจะเห็นรูปแบบเดียวกับอันก่อนหน้านี้ ซึ่งจะซ้ำกันในทุกๆ ช่วงคู่แปด (octave) ของแป้นคีย์ นั่นหมายถึง ช่วงเสียงของโน้ตตัวเดียวกันที่ห่างกันเป็นระยะ 8 ตัวโน้ต
-
หาตัว C ที่อยู่ใกล้กับจุดกึ่งกลางของแป้นคีย์. นี่คือตัว C หรือ โดกลาง หรือ C3 ตัว C ที่อยู่ถัดมาทางขวาคือ C4, C5, C6, เป็นต้น และตัว C หรือโดที่อยู่ต่ำลงมาเรียกว่า C2, C1, C0.
-
เล่นเพลง. ใช่แล้ว ถูกต้อง ง่ายแค่นี้แหละ! เริ่มจากโดกลางหรือ C3 จินตนาการว่าตัวคุณกำลังเดินปกติ และในทุกก้าวที่คุณกำลังนึกอยู่ให้เล่นคีย์ขาวตัวถัดมาทางขวามือจนกระทั่งคุณเล่นถึงตัวโดสูง หรือC4 จากนั้นหยุดเล่น โอเค นี่ไม่ค่อยเหมือนเป็นเพลงเท่าไหร่ แต่พื้นฐานทั้งหมดเริ่มต้นที่จุดนี้ เล่นโน้ตเฉพาะตัวตามลำดับเฉพาะและในช่วงเวลาที่กำหนด นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเวลาคุณเล่นเพลงจากโน้ตเพลง
- เล่นซ้ำอีกครั้ง เหมือนกับรอบที่แล้ว ให้จินตนาการว่าคุณกำลังเดิน และในทุกๆ ก้าวให้คุณเล่นโน้ตตัวที่สูงขึ้น คราวนี้มองมาที่โน้ตแต่ละตัว อ่านจากซ้ายไปขวาก่อนที่คุณจะเริ่มเล่นบนคีย์บอร์ด ทีนี้คุณไม่ใช่แค่เล่นเพลงแต่คุณกำลังอ่านเพลงอยู่!
โฆษณา
-
ฝึกหูของคุณ. ไม่มีวิธีการเรียนแบบไหนที่ได้ผลเร็วทันที การเรียนจากการฟังก็เช่นกัน การจดจำเสียงของเพลงและหาตัวโน้ตบนแป้นคีย์บอร์ดที่กดแล้วได้เสียงเดียวกันนั้นเป็นทักษะที่ต้องฝึกมาประมาณหนึ่งเพื่อพัฒนาการฟัง ข่าวดีก็คือ เหล่านักด้นสดเก่งๆ ทั่วโลกต่างรู้วิธีที่จะทำแบบนี้ ดังนั้น นี่เป็นทักษะที่ไม่สูญเปล่า วิธีที่คุณจะเริ่มต้นมีดังต่อไปนี้
-
รู้จักกับศิลปะของ solfège. มันออกเสียงว่า “ซอล-เฟซ” และแปลว่า การร้องจากการดู คุณพอมีพื้นมาแล้ว ถ้าคุณรู้วิธีร้อง “โด เร มี” โน้ตบันไดเสียงของซอลเฟซพื้นฐานไล่จาก โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด ในกุญแจ C (คีย์ขาว) นี่หมายถึงตัว C, D, E, F, G, A, B, C.
-
ลองเล่นดู. เล่นบันไดเสียง C ที่พูดถึงก่อนหน้านี้บนแป้นคีย์บอร์ดของคุณ ในแต่ละโน้ตที่คุณเล่น ร้องโน้ตตัวถัดไปตามบันไดเสียงของซอลเฟซ อย่ากังวลถ้าเสียงร้องของคุณไม่ทำให้คุณได้ไปประกวดเดอะวอยซ์ หลักสำคัญคือ เชื่อมเสียงเข้ากับตัวโน้ต ว่าแต่โน้ตบนคีย์ดำล่ะ?
- นี่คือบันไดเสียง ประกอบด้วยโน๊ตตัวดำในวงเล็บ: โด-(ดี)-เร-(รี)-มี-ฟา-(ฟี)-ซอล-(ซี)-ลา-(ลี)-ที-โด ลองเล่นที่คีย์บอร์ดของคุณ แล้วฟังว่าเสียงออกมาแบบไหน คุณจะสัมผัสได้ว่า โด-เร-มี เริ่มฟังคุ้นหู
-
ฝึกคู่เสียง (intervals). แทนที่จะร้องแค่ “โด เร มี” ลองร้องสลับกันอย่าง “โด-มี-เร-ฟา-มี-ซอล-โด” คิดโน้ตผสมของคุณเอง เขียนโน้ตนั้นใส่กระดาษแล้วร้องออกมา จากนั้นลงมือเล่นบนแป้นคีย์บอร์ดและดูว่าคุณเริ่มเล่นได้ใกล้เคียงมากขึ้นไหม
-
ลองเริ่มเล่นเพลงง่ายๆ เมื่อคุณเริ่มรู้สึกเล่นคล่องขึ้น. อาจเล่นเพลงที่คุณรู้จักดีอยู่แล้ว หรือเพลงเด็กที่คุ้นหูมากๆ เพียงแต่ครั้งนี้แทนที่จะร้อง เช่น “หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว” ให้ร้อง “มี-เร-โด-เร-มี-มี-มี(ลากเสียงยาว)” แทน
- เมื่อคุณฝึกฝนความสามารถที่จะทำแบบนี้ได้ คุณจะเรียนคำร้องซอลเฟซเพลงไหนก็ได้ ที่ไหนก็ได้ และกลับมาลองเล่นที่คีย์บอร์ดดู
- ยิ่งคุุณทำแบบนี้มากเท่าไหร่ คุณก็จะเริ่มเล่นดีขึ้นมากเท่านั้น
โฆษณา
-
นึกถึงคีย์บอร์ดว่ามี “สมอง” อยู่สามแบบ. ในแต่ละสมองมีความทรงจำอยู่หนึ่งประเภท
-
สมองประเภทแรกเรียก สมองเสียง หรือที่รู้จักกันว่า โทน (Tone). นี่คือเสียงอย่างเปียโน เครื่องสาย ฟลุต หรือเสียงใหม่และเสียงแปลกๆ ที่คุณสร้างขึ้นมาเอง
-
ประเภทต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อ “สมองจังหวะ”. ส่วนนี้อาจเรียกว่า “จังหวะ” ในบางคีย์บอร์ด หรือ “สไตล์” ในที่อื่น คีย์บอร์ดอาจมีเสียงกลองชุด กีตาร์เบส เปียโน และเสียงประสานที่ใช้แพทเทิร์นที่ตั้งมากับเครื่องแต่แรก นี่เหมือนกับเป็นวงแบคอัพที่คุณใช้มือซ้ายควบคุมได้ และเล่นเมโลดี้ที่มือขวา
-
สมองประเภทที่สามคือ ที่ซึ่งผลงานการสร้างสรรค์ทางดนตรีของคุณทั้งหมดถูกบันทึกไว้. ตัวอย่าง ถ้าคุณเล่นมือซ้ายเป็นกีตาร์เบส คุณสามารถบันทึกไว้ แล้วค่อยเล่นเพลงคลอไปพร้อมกับมัน คุณสามารถเล่นทำนองเพลงสดใหม่สุดด้วยเปียโนหรือเครื่องสังเคราะห์เสียง เพื่อให้เข้ากับสิ่งที่คุณเคยบันทึกเอาไว้ก็ได้โฆษณา
-
ตัดสินใจระหว่างคีย์บอร์ดกับเปียโนทั่วไป. พิจารณาองค์ประกอบต่อไปนี้
-
เปียโนมีทั้งหมด 88 คีย์. เครื่องใหญ่หนักและเสียงดัง และคุณไม่สามารถเสียบหูฟังเข้ากับเปียโนและลงมือซ้อมตอนตีสองได้!
-
เพลงคลาสสิคฟังไพเราะยิ่งขึ้นเวลาเล่นบนเปียโนมากกว่าบนคีย์บอร์ด. เปียโนดิจิตอลเปรียบได้กับเปียโนไม้แต่จำไว้ว่า เปียโนดิจิตอลที่มีเปียโนจริงเป็นต้นแบบอาจมีคุณภาพเสียงด้อยกว่าเล็กน้อย
-
คีย์บอร์ดดิจิตอลเล่นง่ายกว่า. ครั้งต่อไปที่คุณนั่งอยู่ใกล้เปียโน กดโน้ตต่ำสุดที่อยู่ทางซ้ายมือ จากนั้นกดโน้ตสูงสุดที่อยู่ทางขวามือ รู้สึกถึงความแตกต่างหรือไม่ น้ำหนักแป้นคีย์จะหนักกว่าที่ฝั่งซ้ายสุด และเบากว่าเล่นง่ายกว่าที่ฝั่งขวาสุด
- ทีนี้ลองทำแบบเดียวกันกับคีย์บอร์ดเกือบทั้งหมด คีย์บนเครื่องสังเคราะห์เสียงหรือแบบมีขาตั้งจะให้ความรู้สึกเหมือนกันหมด เว้นเสียแต่เครื่องนั้นทำเพื่อเลียนแบบแป้นคีย์เปียโน “การกด” ที่แป้นคีย์บอร์ดจะเบาและเร็วกว่า ง่ายสำหรับการเล่นติดต่อกันหลายชั่วโมง
- นักเล่นคีย์บอร์ดหลายคนไม่จำเป็นต้องใช้โน้ตทุกตัวบนแป้นคีย์เปียโน โน้ตที่คุณเล่นสามารถเลื่อนขึ้นและลงบนคีย์บอร์ดได้ด้วยปุ่มควบคุม ตัวอย่าง โน้ตที่คุณเล่นอยู่ที่ตัวโดกลาง หรือ C3 สามารถกลายเป็นโดสูงขึ้นอย่าง C4 หรือต่ำลงอย่าง C1 หรือคู่เสียงไหนก็ตามที่คุณเลือกจากปุ่มกด
-
คีย์บอร์ดดิจิตอลเป็นเครื่องดนตรีที่มีฟังก์ชั่นใช้งานหลากหลายมาก. มันเหมาะนำไปใช้งานมากยิ่งขึ้นถ้าคุณเล่นกับวงดนตรี นักกีตาร์ให้จังหวะมาซ้อมสายเหรอ นักคีย์บอร์ดสามารถเลือกทำเสียงกีตาร์ หรือเล่นแทนมือกีตาร์ให้จังหวะของวงด้วยการเล่นคอร์ดเสียงเปียโนประกอบได้
-
สุดท้าย ถึงแม้ว่าคีย์บอร์ดอาจไม่ได้เกิดเต็มตัวในวงการเพลงคลาสสิค. ทว่าในโลกของเพลงยอดนิยม (แจ๊ซ, ร็อค, เร็กเก้ ,ป๊อป, พังค์ และอื่นๆ) คนเริ่มใช้คีย์บอร์ดกันแพร่หลายขึ้นโฆษณา
เคล็ดลับ
- อย่าหงุดหงิด พยายามต่อไปและคุณจะทำสำเร็จ
- ซ้อม ซ้อม ซ้อม
- เชื่อมั่นในตัวเอง
- ถ้าคุณเล่นพลาดก็แค่พยายามเล่นต่อ
- ยอมรับคำวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ด้วยจิตใจสดใสเหมือนตอนที่ได้รับคำชม
- ซ้อมกับจังหวะซึ่งมีอยู่ในเครื่องเล่นคีย์บอร์ดเพื่อพัฒนาการจับจังหวะและเล่นให้ตรงจังหวะ
- อย่ากลัวความผิดพลาด แม้แต่คนที่เก่งที่สุดก็ยังมีเล่นถูกบ้างผิดบ้าง จำกฎข้อนี้ไว้: ถ้าคุณเล่นไม่มีผิด คุณกำลังพยายามไม่มากพอ
- ฟังและเรียนรู้จากคนที่คุณรู้จัก
- การเล่นเปียโนใช้หลักการพื้นฐานเดียวกับการเล่นคีย์บอร์ด
- คุณสามารถเรียนวิธีเล่นคีย์บอร์ดด้วยตัวเองได้จากคู่มือการเล่น แต่คนมักนิยมไปเรียนกันมากกว่า คุณจะได้รับประโยชน์จากคนที่สามารถชี้แนะคุณได้ว่าตอนไหนที่คุณเล่นถูก และช่วยคุณเวลาที่คุณก้าวข้ามจุดที่ยากลำบากไปไม่ได้
โฆษณา
คำเตือน
- อย่าคาดหวังที่จะเรียนรู้ชั่วข้ามคืน แม้แต่โมสาร์ตและบีโธเฟนก็ไม่ได้เรียนรู้ไวขนาดนั้น ดังนั้น จงฝึกซ้อม
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- คีย์บอร์ด
- โน้ตเพลง (ไม่จำเป็นสำหรับการเรียนวิธีเล่น)
- ครูที่ดี
- ความกระตือรือร้น
- ความอดทนและการฝึกซ้อมมากๆ
ข้อมูลอ้างอิง
- Download this free book which may help you learn the first rudiments of keyboard music: [1]
- Try these Online Animated sound Classical Techno and Rock keyboards lessons at Ezmusic4u.com . They include alternate easy "alphabet letter notes" as well as standard notation and helpful finger diagrams.
โฆษณา