ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ถ่ายทอดสัญญาณวิดีโอต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ กล้อง และเครื่องเกม เข้ากับพอร์ท HDMI ของทีวีให้คุณเอง โดย HDMI (High-Definition Multimedia Interface) นั้นเป็นฟอร์แมตที่นิยมใช้รับส่งสัญญาณดิจิตอลคุณภาพสูงทั้งภาพและเสียงระหว่างอุปกรณ์ ถึงอุปกรณ์นั้นจะไม่มีพอร์ท HDMI ถ้าหาสายเฉพาะหรือ adapter มาใช้เพิ่มเติม ก็จะเชื่อมต่อได้ตามปกติ
ขั้นตอน
-
หาพอร์ท HDMI ของทีวี. ทีวีรุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะมีพอร์ท HDMI ขนาดมาตรฐาน 13.9 มม. x 4.45 มม. (Type A) อย่างน้อย 1 ช่อง พอร์ทพวกนี้จะเขียนว่า "HDMI" ถ้ามีมากกว่า 1 ช่อง แต่ละช่องจะมีหมายเลขกำกับไว้ (เช่น HDMI 1 , HDMI 2 )
- ทีวีบางเครื่องจะมีพอร์ท HDMI ที่แผงด้านหน้าหรือด้านข้าง
-
เลือกใช้สาย HDMI ให้ถูก. ถ้าอุปกรณ์นั้นมีพอร์ทขนาดเดียวกันกับของทีวี (Type A/13.99 มม. x 4.45 มม.) ต้องใช้สาย HDMI Type-A ขนาดมาตรฐาน ที่หัวเสียบมี 19 pin ทั้ง 2 ด้าน แต่บางอุปกรณ์ (ส่วนใหญ่จะเป็นกล้องหรือ media player แบบพกพา) จะมีพอร์ท HDMI ที่เล็กกว่า แบบนี้ต้องใช้สายแบบอื่น
- Type C/Mini-HDMI: พอร์ท HDMI แบบนี้จะพบบ่อยตามกล้อง/กล้องวิดีโอ DSLR รุ่นเก่า จะมีขนาด 10.42 มม. x 2.42 มม. ซึ่งจะเล็กกว่า Type A ถ้าอุปกรณ์ของคุณใช้พอร์ทแบบนี้ ก็ต้องใช้ สายแปลง Mini-HDMI-C เป็น HDMI-A
- Type D/Micro-HDMI: ขนาดจะเล็กกว่า Type C เป็นพอร์ท 6.4 มม. x 2.8 มม. พบได้ตามอุปกรณ์อัดวิดีโอขนาดเล็ก เช่น GoPro และสมาร์ทโฟนบางรุ่น แบบนี้ต้องใช้ สายแปลง Micro HDMI-D เป็น HDMI-A
-
เสียบสายข้างหนึ่งที่อุปกรณ์. เปิดเครื่องอุปกรณ์ที่จะเสียบกับทีวี แล้วค่อยๆ เสียบสายที่เข้ากันกับพอร์ท HDMI
- ปกติจะเสียบ HDMI ที่พอร์ทได้ทางเดียว เสียบได้ก็คือได้ เสียบไม่ได้ก็คือไม่ได้ เพราะงั้นห้ามฝืนออกแรงเวลาเสียบสายที่พอร์ท เพราะเสี่ยงจะเสียหายทั้งสายและอุปกรณ์
-
เสียบสายอีกข้างที่ทีวี. เปิดทีวีก่อน ถ้ายังไม่ได้เปิด แล้วเสียบสายให้แน่น ถ้าทีวีมี HDMI หลายพอร์ท ให้เช็คว่าใช้พอร์ท HDMI เลขอะไร
-
เปลี่ยนช่อง HDMI ในทีวีให้ถูก. กดปุ่ม SOURCE หรือ INPUT ที่ทีวีหรือรีโมท เพื่อเลือกพอร์ท HDMI ปกติต้องกดหลายครั้งหน่อย ถึงจะเจอพอร์ทที่ถูกต้อง พอเจอช่องที่ถูกแล้ว ภาพจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ จะโผล่มาในหน้าจอ
- ถ้าใช้ Windows ให้กด ⊞ Win + P เพื่อเปิดกรอบ Windows Project แล้วเลือกตัวเลือกการแสดงภาพในหน้าจอทีวี เช่น ถ้าจะ mirror หรือแสดงภาพเดียวกับในหน้า desktop ให้เลือก Duplicate
- ถ้าใช้ Mac ปกติจะ mirror ภาพหน้าจอขึ้นทีวีโดยอัตโนมัติ ถ้าสัดส่วนผิดเพี้ยนไป ให้ไปที่ Apple menu > System Preferences > Displays > Display แล้วเลือก Default for display ถ้าจะกำหนด resolution เอง ให้เลือก Scaled แทน แล้วกรอกเลข resolution ที่ต้องการ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ตั้งค่า audio ของคอม ให้เสียงออกไปที่ทีวี (ไม่บังคับ). ถ้าเชื่อมต่อคอมกับทีวี แล้วอยากเช็คให้ชัวร์ว่าเสียงจะออกลำโพงทีวี ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- Mac : ไปที่ Apple menu > System Preferences > Sound > Output แล้วเลือก output ของทีวีหรือ HDMI
- Windows: คลิกขวาที่ไอคอน volume ใน system tray (ข้างนาฬิกา) เลือก Sound Settings แล้วเลือก default audio device (อุปกรณ์หลักที่เสียงออก) ของคอม ปกติจะเป็น Speakers (High Definition Audio) อยู่ในเมนู "Choose your output device"
โฆษณา
-
หาพอร์ทที่ใช้กับ HDMI ได้ กรณีเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ HDMI. ถึงทีวีเป็น HDMI แต่เครื่องเกม คอม หรืออุปกรณ์อื่นไม่ใช่ ก็ยังเชื่อมต่อ adapter เพื่อแปลงพอร์ทที่มีเป็น HDMI Type A (มาตรฐาน) ได้ ให้คุณหาสาย/adapter HDMI ที่ใช้กับพอร์ทต่อไปนี้
- DisplayPort:
เป็นพอร์ทที่รองรับทั้งสัญญาณเสียงดิจิตอล และวิดีโอแบบ high-resolution หลังแปลงเป็น HDMI แล้ว ให้สังเกตพอร์ทชื่อ "DP" หรือ "DisplayPort" ถ้าแล็ปท็อปหรือแท็บเล็ตมี DisplayPort ก็ต้องใช้สาย/adapter แปลง DisplayPort เป็น HDMI-A
[2]
X
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- บางอุปกรณ์อย่าง Microsoft Surface จะมีพอร์ท DisplayPort Mini เล็กกว่าแบบปกติ ต้องใช้สาย/adapter แปลง DisplayPort Mini เป็น HDMI-A
- DVI: DVI output จะส่งสัญญาณ audio ไม่ได้ แต่จะส่งสัญญาณวิดีโอคุณภาพสูงได้ ถ้าใช้สาย/adapter แปลง DVI เป็น HDMI-A แต่พอร์ท DVI ก็มีหลายขนาด เพราะงั้นต้องใช้สายให้ถูกต้อง ลองนับจำนวน pin ของพอร์ท DVI ดูก็ได้ แล้วเทียบกับของสายและ adapter ที่มี
- VGA: ถ้าเป็นพอร์ท VGA แบบเก่า ภาพที่ได้ในทีวีจะไม่คมชัดเท่าที่ควร ที่สำคัญคือส่งสัญญาณเสียงไม่ได้ แต่จะยังเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ด้วยตัวแปลงสัญญาณหรือ adapter จาก VGA เป็น HDMI-A
- DisplayPort:
เป็นพอร์ทที่รองรับทั้งสัญญาณเสียงดิจิตอล และวิดีโอแบบ high-resolution หลังแปลงเป็น HDMI แล้ว ให้สังเกตพอร์ทชื่อ "DP" หรือ "DisplayPort" ถ้าแล็ปท็อปหรือแท็บเล็ตมี DisplayPort ก็ต้องใช้สาย/adapter แปลง DisplayPort เป็น HDMI-A
[2]
X
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เลือกสายหรือ adapter ให้ถูกต้อง.
- ทีวีรุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะมีพอร์ท HDMI ขนาดมาตรฐาน (Type A) 13.9 มม. x 4.45 มม. อย่างน้อย 1 พอร์ท คุณก็หาสายที่ข้างหนึ่งเป็น HDMI-A ส่วนอีกข้างเป็น DVI, DisplayPort หรือ VGA มาใช้ โดยเช็คให้ดีว่าด้านที่ไม่ใช่ HDMI นั้นขนาดพอดีกับพอร์ทของอุปกรณ์
- อีกวิธีคือหาซื้อ adapter/converter ขนาดเล็กมาใช้ ถ้ามี adapter ก็เสียบสาย HDMI ขนาดมาตรฐานที่ด้าน HDMI และสาย DVI, DisplayPort หรือ VGA ขนาดมาตรฐานที่อีกด้านได้เลย แบบนี้ต้องเสียบสาย 2 แบบที่ adapter เดียว
- สาย HDMI ต้องยาวพอจะต่อจากอุปกรณ์นั้นถึงทีวี ให้เลือกสายที่ยาวกว่าที่ต้องใช้จริงนิดหน่อย สายที่เชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์จะได้ไม่ตึง
-
เสียบสาย HDMI-A ที่พอร์ทของทีวี. เปิดทีวีก่อน ถ้ายังไม่ได้เปิด แล้วเสียบสายให้แน่น ถ้าทีวีมี HDMI หลายพอร์ท ให้เช็คว่าใช้พอร์ท HDMI เลขอะไร
-
เสียบสายอีกข้างที่อุปกรณ์หรือ adapter. ถ้าใช้สายแปลง HDMI เป็น (อื่นๆ) ให้เสียบสายกับพอร์ทที่ตรงกัน แต่ถ้าซื้อ adapter มาใช้ ให้เสียบสาย HDMI อีกด้านที่ adapter ฝั่ง HDMI แล้วเสียบ adapter ที่อุปกรณ์ โดยใช้สาย (DVI, DisplayPort หรือ VGA) ที่ต้องใช้กับอุปกรณ์นั้น
- เวลาเสียบสายที่พอร์ท อย่ากดแรงหรือฝืน ถ้าเสียบได้ก็คือได้เลย ถ้าเสียบไม่เข้า แสดงว่าใช้สายผิดประเภท
- ถ้าใช้ adapter สำหรับพอร์ท VGA ก็ต้องเสียบแต่ละปลั๊กของ adapter ที่พอร์ท audio กับ video สีเดียวกันของคอม
-
เปลี่ยนช่อง HDMI ในทีวีให้ถูก. ขั้นแรกให้เปิดอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ HDMI ถ้ายังไม่ได้เปิด แล้วกดปุ่ม SOURCE หรือ INPUT ที่ทีวีหรือรีโมท เพื่อเลือกพอร์ท HDMI อาจจะต้องกดหลายทีหน่อยกว่าจะเจอพอร์ทที่ถูกต้อง พอเจอช่องที่ถูกแล้ว ภาพจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ จะโผล่มาในหน้าจอ
- ถ้าใช้ Windows ให้กด ⊞ Win + P เพื่อเปิดกรอบ Windows Project แล้วเลือกตัวเลือกการแสดงภาพในหน้าจอทีวี เช่น ถ้าจะ mirror หรือแสดงภาพเดียวกับในหน้า desktop ให้เลือก Duplicate
- ถ้าใช้ Mac ปกติจะ mirror ภาพหน้าจอขึ้นทีวีโดยอัตโนมัติ ถ้าสัดส่วนผิดเพี้ยนไป ให้ไปที่ Apple menu > System Preferences > Displays > Display แล้วเลือก Default for display ถ้าจะกำหนด resolution เอง ให้เลือก Scaled แทน แล้วกรอกเลข resolution ได้เลย [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
บางทีก็ต้องเสียบสาย audio แยก. ถ้าไม่ได้ใช้ DisplayPort ปกติต้องมีสายแยก ไว้ส่งสัญญาณเสียงหรือ audio ไปยังทีวี [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าทั้งอุปกรณ์ input และทีวี มีพอร์ทที่จำเป็นแล้ว ก็น่าจะต่อตรง 2 อุปกรณ์ได้โดยใช้สาย stereo แยก
- หรือใช้สาย audio เปลี่ยนเส้นทางสัญญาณเสียง จากอุปกรณ์ input ไปยังชุดลำโพงแยก ที่เสียบไว้กับทีวีก่อนหน้านี้
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าภาพในทีวีไม่ขึ้น ให้เช็คว่าพอร์ทและ/หรือขั้วเสียบสกปรกหรือกร่อนหรือเปล่า ถ้าทำความสะอาดเบื้องต้นแล้วไม่ได้ผล ให้ลองใช้จาระบีดู แต่ให้ใช้เล็กน้อยมากๆ และระวังไฟช็อต จุดสำคัญคือลงจาระบีแล้วต้องเช็ดออกให้หมด อย่าทิ้งคราบไว้ตามขั้วเสียบ
- ไม่ต้องถึงขั้นซื้อสาย HDMI แพงๆ เพราะสัญญาณที่รับส่งเป็นสัญญาณดิจิตอล มีแค่ 2 กรณีคือส่งสัญญาณได้ กับไม่ได้เท่านั้น จะใช้สายแพงหรือถูก ไม่มีผลต่อคุณภาพสัญญาณ
- บางทีก็ต้องใช้กล่องขยายสัญญาณหรือสาย active ด้วย ถ้าจะส่งสัญญาณ 1080p ไกลกว่า 25 ฟุต (ประมาณ 8 เมตร) หรือส่งสัญญาณ 1080i ไกลกว่า 49 ฟุต (ประมาณ 15 เมตร) ต้องมีแหล่งจ่ายไฟแยกทั้ง 2 กรณี โดยเสียบปลั๊กไฟที่ผนังแทน [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://support.apple.com/guide/mac-help/use-your-tv-as-a-display-mchlp1206/mac
- ↑ https://www.exhibitedge.com/how-to-connect-a-displayport-device-to-a-hdmi-monitor/
- ↑ https://support.apple.com/guide/mac-help/use-your-tv-as-a-display-mchlp1206/mac
- ↑ http://www.pcmag.com/article2/0,2817,2390463,00.asp
- ↑ http://www.hdmi.org/consumer/how_to_connect.aspx
โฆษณา