PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ปัญหาเล็บขบนั้นสามารถก่อให้เกิดความเจ็บปวดและน่ารำคาญได้ อย่างไรก็ตามเรามีวิธีที่จะหยุดปัญหาเล็บขบที่แทงขึ้นมาในเนื้อได้ หากทำตามแล้วอาจจะช่วยป้องกันไม่ให้ต้องผ่าตัดเอาเล็บขบออกได้ แต่ก่อนอื่น เล็บที่ขบนั้นต้องไม่ติดเชื้อ โดยสังเกตจากว่าแตะแล้วอุ่นๆ , มีหนอง, แดง, และบวมหรือไม่ หากพบว่ามีอาการที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อดังกล่าว ให้รีบไปพบแพทย์ [1]

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ปรับรูปทรงเล็บบริเวณที่ขบ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไปพบแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเท้าก่อน หากเป็นโรคเบาหวาน. สิ่งที่ขาดไม่ได้คือต้องทำความสะอาดเท้าให้สะอาดและเช็คความผิดปกติต่างๆ อยู่เสมอ เช่น เล็บขบ หากคุณเป็นโรคเบาหวาน แพทย์อาจจะไม่แนะนำให้คุณพยายามรักษาเล็บขบด้วยตนเองเนื่องจากเหตุผลในเรื่องความปลอดภัยต่างๆ อาจลองโทรไปปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะพยายามหาวิธีต่างๆ มาแก้ปัญหาเล็บขบด้วยตนเองที่บ้าน [2]
  2. แช่เท้าในน้ำเย็นไปจนถึงน้ำอุ่นและผสมแมกนีเซียมซัลเฟต. น้ำที่ร้อนเกินไปจะไปทำให้บริเวณรอบเล็บขบบวม เพราะฉะนั้นห้ามใช้น้ำที่ยังร้อนอยู่ [3] แช่เท้าไว้15-30นาทีอย่างน้อยทุกๆ 2 วัน โดยจุดประสงค์มีสองอย่างคือ: เพื่อให้เล็บเท้านิ่มลงและป้องกันเล็บขบติดเชื้อ
  3. เตรียมสำลีก้อน, ก้านสำลี, หรือไหมขัดฟันที่ไม่ปรุงแต่งกลิ่นหรือไม่มีแว็กซ์เคลือบ, แหนบปลอดเชื้อ, และแหนบงัดเล็บขบ
  4. จัดนิ้วเท้าที่ต้องการให้อยู่สูงขึ้นกว่านิ้วอื่นเล็กน้อย. การใช้อุปกรณ์ปลอดเชื้ออย่าง สำลีชิ้นเล็กหรือไหมขัดฟันที่ไม่ปรุงแต่งกลิ่นสอดเข้าไประหว่างตัวเล็บกับเนื้อใต้เล็บเพื่อกันไม่ให้เป็นเล็บขบอีก [4]
    • หากใช้เป็นสำลีก้อนหรือสำลีพันไม้ ให้นำสำลีดังกล่าวขึ้นมาโดยใช้แหนบปลอดเชื้อคีบขึ้นมา หากใช้เป็นไหมขัดฟันไร้กลิ่นปรุงแต่งให้ตัดให้เป็นเส้นยาว 15 เซนติเมตร6 inches (15 cm)
    • แงะมุมเล็บขบขึ้นมาด้วยแหนบปลอดเชื้อและใช้สำลีหรือไหมขัดฟันสอดเข้าไปใต้เล็บ อาจจะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทาก่อนได้ตามต้องการ เช่น ครีมทาแผลสดป้องกันการติดเชื้อ(Neosporin) หยดไปบนสำลีหรือไหมขัดฟันก่อนสอดเข้าไปใต้เล็บ
    • อย่าพยายามสอดสำลีหรือไหมขัดฟันเข้าไปใต้เล็บหากเนื้อใต้เล็บบริเวณนั้นดูบวมหรือแดง
    • นำสำลีหรือไหมขัดฟันที่สอดไว้ออกทุกๆ วัน ทำความสะอาดบริเวณนั้น และสอดสำลีหรือไหมขัดฟันใหม่เข้าไปแทนเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  5. อย่าใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าเมื่ออยู่ในบ้าน
  6. หากสอดสำลีหรือไหมขัดฟันเข้าไปและดูแลรักษาเท้าอย่างดีแล้ว เล็บขบควรกลับเข้าที่ตามปกติภายในไม่กี่สัปดาห์
    • เปลี่ยนสำลีทุกวันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ หากเล็บเท้ามีอาการปวด ค่อยเปลี่ยนสำลีออกวันถัดไป แต่ยังคงต้องเฝ้าดูทุกวันว่ามีอาการ ติดเชื้อหรือไม่ .
  7. หากเล็บยังคงทิ่มเข้าไปในเนื้อ อาจเลือกใช้เป็นพลาสเตอร์มาปิด การใช้พลาสเตอร์มาปิดทำได้โดยแปะเทปไว้ด้านใต้ของนิ้วเท้าและดึงในทิศดึงผิวหนังออกจากบริเวณที่เล็บขบทิ่มเข้าไปในเนื้อใต้เล็บ วิธีนี้ช่วยดึงผิวหนังออกจากเนื้อเล็บด้วยใช้แรงช่วยจากตัวพลาสเตอร์ แถมยังสามารถช่วยลดแรงกดในบริเวณนั้น หากทำได้ถูกต้องเหมาะสมจะช่วยให้บริเวณที่บวมอยู่นั้นยุบตัวลงและแผลแห้ง อย่างไรก็ตามคุณอาจจะต้องปรึกษาเภสัชกรเพื่อให้แนะนำวิธีที่เหมาะสมในการแก้ไข เพราะวิธีการอาจจะเข้าใจและทำตามเองได้ยาก [5]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ลองทำตามเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ทำได้ที่บ้าน ซึ่งยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าได้ผลหรือไม่

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. แช่เท้าน้ำในน้ำเย็นที่มีสารละลายโพรวิโดน-ไอโอดีน. ใส่โพรวิโดน-ไอโอดีน 1 หรือ 2 ช้อนชาลงไปน้ำเย็นแทนแมกนีเซียมซัลเฟต โดยโพรวิโดน-ไอโอดีนจะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ [6]
    • พึงระลึกไว้ว่าวิธีนี้ไม่ได้รักษาเล็บขบแต่แค่ช่วยป้องกันการติดเชื้อเท่านั้น
  2. ทาน้ำเลมอนและน้ำผึ้งบริเวณที่เล็บขบและเอาผ้าพันทิ้งไว้ข้ามคืน. ทาน้ำเลมอนและน้ำผึ้งหรือน้ำผึ้งมานูก้าลงไปบนนิ้วเท้าที่เป็นเล็บขบ [7] จากนั้นห่อนิ้วเท้าไว้ด้วยผ้าก๊อซพันทิ้งไว้ข้ามคืน ตัวน้ำเลมอนและน้ำผึ้งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ในช่วงข้ามคืน
  3. ใช้น้ำมันเพื่อเพิ่มความนุ่มให้ผิวรอบๆ เล็บเท้า. น้ำมันที่ทาลงบนเล็บเท้าสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวนุ่ม ลดแรงกดบนเล็บเท้าเมื่อสวมรองเท้า หากลองใช้น้ำมันชนิดดังต่อไปนี้จะช่วยบรรเทาอาการได้ดี:
    • ทีทรีออยล์:เป็นน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรารวมทั้งยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย [9]
    • เบบี้ออยล์: เป็นน้ำมันจากธรรมชาติอีกตัวหนึ่งที่มีกลิ่นหอม ตัวนี้ไม่ได้มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเกิดจุลินทรีย์เหมือนทีทรีออยล์ แต่ช่วยทำให้ผิวนุ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การป้องกันไม่ให้เป็นเล็บขบ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตัดเล็บเท้าให้สูงระดับปานกลางและเล็มขอบให้ตรง. เล็บที่โค้งมนจะเพิ่มโอกาสในการงอกแล้วทิ่มเข้าไปในเนื้อรอบๆ นิ้วเท้า ซึ่งทำให้เกิดปัญหาเล็บขบได้ [10]
    • ใช้กรรไกรตัดเล็บเท้าหรือกรรไกรตัดหนังเล็มเล็บออก กรรไกรตัดเล็บเท้าโดยทั่วไปก็มักจะเล็กพอที่จะตัดแล้วทำให้เหลือขอบคมๆ ที่มุมของเล็บเท้า
    • วิธีที่เหมาะสมที่สุดคือ พยายามตัดเล็บเท้าทุกๆ 2-3 สัปดาห์ หากเล็บไม่ได้ยาวเร็วมาก การตัดเล็บเท้าบ่อยๆ ก็จะช่วยลดโอกาสในการเกิดเล็บขบได้
  2. การทำเล็บสามารถกระตุ้นผิวหนังด้านใต้ของเล็บได้ โดยอุปกรณ์ทำเล็บนั้นอาจจะไม่ปลอดเชื้อพอ อาจทำอาการแย่ลงหรือเป็นสาเหตุของการติดเชื้อได้
  3. รองเท้าที่เล็กเกินไปและบีบนิ้วเท้าสามารถเป็นสาเหตุให้เกิดเล็บขบได้ง่าย เลือกรองเท้าที่มีพื้นที่เหลือให้ขยับนิ้วได้, ใหญ่พอสบายแทนการสวมใส่รองเท้าคู่เล็กๆ หรือบีบรัดเท้า [11]
    • พยายามสวมรองเท้าที่เปิดนิ้วเท้าเพื่อป้องกันแรงกดที่นิ้วเท้า โดยควรพันนิ้วเท้าที่เล็บขบไว้ด้วย ด้วยการใช้ผ้าพันแผลหรือสวมถุงเท้าก่อนใส่รองเท้าแตะ แม้อาจจะดูเฉิ่มๆ แต่ก็ดีกว่าต้องไปผ่าเล็บขบออก
  4. หากคุณมีเล็บขบแล้วไม่ดูแลให้เหมาะสม จะทำให้กลับมาเป็นอีกได้เรื่อยๆ [12] อย่างไรก็ตามควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ ที่กล่าวมาเพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นอีก
  5. หลังจากอาบน้ำตอนเช้าครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่งก่อนเข้านอน ทาครีมฆ่าเชื้อลงไปบริเวณที่เล็บขบและรอบๆ [13] ครีมฆ่าเชื้อนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อซึ่งจะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนและปวดมากขึ้น [14]
  6. แช่เท้าในน้ำเย็นจนถึงอุ่นที่ผสมน้ำสบู่นาน 15-30 นาที. หลังการแช่เท้าให้ล้างเท้าให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ จากนั้นเช็ดให้แห้งด้วยผ้าขนหนูที่สะอาด โดยอาจทา ครีมทาฆ่าเชื้อแผลสด (Neosporin) แล้วพันป้องกันบริเวณที่เล็บขบไว้ [15]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การหมกมุ่นกับการแก้ปัญหาเล็บขบแทนที่จะรอหรือติดตามอาการไปจะทำให้ยิ่งเจ็บมากขึ้น หากเคล็ดลับที่พยายามทำอยู่ไม่ได้ผลให้ปรึกษาแพทย์ เพราะคุณอาจจะต้องได้รับการช่วยเหลือในการผ่าตัดหรือถอดเล็บ และอาจจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะหากเล็บเท้าเกิดการติดเชื้อ
  • พยายามยับยั้งชั่งใจจากการทาเล็บขณะที่ยังมีเล็บขบ สารเคมีที่ไม่จำเป็นที่อยู่ใกล้บริเวณเล็บขบเป็นสาเหตุให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนั้นอาจจะทำให้คุณมองไม่เห็นอาการอักเสบที่เกิดขึ้นอยู่สักพักใหญ่หากมีการเคลือบเล็บด้วยจะไปบังอาการแดงจากการอักเสบหรือการเปลี่ยนสีไปของเล็บ
โฆษณา

คำเตือน

  • หากเล็บขบมีลักษณะบวมแดงมากหรือมีหนองรอบๆ บ่งบอกถึงอาการติดเชื้อ ให้ไปพบแพทย์เพื่อรับยาปฏิชีวนะก่อนที่จะสอดสำลีหรือไหมขัดฟันเข้าไปบริเวณที่เล็บขบ ให้ระลึกไว้ว่ายาปฏิชีวนะโดยทั่วไปจะช่วยเพียงลดการติดเชื้อเท่านั้นและไม่ได้ช่วยให้เล็บที่ขบกลับเข้าที่เดิม ดังนั้นสำลีหรือไหมขัดฟันสามารถใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะหากแพทย์ยอมรับการรักษาด้วยวิธีนี้
  • เล็บเท้ามีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายมากเมื่อเกิดเล็บขบ ดังนั้นควรดูแลให้ดีที่สุดโดยห่อหุ้มไว้ให้ดีและทำความสะอาดเพื่อหลีกเลี่ยงผลที่อาจเกิดตามมาที่ร้ายแรง
  • หากวิธีการที่ใข้สำลีร่วมกับยาปฏิชีวนะไม่ได้ผล ให้ไปพบแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเท้าเพราะคุณอาจจะต้องได้รับการถอดเล็บออก [16]
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • น้ำเย็นหรือน้ำอุ่นสำหรับแช่เท้า
  • แมกนีเซียมซัลเฟต
  • โพรวิโดน-ไอโอดีน
  • สำลีพันไม้หรือสำลีก้อน
  • แหนบหรือแหนบงัดเล็บ
  • ครีมทาสำหรับฆ่าเชื้อ
  • ผ้าพันแผล

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,463 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา