ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
เดี๋ยวนี้คุณแปลงวีดีโอใน YouTube เป็นไฟล์ MP3 ได้ง่ายๆ เลยทำให้เซฟไฟล์เสียงได้จากสารพัดคลิป เช่น เพลง เรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ ไปจนถึงรายการฮาๆ คุณแปลงวีดีโอใน YouTube เป็นไฟล์ MP3 ได้หลายวิธี เช่น ใช้เว็บแปลงไฟล์ ถ้าไม่อยากดาวน์โหลดโปรแกรมลงเครื่อง หรือจะใช้ extensions ของเบราว์เซอร์ และโปรแกรมแปลงไฟล์แทน ถ้าไม่เกี่ยงว่าต้องดาวน์โหลดและติดตั้ง จะวิธีไหนก็ตามสะดวก เพราะทั้ง 3 วิธีก็ได้ไฟล์ MP3 ที่คุณภาพพอๆ กัน
ขั้นตอน
-
เข้า YouTube หาวีดีโอที่จะแปลงไฟล์.
-
เล่นวีดีโอ. ย้ำว่าต้องอยู่ในหน้าของวีดีโอนั้น และเล่นวีดีโอไว้ เพื่อให้ได้ลิงค์ของวีดีโอถูกต้องในแถบ address
-
copy URL ของวีดีโอจากแถบ address. เวลาจะ copy URL ของวีดีโอ ให้ไปที่แถบ address (ตรงกลางด้านบนของหน้าต่างเบราว์เซอร์) คลิกเลือก URL แล้วคลิกขวาเพื่อเลือก “copy” อีกวิธีคือกด ctrl+c (PC) หรือ command+c (Mac)
-
หาเว็บแปลงวีดีโอใน YouTube เป็นไฟล์ MP3. เปิด tab หรือหน้าต่างเบราว์เซอร์ใหม่ แล้วพิมพ์ “YouTube to MP3 converter” ในช่องค้นหาของ search engine จะมีหลายเว็บโผล่ขึ้นมา คุณภาพของ MP3 จะแตกต่างกันไปตามเว็บที่ใช้ แต่ก็มีเว็บที่ฟรีแต่ดีเหมือนกัน เว็บพวกนี้มักถูกสอยเรื่อยๆ ต้องคอยหาเว็บใหม่แล้วอ่านรีวิวผู้ใช้ให้ชัวร์ก่อน แล้วค่อยเลือก
- ถ้าเว็บต้องให้เสียค่าบริการ ระวังจะเป็น scam ให้เลือกเว็บอื่นที่ใช้ฟรีดีกว่า
- เวลาจะเลือกเว็บแปลงไฟล์ต้องระวังให้มาก อย่าไปเผลอใช้เว็บ scam หลอกลวง ก่อนจะเข้าไปใช้งานให้ลองเอาชื่อเว็บไปค้นในเน็ตเช็ครีวิวก่อน ว่ามี "ชื่อเสีย" หรือเปล่า [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อีกวิธีถ้าไม่แน่ใจว่าเว็บไหนปลอดภัย ก็คือพิมพ์ “ https://google.com/safebrowsing/diagnostic?site=” ในเบราว์เซอร์ ตามด้วย address ของเว็บที่จะใช้งาน [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
paste URL ในช่องที่กำหนดของเว็บแปลงไฟล์. พอเลือกเว็บแปลงไฟล์ได้แล้ว ให้เปิดแล้ว paste URL ของวีดีโอใน YouTube ลงไปในช่องที่กำหนด แต่จะหน้าตายังไง อยู่ส่วนไหนของเว็บนั้น ก็แล้วแต่เว็บที่คุณเลือกใช้ ปกติจะเห็นได้ชัดเจน ถ้าหาไม่เจอ ให้ลองเข้าหน้า Help หรือส่วนช่วยเหลือของเว็บดู น่าจะมีขั้นตอนบอกชัดเจน
- เวลาจะ paste URL ให้คลิกขวาแล้วเลือก “paste” หรือกด ctrl+v (PC) ไม่ก็ command+v (Mac)
-
คลิก "convert". พอ paste URL ของวีดีโอใน YouTube ลงในช่องที่กำหนดของเว็บแล้ว ให้คลิกปุ่ม “convert” หรือชื่ออื่นที่ใกล้เคียง (เช่น “Start” หรือ “Go”) ปกติจะเห็นชัดเจน ถ้าหาไม่เจอ ให้ลองเข้าไปอ่านขั้นตอนในหน้า Help หรือส่วนช่วยเหลือของเว็บดู
-
รอจนแปลงไฟล์เสร็จ. อันนี้แล้วแต่ความแรงของเน็ต และขนาดไฟล์ของวีดีโอใน YouTube อาจจะใช้เวลาแปลงไฟล์ประมาณ 30 วินาทีไปจนถึงหลายนาที
-
ดาวน์โหลดไฟล์ที่แปลงแล้ว. พอเว็บแปลงวีดีโอใน YouTube เป็นไฟล์ MP3 แล้ว จะมีตัวเลือกให้คลิกปุ่ม “download” เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ลงคอม
-
ไฟล์จะไปอยู่ในโฟลเดอร์ “Downloads”. ถ้าไม่ได้กำหนดเป็นโฟลเดอร์อื่นไว้ ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจะไปอยู่ในโฟลเดอร์ “Downloads” ของคอม
-
เปิดไฟล์ MP3 ฟังตามสะดวก!. พอดาวน์โหลดไฟล์ MP3 แล้ว ก็เปิดฟังใน media player ต่างๆ ได้เลย (เช่น Windows Media Player หรือ iTunes) และ/หรือเพิ่มไฟล์ลงใน music libraryโฆษณา
-
พิมพ์ “YouTube to MP3 browser extension” ใน search engine. จะมีรายชื่อ extensions หรือ “add-ons” ของเบราว์เซอร์ขึ้นมาให้เลือก ถ้าอยากค้นหาแบบเฉพาะเจาะจง ให้พิมพ์ชื่อเบราว์เซอร์ที่ใช้ลงไปด้วย
- เช่น ถ้าใช้ Safari ให้พิมพ์ “YouTube to MP3 browser extension Safari” ใน search engine
-
เลือก extension. จะมี extensions ให้เลือกเยอะแยะไปหมด ส่วนใหญ่จะฟรี จุดต่างคือความยากง่ายในการใช้งาน, คุณภาพของไฟล์ MP3 และระดับความปลอดภัย (เช่น ไม่มี spyware) ถ้าอยากได้ extension ที่ให้คุณภาพไฟล์สูง เชื่อถือได้ ก็ต้องค้นด้วยชื่อบวก “reviews” (รีวิว) เพื่อสำรวจความเห็นของคนที่เขาเคยใช้จริง
- จริงๆ แล้วเลือกอะไรก็ได้ที่ไม่ทำเบราว์เซอร์อืด และปราศจากมัลแวร์กับโปรแกรมอื่นๆ ที่ไม่พึงประสงค์
- ถ้าเผลอดาวน์โหลดมัลแวร์เข้า มักมี pop-up โฆษณาเด้งขึ้นมา รวมถึง spam ต่างๆ ที่สำคัญคือหน้า home จะถูกเปลี่ยนเป็นเว็บแปลกๆ เวลาเข้าเว็บก็มักถูกเปลี่ยนเส้นทางไปเข้าเว็บที่ไม่คุ้นเคย [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ดาวน์โหลด extension. extension ของเบราว์เซอร์ส่วนใหญ่มีหลายเวอร์ชั่น จะได้ครอบคลุมทุกเบราว์เซอร์ เพราะงั้นต้องเลือกดาวน์โหลด extension ของเบราว์เซอร์ที่ใช้ หรือก็คือเบราว์เซอร์ของคุณต้องรองรับการใช้งาน extension นั้น
- ขั้นตอนการเช็คเวอร์ชั่นเบราว์เซอร์จะต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการ (เช่น Windows, Mac และ Linux) รวมถึงเบราว์เซอร์ที่คุณใช้ ถ้าไม่แน่ใจว่าต้องเช็คยังไง ให้พิมพ์ “how to check <ชื่อเบราว์เซอร์> version <ชื่อระบบปฏิบัติการ>” (วิธีเช็คเวอร์ชั่น <เบราว์เซอร์> ของ <ระบบปฏิบัติการ>) ใน search engine [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เช่น ถ้าใช้ Safari ของ Mac ก็ต้องเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ไว้ แล้วคลิกที่คำว่า “Safari” ที่มุมซ้ายบนของหน้า desktop ข้างไอคอน apple เพื่อเปิดเมนูที่ขยายลงมาได้ จากนั้นเลือกตัวเลือกแรก “About Safari” จากในเมนู แล้วจะมีหน้าต่าง pop-up เล็กๆ โผล่มาพร้อมรายละเอียดของเบราว์เซอร์ รวมถึงหมายเลขเวอร์ชั่น
-
ติดตั้งไปตามขั้นตอน. คลิก “download” ในหน้าของ extension เพื่อเริ่มขั้นตอนการติดตั้ง แต่ละ extension ก็จะมีขั้นตอนการติดตั้งแตกต่างกันไปนิดหน่อย เพราะงั้นก็ทำไปตามขั้นตอนใน installation wizard
- อาจจะต้องรีสตาร์ทเบราว์เซอร์หลังติดตั้ง extension เสร็จ เพราะงั้นให้ bookmark หรือจดชื่อเว็บที่เปิดไว้ ถ้าอยากกลับมาดูใหม่
-
เข้า YouTube แล้วหาวีดีโอที่จะแปลงเป็นไฟล์ MP3. จะมี plugin โผล่มาแถวๆ วีดีโอ ส่วนใหญ่จะเป็นด้านบนหรือด้านล่าง แต่บาง extension ก็โผล่มามุมขวาบนของวีดีโอแทน
- ถ้าหา extension ไม่เจอ ให้เข้าเว็บของ extension (ที่ดาวน์โหลด extension มา) แล้วอ่านขั้นตอนหรือดู screenshot ว่าปุ่ม extension ปกติจะโผล่มาตรงไหนในหน้าวีดีโอของ YouTube
-
แปลงวีดีโอเป็นไฟล์ MP3. คลิกปุ่ม extension เพื่อแปลงวีดีโอเป็นไฟล์ MP3 โดยไฟล์ MP3 จากวีดีโอนั้นจะถูกเซฟลงคอม
-
ไฟล์จะไปอยู่ในโฟลเดอร์ “Downloads”. ถ้าไม่ได้กำหนดเป็นโฟลเดอร์อื่นไว้ extension จะดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ลงโฟลเดอร์ “Downloads” ของคอม แต่ก็ไม่เสมอไป
- ถ้าไม่แน่ใจว่าไฟล์จะไปอยู่ที่ไหน ให้ลองอ่านหน้าคำแนะนำของ extension นั้น ถ้าเป็น extension ดีๆ น่าเชื่อถือ จะมีหน้าช่วยเหลืออธิบายขั้นตอนโดยละเอียด
-
เปิดไฟล์ MP3 ฟังตามสะดวก!. พอดาวน์โหลดไฟล์ MP3 แล้ว ก็เปิดฟังใน media player ต่างๆ ได้เลย (เช่น Windows Media Player หรือ iTunes) และ/หรือเพิ่มไฟล์ลงใน music libraryโฆษณา
-
พิมพ์ “YouTube to MP3 conversion software” ใน search engine ของเบราว์เซอร์. จะมีรายชื่อโปรแกรมแปลงวีดีโอใน YouTube เป็นไฟล์ MP3 ที่คุณดาวน์โหลดลงคอมได้โผล่ขึ้นมา
-
เลือกโปรแกรมแปลงไฟล์. จะเห็นรายชื่อโปรแกรมแปลงไฟล์ในผลการค้นหาเต็มไปหมด ส่วนใหญ่จะฟรี จุดต่างคือความยากง่ายในการใช้งาน, คุณภาพของไฟล์ MP3 และระดับความปลอดภัย ถ้าอยากได้โปรแกรมที่ให้คุณภาพไฟล์สูง เชื่อถือได้ ก็ต้องค้นด้วยชื่อบวก “reviews” (รีวิว) เพื่อสำรวจความเห็นของคนที่เขาเคยใช้จริง
- จริงๆ แล้วเลือกอะไรก็ได้ที่ไม่ทำเบราว์เซอร์อืด และปราศจากมัลแวร์กับไวรัส
- ถ้าเผลอดาวน์โหลดมัลแวร์เข้า มักมี pop-up โฆษณาเด้งขึ้นมา รวมถึง spam ต่างๆ ที่สำคัญคือหน้า home จะถูกเปลี่ยนเป็นเว็บแปลกๆ เวลาเข้าเว็บก็มักถูกเปลี่ยนเส้นทางไปเข้าเว็บที่ไม่คุ้นเคย [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- จริงๆ แล้วเลือกอะไรก็ได้ที่ไม่ทำเบราว์เซอร์อืด และปราศจากมัลแวร์กับไวรัส
-
ดาวน์โหลดโปรแกรม. โปรแกรมมักมีหลายเวอร์ชั่นสำหรับต่างระบบปฏิบัติการ ให้เลือกดาวน์โหลดเวอร์ชั่นที่ใช้ได้กับระบบปฏิบัติการของคุณ
- ต้องเช็คก่อนว่าโปรแกรมใช้ได้กับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นที่ใช้ ถ้าไม่แน่ใจว่าต้องเช็คยังไง ให้พิมพ์ “how to check <ชื่อระบบปฏิบัติการ> version” (วิธีเช็คเวอร์ชั่น <ระบบปฏิบัติการ>) ใน search engine
- เช่น ถ้าจะเช็คเวอร์ชั่นระบบปฏิบัติการของ Mac ที่ใช้ ให้คลิกไอคอน apple ที่มุมซ้ายบนของหน้า desktop เพื่อเปิดเมนูที่ขยายลงมาได้ แล้วเลือกตัวเลือกแรก “About this Mac” จากนั้นจะมีหน้าต่าง pop-up เล็กๆ โผล่ขึ้นมาพร้อมรายละเอียดของคอม รวมถึงระบบปฏิบัติการ (OS X) และเวอร์ชั่นที่ใช้
-
ดาวน์โหลดโปรแกรมแปลงไฟล์. คลิก “download” ในเว็บของโปรแกรมเพื่อเริ่มติดตั้ง แต่ละโปรแกรมก็มีขั้นตอนการติดตั้งแตกต่างกันไป ยังไงให้ทำตามที่ขึ้นใน installation wizard
- ระหว่างดาวน์โหลด อาจมีให้ดาวน์โหลดโปรแกรมหรือ toolbar อื่นๆ ที่ไม่จำเป็นและไม่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมแปลงไฟล์ คุณหลีกเลี่ยงได้โดยเอาติ๊กออกจากช่องต่างๆ ระหว่างติดตั้ง
- ติดตั้งโปรแกรมแปลงไฟล์แล้วส่วนใหญ่ต้องรีสตาร์ท อย่าลืมเซฟงานที่ทำค้างไว้แล้วค่อยติดตั้ง
-
เข้า YouTube หาวีดีโอที่จะแปลงเป็นไฟล์ MP3.
-
copy URL ของวีดีโอ. เวลาจะ copy URL ของวีดีโอ ให้ไปที่แถบ address (ตรงกลางด้านบนของหน้าต่างเบราว์เซอร์) คลิกเลือก url จากนั้นคลิกขวาแล้วเลือก “copy” หรือกด ctrl+c (PC) ไม่ก็กด command+c (Mac)
-
paste URL ในโปรแกรมแปลงไฟล์. เปิดโปรแกรมแปลงไฟล์ที่เพิ่งดาวน์โหลดมา แล้ว paste URL ในช่องที่กำหนด (ส่วนใหญ่จะเขียนว่า “paste URL” หรืออะไรที่ใกล้เคียง) เวลาจะ paste ให้คลิกขวาแล้วเลือก “paste” หรือกด ctrl+v (PC) ไม่ก็กด command+v (Mac)
-
เลือกคุณภาพไฟล์ที่จะดาวน์โหลด. โปรแกรมแปลงไฟล์จะมีคุณภาพไฟล์ให้ 2 - 3 ตัวเลือก ยิ่งคุณภาพดี ไฟล์ก็ยิ่งใหญ่ ใช้พื้นที่ในฮาร์ดไดรฟ์ของคอมมากขึ้น แต่ข้อดีคือคุณภาพเสียงดีกว่าเยอะ
- คุณกลับไปดาวน์โหลดไฟล์เวอร์ชั่นคุณภาพสูงได้เสมอ แค่ทำขั้นตอนการดาวน์โหลดซ้ำ แล้วเลือกคุณภาพไฟล์สูงๆ ยังไงลองปรับเปลี่ยนขนาดไฟล์ดูจนเจอที่ตรงใจ
-
ตั้งชื่อไฟล์ให้เรียบร้อย. บางโปรแกรมแปลงไฟล์ก็เพิ่มข้อมูลของเพลงให้อัตโนมัติ เช่น artist (ศิลปิน), song title (ชื่อเพลง), album (อัลบั้ม) และ release date (วันที่จำหน่าย) ให้คุณตรวจสอบข้อมูลพวกนี้ก่อนคลิกปุ่ม “download” หรือ “convert” ของโปรแกรม
-
เลือกโฟลเดอร์สำหรับเซฟไฟล์. ตามค่า default ไฟล์ MP3 จะดาวน์โหลดลงโฟลเดอร์ “Music” ให้เช็คดีๆ ว่าเซฟแล้วไฟล์ MP3 จะไปอยู่ในตำแหน่งที่คุณต้องการ โดยเข้าโฟลเดอร์ “preferences” หรือ “tools > options” ของโปรแกรม แล้วเช็คว่า “output” จะเซฟลงโฟลเดอร์ที่คุณกำหนด
-
ดาวน์โหลดไฟล์. พอเลือกไฟล์, คุณภาพไฟล์ และโฟลเดอร์ปลายทางแล้ว ก็พร้อมดาวน์โหลด โปรแกรมจะดาวน์โหลดวีดีโอจาก YouTube แล้วแปลงเป็นไฟล์ MP3 ปกติจะเสร็จในไม่กี่นาที แต่ถ้าไฟล์ยาวกว่า 1 เพลงมาตรฐาน เช่น ไฟล์เสียงนำเสนอนานเป็นชั่วโมง ก็จะใช้เวลาดาวน์โหลดนานกว่านั้น
-
เปิดไฟล์ฟัง. พอดาวน์โหลดไฟล์เสร็จแล้ว ไฟล์ MP3 จะไปอยู่ในโฟลเดอร์ปลายทางที่คุณกำหนดไว้ คุณเปิดไฟล์ใน media player ไหนก็ได้ (เช่น Windows Media Player หรือ iTunes) หรือจะเพิ่มใน music library ก็ได้โฆษณา
เคล็ดลับ
- บางวีดีโอ เช่น MV เพลงดังๆ ที่ติดลิขสิทธิ์ จะมีการบล็อกไม่ให้คุณใช้โปรแกรมแปลงไฟล์หรือดาวน์โหลดได้ ถ้าดาวน์โหลดเพลงจากวีดีโอพวกนี้ไม่สำเร็จ ให้ลองค้นใน YouTube ดู ถ้าเจอคลิปอื่นที่เป็นเพลงเดียวกันอาจจะดาวน์โหลดได้
- เวลา copy ลิงค์ของวีดีโอ ต้องเช็คก่อนว่าอยู่ถูกหน้าแล้ว และเปิดวีดีโอนั้นไว้ แบบนี้ถึงจะ copy ลิงค์ที่ถูกต้องได้จากแถบ address
- ถ้าติดตั้ง extension ของเบราว์เซอร์ หรือโปรแกรมแปลงไฟล์แล้วพบว่ามีโปรแกรมแปลกๆ ถูกติดตั้งลงคอมด้วย ให้ลองศึกษาวิธีการกำจัดจากในเน็ตดู
โฆษณา
คำเตือน
- ระวัง อย่า ดาวน์โหลดวีดีโอที่ติดลิขสิทธิ์หรือเจ้าของไม่อนุญาต เพราะจะโดนค่ายเพลงหรือเจ้าของวีดีโอดำเนินคดี ฟ้องร้อง หรือเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้ามีหมายศาลเขาสามารถแจ้ง YouTube ขอ IP Address ของคุณได้เลย โดยที่ YouTube ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะงั้นเพื่อความปลอดภัย อย่าดาวน์โหลดอะไรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์จะดีกว่า
- วิธีการในบทความนี้ต่างจากการโหลดบิทตรงที่ การดาวน์โหลดและแปลงวีดีโอใน YouTube เป็นไฟล์ MP3 ไม่ผิดกฎหมายชัดเจนเท่าการโหลดบิท แต่ถ้าเป็นเพลงติดลิขสิทธิ์ ก็ถือว่าก้าวเข้าไปครึ่งตัวแล้ว [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง โดยรวมถือว่าปลอดภัยและตรวจสอบได้ยากกว่าการโหลดบิท (ตราบใดที่ยังไม่มีมาตรการเข้มไปกว่านี้)
- แน่นอนว่าคุณภาพเสียงของไฟล์ MP3 ที่แปลงจากวีดีโอใน YouTube ยังไงก็ดีสู้เพลงลิขสิทธิ์ไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าอยากได้ไฟล์เสียงคุณภาพสูง ต้องซื้อออนไลน์ลูกเดียว (เช่น Amazon หรือ iTunes) ไม่ก็ซื้อจากเว็บของศิลปินโดยตรง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.cnet.com/how-to/how-to-check-if-a-web-site-is-safe/
- ↑ http://www.cnet.com/how-to/how-to-check-if-a-web-site-is-safe/
- ↑ https://support.google.com/chrome/answer/2765944?hl=en-GB
- ↑ http://www.bbc.co.uk/accessibility/guides/which_browser.shtml
- ↑ https://support.google.com/chrome/answer/2765944?hl=en-GB
- ↑ http://www.ibtimes.com/downloading-music-youtube-legal-best-youtube-mp3-converter-sites-are-often-shut-down-799693
โฆษณา