ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่ว่าคุณจะกำลังพยายามติดเครื่องพลังสมองเพื่อให้ทำข้อสอบในวันรุ่งขึ้นได้ดีขึ้น หรือแค่อยากจะดูแลสมองให้ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงโรคต่างๆ ที่อาจมาทำร้ายสมองของคุณ ก็มีวิธีที่คุณสามารถทำได้เพื่อกระตุ้นพลังสมองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

กระตุ้นพลังสมองชั่วคราว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การระดมความคิดเป็นการกระตุ้นสมองก่อนเริ่มทำงาน เป็นวิธีการวอร์มอัพสมองที่ดีก่อนเข้าสู่กระบวนการใช้สมองหนักๆ อย่างการเขียนเรียงความหรืออ่านหนังสือสอบ บ่อยครั้งที่การระดมความคิดสามารถกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ได้ด้วย [1]
    • ถ้าคุณ เขียนเรียงความ ระดมความคิดว่าคุณอยากจะเขียนอะไรลงไปในเรียงความบ้างก่อนที่คุณจะคิดถึงรายละเอียดที่สำคัญอย่างประโยคแสดงความคิดหลักและใจความหลัก คุณไม่จำเป็นต้องใส่สิ่งที่คุณคิดออกตอนระดมความคิดในเรียงความเลยก็ได้ การระดมความคิดเพียงแค่ช่วยติดเครื่องสมองของคุณเท่านั้น
  2. การหายใจลึกๆ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและระดับออกซิเจน ซึ่งจะช่วยให้สมองของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การหายใจลึกๆ 10 – 15 นาทีทุกวันมีประโยชน์ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหายใจลึกๆ ก่อนและระหว่างอ่านหนังสือสอบ (และแม้กระทั่งตอนทำข้อสอบ) นั้นไม่เพียงช่วยให้ออกซิเจนและเลือดไหลเวียนเข้าสู่สมองเท่านั้น แต่ยังลดระดับความวิตกกังวลลงด้วย ซึ่งช่วยให้สมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น
    • ตอนที่หายใจคุณต้องหายใจลงไปถึงปอดด้านล่างสุด คิดภาพว่าเหมือนลูกโป่งที่กำลังขยาย ตอนแรกก็ที่ท้อง จากนั้นหน้าอก และสุดท้ายก็คอ พอคุณหายใจออกมันก็จะเป็นทิศทางตรงกันข้ามคือคอ หน้าอก แล้วไปท้อง
  3. วารสารโภชนศาสตร์คลินิกอเมริกา กล่าวว่าการดื่มชาเขียว 5 ถ้วยหรือมากกว่าต่อวันสามารถลดโอกาสการเกิดความทุกข์ทรมานทางจิตใจได้มากถึง 20% [2] นอกจากนี้ชาเขียวยังให้สารกระตุ้นที่ดีอย่างคาเฟอีนที่จะช่วยให้สมองของคุณกระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวัน
  4. วิธีชาร์จพลังสมองที่ดีวิธีหนึ่งก็คือการพัก ซึ่งอาจจะเป็นการเล่นอินเทอร์เน็ตสัก 15 นาทีหรือเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นสักพักเพื่อเป็นการเปลี่ยนความเร็วของสมอง
    • นอกจากนี้คุณก็ควรใช้เวลากับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่เกิน 1 ชั่วโมงก่อนไปทำอย่างอื่นสักพัก ถ้าคุณทำงานนั้นไม่เสร็จภายใน 1 ชั่วโมง ให้แบ่งเวลาไปทำต่อทีหลัง
  5. คนพูดกันเสมอว่าเสียงหัวเราะเป็นยาที่ดีที่สุด แต่นอกจากนี้เสียงหัวเราะยังกระตุ้นบริเวณต่างๆ ในสมองอีกด้วย ทำให้เราคิดได้กว้างขึ้นและมีอิสระในการคิดมากขึ้น นอกจากนี้เสียงหัวเราะยังเป็นยาคลายเครียดตามธรรมชาติ ซึ่งความเครียดก็เป็นสิ่งที่มาปิดกั้นและจำกัดพลังสมองของเรา [3]
    • เตือนตัวเองให้หัวเราะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนสอบใหญ่หรือเขียนเรียงความปลายภาค ตั้งพื้นหลังคอมพิวเตอร์ให้เป็นรูปตลกๆ หรือมีเรื่องตลกอยู่ใกล้ตัวตอนอ่านหนังสือสอบ แล้วย้อนกลับมาที่เรื่องตลกเป็นครั้งคราวเพื่อกระตุ้นการหัวเราะ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

กระตุ้นพลังสมองในระยะยาว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีอาหารต่างๆ มากมายที่ช่วยกระตุ้นพลังสมอง แต่ในทางตรงกันข้ามอาหารบางอย่าง เช่น อาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีสูง "อาหารขยะ" และน้ำอัดลมนั้นจะทำให้กระบวนการทำงานของสมองเฉื่อยชา ทำให้คุณอึนและซึมเซา
    • รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 อย่างวอลนัตและแซลมอน (แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่จำกัดเพราะมีโอกาสปนเปื้อนปรอทสูง) เมล็ดแฟล็กซ์บด ฟักทองน้ำเต้า ถั่วแดง และถั่วปินโต ผักปวยเล้ง บร็อกโคลี เมล็ดฟักทอง และถั่วเหลือง กรดไขมันโอเมก้า 3 เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และกระตุ้นการทำงานของสารส่งผ่านประสาทที่ช่วยสมองประมวลผลและคิด
    • อาหารที่มีแม็กนีเซียมสูงก็สำคัญ (เช่น ถั่วลูกไก่หรือถั่วหัวช้าง) เพราะช่วยในการส่งต่อข้อมูลในสมอง
    • นักวิทยาศาสตร์พบความสัมพันธ์ระหว่างอาหารที่มีบลูเบอร์รี่สูงกับการเรียนรู้ได้ไวขึ้น การคิดได้ดีขึ้น และการเรียกความทรงจำที่ดีขึ้น
    • โคลีนที่พบได้ในผักเช่นบร็อกโคลี่และดอกกะหล่ำช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่ในสมอง และยังกระตุ้นสติปัญญาให้ยืนนานในวัยสูงอายุ
    • คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนให้พลังงานแก่สมองและร่างกายเป็นเวลานาน รับประทานอาหารอย่างขนมปังโฮลวีต ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ซีเรียลที่มีใยอาหารสูง ถั่วเลนทิล และอาหารทั้งส่วน
  2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ. เวลาที่คุณนอนไม่พอ สมองจะทำงานได้แย่ลงเพราะนอนน้อย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นความคิดสร้างสรรค์ การคิด การทำงานด้านความคิดความเข้าใจ การแก้ปัญหา และความจำจึงขึ้นอยู่กับการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นหลัก การนอนจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานด้านความจำ เพราะฉะนั้นคุณต้องนอนหลับให้ลึกเพื่อช่วยในการประมวลผลความจำ
    • ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 30 นาทีก่อนนอน ซึ่งได้แก่โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ไอพอด และอื่นๆ ไม่อย่างนั้นสมองของคุณจะได้รับการกระตุ้นมากเกินไปขณะที่คุณพยายามข่มตานอน แล้วคุณก็จะหลับยากขึ้นและเข้าสู่ระยะการหลับที่สำคัญได้ยากขึ้น
    • สำหรับผู้ใหญ่ การนอนให้ได้อย่างน้อยคืนละ 8 ชั่วโมงนั้นดีที่สุด
  3. การออกกำลังกายสามารถเพิ่มการไหลเวียนของออกซิเจนในสมอง ซึ่งช่วยให้สมองประมวลผลและทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังหลั่งสารเคมีที่ทำให้อารมณ์โดยรวมดีขึ้นและยังปกป้องเซลล์สมองอีกด้วย นักวิทยาศาสตร์พบว่าการออกกำลังกายสามารถกระตุ้นการผลิตเซลล์ประสาทในสมองได้มากขึ้นจริงๆ [4]
    • การเต้นและศิลปะป้องกันตัวนั้นดีต่อการกระตุ้นพลังสมองมากเป็นพิเศษ เพราะการเต้นและศิลปะป้องกันตัวกระตุ้นระบบต่างๆ ในสมอง ทั้งการจัดระเบียบ การประสานงาน การวางแผน และการตัดสิน เพราะคุณต้องขยับร่างกาย (และขยับหลายๆ ส่วนด้วย) ให้สอดคล้องกับจังหวะดนตรี
  4. การทำสมาธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจริญสติช่วยฝึกให้สมองทำงานได้ดีอีกครั้งและไม่ตกอยู่ในวิถีประสาทด้านลบ การทำสมาธิไม่เพียงแต่ลดความเครียด (ซึ่งช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น) แต่ยังเพิ่มความสามารถในการจำด้วย [5]
    • หาที่นั่งเงียบๆ แม้จะเพียงแค่ 15 นาทีก็ตาม กำหนดจิตไปที่การหายใจ พูดกับตัวเองขณะหายใจว่า "หายใจเข้า หายใจออก" เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพบว่าใจลอยไปที่อื่น ค่อยๆ ดึงจิตกลับมากำหนดที่ลมหายใจอีกครั้ง พอคุณทำสมาธิได้ดีขึ้นแล้ว ให้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัว รู้สึกถึงสัมผัสของพระอาทิตย์บนใบหน้า สังเกตเสียงนกและเสียงรถยนต์ข้างนอก ดมกลิ่นกะเพราไก่มื้อกลางวันของรูมเมต
    • นอกจากนี้คุณยังสามารถทำกิจกรรมเจริญสติได้ด้วย ตอนอาบน้ำ ให้กำหนดจิตไปที่การสัมผัสน้ำ กลิ่นแชมพู เป็นต้น วิธีนี้ช่วยให้ใจของคุณจดจ่อและช่วยเสริมการเจริญสติให้อยู่กับปัจจุบันด้วย
  5. การได้รับของเหลวในระบบอย่างเพียงพอเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากสมองประกอบด้วยน้ำ 80% สมองจะทำงานได้ไม่ดีนักหากคุณขาดน้ำ เพราะฉะนั้นคุณต้องดื่มน้ำตลอดทั้งวันให้ได้อย่างน้อย 6 – 8 แก้วสำหรับแก้วขนาดประมาณ 200 มล.
    • นอกจากนี้การดื่มน้ำผักหรือผลไม้ก็เป็นความคิดที่ดีเช่นกัน โพลีนอลซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในผักและผลไม้สามารถช่วยปกป้องเซลล์สมองจากความเสียหายและทำให้สมองของคุณสามารถทำงานในระดับสูงได้
  6. ความเครียดเรื้อรังมีผลต่อหลายสิ่ง เช่น ทำลายเซลล์สมองและทำลายฮิปโปแคมปัส ซึ่งเป็นส่วนของสมองที่ช่วยเรียกความทรงจำเก่าๆ และสร้างความทรงจำใหม่ๆ การรับมือกับความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะกำจัดความเครียดออกจากชีวิตไปได้หมด
    • การนั่งสมาธิมีบทบาทสำคัญต่อการจัดการความเครียด แค่นั่งสมาธิแค่วันละ 5 หรือ 10 นาทีก็ช่วยสมองของคุณได้แล้ว
    • นอกจากนี้การหายใจลึกๆ ยังช่วยได้ด้วย เพราะการหายใจลึกๆ จะลดความเครียดที่มีอยู่ในปัจจุบันและบรรเทาความวิตกกังวล
  7. การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ช่วยให้สมองได้ออกกำลังกาย แบบเดียวกับที่คุณออกกำลังร่างกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความอึด ถ้าคุณเอาแต่อยู่กับเรื่องที่คุณรู้ดีอยู่แล้ว สมองของคุณก็จะไม่ได้รับการพัฒนาและเติบโต
    • การเรียนภาษาช่วยกระตุ้นส่วนต่างๆ ของสมองและช่วยสร้างวิถีประสาทใหม่ๆ การเรียนภาษาอาศัยความพยายามทางความคิดและช่วยให้คุณต่อยอดฐานความรู้ของคุณได้
    • คุณอาจจะทำอาหาร ถักนิตติ้ง เรียนดนตรี หรือ เล่นจักกลิ้ง ก็ได้ ตราบใดที่คุณยังสนุกและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สมองของคุณก็จะมีความสุขมากขึ้นและทำงานได้ดีขึ้นด้วย!
    • ความสนุกถือเป็นส่วนสำคัญของการเรียนรู้ รักษาสุขภาพของสมอง และกระตุ้นพลังของสมอง ถ้าคุณชอบในสิ่งที่คุณทำ ก็เป็นไปได้มากว่าคุณจะยังกระตือรือร้นและอยากที่จะเรียนรู้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถามคำถามอยู่เสมอ การถามจะทำให้ใจคุณเปิดกว้างและได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
  • เล่นปริศนาอักษรไขว้ ปริศนาคำทาย และอื่นๆ การท้าทายสมองของคุณส่งผลในด้านบวกต่อการเจริญเติบโตของสมอง
โฆษณา

คำเตือน

  • จำไว้ว่าคุณต้องผ่อนคลายสมองเช่นเดียวกับที่คุณผ่อนคลายร่างกาย สมองทำงานวันละ 24 ชั่วโมงเลยนะ! ให้เวลาสมองได้ผ่อนคลาย เล่นโยคะ หรือฟังเพลงสงบๆ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,010 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา