ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ทุกสิ่งย่อมมีจุดจบ: ความรักก็เช่นกัน การที่จะลืมใครสักคนที่คุณรักมันอาจดูเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้ แต่แน่นอนว่า ที่ปลายอุโมงค์ยังมีแสงไฟอยู่ ด้วยเวลาที่เลยผ่านไป และการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง ความเจ็บปวดจะค่อยๆ เลือนหายไป และคุณจะกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้อีกครั้ง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ปล่อยมันออกไปให้หมด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ร้องไห้ออกมา ร้องออกมาให้มันหมด ตะโกนใส่หมอน ด่ากราดใส่กำแพง ในช่วงระยะแรกของการจะลืมใครสักคน คุณอาจจะรู้สึกทรมาน แต่คุณจะต้องยอมรับความรู้สึกนั้นเพื่อที่จะปลดปล่อยมันออกมาได้เต็มที่ และใช้ชีวิตต่อไป
    • ผลการวิจัยบอกว่า การเจ็บใจสามารถที่จะปรากฏในสมองได้เหมือนกับความเจ็บปวดจริงๆ การศึกษาพบว่าสมองของผู้ที่อกหักจะมีอาการคล้ายกับบุคคลที่เลิกโคเคน อย่างไรก็ตาม การปลดปล่อยอารมณ์ออกมาก็ดูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะอาการอกหักนี้ [1]
    • การปฏิเสธไม่ได้ช่วยอะไร ความรู้สึกแย่ๆ ไม่ได้หายไปเพียงเพราะคุณไม่สนใจมัน การที่คุณไม่สนใจความรู้สึกของคุณเองมีแต่จะนำไปสู่ความเสี่ยงในการที่จะระเบิดมันออกมาภายหลัง
    • ถ้าคุณเป็นคนประเภทที่ต้องการปลดปล่อยทางร่างกายด้วย ให้ลองไปที่ฟิตเนส แล้วต่อยกระสอบทรายหรือ หุ่นปลอมดู
  2. ในใจคุณลึกๆ แล้วอาจจะรู้สึกโกรธอยู่ ซึ่งมันก็ไม่เป็นไร แต่คุณควรหลีกเลี่ยงการบิดเบือน หรือปกปิดความเจ็บปวดของคุณด้วยความโกรธ แม้ว่ามันอาจจะทำให้คุณรู้สึกเปราะบางน้อยลง แต่จริงๆแล้วมันอาจจะทำให้คุณรู้สึกควบคุมได้ และให้แนวทางว่าคุณควรจะพุ่งไปทางไหน [2] อย่างไรก็ตาม ทางเดียวที่คุณจะสามารถผ่านความโศกเศร้านี้ และยอมรับสถานการณ์ในปัจจุบันได้ คือ คุณต้องยอมปล่อยให้ตัวเองเข้าใจถึงความรู้สึกจริงๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความโกรธนั้น
    • ความโกรธเป็นอารมณ์ที่รองลงมา อารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความโกรธนั้นอาจจะเป็นความรู้สึกที่ถูกละเลย ผิดหวัง ถูกใช้ ไม่เป็นที่รัก และถูกปฏิเสธ ความรู้สึกทั้งหมดนี้ทำให้คุณรู้สึกอ่อนไหว ดังนั้นคุณจึงใช้อารมณ์โกรธมาเป็นเครื่องมือในการกล่อมตัวเองทางใจ [3]
    • เพื่อจะหาว่าอะไรที่อยู่ภายใต้ความโกรธของคุณ ให้ฟังสิ่งที่ใจของคุณพูด ถ้าคุณพบตัวเองกำลังคิดว่า “คงไม่มีใครจะรักฉันอีกแล้ว” มันอาจแสดงถึงความรู้สึกของการถูกปฏิเสธหรือไม่เป็นที่รัก ให้สังเกตความคิดคุณสักวันเพื่อหาให้ได้ว่าคุณรู้สึกอะไรอยู่บ้าง [4]
    • นอกจากนี้ ความโกรธมักจะทำให้คุณหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเดิมๆ หากคุณเล่าถึงสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับแฟนเก่าหรือคนที่คุณเคยแอบชอบให้เพื่อนของคุณฟัง หรือยึดติดกับทุกสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่คนๆ นั้นทำ “ผิด” กับคุณ ความคิดของคุณจะยังคงวนเวียนอยู่กับบุคคลนั้นตลอด หรือพูดอีกอย่างก็คือ ความโกรธจะผูกคุณเข้ากับสิ่งๆ นั้น และทำให้คุณไม่สามารถก้าวต่อไปได้
  3. ซื้อชอคโกแลต หรือขนม ไอศกรีมให้กับตัวเอง ซื้อกระเป๋าสุดหรูออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดัง หรืออุปกรณ์ใหม่ๆ ที่คุณอยากได้มาเป็นเดือนๆ เข้าสปา หรือไปนั่งกินอาหารกลางวันที่ร้านอาหารที่ทุกคนกำลังพูดถึง ในเมื่อคุณกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก คุณอาจจะต้องตามใจตัวเองเล็กน้อย เพื่อยกจิตวิญญาณของคุณขึ้นสู้ ซึ่งมันก็โอเค
    • คนเรามันจะอยากกินอาหารดีๆ เมื่อพวกเขารู้สึกไม่ดี ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า การปล่อยตัวตามใจตัวเองไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด ตราบเท่าที่ คุณไม่ตามใจตัวเองเกินไป หรือไม่สนใจสุขภาพของคุณ [5]
    • คำพูดที่ว่า คุณควรจะตั้งขอบเขตสำหรับตัวเองไว้ ถ้าหากคุณติดหนี้ และจบลงด้วยการกักตุนขยะไว้เต็มบ้าน หรือน้ำหนักเพิ่มสัก 20 กิโลกรัม คุณจะยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมมาก ให้ตามใจตัวเองได้ แต่ต้องทำตามวิธีของคุณ และหลีกเลี่ยงพวกพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ที่จะทำลายคุณมากกว่าจะบำบัด
  4. คุณอาจจะอยากฟังเพลงสำหรับคนอกหัก ตรงกันข้ามกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ที่ว่า การฟังเพลงเศร้าจะทำให้คุณรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม จริงๆ แล้ว เพลงเหล่านั้นสามารถช่วยให้คุณรู้สึกว่ายังมีบางคน บางแห่งที่ร่วมแบ่งปันความเจ็บปวดนั้นกับคุณ และคุณไม่ใช่คนเดียวที่กำลังเผชิญกับความเจ็บปวดนั้น นอกจากนั้น หากคุณร้องไห้ และร้องเพลงตามไปด้วย คุณจะได้แสดงความรู้สึกของคุณออกมาอย่างดี เมื่อคุณร้องจบ คุณจะพบว่าคุณรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม [6]
    • ในทางวิทยาศาสตร์เป็นที่รู้กันว่าการฟังเพลงเป็นการช่วยรักษาโรคได้อย่างหนึ่ง มันช่วยลดระดับอัตราการเต้นของหัวใจลงและผ่อนคลายความเครียด [7]
  5. ในที่สุดแล้วหลังจากร้องไห้ออกมาจนหมด คุณอาจจะรู้สึกด้านช้า หรือ “ตายอยู่ข้างใน” อย่าไปตื่นตกใจ นี่เป็นการตอบสนองที่ปกติสุดมากสำหรับหลายๆ คน
    • บ่อยครั้ง ความรู้สึกชินชานี้มาจากความเหนื่อยล้าหมดแรง การร้องไห้ และการแสดงออกของอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอาจจะเป็นการทำให้หมดแรงทั้งกายและใจ ผลก็คือ หลังจากจบวงจรอารมณ์ต่างๆ เหล่านี้ คุณจะรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าที่จะรู้สึกอะไรอีก
  6. การได้พึ่งพิงไหล่ของเพื่อนสนิทสักคนอาจเป็นเครื่องมือที่มีค่า บางครั้งการได้พูดคุยความรู้สึกของคุณก็เป็นวิธีที่ดีที่จะปล่อยมันออกไปและก้าวต่อไป เพื่อนสามารถช่วยบอกคุณได้ว่าอะไรที่คุณกำลังรู้สึกนั้นมันเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างการปลดปล่อยสิ่งที่กวนใจของคุณออกมาอาจช่วยให้คุณเข้าใจและแก้ไขมันได้ดีขึ้น [8]
    • เพื่อนที่สามารถให้คำแนะนำคุณได้ อาจเป็นคนที่ดีที่คุณจะพูดด้วย แต่เพื่อนคนใดก็ตามที่พร้อมจะฟังก็น่าจะช่วยได้สักนิดหนึ่งเช่นกัน การแสดงอารมณ์ของคุณออกมาอาจสำคัญพอๆ กับการซ่อมสิ่งต่างๆ ที่เป็นอยู่ขณะนั้น
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Crisis Text Line

    อิสระ ให้คำปรึกษาผ่านทางข้อความ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน
    Crisis Text Line ให้คำปรึกษาผ่านทางข้อความ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ผู้ที่กำลังมีปัญหาสามารถส่งข้อความ 741741 เพื่อเชื่อมต่อกับผู้ให้คำปรึกษาที่ผ่านการฝึกฝนมา พวกเขาได้แลกเปลี่ยนข้อความกับผู้คนที่กำลังมีปัญหาทั่วสหรัฐมากกว่า 100 ล้านข้อความและยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
    Crisis Text Line
    อิสระ ให้คำปรึกษาผ่านทางข้อความ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน

    ให้เวลากับตัวเองถ้ารู้สึกกังวลที่จะคุยเรื่องความสัมพันธ์ ผู้ให้คำปรึกษาจาก Crisis Text Line แนะนำ “การเปิดใจเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวกับคนอื่นนั้นอาจเป็นเรื่องยากและต้องใช้ความกล้าที่จะพูดออกมา ลองฝึกพูดในสิ่งที่จะพูดก่อนำไปเจอหน้าเพื่อนหรือคนใกล้ชิดในประเด็นอ่อนไหวนี้ อีกทางคือเขียนสิ่งที่คุณอยากบอกเพื่อจะได้ไม่ลืม จำไว้ว่าให้ทำเฉพาะเมื่อคุณพร้อม ต้องใช้เวลาสักหน่อยก็ไม่เป็นไร”

  7. หากคุณต้องการให้เพื่อนของคุณได้พัก หรือรู้สึกไม่สบายใจนักที่จะเล่าออกมา ให้เขียนความรู้สึกลงในสมุดแทน การทำเช่นนี้จะช่วยปลดปล่อยความรู้สึกที่ถูกอัดอั้นไว้ออกมา ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์หลายอย่างต่อสุขภาพจิต มันช่วยให้เราสามารถจัดการกับความคิดและความรู้สึก เข้าใจตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ลดความเครียด แก้ปัญหา และแก้ไขความขัดแย้ง (ด้วยการเขียนเล่าสิ่งเหล่านั้นจากอีกมุมหนึ่ง) [9]
    • คุณอาจใช้สมุดบันทึกของคุณในการสารภาพความรู้สึก หรือเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่คุณไม่กล้าพอที่จะสารภาพให้ผู้อื่นฟัง
  8. จำกัดเวลาที่คุณจะจมปลักอยู่ในความเศร้านั้น. ขณะที่คุณปล่อยให้ตัวเองเศร้าอยู่ คุณจำเป็นต้องเข้าใจด้วยว่า มันมีจุดๆ หนึ่งที่คุณจะต้องบังคับตัวเองให้ก้าวต่อไป เพื่อตัวคุณเอง มันคงไม่ดีต่อสุขภาพนัก ถ้าจะปล่อยให้การอกหักนี้มาขัดขวางคุณจากการเติบโต และก้าวไปข้างหน้า ในด้านอื่นๆ ของชีวิต ให้เวลากับตัวคุณเอง แต่อย่าลังเลที่จะกลับไปที่นั่นอีก และใช้ชีวิตของคุณให้เต็มที่
    • ตั้งวันหรือขอบเขตเวลาไว้ล่วงหน้า ให้เวลาประมาณครึ่งหนึ่งที่คุณใช้ร่วมกับแฟนเก่าหรือ เศร้าโศกถึงคนที่คุณชอบ ในช่วงเวลานี้ ให้เศร้าให้เต็มที่เท่าที่คุณต้องการ หลังจากนั้น ให้ผลักตัวเองไปข้างหน้า แม้ว่าคุณจะยังรู้สึกเศร้าอยู่ก็ตาม
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ตัดเยื่อใยความสัมพันธ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นี่หมายถึงไม่โทรหากัน ไม่อีเมล และไม่ “บังเอิญ” เจอกันกับคนๆ นั้นขณะที่เขาหรือเธอกำลังวิ่งตอนเช้าเป็นประจำอยู่พอดี ถ้าหากคุณอยากลืมใครสักคน คุณจะต้องทิ้งระยะห่างระหว่างคุณทั้งคู่เพื่อให้โอกาสตัวเองได้รักษา [10]
    • แน่นอนว่า มันอาจจะยากถ้าคุณทำงาน หรือเรียนด้วยกัน ในกรณีนี้ สิ่งที่คุณสามารถทำได้ คือ ให้จำกัดการแสดงปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องออกไปจากทางของคุณเองเพื่อหลีกเลี่ยงคนที่คุณต้องการลืม แต่ก็ไม่ควรที่จะมานั่งมองหาอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Amy Chan

    ผู้ก่อตั้ง Renew Breakup Bootcamp
    เอมี่ ชานเป็นผู้ก่อตั้ง Renew Breakup Bootcamp ศุนย์บำบัดที่ใช้วิธีการทั้งทางวิทยาศาสตร์กับจิตวิญญาณมาช่วยรักษาหัวใจ ทีมโค้ชและนักจิตวิทยาของเธอได้ช่วยคนนับพันภายในเวลาที่เปิดให้บริการเพียง 2 ปี และแคมป์บำบัดนี้ได้ถูกพูดถึงใน CNN, Vogue, the New York Times, และ Fortune สำหรับความคิดริเริ่มและการใช้วิทยาศาสตร์มาบำบัดอาการอกหัก หนังสือเล่มแรกของเธอที่ชื่อ Breakup Bootcamp จะวางจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ฮาร์เปอร์คอลลินส์ภายในเดือนมกราคม 2020
    Amy Chan
    ผู้ก่อตั้ง Renew Breakup Bootcamp

    สมองต้องใช้เวลาในการยอมรับว่าใครคนนั้นไม่อยู่แล้ว เอมี่ ชาน ผู้ก่อตั้ง Renew Breakup Bootcamp บอกว่า: "เวลาคุณอยู่กับใครสักคน สมองจะชินกับการได้รับโดปามีนเมื่อคุณมีปฏิสัมพันธ์กับเขา หลังเลิกกัน วงจรระบบประสาทรวมต้องกลับมาเชื่อมต่อกันใหม่ว่าคุณไม่ได้ยุ่งกับคนๆ นั้นแล้ว เวลาผ่านไป ระบบประสาทตรงนี้จะอ่อนตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่คุณได้เจอหน้า เห็นข้อความเก่าๆ หรือเข้าไปแอบดูเขาในโซเชียลมีเดีย คุณกำลังจุดประกายวงจรระบบประสาทให้กลับขึ้นมาทำงานใหม่ "

  2. หยุดเข้าไปดูเฟสบุ๊คของเขาหรือเธอ ทวิตเตอร์ บล็อก พินเทอเรส หรือโซเชี่ยลมีเดียทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา การให้ความสนใจว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่นั้นจะยิ่งทำให้คุณก้าวต่อไปในชีวิตได้ยากขึ้น
    • ถ้าหากคุณไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้เข้าไปดูโซเชี่ยลมีเดีย ขณะที่ยังเป็นเพื่อน หรือติดตามกันอยู่ได้ ให้เลิกเป็นเพื่อน หรือเลิกติดตามคนๆ นั้นซะ
    • ถ้าหากคนนั้นได้เคยให้รหัสผ่านของเขาหรือเธอไว้ ให้ขอให้เขาช่วยเปลี่ยนรหัสผ่านเพื่อที่จะลบความอยากในการเข้าไปแอบดูหรือติดตาม
  3. ทั้งความใกล้ชิดทางร่างกาย และทางอารมณ์ การอยู่กับบุคคลนั้นทำให้คุณรู้สึกสบายใจ และอาจทำให้รู้สึกสะดวกด้วย แต่การผูกพันทางอารมณ์ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ กับแฟนเก่าไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะคุณจะต้องก้าวผ่านความเศร้านี้ไปเรื่อยๆ อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ใกล้ชิดกันอีก [11]
    • อย่านอนกับแฟนเก่าของคุณ “เพื่อนึกถึงเวลาเก่าๆ” หรือตกหลุมพรางในการเป็น “friends with benefit (คนที่มีอะไรกัน แต่ไม่ผูกพันกัน)” กับคนที่คุณแอบชอบ
    • ในความหมายแบบตรงๆ “การก้าวข้าม” ตัวใครสักคนที่คุณต้องการลืม ไม่ใช่ความคิดที่ดีนักสำหรับทั้งสองเพศ โดยเฉพาะกับผู้หญิง การใกล้ชิดกันทางร่างกายจะทำให้ผู้หญิงผลิตฮอร์โมนออกซิโตซิน (oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นความรู้สึกความผูกพัน และความรักออกมา [12] ผลก็คือ คุณจะไม่สามารถ “เอามันออกไปจากความคิดคุณได้” นอกจากจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกผูกพันมากกว่าเดิม
    • ความใกล้ชิดทางอารมณ์นับว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างเสี่ยง ถึงแม้ว่าคุณทั้งสองคนจะเคยมีความใกล้ชิดทางอารมณ์กันมาก่อน ความผูกพันกันแบบนี้มันลึกซึ้งกว่านั้น ซึ่งจะทำให้มันยากขึ้นในการที่จะแยกตัวคุณเองออกจากบุคคลนั้น
  4. แม้ว่าคุณจะตัดสัมพันธ์แล้ว และหลีกเลี่ยงการติดต่อกับบุคคลที่คุณต้องการลืม คุณอาจจะยังมีปัญหากับการเดินหน้าต่อ ถ้าห้องของคุณยังเต็มไปด้วยสิ่งต่างๆ ที่ทำให้คุณนึกถึงเขา
    • โดยปกติแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดคือ การเก็บสิ่งที่เตือนใจใดๆรวมไว้ด้วยกัน และเอามันไปซ่อนไว้จนกว่าคุณจะมีโอกาสพอที่จะเดินหน้าต่อไป คุณอาจจะคืนของบางอย่างให้กับอีกฝ่าย เช่น ซีดี หนัง ฯลฯ แทนที่จะโยนมันทิ้งไป
    • คุณควรหลีกเลี่ยงการโยนของทิ้งออกไปข้างนอก หรือจุดไฟเผาพวกสิ่งที่ทำให้คุณเจ็บปวดเพื่อพยายามปลดปล่อยตัวเอง ไม่ว่าคุณจะรู้สึกโหยหา หรือต้องการที่จะลืมใครสักคนมากเพียงใด [13] เมื่ออะไรที่มันหายไป นั่นหมายถึง หายไปตลอดกาล หากคุณรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจโยนนาฬิกาแสนแพงทิ้งไป หรือเผารูปโปสเตอร์ที่มีลายเซ็นนักร้องที่คุณชอบที่คุณเห็นเมื่อตอนไปคอนเสิร์ตกับแฟนเก่าคุณ คุณอาจเสียใจภายหลัง
  5. ตรงกันข้ามกับที่คุณอาจคิดไว้ คุณสามารถที่จะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้กับคนที่คุณเคยรัก ถ้าหากมิตรภาพแบบเพื่อนนั้นเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด คุณอาจจะยังให้ความเคารพกันและกันมากพอที่คุณทั้งคู่จะสามารถมาอยู่ในห้องเดียวกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งสายตาอาฆาตหากัน
    • อย่าพยายามผลักตัวเองให้กลับไปคุยกัน ถ้าหากคุณยังไม่สามารถเอาชนะความเจ็บปวด และการกลับไปคุยกันจะยิ่งทีให้เรื่องมันยากเกินไป คุณไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
    • ให้เริ่มกลับมาคุยหลังจากที่คุณยอมรับสิ่งต่างๆ ที่มันเป็นและไม่มีความรู้สึกผูกติดโรแมนติกใดๆ อีกกับบุคคลนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์แนะนำว่า ในช่วงเริ่มแรกคุณควรปล่อยให้เป็นเรื่องของความเศร้าโศก ฟูมฟาย และอยู่ให้ห่างจากกันสักพักหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยนั่งจับเข่าคุยกันแบบตรงไปตรงมา ว่าความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างคุณจะเป็นอย่างไรต่อไป [14]
    • จำกัดขอบเขตความพยายามของคุณ ให้เสนอมือแห่งมิตรภาพไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าหากมันหลุดไป ให้ยอมรับว่าการกลับมาคืนดีนั้นมันเป็นไปไม่ได้ และก้าวต่อไป
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ใช้ชีวิต และก้าวต่อไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เดินเล่น ไปเที่ยว ผจญภัยไปหาสิ่งใหม่ๆ ที่ยิ่งใหญ่ หรือแม้แต่การออกไปสู่ที่ที่น่าประทับใจแต่มีคนรู้จักเพียงเล็กน้อย จุดประสงค์ก็คือ เพื่อให้คุณได้ลุกออกจากเตียง และได้ขยับตัวไปใช้ชีวิตบ้าง ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอยากนอนอยู่เฉยๆ ดูหนังเศร้าอีกสักวันมากแค่ไหน
    • ทำตัวให้กระปรี้กระเปร่า การได้ทำกิจกรรมที่ได้ขยับร่างกายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะสามารถทำได้ขณะที่คุณพยายามลืมใครสักคน ในทางกลับกัน การนอนขี้เกียจบนโซฟาไปวันๆ จะยิ่งทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจกับตัวคุณเอง
  2. [15] เพื่อนจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการช่วยให้คุณลืมใครสักคน แม้ว่าคุณจะพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ร้องไห้น้ำตาเช็ดหัวไหล่พวกเขา เมื่อคุณต้องการให้คนเห็นคุณค่าและอยากหาคนมาเบนความสนใจ การไปเที่ยวกลางคืนในเมืองกับเพื่อนสนิทของคุณ นับว่าเป็นใบสั่งยาที่ดีเชียวล่ะ
    • เพื่อนของคุณอาจชอบความคิดนี้เช่นกัน โดยเฉพาะ ถ้าคุณไม่ได้สนใจพวกเขามานาน ระหว่างที่คุณกำลังเดท หรือไล่ตามคนรักของคุณอยู่
    • อย่างไรก็ตาม ให้หลีกเลี่ยงการปล่อยให้เพื่อนของคุณผลักดันคุณไปสู่ความโรแมนติกใหม่ก่อนที่คุณจะพร้อม
  3. นี่อาจจะฟังดูยากมากเกินไป แต่มันก็มีผลกระทบอย่างมากเช่นกันว่าคุณพยายามที่จะรักษาตนเองดีแค่ไหน การพบกับคนใหม่ๆ จะช่วยให้คุณได้เห็นว่า ยังมีคนอื่นๆ ที่อาจเห็นคุณค่าของคุณ และรักคุณอยู่ เช่นเดียวกัน คุณอาจจะได้รู้ว่า ในทะเลยังมีปลาตัวอื่นๆ อีก [16]
    • การได้พบเพื่อนใหม่ก็เหมือนกับการมีสิ่งที่น่าสนใจใหม่ๆ บางครั้ง เพื่อนใหม่อาจจะดีกว่าที่คิด เพราะมันช่วยปลดปล่อยความตึงเครียดในความรัก และปล่อยให้คุณได้หลีกเลี่ยงการกลับไปเป็นแบบเดิม
  4. [17] นอกเหนือสิ่งใด ให้คิดเสมอว่าคุณมีค่าแก่การได้รับความรัก ไม่ว่าใครจะคิด หรือรู้สึกอะไรก็ตาม เขียนรายการสิ่งที่คุณรักเกี่ยวกับตัวเอง เช่น รอยยิ้ม การพูดจาที่เฉลียวฉลาด ความรักในหนังสือ ฯลฯ อย่าลืมส่งเสริมส่วนที่คุณรักเกี่ยวกับตัวเองที่สุด เมื่อใดก็ตามที่คุณตัดสินใจจะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่
    • ใช้เวลาทำสิ่งที่คุณชอบ โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ค่อยได้ทำสิ่งเหล่านี้ขณะที่คุณอยู่กับแฟนเก่าคุณ หรือพยายามทำให้คนที่คุณชอบประทับใจ
    • อย่าไปแบกรับคำด่าทุกอย่าง เข้าใจว่าสิ่งต่างๆ ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นเสมอไป มันไม่ได้หมายความว่า มันเป็นความผิดของคุณ หรือคุณไม่ควรค่าแก่การได้รับความรัก
  5. อย่าบังคับตัวเองให้ออกไปเดทกับใคร ให้ไปเมื่อคุณพร้อมแล้ว ให้ใช้เวลาสักหนึ่งวัน และเชื่อใจตัวเองว่าจะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณพร้อมจะรักใครสักคนแบบนั้นอีกครั้ง [18]
    • การผลักตัวเองให้กลับไปสู่ความสัมพันธ์อีกครั้ง หรือหาคู่นอนข้ามคืน (one night stand) มีแต่จะทำให้คุณรู้สึกแย่ขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อคุณพบว่า คุณได้ให้ความใกล้ชิดในเรื่องแบบนั้นไปกับคนที่คุณไม่ได้รู้สึกรักขนาดนั้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ข้อแนะนำด้านบนสามารถใช้ได้กับการพยายามกลับมามีความสุขหลังเลิกรักกับทั้งคนที่คุณแอบชอบ และคนที่คุณเคยคบด้วย
  • สิ่งสำคัญที่ควรจำไว้คือ การจะก้าวต่อไปต้องใช้เวลา พยายามทำตัวเองให้ยุ่งไว้ และคอยดูแลตัวเองเป็นประจำ ก่อนที่คุณจะได้ทันรู้ตัว คุณก็จะเลิกร้องไห้ ฟูมฟาย หรือคิดถึงบุคคลนั้นมากๆ ไปแล้ว
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เริ่มความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits
ทำให้แฟนเก่ากลับมารักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่อยากคุยกับคุณแล้ว
รู้ว่าแฟนสาวของคุณแอบไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า
ทำให้ใครบางคนรู้สึกผิด
พิชิตหัวใจแฟนเก่ากลับมา หลังจากการเลิกรา
ทำให้แฟนเก่าคิดถึงคุณ
หาเสี่ยเลี้ยง
ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
ดูว่าเพื่อนอิจฉาคุณหรือไม่
จบความสัมพันธ์
ดูว่าผู้ชายกำลังหลอกใช้คุณเพื่อเซ็กส์หรือไม่
เรียกความเชื่อใจจากเขาหรือเธอกลับมา
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,757 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา