ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
กลิ่นตัวแรงเป็นปัญหาที่สร้างความอับอาย และอาจนำไปสู่ปัญหาทุกอย่างไม่ว่าจะปัญหาด้านสังคม วัฒนธรรม และการงานอาชีพ ถึงแม้จะมีผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายขายตามท้องตลาดมากมาย แต่ก็มีผลิตภัณฑ์ประเภทนี้จำนวนมากที่มีสารเคมีซึ่งเป็นอันตราย จึงไม่ควรใช้ในระยะยาว ฉะนั้นคนจำนวนมากจึงกำลังหาวิธีการกำจัดกลิ่นกายแบบไม่พึ่งสารเคมีแทน
ขั้นตอน
-
อาบน้ำเป็นประจำ. เพราะแบคทีเรียทำปฏิกิริยากับเหงื่อที่ผลิตจากต่อมอะโพไครน์ จึงทำให้เกิดกลิ่นกายขึ้น วิธีแก้ขั้นแรกคืออาบน้ำเป็นประจำ ใช้สบู่ที่ทำจากน้ำมันพืช และถูตัวจนเกิดฟอง ยิ่งฟองมากและยิ่งถูตัวนานจนเกิดฟอง ก็ยิ่งจะกำจัดแบคทีเรียออกจากผิวได้มาก
- ไม่ใช่สบู่ทุกชนิดจะต้านแบคทีเรีย และไม่ใช่ว่าเราต้องใช้สบู่ต่อต้านแบคทีเรียด้วย ลองใช้สบู่เหลวคาสทีลกลิ่นเปปเปอร์มิ้นท์ น้ำมันเปปเปอร์มิ้นท์นั้นฆ่าเชื้อโรคได้นิดหน่อยและช่วยป้องกันการเกิดกลิ่นกาย
-
เช็ดตัวให้แห้งสนิท. เช็ดตัวให้แห้งสนิทโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่มักจะเกิดกลิ่นกายได้แก่ ขาหนีบ รักแร้ และรอบหัวนม ต้องให้ผิวบริเวณเหล่านี้ (ใต้ราวนม ในขาหนีบ ที่หน้าท้อง) แห้งสนิท
- หลีกเลี่ยงการใช้แป้งฝุ่นที่ทำจากแป้งข้างโพด แพทย์จำนวนมากเชื่อว่าแป้งข้าวโพดสามารถเป็น “อาหารรา”ได้ ให้ใช้แป้งทัลคัมแบบไม่มีกลิ่นแทน
-
ขจัดแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรีย. อย่างเช่น การโกนขนรักแร้อาจช่วยลดกลิ่นกายได้ ทำความสะอาดข้างในรองเท้าด้วย เพราะอาจเป็นแหล่งเพราะพันธุ์แบคทีเรียได้
-
ใส่เสื้อตัวใหม่ที่ทำจากผ้าฝ้าย. ใส่เสื้อที่ทอจากเส้นใยธรรมชาติอย่างผ้าฝ้าย ผ้าไหม หรือผ้าขนสัตว์ ถ้าออกกำลังกายแล้วเหงื่อออก การใส่ผ้าใยสังเคราะห์อาจมีประโยชน์เพราะไม่ "ซับ”เหงื่อ แต่เปลี่ยนกลับไปใส่ผ้าจากเส้นใยธรรมชาติหลังจากอาบน้ำล้างเหงื่อออกจากตัวแล้ว
- ผ้าฝ้ายระบายอากาศได้ดี จึงลดเหงื่อ ฉะนั้นการใส่ผ้าฝ้ายจึงดีต่อสุขภาพผิว ทำให้ผิวแห้ง และไม่เกิดกลิ่น
-
หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าแบบหุ้มทั้งเท้าพร้อมกับใส่ถุงเท้าเป็นเวลานาน. รองเท้าแบบหุ้มทั้งเท้าจะทำให้เกิดกลิ่นเท้าที่รุนแรง ถ้าหากเหงื่อออกมาก อีกทั้งอากาศก็ไม่ถ่ายเท ใส่รองเท้าแตะ รองเท้าแตะฟองน้ำ หรือรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี ถ้าเป็นไปได้โฆษณา
-
เลิกสูบบุหรี่และเคี้ยวยาสูบ. การสูบบุหรี่และเคี้ยวยาสูบก่อให้เกิดการผลิตสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งทำร้ายร่างกาย บุหรี่และยาสูบยังทำให้เกิดแบคทีเรียที่ผิว และผิวก็ส่งกลิ่นกายออกมา
-
ดื่มน้ำมากๆ. น้ำเป็นตัวทำละลายที่ยอดเยี่ยมซึ่งชำระล้างสารพิษทั้งหมดออกจากร่างกาย น้ำเป็นสารที่เป็นกลางมากที่สุด และลดการเกิดแบคทีเรียในลำไส้ การดื่มน้ำประมาณ 8 ถึง 10 แก้วต่อวันจะช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี ชุ่มชื่น และไม่มีกลิ่น [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Erica Kasuli, M.S., R.D et al. Article on “Foods to reduce body odor”, 2009.
-
กินอาหารที่มีแบคทีเรียโปรไบโอติกส์. โปรไบโอติกส์คือแบคทีเรียตามธรรมชาติที่ดีต่อลำไส้ ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นพิษอื่นๆ ในลำไส้ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง โปรไบโอติกส์ช่วยในการเจริญเติบโตของแบคทีเรียแลกโตบาซิลลัสไบฟิดัส ซึ่งช่วยเรื่องการย่อยอาหารและลดสารพิษในลำไส้ อาหารพวกโยเกิร์ตและบัตเตอร์มิลด์มีแบคทีเรียโปรไบโอติกส์
- การกินอาหารที่มีแบคทีเรียโปรไบโอติกส์หนึ่งถ้วยทุกวันมีประโยชน์มาก และควรกินต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน จะช่วยทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น รวมทั้งเรื่องกลิ่นกาย เพราะสาเหตุของกลิ่นกายบ่อยครั้งมาจากระบบย่อยอาหารไม่ดีเท่านั้นเอง!
-
ไม่กินอาหารที่ก่อให้เกิดกลิ่นกาย. มีอาหารมากมายที่เป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นกาย อาหารมีไขมัน (เนื้อที่มีไขมันสูง เป็ดไก่ติดหนัง พวกของทอด) และอาหารที่ใส่เครื่องเทศมาก (แกงกระหรี่ กระเทียม หัวหอม) สามารถก่อให้เกิดกลิ่นกาย ลองไม่กินอาหารพวกนี้สัก 2-4 สัปดาห์และจะเห็นว่าผลออกมาดีแค่ไหน
- การดื่มกาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอาจก่อให้เกิดกลิ่นกายได้สำหรับบางคน [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- การกินอาหารและดื่มเครื่องดื่มอื่นๆ ที่สามารถก่อให้เกิดกลิ่นได้คือ แอลกอฮอล์ หน่อไม้ฝรั่ง ยี่หร่า และเนื้อแดง [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
กินผักใบเขียวให้เพียงพอ. การกินผักใบเขียวไม่เพียงพออาจก่อให้เกิดกลิ่นกายได้ ผักใบเขียวมีคลอโรฟิลลินซึ่งเป็นสารตามธรรมชาติที่ดูดกลิ่น [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
-
ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อจากธรรมชาติที่มีขายอยู่. ถ้าไม่สบายใจที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อที่เป็นสารเคมี ก็ลองหาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติแทน มีผลิตภัณฑ์แบบนี้ให้เลือกใช้มากมาย เช่น โรลออนสารส้มยี่ห้อต่างๆ เป็นต้น
-
ทำสารระงับเหงื่อด้วยตนเอง. อาจพบสูตรมากมายทางอินเตอร์เน็ต แต่ก็มีอีกสูตรหนึ่งที่ลองทำได้คือ ผสมแป้งเท้ายายม่อม 3/4 ถ้วยกับผงฟูแบบไม่มีอะลูมิเนียม 4 ช้อนชา ละลายผงโกโก้แบบออร์แกนิก หรือเนยมะม่วง 6 ช้อนโต๊ะ กับน้ำมันมะพร้าวไม่ผ่านกรรมวิธี 2 ช้อนโต๊ะในหม้อตุ๋นสองชั้น แล้วคนส่วนผสมแรกและส่วนผสมที่สองเข้าด้วยกัน จากนั้นเติมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้ลงไป1/2 ช้อนชา [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เก็บไว้ในกระปุกแก้วมีฝาปิด ไม่ต้องแช่เย็น
-
จัดการกลิ่นกายด้วยสารละลายไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ซึ่งเป็นสารต่อต้านแบคทีเรีย. นำไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ 3 % ผสมกับน้ำ 1 ถ้วย ใช้ผ้าล้างหน้าซึ่งทำจากผ้าฝ้าย จุ่มสารละลายไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ผสมน้ำ บิดน้ำออก และเช็ดใต้วงแขน ขาหนีบ และเท้า
-
ใช้แอปเปิลไซเดอร์วีนีการ์. สามารถใช้แอปเปิลไซเดอร์วีนีการ์ช่วยขจัดกลิ่นที่มีสาเหตุจากแบคทีเรีย แช่เท้าทุกวันในแอปเปิลไซเดอร์วีนีการ์หนึ่งส่วนผสมน้ำสามส่วน รินสารละลายเดียวกันนี้ในขวดสเปรย์ แล้วฉีดใต้วงแขน [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แอปเปิลไซเดอร์วีนีการ์นั้นมีฤทธิ์รุนแรงมาก คนที่ผิวแพ้ง่ายอาจพบผลข้างเคียงต่างๆ เช่น แสบร้อน หรือคัน ฉะนั้นควรทดลองใช้ปริมาณน้อยๆ ก่อนใช้จริง และอย่าใช้ตอนที่เพิ่งถอนขนรักแร้มา
-
ฉีดน้ำมันทีทรี. ใส่น้ำมันทีทรี 8-10 หยดลงในสารสกัดจากต้นวิทซ์ฮาเซล 1 ถ้วย รินสารละลายนี้ลงในขวดสเปรย์ และใช้เป็นน้ำยาดับกลิ่นตัวจากธรรมชาติ โดยเฉพาะหลังออกกำลังกาย สารสกัดจากต้นวิทซ์ฮาเซลเป็นยาสมานแผลและลดเหงื่อ น้ำมันทีทรีเป็นสารต้านแบคทีเรีย [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- น้ำมันทีทรีเป็นที่รู้จักว่ามีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค ถึงแม้จะมีกลิ่นฉุนแต่ก็มีกลิ่นหอม
- เมื่อใช้ภายนอก จะฆ่าแบคทีเรียที่อยู่บนผิว ฉะนั้นจึงลดการก่อเกิดพิษ
โฆษณา
-
รู้สาเหตุการเกิดกลิ่นกาย. กลิ่นกาย หรือรู้จักในทางการแพทย์ว่า บรอมไฮโดรซิส (bromhidrosis) หรือออสมิโดรซิส (osmidrosis) หรือโอซอกครอตเชีย (ozochrotia) หรือเรียกสั้นๆ ว่า BO เกิดจากแบคทีเรียสลายโปรตีนที่ผิว กลิ่นเฉพาะตัวขึ้นอยู่กับชนิดของแบคทีเรียบนผิว โปรตีนที่แบคทีเรียนั้นสลาย กรดที่ผลิตขึ้น อาหารที่เรากิน ปริมาณเหงื่อที่ร่างกายผลิต และภาวะสุขภาพร่างกายโดยรวม [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คนที่เป็นโรคเบาหวาน คนที่มีภาวะหลั่งเหงื่อมาก คนที่กินยาเฉพาะ หรือคนอ้วน เสี่ยงที่จะมีกลิ่นกายมากกว่าคนทั่วไป
- เมื่อเหงื่อออก แบคทีเรียที่ผิวจะสลายเหงื่อและโปรตีนผิวออกเป็นกรดหลัก ๆ สองชนิด และกรดหลักๆ สองชนิดนี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นกาย กรดสองชนิดนี้คือ กรดโพรพิโอนิก และกรดไอโซวาลิริก กรดโพรพิโอนิกผลิตจากแบคทีเรียโพรพิโอนิก กรดโพรพิโอนิกมักจะมีกลิ่นคล้ายน้ำส้มสายชู ส่วนกรดไอโซวาลิริกผลิตจากสะเตรปฟิโลคอคคัสเอพิเดอร์มิส กรดไอโซวาลิริกมักจะมีกลิ่นคล้ายชีส อาจเพราะแบคทีเรียชนิดเดียวกันนี้ถูกใช้ทำชีสชนิดต่างๆ ก็เป็นได้
-
รู้ว่ากลิ่นกายมักจะเกิดบริเวณไหนของร่างกาย. กลิ่นตัวมักจะเกิดบริเวณผิวที่เป็นรอยพับ บริเวณที่ถูกปกปิด หรือมีโอกาสเหงื่อออกมากอยู่แล้ว เช่น เท้า ขาหนีบ รักแร้ อวัยวะเพศ ขนหัวหน่าว และร่างกายบริเวณอื่นที่มีขน สะดือ ทวารหนัก หลังหู บริเวณอื่นก็เหงื่อออกและก่อให้เกิดกลิ่นกายได้เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในระดับที่น้อยกว่า
-
เข้าใจว่าเราเหงื่อออกได้อย่างไรและทำไม. เหงื่อผลิตจากต่อมเหงื่อสองต่อมคือต่อมเอ็คครินและต่อมอะโพไครน์ ต่อมเอ็คครินคือต่อมเหงื่อธรรมดาที่รางกายใช้ช่วยควบคุมอุณหภูมิ ต่อมอะโพไครน์เป็นต่อมกลิ่นที่ผลิตฟีโรโมน
- สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมทั้งมนุษย์ใช้ฟีโรโมนเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม และส่งสัญญาณทางอารมณ์ [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ต่อมอะโพไครน์พบในขาหนีบ รักแร้ และรอบหัวนม
-
จงเข้าใจว่ากลิ่นเท้าไม่เหมือนกลิ่นกายประเภทอื่น. กลิ่นเท้าค่อนข้างต่างออกไป เพราะเท้ามีต่อมเอ็คคริน แต่คนส่วนใหญ่สวมถุงเท้าและรองเท้า (ซึ่งโดยส่วนมากทำจากวัสดุสังเคราะห์) เกือบตลอดเวลา เหงื่อจึงไม่ระเหยง่าย
- วัสดุสังเคราะห์ (ซึ่งตรงข้ามกับผ้าฝ้ายหรือหนัง) จะเก็บเหงื่อและป้องกันการระเหย เว้นแต่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อให้ระเหยได้
- เหงื่อที่ไม่ระเหยจะเป็นตัวสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีแก่พวกรา และราหลายชนิดจะก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ด้วย
-
รู้ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดกลิ่นกาย. ตัวอย่างเช่น อายุเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดกลิ่นกายแบบต่างๆ ได้ เด็กก่อนวัยเจริญพันธุ์จะไม่มีกลิ่นกายมากที่สุด แอนโดรเจนซึ่งผลิตขึ้นช่วงวัยเจริญพันธุ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ประเมินว่าควรไปพบหมอเรื่องปัญหากลิ่นกายหรือไม่. ปัญหากลิ่นกายส่วนใหญ่สามารถจัดการรักษาได้เองที่บ้าน แต่ก็มีหลายครั้งที่การมีกลิ่นกายส่งสัญญาณเตือนให้มาพบแพทย์ บางกรณีคุณหมออาจแนะนำให้ไปหาหมอโรคผิวหนัง นัดพบคุณหมอถ้า
- พยายามจัดการปัญหาแล้ว แต่วิธีรักษาทุกอย่างไม่ช่วยลดหรือขจัดกลิ่นกายภายใน 2-3 สัปดาห์
- เริ่มเหงื่อออกมาหรือน้อยกว่าที่ปกติ
- อาการเหงื่อออกทำให้ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้
- เริ่มมีอาการเหงื่ออกตอนกลางคืน
- กลิ่นกายเปลี่ยนไปมาก
โฆษณา
เคล็ดลับ
- อาหารทะเลบางชนิดอย่างปลาทูน่าหรือปลากระโทงแทงมีปริมาณปรอทสูง ปรอทเป็นสารพิษที่ทำให้กลิ่นกายอันไม่พึงประสงค์
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ Erica Kasuli, M.S., R.D et al. Article on “Foods to reduce body odor”, 2009.
- ↑ http://deliciousliving.com/health/how-can-i-treat-chronic-body-odor
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/sweating-and-body-odor/basics/lifestyle-home-remedies/con-20014438
- ↑ http://www.medicaldaily.com/you-are-what-you-eat-6-smelly-foods-are-actually-giving-you-bad-body-odor-298318
- ↑ http://skinnyms.com/reduce-body-ordor-with-foods-you-eat/
- ↑ http://www.naturalnews.com/043337_antiperspirant_do-it-yourself_toxic_chemicals.html
- ↑ http://www.medicaldaily.com/natural-body-odor-remedies-4-ways-eliminate-body-odor-good-hygiene-300446
- ↑ http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-227-witch%20hazel.aspx?activeingredientid=227&activeingredientname=witch%20hazel
- ↑ http://www.medicalnewstoday.com/articles/173478.php
- ↑ http://www.smithsonianmag.com/science-nature/the-truth-about-pheromones-100363955/?no-ist
- ↑ http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/preventing-body-odor
- http://www.medicalnewstoday.com/articles/173478.php
- http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/sweating-and-body-odor/basics/definition/con-20014438
- http://www.naturalhealthmag.com/expert-advice/how-can-i-get-rid-body-odor-naturally
- http://www.cyh.com/healthtopics/healthtopicdetails.aspx?p=243&np=292&id=2387
- http://health.howstuffworks.com/skin-care/underarm-care/problems/excessive-underarm-sweating3.htm
- http://www.home-remedies-for-you.com/remedy/Body-Odor.html
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,364 ครั้ง
โฆษณา