ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

กลิ่นควันถือเป็นเรื่องที่รับมือยากและน่ารำคาญอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตประจำวัน แต่โชคยังดีที่เมื่อกลิ่นไม่พึงประสงค์ติดกับสิ่งของ รถ หรือบ้านของคุณ ยังมีเทคนิคที่จะกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์เหล่านั้น และนี่คือสิ่งที่คุณควรรู้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

การกำจัดกลิ่นควันบนหนังสือและผลิตภัณฑ์ที่เป็นกระดาษ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. กางหนังสือบนราวจับหรือราวตากผ้าเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง จะช่วยลดกลิ่นลงได้
    • ขอให้มั่นใจว่าวางหนังสือไว้ในจุดที่ไม่โดนแสงแดด เนื่องจากแสงแดดอาจทำให้หนังสือสีซีดได้
  2. [1] ใส่หนังสือที่มีกลิ่นลงในถุงซิบล็อค ที่บรรจุเครื่องหอมข้างในเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งวัน กลิ่นควันที่ติดหนังสือจะถูกแทนที่ด้วยกลิ่นหอมของเครื่องหอม
    • คุณอาจต้องเปลี่ยนเครื่องหอมในถุงหลังจากผ่านวันแรก และใส่เครื่องหอมชุดใหม่ลงไปในถุงและปิดถุงไว้อีกสองถึงสามวัน
    • นำเครื่องหอมไปทิ้งเมื่อทำสำเร็จแล้ว
  3. ใส่กระดาษหอม (Dryer sheet) 4-5 แผ่นระหว่างหน้ากระดาษ และปิดปากถุงไว้.
    • ทั้งกระดาษหอม และกระดาษปกติก็มีส่วนช่วยให้การดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
  4. ใส่หนังสือหรือกระดาษลงในถุงซิปล็อคพร้อมกับเปลือกไม้ซีดาร์ หรือถ่านกัมมันต์ ประมาณพอเหมาะ ควรใช้ถ่านกัมมันต์ ไม่ควรใช้ถ่านอัดแท่ง ทั้งสองอย่างนี้จะช่วยดูดซับและลดกลิ่นควันลงได้ในเวลาสองถึงสามวัน
    • เปลือกไม้ซีดาร์และถ่านกัมมันต์ สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง และร้านขายของชำทั่วไป
    • เปลือกไม้ซีดาร์อาจทิ้งกลิ่นเฉพาะตัวของมันเมื่อเสร็จกระบวนการ แต่กลิ่นเฉพาะตัวของมันนั้นสามารถกลบกลิ่นของควันได้
    • ถ่านกัมมันต์สามารถดูดซับกลิ่นได้โดยไม่ทิ้งกลิ่นของถ่านเอาไว้ ควรใส่ถุงตาข่ายไว้เพื่อป้องกันถ่านเลอะหนังสือ ถ่านไม่จำเป็นต้องโดนหนังสือเพื่อดูดซับกลิ่น
  5. ใส่หนังสือลงในถุงพลาสติกหรือกล่องและโรยเบคกิ้งโซดาลงไป หลังจากนั้นสองถึงสามวันให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเอาผงเบคกิ้งโซดาออก
    • การใช้เบคกิ้งโซดาถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เนื่องจากเบคกิ้งโซดาไม่ทิ้งกลิ่นเฉพาะตัวเอาไว้เลย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

การกำจัดกลิ่นควันจากเสื้อผ้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใส่เสื้อผ้าที่มีกลิ่นควันในถุงพลาสติก หลังจากนั้นใส่กระดาษหอม 2 แผ่นพร้อมกับเบคกิ้งโซดา 30 มิลลิลิตร ลงในถุงสำหรับเสื้อผ้าสามถึงห้าชิ้น
    • ปิดถุงให้สนิทและเขย่าเพื่อให้เบคกิ้งโซดาและกระดาษหอมกระจายอย่างทั่วถึง
    • ปล่อยทิ้งไว้หนึ่งคืน เมื่อคุนนำเสื้อผ้าออกจากถุง ให้สะบัดเอาเบคกิ้งโซดาออกจากเสื้อผ้า
    • นำเสื้อผ้าไปซักให้สะอาดหลังจากการกำจัดกลิ่น
    • วิธีการกำจัดกลิ่นนี้ มีส่วนช่วยมากเนื่องจากกลิ่นต่างๆ ที่ติดมาจะถูกดูดซับออกไปก่อนที่จะถึงกระบวนการซักโดยเครื่องซักผ้า
  2. อีกวิธีหนึ่งคือการแช่ผ้าในน้ำส้มสายชู เบคกิ้งโซดา และน้ำเปล่า. ใส่เสื้อผ้าที่มีกลิ่นควันลงในถังซักผ้า ใส่น้ำในปริมาณพอเหมาะให้ท่วมเสื้อผ้า ใส่เบคกิ้งโซดา 250 มิลลิลิตร และ น้ำส้มสายชู 250 มิลลิลิตรลงไป
    • แช่ผ้าไว้เป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งชั้วโมง
    • ใส่ผงซักฟอกลงไปพอประมาณและทำการซักด้วยโปรแกรมปกติของเครื่องซักผ้า
    • วิธีนี้มีประโยชน์มาก เนื่องจากเบคกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูมีส่วนช่วยอย่างมากในการลดกลิ่นไม่พึงประสงค์
  3. หากคุณพบว่าถังซักผ้าของคุณเริ่มมีกลิ่นหลังจากการซักเสื้อผ้าที่มีกลิ่นควันไปหลายครั้ง คุณควรหาซื้อผงทำความสะอาดถังซักผ้าของคุณเพื่อแก้ไขปัญหา
    • ใส่ผงทำความสะอาดถังซักผ้าตามจำนวนที่ระบุในแถบแนะนำการใช้
    • ใช้โปรแกรมที่เพิ่มความร้อนให้ถังซักโดยอย่าใส่เสื้อผ้าลงในนั้น
  4. ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นลงบนเสื้อผ้าเพื่อการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว. หากคุณมีความจำเป็นที่จะต้องกำจัดกลิ่นจากเสื้อผ้าของคุณชั่วคราวก่อนที่คุณจะซัก ลองใช้สเปรย์ฉีดดับกลิ่นลงบนเสื้อผ้าของคุณ
    • ขอให้มั่นใจว่าคุณเลือกซื้อสเปรย์ที่ช่วยดับกลิ่นบนเสื้อผ้า ไม่ใช่สเปรย์ที่เพียงแค่เพิ่มกลิ่นหอมลงไปเพื่อดับกลิ่นเหม็น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

การกำจัดกลิ่นควันบนรถ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งที่ง่ายที่สุดที่คุณสามารถทำได้คือให้อากาศในรถได้ถ่ายเท ลดกระจกรถลงและเปิดค้างไว้ 1-2 ชั่วโมง เป็นเวลา 1-2 วัน
    • หากเป็นไปได้ ควรเปิดประตูรถค้างไว้แทนที่จะเปิดแค่กระจกรถ วิธีนี้จะช่วยให้อากาศถ่ายเทดีที่สุด
    • ลองใช้เครื่องดูดอากาศดูดอากาศออกจากรถของคุณ วิธีนี้จะช่วยให้อากาศถ่ายเทเร็วขึ้นและหากเป็นไปได้ควรเลือกทำให้วันที่มีลมแรง
    • ห้ามเปิดพัดลมหากรถอยู่ในสถานที่ปิด เช่น ในโรงรถ เนื่องจากอาจทำให้เกิดสารคาร์บอนมอนอคไซด์ได้
  2. ใช้น้ำยาเช็ดรถ เช็ดเบาและพื้นรถ ควรล้างภายในของรถตั้งแต่หลังคาจนถึงพื้นรถ
    • ควรนำพรมรองพื้นออกและแยกล้างต่างหาก หากไม่สามารถกำจัดกลิ่นออกจากพรมได้ให้หาผืนใหม่มาเปลี่ยน
  3. [2] ร้านขายอุปกรณ์รถยนต์บางร้านจะขายสารเคมีที่สามารถลบกลิ่นที่ฝังแน่นในตัวรถเช่น กลิ่นควันได้
    • ปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้อย่างเคร่งครัด
    • ปล่อยให้อากาศถ่ายเทเป็นเวลา 1-2 วัน หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารแคมี เนื่องจากสารเคมีอาจตกค้างหลังการใช้
    • ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเศษที่ตกค้างจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้
  4. ลองใช้น้ำส้มสายชู ถ่าน ผงกาแฟ หรือเบคกิ้งโซดา. ถึงแม้ว่าสารเหล่านี้จะช่วยแค่กลบกลิ่นไม่ใช่กำจัดกลิ่น แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยใช้วิธีพวกนี้
    • นำถ้วยน้ำส้มสายชู ผงกาแฟหรือ ถ่าน ใส่ทิ้งไว้ในรถค้างคืนไว้เป็นเวลา 1-2 วัน
    • โรยผงเบคกิ้งโซดาลงภายในตัวรถ และทิ้งค้างคืนไว้ หลังจากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกในตอนเช้า
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

การกำจัดกลิ่นควันในบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เปิดหน้าต่างทุกบานที่สามารถเปิดได้ เพื่อที่จะทำให้อากาสถ่ายเทให้ได้มากที่สุด กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็จะถ่ายเทออกไปและกลิ่นสดชื่นภายนอกก็จะเข้ามาแทน
    • ควรทำในวันที่มีลมพัดอ่อนๆ หรือสามารถใช้พัดลมเพดานหรือพัดลมอื่นๆ ในบ้านช่วยให้อากาศถ่ายเทได้
  2. นำเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถยกได้ออกไปผึ่งแดดเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง จะช่วยลดกลิ่นลงได้
    • อากาศภายนอกสามารถช่วยลดกลิ่นควันได้
    • แสงยูวีก็สามารถช่วยลดกลิ่นควันได้เช่นกัน
  3. เครื่องฟอกอากาศจะดูดซับกลิ่นควันไปไว้ในไส้กรอกอย่างหมดจด ซึ่งมีตัวเลือกตามท้องตลาดมากมายในเลือกซื้อ [3]
    • เครื่องฟอกอากาศ จะสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งดักจับกลิ่นและเก็บไว้ในแผงกรอง
    • ตัวดักจับกลิ่นนั้นจะสร้างสนามไฟฟ้าที่ดักจับกลิ่น แต่ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้เกิดฝุ่นละอองที่อาจจะรวมตัวกันและตกลงพื้น ให้กวาดหรือใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดภายหลัง
    • HEPA Filter (Mechanical High Efficiency Particulate Air) จะช่วยดักจับอนุภาคไว้ในแผนกรองถ่าน เมื่อนำแผ่นกรองไปทำความสะอาดหรือเปลี่ยนแผ่นใหม่ จะทำให้กลิ่นหายไปอย่างถาวร
  4. การกำจัดกลิ่นจากอากาศและเฟอร์นิเจอร์ในบ้านอาจไม่เพียงพอ นี่คือสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำความสะอาดเพื่อให้กลิ่นไม่พึงประสงค์หายไปตลอดกาล [4]
    • เช็ดกำแพงและผนังบ้าน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ ไกลคอล(glycol) หรือ แอมโมเนีย(ammonia) เมื่อเช็ดทำความสะอาดเสร็จควรเปิดให้ห้องมีอากาศถ่ายเทสะดวกและยังไม่ควรให้เด็กหรือสัตวเลี้ยงเข้ามาภายในห้อง
    • ทำความสะอาดพื้น พื้นทั่วไปสามารถใช้น้ำยาถูพื้นทำความสะอาดได้ปกติ แต่หากเป็นพรมจะต้องซักให้สะอาด ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพรมจึงมีความสำคัญเช่นกัน
    • ล้างทำความสะอาดผ้าม่าน แช่ผ้าม่านลงในน้ำสบู่ผสมกับน้ำส้มสายชูประมาณ 500 มิลลิลิตร หรือมากกว่านั้นเพื่อความสะอาดยิ่งขึ้น หลังจากนั้นนำผ้าม่านลงเครื่องซักผ้าหรือส่งซักแห้งหากไม่สามารถซักแบบธรรมดาได้
    • เช็ดหน้าต่างและกระจกภายในบ้าน ฉีดน้ำส้มสายชูลงบนพื้นผิวกระจกและเช็ดออกด้วยผ้านุ่ม
    • เปลี่ยนหลอดไฟ กลิ่นควันมักจะก่อตัวบนพื้นผิวของหลอดไฟทั้งด้านในและด้านนอก เมื่อเปิดไฟจนเกิดความร้อนจะทำให้เกิดกลิ่นขึ้น
  5. เทน้ำส้มสายชูลงในถ้วยตื้นๆ ใบเล็กๆ และวางไว้ในจุดที่มักจะมีควันเกิดขึ้น ปล่อยให้น้ำสมสายชูระเหย
    • วิธีนี้จะได้ผลดีที่สุดเมื่อปิดประตูแหละหน้าต่างทั้งหมด เพื่อไม่ให้อากาศถ่ายเท สารระเหยน้ำส้มสายชูจะได้ทำงานการเต็มที่
    • คุณสามารถนำผ้าชุบน้ำส้มสายชูและเช็ดทำความสะอาดกำแพงได้เช่นกัน
  6. โรยผงเบคกิ้งโซดาลงบนเฟอร์นิเจอร์ พรม และ ผ้าหรือเบาะต่างๆ ทิ้งค้างคืนไว้ และใช้เครื่องดูดฝุ่นออกในวันถัดมา
    • คุณสามารถใช้เบคกิ้งโซดาวางไว้ตามจุดต่างๆ แทนน้ำส้มสายชูได้เช่นกัน
  7. นำถ่านกัมมันต์ในชามวางไว้ในห้องที่มีควันเกิดขึ้นเพื่อดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์
    • ข้อควรรู้ ถ่านกัมมันต์เป็นส่วนประกอบสำคัญของ HEPA filter อีกด้วย
    โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ราวตากผ้า
  • ถุงซิปล็อคหรือถุงพลาสติก
  • เครื่องหอม
  • เปลือกไม้ซีดาร์
  • เบคกิ้งโซดา
  • ถ่านกัมมันต์
  • กระดาษหอม
  • น้ำส้มสายชู
  • ชาม
  • เครื่องซักผ้า
  • ผงทำความสะอาดถังซัก
  • สเปรย์ดับกลิ่น
  • ผงซักฟอก
  • แชมพูทำความสะอาดรถยนต์
  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดกลิ่นชนิดพิเศษ
  • ผงกาแฟ
  • พัดลม
  • เครื่องฟอกอากาศ
  • ผ้านุ่ม
  • แชมพูทำความสะอาดพรม
  • น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของไกลคอล(glycol) หรือ แอมโมเนี่ย(ammonia)
  • หลอดไฟ

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,563 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา