ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

กลิ่นควันและนิโคตินนั้นสามารถติดอยู่กับผนังบ้าน หน้าต่าง และชุดเครื่องนอนกับพรมได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ฟุ้งกระจายไปทั่วบ้านนั่นเอง กลิ่นควันนั้นเกิดจากเรซินและน้ำมันทาร์ ซึ่งยากต่อการดับกลิ่นมันยิ่งนัก การกำจัดกลิ่นควันในบ้านของคุณอาจต้องทำทั้งทำความสะอาดบ้าน ปรับอากาศให้บริสุทธิ์ หรืออาจต้องเปลี่ยนพรมและทาสีบ้านใหม่เลย ถ้าหากว่ากลิ่นควันนั้นสร้างความเสียหายซะส่วนใหญ่แล้วล่ะก็นะ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 5:

การเตรียมดับกลิ่นในบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณอาจต้องสวมถุงมือใช้แล้วทิ้งหรือชุดป้องกันอย่างอื่นเมื่อรับมือกับผลิตภัณฑ์ที่มีนิโคตินหรือสารเคมีทำความสะอาด นี่จะช่วยป้องกันการสัมผัสหรืออาการระคายผิวเนื่องจากสารเคมีที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์เหล่านั้น
  2. กำจัดก้นบุหรี่ ก้นซิการ์ ที่เขี่ยบุหรี่ ฯลฯ จากในบ้านและบริเวณด้านนอก การปล่อยให้มีของแบบนี้อยู่ในบ้านก็จะยิ่งเป็นการซึมซับกลิ่นของควันต่อไปเรื่อยๆ ให้ทิ้งของเหล่านี้หลังจากที่ไฟมันดับไปแล้ว โดยทิ้งในถุงพลาสติกแล้วผูกปากถุงให้แน่นก่อนจะเอาไปทิ้งที่ถังขยะด้านนอกอีกทีหนึ่ง
  3. เปิดหน้าต่างและประตูทั้งหมดเพื่อระบายอากาศออกไปด้านนอก. ทำบ่อยๆ ขณะที่กำลังทำความสะอาดหรือกำลังกำจัดกลิ่นให้บ้านอยู่
    • คุณสามารถวางพัดลมทั่วทั้งบ้านอย่างมีกลยุทธฺเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศก็ได้นะ โดยให้หันหน้าพัดลมไปที่มุมห้องที่ไม่ได้มีการระบายอากาศดีเท่าที่ควร เพื่อดันอากาศออกจากห้อง หรือหันพัดลมไปทางแนวประตูหรือหน้าต่างเพื่อระบายอากาศเก่าๆ ออกจากบ้าน
  4. ผลิตภัณฑ์บางตัวก็โฆษณาว่าตัวเองมีฤทธิ์ในการควบคุมหรือกำจัดกลิ่นได้ อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญคือคุณต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ทำความสะอาดรวมอยู่ได้ พวกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดับกลิ่นได้นั้นไม่สามารถกำจัดกลิ่นควันได้หรอก ให้ลองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสิ่งต่อไปนี้ดูจะดีกว่า
    • เบกกิ้งโซดา เบกกิ้งโซดาสามารถระงับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ตามธรรมชาติ และทำได้โดยการทำให้กรดและโมเลกุลของกลิ่นมีค่ากรด-ด่างเป็นกลางนั่นเอง [1]
    • ถ่านกัมมันต์ ถ่านเป็นสิ่งที่มักจะใช้เพื่อกรองฝุ่นและอนุภาคต่างๆ จากในน้ำอยู่แล้ว แต่มันก็สามารถใช้ดับกลิ่นได้ดีเชียวล่ะ ด้วยการซึมซับกลิ่นเหม็นๆ เหล่านั้นนั่นเอง [2]
    • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์สามารถดับกลิ่นได้ด้วยการให้ออกซิเจนกับจุดที่ปนเปื้อนหรือมีกลิ่น อย่างไรก็ตาม สารเคมีชนิดนี้อาจมีปฏิกิริยาคล้ายสารฟอกขาว และควรใช้อย่างระมัดระวังกับพื้นผิวบางชนิดเท่านั้น ฉะนั้นก็ให้ลองในจุดเล็กๆ ก่อนที่จะใช้เต็มๆ ดู
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 5:

กำจัดกลิ่นออกจากพรม เสื้อผ้า และผ้าลินิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทุกอย่างที่เป็นผ้าหรือลินินและสามารถซักได้ ก็ควรนำมารวมกันในกองที่จะซัก
    • คุณอาจคิดว่ามันไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็นอะไร แต่จริงๆ จมูกคุณอาจบอดไปแล้วก็เป็นได้ นั่นหมายความว่าคุณชินกับกลิ่นควันจนไม่สามารถแยกความแตกต่างจากสิ่งแวดล้อมได้อีกต่อไป คือถ้าถามว่ามีอะไรบางอย่างในบ้านที่กลิ่นเหมือนควัน ทุกอย่างในบ้านก็อาจกลิ่นเหมือนกับควันไปหมดเลยก็ได้
    • ซักหรืออบแห้งผ้าทั้งหมดนั่น สิ่งสำคัญคือต้องทำให้เสื้อผ้า ผ้า ลินิน และหมอนสะอาดก่อนที่จะทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง พวกผ้าและลินินสามารถดูดซับกลิ่นได้มากกว่าวัสดุชนิดอื่นๆ ถ้าทำให้กลิ่นหายไปจากผ้า ก็จะทำให้ทำความสะอาดตรงอื่นได้ง่ายขึ้นนะ
    • แนะนำให้นำผ้าไปซักและเก็บผ้าสะอาดเอาไว้ด้านนอกบ้าน ถ้าเอามันกลับมาไว้ในบ้านหลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว ก็อาจทำให้มันดูดกลิ่นควันที่เหลือในบ้านเข้าไปใหม่ได้
  2. อย่าลืมทำความสะอาด ซัก หรือเปลี่ยนผ้าม่านกับมู่ลี่ด้วยนะ. หลายๆ คนชอบลืมที่จะทำความสะอาดผ้าม่านกับมู่ลี่ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำมันทาร์กับเรซินมักจะติดและซึมเข้าไป ให้ปลดผ้าม่านหรือมู่ลี่ออกมาล้างทำความสะอาดมัน หรือจะซื้อมู่ลี่ใหม่เลยก็ได้ถ้าอันเก่ามันทั้งเก่าและเหม็นไปแล้ว
    • พวกงานฝีมือที่แขวนบนผนังก็อาจทำมาจากผ้าหรือผ้าใบ อย่าลืมปลดมันออกมาล้างด้วยสบู่อ่อนๆ น้ำเปล่าและเช็ดด้วยผ้าสะอาดด้วยล่ะ เพียงเช็ดมันและเก็บเอาไว้นอกบ้านจนกว่าจะดับกลิ่นในบ้านได้จนหมด
  3. ถ้ามันสกปรกมากๆ และมีกลิ่นควันแรงจริงๆ ก็เปลี่ยนมันซะ แต่ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ก็ทำความสะอาดโดยวิธีต่อไปนี้
    • ซักมัน คุณสามารถเช่าเครื่องทำความสะอาดพรมไอน้ำแล้วซักพรมเองได้ หรือจะจ้างผู้เชี่ยวชาญให้มาทำความสะอาดพรมก็ได้เช่นกัน
    • โรยเบกกิ้งโซดาใส่ โรยเบกกิ้งโซดาในปริมาณมากๆ บนพื้นผิวพรมแล้วทิ้งเอาไว้อย่างนั้นวันหนึ่ง เบกกิ้งโซดาจะดูดซับกลิ่นควันและความชื้นในพรมออกมา จากนั้นก็ดูดฝุ่นที่พรมเพื่อดูดเบกกิ้งโซดาออก คุณสามารถทำแบบนี้ได้หลายๆ ครั้งต่อสัปดาห์จนกว่ากลิ่นจะหายไปเลยล่ะ [3]
  4. โรยเบกกิ้งโซดาใส่เฟอร์นิเจอร์ที่มีผ้าหุ้มและพรม. หรือจะใช้สารเคมีทำความสะอาดที่เข้มข้นอย่าง OdoBan ก็ได้ ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญมักจะใช้ช่วยดับกลิ่นในบ้านหลังจากถูกไฟไหม้นั่นเอง
    • ถ้าคุณสามารถถอดปลอกหมอนหนุนออกได้ ก็ให้เอาไปแช่น้ำและซักมือหรือซักด้วยเครื่องโดยใส่เบกกิ้งโซดาผสมลงไปด้วย ปล่อยให้มันแห้งเล็กน้อย จากนั้นก็ใส่ปลอกกลับเข้าไปในหมอนขณะที่มันยังหมาดหน่อยๆ มันจะช่วยยืดให้ได้ขนาดที่เหมาะสมโดยไม่ทำให้ราขึ้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 5:

กำจัดกลิ่นควันออกจากบริเวณพื้นผิวอื่นๆ ภายในบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้น้ำส้มสายชูหรือน้ำยาฟอกขาวเจือจางในการทำความสะอาดผิวที่ไม่ใช่ผ้า. น้ำยาฟอกขาว และยิ่งน้ำส้มสายชูนั้น สามารถแตกน้ำมันทาร์และเรซินในควันบุหรี่ได้ดีเชียวล่ะ [4] กลิ่นของน้ำยาฟอกขาวกับน้ำส้มสายชูอาจออกมาในตอนแรก แต่เดี๋ยวเวลาผ่านไปมันก็จะหายไปเอง ไม่เหมือนกับกลิ่นควันที่จะติดอยู่ไปตลอด
    • ผสมน้ำส้มสายชูกลั้นกับน้ำเปล่าอุ่นๆ ครึ่งต่อครึ่งเพื่อทำเป็นสารละลายทำความสะอาด
    • ผสมสารฟอกผ้าขาว ½ ถ้วย (115 มล.) กับน้ำ 4 ลิตรเข้าด้วยกัน เพื่อทำความสะอาดพื้นผิวของพวกอ่างล้างหน้า ฝักบัว อ่างน้ำ เคาน์เตอร์ กระเบื้องเคลือบ ไวนิล และพื้น หลังจากที่ทำความสะอาดแล้วก็ต้องล้างพื้นผิวนั้นด้วยน้ำเปล่าหลังทำความสะอาดก่อนจะใช้อีกด้วยนะ แล้วก็ห้ามใช้สารฟอกขาวในที่ที่คุณใช้ส่วนผสมของน้ำส้มสายชูไปพร้อมๆ กัน
  2. ล้างพื้น ฝ้าผนัง กรอบหน้าต่าง กำแพง และอุปกรณ์อื่นๆ. คุณอาจต้องใช้บันไดปีนขึ้นไปล้างพื้นผิวที่ล้างได้ทุกที่ในบ้านด้วยนะ
    • อย่าลืมล้างด้านในตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของ แล้วก็พวกผนังชั้นใต้ดิน โถงทางเดิน ตู้ และลิ้นชักด้วยล่ะ
  3. เช็ดเฟอร์นิเจอร์ไม้ พลาสติก และโลหะและข้าวของเครื่องใช้ด้วยน้ำส้มสายชูใส. เทน้ำส้มสายชูใสลงในขวดสเปรย์และเช็ดมันให้สะอาดด้วยผ้า จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดและใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง ถ้าหากว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นค่อนข้างจะบอบบาง
    • หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปกลิ่นลาเวนเดอร์ ซิตรัส หรือโรสแมรี่เพื่อดับกลิ่นของน้ำส้มสายชู แต่ถึงจะไม่ใส่น้ำมันลงไป กลิ่นน้ำส้มสายชูก็จะหายไปเองพร้อมๆ กับที่ดับกลิ่นให้เฟอร์นิเจอร์ไปแล้ว
  4. เช็ดมันหรือล้างมันด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือจะเอาออกไปไว้ด้านนอกจนกว่าจะทำความสะอาดและดับกลิ่นบ้านได้ทั้งหมดแล้วก็ได้ [5]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 5:

ทาสีกำแพงใหม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์หรือสารละลายทำความสะอาดหลายๆ ตัวในการล้างกำแพงและกำจัดฝุ่น คราบมัน รวมถึงกลิ่นออกได้
    • ช่างทาสีระดับเชี่ยวชาญจะใช้ TSP หรือไตรโซเดียมฟอสเฟตในการทำความสะอาดกำแพง ด้วยการผสม TSP 1 ถ้วยเข้ากับน้ำเปล่า 20 ถ้วย หรือซื้อสเปรย์ TSP เอามาฉีดใส่กำแพงและเช็ดด้วยผ้า และอย่าลืมใส่ถุงมือตอนใช้ TSP ด้วยล่ะ
  2. ใช้สีรองพื้นแบบดับกลิ่นกับกำแพงที่ล้างแล้ว. พวกผลิตภัณฑ์อย่างยี่ห้อ Zinsser Bullseye และ Kilz ถือเป็นสิ่งสำคัญในการนำมาดับกลิ่นที่ติดอยู่เป็นเวลานานเลยล่ะ เพียงแค่ทาสีใหม่ไม่ทำให้กลิ่นหายไปหรอก และมันยังเป็นการกักกลิ่นเอาไว้ในสีอีกด้วย
  3. ตัวอย่างเช่น ถ้าหากว่าเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ มีกลิ่นควัน คุณก็สามารถล้างมัน ทาสีรองพื้นใหม่ และทาสีเพื่อกำจัดกลิ่นไปก็ได้
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 5:

ปรับกลิ่นในอากาศ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เปลี่ยนอุปกรณ์กรองอากาศ กรองเตา และกรองแอร์. อากาศที่พัดในบ้านอาจยังมีกลิ่นควันอยู่ ฉะนั้นให้เปลี่ยนอุปกรณ์กรองอากาศต่างๆ ทั้งหมดเพื่อชำระอากาศให้สะอาด และทำให้อากาศในบ้านบริสุทธิ์
    • หรือจะทำความสะอาดอุปกรณ์กรองด้วยสารละลาย TSP ก็ได้ ด้วยการสวมถุงมือ แล้วเอาอุปกรณ์กรองลงไปแช่ในสารละลาย TSP และปั่นมันไม่ให้เกินหนึ่งชั่วโมง ใช้แปรงปัดเอาสิ่งสกปรกและกลิ่นที่เหลือออกไปด้วย หลังจากนั้นก็ล้างน้ำเปล่าให้สะอาด
  2. คุณสามารถเลือกว่าจะซื้อเครื่องฟอกอากาศมาติดตั้งกับระบบที่กรองอากาศเข้าบ้านเลย หรือจะซื้อแบบที่ฟอกอากาศในห้องๆ หนึ่งก็ได้ โดยให้คำนึงถึงขนาดของห้องและบ้าน และซื้ออุปกรณ์ให้ได้ขนาดและความคงทนเหมาะกับพื้นที่ที่ใช้
  3. ถ่านกัมมันต์สามารถใช้ดูดซับกลิ่นได้ ให้วางชามที่ใส่ถ่านเอาไว้ในบ้านบริเวณที่อากาศไม่ไหลเวียน อย่างห้องที่ไม่มีหน้าต่าง หรือตู้เก็บของ เมื่อเวลาผ่านไป ถ่านก็จะดูดกลิ่นเหล่านั้นเข้าไปนั่นเอง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ทำความสะอาดเป็นประจำทุกวันหรือทุกสัปดาห์เพื่อคอยไล่กลิ่นออกไปเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น เปิดประตูหน้าต่างหลายๆ ชั่วโมงต่อวัน ดูดฝุ่นทุกวัน และซักพวกผ้าทุกๆ สัปดาห์
  • ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นใส่เฟอร์นิเจอร์เป็นการชั่วคราว แม้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไม่ได้ใช้กำจัดกลิ่นได้ทั้งหมด แต่มันก็ยังช่วยปรับกลิ่นในบ้านได้ชั่วคราวอยู่ดี
  • ทำความสะอาดพื้นที่นอกบ้านด้วย เช่น ระเบียง ดาดฟ้า หรือสวนหลังบ้าน ไม่ว่าที่ใดที่ที่มีควันก็ควรทำความสะอาดและดับกลิ่นเพื่อไม่ให้กลิ่นกลับเข้าไปในบ้าน
โฆษณา

คำเตือน

  • สวมอุปกรณ์ป้องกันอย่างถุงมือและแว่นตานิรภัยเสมอเมื่อใช้สารเคมีอย่างสารฟอกขาวและ TSP
  • อ่านและทำตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างระมัดระวังเพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดความเสียหายกับสิ่งใดๆ พื้นผิวบางชนิดก็อาจได้ผลกับผลิตภัณฑ์บางประเภทเท่านั้น
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,560 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา