PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ไม่มีใครอยากให้ภายในรถของตนเองมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ การต้องมานั่งดมกลิ่นเหม็นในรถยนต์เป็นอะไรที่ทรมาน แถมยังต้องอับอายเพื่อนฝูง หากเขาต้องนั่งรถไปกับเราด้วย โชคดีที่กลิ่นโดยส่วนใหญ่สามารถกำจัดได้ค่อนข้างง่าย เริ่มต้นด้วยการเอาเศษขยะออกจากรถเสียก่อน ดูดฝุ่นภายในรถและเช็ดคราบต่างๆ ออกให้หมด ถ้ายังมีกลิ่นหลงเหลืออยู่ เราอาจต้องทำความสะอาดเบาะและพรมของรถยนต์ด้วยน้ำยาทำความสะอาดเบาะและพรมโดยเฉพาะ หรือจ้างผู้เชี่ยวชาญให้ทำความสะอาดภายในรถยนต์เพื่อจะได้กำจัดกลิ่นออกให้หมด

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

กำจัดกลิ่นและสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่น

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำผ้าชุบน้ำยาที่ผสมขึ้นจากน้ำและน้ำส้มสายชูเช็ดพื้นผิวภายในรถยนต์เพื่อกำจัดกลิ่นบุหรี่. นำน้ำส้มสายชูขาวมาผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 นำผ้าขี้ริ้วชุบน้ำยานั้นและเช็ดสิ่งที่ตกค้างจากควันบุหรี่และทาร์ออกจากพื้นผิวภายในรถยนต์. [1] เนื่องจากควันบุหรี่จะค่อยๆ กระจายไปทุกพื้นผิวภายในรถ เราอาจต้องฉีดสเปรย์ดับกลิ่นที่ช่องแอร์และช่องลมของรถด้วย
    • ถ้าเราหรือใครก็ตามสูบบุหรี่ในรถเป็นประจำ กลิ่นบุหรี่ก็จะคงอยู่ตลอด ฉะนั้นควรหยุดสุบบุหรี่ในรถไปเลยจะดีกว่า
  2. ดูดความชื้นเพื่อกำจัด เชื้อรา . ใช้เครื่องดูดฝุ่นชนิดดูดทั้งแห้งและเปียกมาดูดความชื้นออกจากเบาะนั่งหรือพรม พอดูดเสร็จแล้ว เปิดหน้าต่างรถทิ้งไว้ 8-10 ชั่วโมงเพื่อให้ภายในรถแห้งสนิท ถ้าเรานำพรมปูพื้นออกไปทำความสะอาด ตากแดดให้แห้งเพื่อฆ่าเชื้อรา ถ้าภายในรถแห้งสนิทแล้ว กลิ่นเชื้อราก็จะหายไปด้วย [2]
    • หมั่นตรวจเช็ครอยรั่วต่างๆ ภายในรถ หากมี ต้องรีบแก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราขึ้นอีกในอนาคต
    • ถ้าไม่พบรอยรั่ว แสดงว่าการเกิดเชื้อราขึ้นภายในรถอาจมีสาเหตุมาจากการมีน้ำหกในรถแต่ปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้เช็ด หรือทิ้งเสื้อผ้าที่เปียกชื้นทิ้งไว้ในรถ อย่าลืมเอาสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ เช่น อาหารที่เน่าเสีย ออกจากรถ และทำความสะอาดภายในรถด้วย
  3. ใช้น้ำยาที่ผสมขึ้นจากน้ำและน้ำส้มสายชูขจัดคราบอาเจียน. ถ้าเกิดมีใครอาเจียนภายในรถยนต์ เราต้องขจัดคราบอาเจียนนั้นให้เร็วที่สุดเท่าจะทำได้ เพราะกรดกระเพราะในอาเจียนจะเกาะเส้นใยและอาจสร้างความเสียหายแก่พรมได้ นำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 จากนั้นนำผ้าขี้ริ้วจุ่มน้ำยาและเช็ดคราบอาเจียนนั้นออก เช็ดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะขจัดคราบออกได้จนหมด [3]
    • พอเราเช็ดคราบอาเจียนออกจากพรมหมดแล้ว ใช้เครื่องดูดฝุ่นชนิดดูดทั้งแห้งและเปียกมาดูดน้ำยาที่ยังหลงเหลืออยู่ออกจากพรม
  4. ปัสสาวะมีกลิ่นที่รุนแรง เราต้องกำจัดกลิ่นนี้ออกไปจากในรถให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราสามารถหาซื้อน้ำยาขจัดคราบที่เหมาะจะใช้กับเบาะนั่งหรือพรมได้ที่ร้านขายอุปกรณ์ดูแลรถยนต์ ใช้ผ้าชุบน้ำยาขจัดคราบแล้วซับเบาะที่นั่งหรือพรมแทนการถู ปล่อยน้ำยาขจัดคราบทิ้งไว้ภายในระยะเวลาที่ฉลากแนะนำ
    • ปล่อยให้น้ำยาแห้งเอง ถ้าเราใช้อุปกรณ์ที่ช่วยทำให้แห้ง (เช่น ไดร์เป่าผม) ปัสสาวะอาจติดพรมและเริ่มส่งเหม็นอย่างรุนแรงมาก
    • ถ้าใช้น้ำยาขจัดคราบแล้วไม่ได้ผล ลองใช้สเปรย์ดับกลิ่นปัสสาวะดู สามารถหาซื้อสเปรย์แบบนี้ได้ที่ร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง
  5. จ้างผู้เชี่ยวชาญมากำจัดกลิ่นต่างๆ ให้ ถ้ากลิ่นนั้นยังคงมีอยู่. มีผู้เชี่ยวชาญที่เน้นให้บริการทำความสะอาดภายในรถยนต์และสามารถกำจัดกลิ่นภายในรถยนต์ให้แก่เราได้ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มีประสบการณ์มากมายในการกำจัดกลิ่นที่ติดทนนานและคราบฝังแน่นในรถ [4]
    • ลองใช้อินเตอร์เน็ตค้นหาบริการทำความสะอาดรถที่อยู่ใกล้บ้านเราดู หรือจะโทรศัพท์ไปหาศูนย์จำหน่ายรถยนต์และขอให้ทางศูนย์แนะนำร้านที่ให้บริการทำความสะอาดรถแก่เราก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ทำความสะอาดรถเพื่อกำจัดกลิ่น

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มทำความสะอาดภายในรถอย่างง่ายๆ ด้วยการเอาสัมภาระทุกอย่างออกจากรถก่อนแล้วค่อยเอาเศษขยะออกจากรถให้หมด ภายในรถของเราอาจมีเศษอาหารหรือขยะที่เป็นตัวก่อให้เกิดกลิ่น [5] ดูใต้เบาะที่นั่ง ตรวจกระเป๋าหลังของเบาะที่นั่ง หากพบเศษอาหาร เศษขยะ หรืออะไรก็ตามที่ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ให้นำออกมาทิ้งถังขยะให้หมด
    • ถ้าเรามีเด็ก เด็กๆ อาจทิ้งลูกอมเหนียวๆ หรืออาหารต่างๆไว้ในกระเป๋าหลังของเบาะที่นั่ง เราต้องจัดการทำความสะอาดให้เรียบร้อย อย่าลืมทำความสะอาดกระโปรงหลังรถด้วย
  2. เช็ดพื้นผิวภายในรถยนต์เพื่อขจัดคราบที่ก่อให้เกิดกลิ่น. ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดที่นุ่มๆ และสเปรย์ทำความสะอาดอเนกประสงค์ในการทำความสะอาดพื้นผิวภายในที่เป็นพลาสติก ไม้ กระจก และโลหะ [6] อาจมีใครทำอะไรหกหรือเปื้อนพื้นผิวเหล่านี้ เราต้องเช็ดเพื่อขจัดคราบเหล่านี้ออกให้หมด
    • ในการทำความสะอาด เบาะหนัง เราควรใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดเบาะหนังโดยเฉพาะ หรือมีอีกทางหนึ่งคือหาซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดภายในรถยนต์ที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ดูแลรถยนต์ ห้างสรรพสินค้า หรืออินเตอร์เน็ต
    • ถ้าเบาะไม่ได้เป็นหนัง กำจัดคราบได้โดยการดูดฝุ่นหรือใช้แชมพูทำความสะอาดมัน
  3. พรมปูพื้น (ซึ่งคนขับและผู้โดยสารมักใช้วางเท้า) สามารถนำออกมาทำความสะอาดได้ ฉะนั้นให้ดึงพรมออกมาและใช้ผ้าขี้ริ้วสองสามผืนกับน้ำสบู่อุ่นๆ ทำความสะอาดพรมปูพื้นนั้น พรมปูพื้นรถอาจมีคราบสะสมอยู่ทีละเล็กทีละน้อยและก่อให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ในรถของเรา [7]
    • ใช้น้ำสะอาดในการทำความสะอาดพรมปูพื้น เช็ดพรมให้แห้งสนิท พื้นรถจะได้ไม่เปียกเมื่อนำพรมปูพื้นกลับไปวางไว้ที่เดิมในรถ
  4. ดูดฝุ่นพรมและเบาะที่นั่งเพื่อเอาสิ่งสกปรกออกให้หมด. ดูดฝุ่นพรมและเบาะที่นั่งเพื่อเอาฝุ่นและเศษผงออก นอกจากฝุ่นและเศษผงแล้ว เราต้องดูดฝุ่นเพื่อเอาเศษอาหารหรือเศษขยะเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจยังติดอยู่บนพรมออก ถ้าสามารถดูดสิ่งสกปรกพวกนี้ออกไปได้หมด กลิ่นภายในรถก็น่าจะเบาบางลง ดูดฝุ่นให้ทั่วเบาะที่นั่งและพื้นรถ [8]
    • ถ้าหากแน่ใจว่ากลิ่นมาจากพรมปูพื้นรถอย่างแน่นอน โรยผงกำจัดกลิ่นที่พรม ปล่อยทิ้งไว้ตามระยะเวลาที่ฉลากผลิตภัณฑ์แนะนำ (มักจะประมาณ 5-10 นาที) ก่อนที่จะใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดผงกำจัดกลิ่นนั้นออกไป
  5. ใช้น้ำยาทำความสะอาดภายในรถยนต์ ถ้าการดูดฝุ่นไม่ช่วยทำให้กลิ่นหายไป. ถ้าการดูดฝุ่นไม่ช่วยทำให้กลิ่นหายไป เราจะต้องทำความสะอาดภายในรถยนต์ด้วยวิธีอื่น ซื้อน้ำยาทำความสะอาดภายในรถยนต์จากร้านขายอุปกรณ์ดูแลรถและเตรียมผ้าไมโครไฟเบอร์เพื่อใช้ในการเช็ดทำความสะอาด ใช้น้ำยานี้ตามที่ฉลากแนะนำ ฉีดน้ำยาที่ เบาะรถ และพรมแล้วใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดทำความสะอาดตาม [9]
    • ให้น้ำยาทำความสะอาดภายในรถยนต์ช่วยขจัดคราบที่อยู่บนพรมหรือเบาะที่นั่ง คราบต่างๆ อาจเป็นที่มาของกลิ่น ฉะนั้นเราต้องขจัดคราบเหล่านั้นออกไปให้หมด
    • พอคุณขัดภายในรถหมด คุณจะต้องล้างคราบน้ำยาทำความสะอาดและปล่อยให้พรมกับที่นั่งโดยสารแห้ง
    • เวลาเลือกซื้อน้ำยาทำความสะอาด ให้เลือกยี่ห้อที่ถูกออกแบบมาสำหรับใช้กับวัสดุที่ใช้ในรถของคุณ
  6. ผงฟูจะดูดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เราสามารถหาซื้อผงฟูได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป โรยผงฟูลงบนคราบที่มีกลิ่นภายในรถ ปล่อยทิ้งไว้ 4-5 ชั่วโมงและใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดผงฟูออกให้หมด [10]
    • โรยผงฟูลงบนพื้นผิวที่แห้งเท่านั้น ถ้าหากเราโรยผงฟูไว้บนคราบเปียกๆ ผงฟูก็จะข้นเหนียวเอาออกยาก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถึงแม้เราจะสามารถแขวนน้ำหอมปรับอากาศไว้ที่กระจกมองหลังได้ แต่การแขวนน้ำหอมนี้จะเป็นแค่การปกปิดกลิ่นเท่านั้น ไม่ใช่การกำจัดกลิ่น แต่ถ้าเราอยากแขวนน้ำหอมปรับอากาศ เราสามารถหาซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์ดูแลรถยนต์หรืออินเตอร์เน็ต [11]
  • เราสามารถหาซื้อเครื่องดูดฝุ่นชนิดดูดทั้งแห้งและเปียกได้ที่ห้างสรรพสินค้า หรือทางอินเตอร์เน็ต แต่ถ้าเพื่อนบ้านของเรามีเครื่องดูดฝุ่นแบบนี้และเราอยากประหยัดค่าใช้จ่าย ยืมเพื่อนบ้านก็ได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,975 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา