ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าบ้านคุณใช้เครื่องซักผ้าฝาหน้า จะสังเกตว่านานๆ ไปมีกลิ่นอับจากเชื้อรา จนทำเอาเสื้อผ้าไม่หอมสดชื่น นั่นเพราะเครื่องซักผ้าฝาหน้ามีหลายส่วนที่แห้งยาก ซักเสร็จไปนานแล้วบางทีก็ยังเปียกอยู่ มีหลายผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าได้ แต่ก็ควรใช้ผ้าเช็ดให้แห้งสะอาดร่วมด้วย บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการกำจัดและป้องกันกลิ่นอับจากเชื้อราในเครื่องซักผ้าฝาหน้าให้คุณเอง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ทำความสะอาด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ที่อยู่ระหว่างประตูกับถังซักผ้า ขอบยางนี้ช่วยให้ประตูปิดสนิท น้ำไม่ไหลออกมา [1]
    • ใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าขี้ริ้วเช็ดขอบยางให้แห้ง
    • จะใช้น้ำร้อนผสมน้ำยาล้างจาน หรือฉีดสเปรย์กำจัดเชื้อราก็ได้ ถ้าใช้น้ำยาต้องระวังสารเคมีระคายผิวด้วย
    • หรือผสมน้ำ 50% กับน้ำยาฟอกขาว 50% แล้วใช้ผ้าขี้ริ้วชุบมาเช็ด [2]
    • ต้องเช็ดทั้งรอบๆ และข้างใต้
    • ในขอบยางมักมีสิ่งสกปรกและคราบตกค้าง นี่คือสาเหตุว่าทำไมเครื่องซักผ้าฝาหน้าถึงมีกลิ่นอับชื้น
    • ถ้าเศษหรือคราบสกปรกติดทนนานในขอบยาง ใช้แค่ผ้าเช็ดไม่ออก ต้องเปลี่ยนไปขัดด้วยแปรงสีฟันเก่า จะได้เข้าถึงซอกมุมต่างๆ [3]
    • ถ้าเจอถุงเท้าหรือเศษผ้าอะไรไปติดค้างอยู่ ก็เอาออกด้วย
  2. บางรุ่นก็ถอดออกมาจากเครื่องซักผ้าได้เลย ล้างสะดวก [4]
    • คราบน้ำยาซักผ้ากับน้ำเน่าขังก็เป็นอีกสาเหตุทำถาดมีกลิ่นอับ
    • ถอดถาดใส่น้ำยาออกมาล้างให้สะอาด โดยใช้น้ำร้อนผสมน้ำยาล้างจาน
    • ถ้าถอดถาดไม่ได้ ก็ให้เช็ดหรือล้างด้วยน้ำผสมน้ำยาล้างจาน
    • ซอกมุมไหนเข้าถึงยาก ให้ใช้ขวดสเปรย์ฉีดหรือลวดล้างท่อ
  3. โดยตั้งให้ซักรอบนานที่สุด และใช้น้ำร้อนที่สุด [5]
    • เครื่องซักผ้าบางเครื่องจะมี tub cleaning cycle หรือระบบล้างเครื่องให้เลือกโดยเฉพาะ
    • เทน้ำยาฟอกขาว 1 ถ้วยตวง, เบคกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง, น้ำยาล้างจานสูตรเอนไซม์ 1/2 ถ้วยตวง หรือน้ำยาล้างเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะลงในถังซักผ้า (แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง)
    • น้ำยาล้างเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะยี่ห้อที่น่าใช้ก็เช่น Affresh หรือ Smelly Washer
    • Tide ก็มีน้ำยาล้างเครื่องซักผ้าเหมือนกัน ตามห้างในไทยอาจจะหายาก ลองดูตามร้านออนไลน์ดู
    • ปล่อยให้ล้างเครื่องจนครบรอบ ถ้ายังเหลือกลิ่นอับ ก็ล้างเพิ่มอีกรอบ
    • ถ้าล้าง 2 รอบแล้วกลิ่นยังอยู่ คงต้องเปลี่ยนไปใช้น้ำยาอื่นแทน เช่น ถ้าตอนแรกใช้เบคกิ้งโซดา คราวนี้ให้ลองเทน้ำยาล้างเครื่องซักผ้าหรือน้ำยาฟอกขาวลงไปแทน
  4. บางยี่ห้อ กรณีแบบนี้อาจอยู่ในประกัน ต้องลองอ่านคู่มือหรือสอบถามยี่ห้อที่คุณซื้อดู [6]
    • ถ้าทำยังไงก็ไม่หายอับ เป็นไปได้ว่าท่อตันหรือไม่ได้ล้างไส้กรอง รวมถึงอาจมีราขึ้นที่หลังถังซักผ้า
    • ถ้าให้ช่างผู้เชี่ยวชาญดู จะบอกได้ทันทีว่าเป็นเพราะอะไร มีปัญหาอื่นที่น่าเป็นห่วงกว่าหรือเปล่า รวมถึงแนะนำวิธีการแก้ไขให้
    • ถ้าคุณพอมีความรู้ ก็น่าจะล้างทำความสะอาดท่อและไส้กรองได้เอง ปกติจะอยู่ในช่องเล็กๆ ที่ฐานด้านหน้าของเครื่องซักผ้า
    • ตอนล้างอย่าลืมเตรียมถังไว้ใส่น้ำเน่าน้ำขังด้วย
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเป็นเครื่องซักผ้า High Efficiency (HE) แบบใช้น้ำน้อย ก็ต้องใช้น้ำยาซักผ้าเฉพาะ [7]
    • เพราะถ้าใช้น้ำยาซักผ้าปกติฟองจะเยอะไป และทิ้งคราบไว้จนเกิดกลิ่น
    • อย่าใส่น้ำยาซักผ้าเยอะไป เพราะอาจตกค้างในเครื่องซักผ้าได้
    • ส่วนใหญ่ผงซักฟอกจะดีกว่าน้ำยาซักผ้า เพราะฟองน้อยกว่า [8]
  2. ให้ใช้ dryer sheet หรือแผ่นหอมๆ ที่เอาไว้ใส่ตอนอบผ้าในเครื่องแทน
    • น้ำยาปรับผ้านุ่มก็เหมือนน้ำยาซักผ้า คือมักเกิดคราบตกค้าง สะสมในเครื่องซักผ้า
    • นานๆ เข้าก็ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
    • ใช้ dryer sheet แทน เดี๋ยวนี้เมืองไทยก็มีขาย ไม่ได้แพงอย่างที่คิด อยู่แผนกเดียวกับน้ำยาซักผ้านั่นแหละ
  3. ถ้าถังซักผ้าแห้งสนิท ราก็จะไม่ขึ้น [9]
    • แง้มหรือเปิดประตูไว้เลย ตอนที่ยังไม่ใช้เครื่องซักผ้า
    • อากาศจะได้ถ่ายเท ถังซักผ้าแบบฝาหน้าจะได้แห้งสนิท ไม่ชื้นแฉะหลังซักเสร็จ
    • ถ้ามีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง ทางที่ดีไม่ควรเปิดทิ้งไว้ เพราะอาจปีนเข้าไปเล่นจนติดอยู่ข้างในได้ [10]
  4. ซักเสร็จเมื่อไหร่ให้รีบเอาผ้าเปียกออกจากเครื่อง [11]
    • บางเครื่องตั้งให้ส่งเสียงเตือนได้หลังซักเสร็จ จะได้ไม่ลืมเอาผ้าออก
    • ถ้ายังตากหรืออบผ้าไม่ได้ในทันที ก็ให้เอาออกมาใส่ตะกร้าไว้ก่อน หรือแผ่ไว้จนกว่าจะตากหรืออบได้
    • ถังซักผ้าจะได้ไม่อับชื้นหลังซักแต่ละครั้ง
  5. โดยใช้ผ้าแห้ง [12]
    • สรุปแล้วให้เช็ดขอบยาง ใต้ขอบยาง และในถังซักผ้าให้แห้งทุกครั้งหลังซักผ้า
    • หลายคนอาจจะมองว่าเสียเวลาและน่ารำคาญ ก็อนุโลมให้ไม่ต้องทำทุกครั้ง แต่ต้องบ่อยเท่าที่จะทำได้
    • หรือเช็ดด้วยน้ำร้อนผสมน้ำยาล้างจาน จากนั้นผึ่งให้แห้ง จะได้สะอาดปราศจากรา
  6. จะใช้น้ำร้อนหรือปล่อยซัก (cleaning cycle) ไปก็ได้ [13]
    • ให้เทน้ำส้มสายชูกลั่นขาว 2 ถ้วยตวงในถาดใส่น้ำยาซักผ้า แล้วใช้น้ำร้อนหรือเลือก cleaning cycle
    • หรือใช้น้ำยาล้างเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะก็ได้ เช่น Smelly Washer แต่น้ำส้มสายชูก็ใช้ได้ผลดีพอๆ กันในราคาที่ย่อมเยากว่า
    • ล้างแล้วให้ทำความสะอาดขอบยาง ถังซักผ้า ถาดใส่น้ำยาซักผ้า และด้านในของประตูเครื่องซักผ้า โดยใช้น้ำร้อนผสมน้ำส้มสายชูกับผ้าขนหนู
    • เช็ดส่วนต่างๆ ในถังซักผ้าซ้ำ แต่ใช้น้ำร้อนอย่างเดียว
    • ปล่อยซักอีกรอบโดยตั้งให้ใช้น้ำร้อน
    • เปิดประตูเครื่องซักผ้าทิ้งไว้ ข้างในจะได้แห้งสนิท
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ใส่เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะในถังซักผ้าทุกครั้งหลังซักเสร็จ คราวหน้าที่ซักผ้าจะได้ช่วยดูดกลิ่น
  • อีกวิธีกำจัดกลิ่นจากผ้า คือใช้เบคกิ้งโซดาแล้วซักด้วยน้ำร้อนสุด อย่าใช้น้ำยาซักผ้า
  • ล้างถาดใส่น้ำยาซักผ้าอย่างน้อยเดือนละครั้ง รวมถึงช่องใส่ถาดด้วย
  • อาจจะใส่น้ำส้มสายชูช่วงซักน้ำเปล่า หรือใช้ Downy Ball ที่เป็นลูกบอลบรรจุน้ำยาปรับผ้านุ่ม (เลือกสักอย่าง อย่าใส่พร้อมกัน)
  • ใช้น้ำส้มสายชูกำจัดกลิ่นและฆ่าเชื้อรา จะใส่ตอนซักน้ำยาหรือซ้ำน้ำเปล่าก็ได้ ให้ใช้ 1/2 ถ้วยตวงต่อการซัก 1 ครั้ง ใช้แทนน้ำยาปรับผ้านุ่มได้เลย
  • ถ้าเป็นถาดใส่น้ำยาซักผ้าแบบถอดออกมาได้เลย เวลาจะแยกส่วนให้คว่ำลง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,145 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา