ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

กลิ่นเหม็นอับสามารถทำลายบรรยากาศดีๆ ในบ้านได้ เราจึงต้องมีวิธีการกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์นี้ให้หายไป เราต้องเปิดหน้าต่างระบายอากาศเพื่อให้อากาศอันสดชื่นเข้ามาแทนที่กลิ่นเหม็นอับ กำจัดกลิ่นเหม็นอับบนเสื้อผ้าและเครื่องใช้ด้วยการใช้น้ำส้มสายชู ผงฟู หรือน้ำยาฟอกขาว โรยผงฟูบนสิ่งของที่มีกลิ่นเหม็นอับเพื่อดูดกลิ่นและดูดความชื้นที่ยังมีอยู่ เรายังสามารถใช้วานิลลา ผงกาแฟ รวมทั้งพืชและส่วนประกอบของพืชอย่างก้านอบเชย เปลือกส้ม และกานพลูมาช่วยทำให้บริเวณต่างๆ ภายในบ้านมีกลิ่นหอมมากขึ้นได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

กำจัดกลิ่นเหม็นอับบนเสื้อผ้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เสื้อผ้า ผ้าม่าน และผ้าลินินสามารถนำมาซักกับเครื่องซักผ้าได้ ใส่น้ำส้มสายชูขาว 1 ถ้วยลงไปในน้ำและแช่ไว้สัก 30 นาที เริ่มการซักตามปกติและใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นหอมระหว่างที่ซักผ้า ใส่แผ่นปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นหอมลงในเครื่องอบผ้าด้วยเช่นกัน อาจทำวิธีนี้ซ้ำ ถ้าเห็นว่ากลิ่นเหม็นอับยังไม่หมดไป
    • กลิ่นน้ำส้มสายชูจะลดลงหลังจากผ้าแห้ง
    • อย่าใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดคราบสบู่ไปสะสมในเสื้อผ้า เสื้อผ้าจะดูดซับน้ำน้อยลงและเกิดกลิ่นเหม็นอับขึ้น [1]
  2. เสื้อผ้า ผ้าม่าน และผ้าลินินสามารถนำมาซักด้วยผงฟูได้เพื่อกำจัดกลิ่นเหม็นอับ ใส่ผงฟู 1 ถ้วยลงในน้ำและแช่ผ้าทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นซักตามปกติจนเสร็จสิ้น [2]
  3. นำผ้ามาเข้าเครื่องซักผ้าแต่อย่ามากเกินไป ใส่ผงซักฟอกและตั้งการซักเป็นการซัก "น้ำอุ่น" พอน้ำเข้าเครื่องเรียบร้อยแล้ว ใส่น้ำยาฟอกขาว 1 ถ้วย (ถ้าผ้ามีน้อย ให้ลดปริมาณน้ำยาฟอกขาวลง) ซักตามปกติจนเสร็จสิ้น
    • น้ำยาฟอกขาวสามารถกำจัดได้ทั้งคราบและกลิ่นที่เกิดจากรา แต่ให้ตรวจดูที่ป้ายผ้าก่อนว่าผ้านั้นสามารถใช้น้ำยาฟอกขาวได้ไหม เพราะน้ำยาฟอกขาวแบบคลอรีนบลีชจะทำให้ผ้าที่ไม่ใช่ผ้าขาวมีสีกะดำกะด่าง
    • น้ำยาฟอกขาวอาจทำให้ผ้ามีสีกะดำกะด่าง หรือเสียหายอย่างถาวรได้ ผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติอย่างเช่น ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ หรือเส้นใยจากสัตว์อาจได้รับความเสียหายมาก ถ้าใช้น้ำยาฟอกขาว ฉะนั้นตรวจดูป้ายผ้าว่ามีข้อความเตือนว่า "ห้ามใช้น้ำยาฟอกขาว" ไหม
    • อย่าซักผ้าด้วยน้ำยาฟอกขาวแบบคลอรีนบลีชมากเกินไป เพราะจะทำให้ผ้าอย่างเช่น ผ้าลินิน ผ้าฝ้าย และผ้าเรยอนมีเนื้อบางลงทีละนิด การใช้น้ำยาฟอกขาวเป็นบางครั้งบางคราวจะไม่ก่อให้เกิดผลเสียหายมากนัก
  4. การนำผ้าออกไปตากแดดและลมสามารถทำให้กลิ่นหายไปได้เอง เราต้องให้ผ้าแห้ง "สนิท" ก่อนนำเข้ามาภายในบ้านและเก็บในตู้เสื้อผ้า ถ้ามีความชื้นหลงเหลืออยู่อาจเป็นสาเหตุทำให้ราขึ้นผ้าได้ [3]
    • ระวังเรื่องสภาพอากาศและรีบเก็บผ้าเข้ามาด้านในถ้าเห็นว่าอากาศชื้นหรือฝนตก อย่าตากผ้าทิ้งไว้ข้ามคืน การตากผ้าท่ามกลางอากาศชื้นอาจก่อให้เกิดราและกลิ่นเหม็นอับบนเสื้อผ้าได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

กำจัดกลิ่นเหม็นอับของเครื่องใช้ต่างๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำความสะอาดเครื่องใช้ด้วยน้ำผสมกับน้ำส้มสายชูขาว. นำผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ (14.8 มิลลิลิตร) มาละลายในน้ำอุ่นประมาณหนึ่งลิตร นำน้ำยานี้มาเช็ดเครื่องใช้ทุกอย่าง ฉีดน้ำยานี้บริเวณด้านในของเครื่องใช้ อุดช่องว่างของเครื่องใช้ด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ขยำเป็นก้อนและปล่อยทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงหรือจนกว่าน้ำยาจะแห้ง นำกระดาษหนังสือพิมพ์ออกและเช็ดเครื่องใช้ด้วยผ้าชุบน้ำ จากนั้นปล่อยให้แห้งสนิท
    • ก่อนจะทำความสะอาดตู้เย็น เอาอาหารออกจากตู้ให้หมดและละลายน้ำแข็งในช่องแช่แข็งให้เรียบร้อยก่อน
  2. นำภาชนะบรรจุผงฟูมาวางไว้ในตู้เย็น กลิ่นจะหมดไปภายในสองสามวัน เปลี่ยนผงฟูเป็นประจำตามคำแนะนำข้างกล่อง
  3. วางจานเล็กๆ หรือจานรองถ้วยที่ใส่วานิลลาสกัดไว้ในตู้เย็น. ตักวานิลลาหลายช้อนลงในจานเล็กหรือจานรองถ้วยและวางไว้ในตู้เย็นตรงบริเวณที่เราจะไม่ทำหก วางทิ้งไว้ในตู้เย็น 3 สัปดาห์เพื่อกำจัดกลิ่นเหม็นอับในตู้เย็นให้หมดไป
    • อุณหภูมิในช่องแช่แข็งจะทำให้วานิลลาสกัดแข็งไปด้วย ทำให้วานิลาสกัดดับกลิ่นไม่ได้ผล
  4. กำจัดกลิ่นในเตาอบด้วยน้ำยาล้างจาน ผงฟู น้ำส้มสายชู และวานิลลา. น้ำยาทำความสะอาดเตาอบที่วางขายตามท้องตลาดอาจเป็นพิษและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เราสามารถกำจัดกลิ่นควันหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ภายในเตาอบด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาได้จากในครัว การนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาทำน้ำยาความสะอาดเตาอบมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ [4]
    • นำน้ำยาล้างจาน 1/2 ถ้วย ผงฟู 1 1/2 ถ้วย น้ำส้มสายชูขาว 1/4 ถ้วย และวานิลลาสกัด 1 ช้อนชามาผสมกันในชามแก้ว
    • เติมน้ำลงไปให้พอที่จะทำให้ส่วนผสมข้นเหนียว แต่อย่าให้ส่วนผสมเหลว เคลือบหรือทาด้านในเตาอบและทิ้งไว้หนึ่งคืน (6 ถึง 8 ชั่วโมง)
    • เราต้องทำให้ส่วนผสม "เกิดฟอง" จะได้สามารถกำจัดคราบสกปรกออกจากพื้นผิวได้ ใช้ที่ขัดและน้ำทำความสะอาดเตาอบ ถ้ากลิ่นเหม็นอับยังไม่หมด ให้ทำซ้ำอีกครั้ง
    • อีกวิธีหนึ่งคือนำน้ำส้มสายชูใส่ขวดสเปรย์ลงไปครึ่งขวดและจากนั้นใส่น้ำลงไปในขวดสเปรย์นั้น นำไปฉีดภายในเตาอบและเช็ดออกด้วยฟองน้ำชุบน้ำ การใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำจะช่วยกำจัดกลิ่น แต่ไม่สามารถกำจัดคราบอาหารหรือคราบมันได้ [5]
    • โรยเกลือบนคราบไหม้ในเตาอบ รอจนเตาเย็นลงและเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ [6]
  5. กำจัดกลิ่นเหม็นอับในเครื่องซักผ้าด้วยน้ำยาฟอกขาวและน้ำส้มสายชู. ราสามารถเกิดขึ้นภายในเครื่องซักผ้าได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า) และทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับแม้แต่กับผ้าที่เพิ่งซักเสร็จใหม่ๆ [7] นำเสื้อผ้าออกจากเครื่องซักผ้าให้หมดและใส่น้ำยาฟอกขาวหรือน้ำส้มสายชูลงไป 1 ถ้วย ตั้งอุณหภูมิไปที่ "ร้อน" และเปิดเครื่องให้ทำงานตามปกติช่วงสั้นๆ ปล่อยให้น้ำในเครื่องแห้ง
    • เปิดฝาเครื่องซักผ้าเป็นบางครั้งบางคราวเมื่อไม่ได้ใช้งานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรา
    • ทำความสะอาดด้านในและด้านนอกของเครื่องซักผ้าด้วยน้ำยาฟอกขาวเจือจาง (น้ำยาฟอกขาว 2 ช้อนชาต่อน้ำเย็น 1 แกลลอน) หรือน้ำส้มสายชูผสมน้ำ (น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำเย็น 1 แกลลอน) [8] [9] เช็ดพื้นผิวด้านนอกทั้งหมดด้วยกระดาษชำระอเนกประสงค์ชุบน้ำ ปล่อยทิ้งไว้นาน 12 ชั่วโมงหรือปล่อยทิ้งไว้จนกระทั่งแห้งสนิท
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

กำจัดกลิ่นเหม็นอับในพื้นที่อับชื้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ราชอบที่เย็น ชื้น และมืด ลดความชื้นในอากาศด้วยการเปิดพัดลม เครื่องลดความชื้น หรือหน้าต่าง ความชื้นในบ้านควรต่ำกว่า 40% [10]
    • จ้างผู้เชี่ยวชาญมากำจัดราบนกระเบื้องติดเพดาน พรม เสื่อน้ำมัน หรือฝ้าผนัง เราไม่สามารถกำจัดราบริเวณเหล่านี้ด้วยตนเองได้และถ้าปล่อยไว้ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราได้
  2. ทำความสะอาดพื้นผิวแข็งๆ ที่ไม่มีรูพรุน เช่น ผนัง ภายในลิ้นชัก พื้นไม้ลามิเนต พื้นคอนกรีต หรือพื้นปูกระเบื้องด้วยผงซักฟอกและน้ำอุ่น [11]
  3. กลบกลิ่นเหม็นอับด้วยก้านอบเชย เปลือกส้ม และกานพลู. เคี่ยวก้านอบเชย เปลือกส้ม และกานพลูในน้ำที่ตั้งบนเตา เอาส่วนผสมออกเมื่อน้ำเริ่มเดือดและนำไปวางในห้องที่มีกลิ่นเหม็นอับและปล่อยให้เย็นลง [12]
    • อาจนำส่วนผสมนี้ไว้ใส่ไว้ในถุงน่องและแขวนไว้ตามจุดต่างๆ ที่มีกลิ่นเหม็นอับ
  4. ใส่ทรายแมวลงในถาดหรือกล่องแล้ววางไว้ตรงบริเวณที่เราใช้เก็บเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น ตู้เสื้อผ้า หรือห้องเก็บของเพื่อลดความชื้นและกำจัดกลิ่น [13]
    • ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นเพื่อช่วยระงับกลิ่นชั่วคราว
  5. แขวนถุงตาข่ายใส่หินภูเขาไฟในพื้นที่อับชื้น. หินภูเขาไฟสามารถหาซื้อได้ทางอินเตอร์เน็ต เราสามารถนำมาใช้ดับกลิ่นห้องต่างๆ ตู้เสื้อผ้า เพิง และแม้แต่รองเท้าได้ [14]
    • อ่านคำแนะนำที่อยู่บนถุง จะได้รู้ว่าจะต้องใช้ถุงขนาดไหนและจำนวนเท่าไรต่อพื้นที่หนึ่งตารางฟุต
  6. ทำความสะอาดหน้าต่างและประตูด้วยน้ำผสมกับน้ำส้มสายชูในปริมาณเท่ากัน. หลังจากนั้นฉีดน้ำมันมะพร้าวที่ขอบหน้าต่างส่วนล่างหรือรอบๆ ขอบหน้าต่างและประตู จะช่วยป้องกันราและกลิ่นเหม็นอับได้หลายเดือน
    • นำน้ำยาฟอกขาว 3/4 ถ้วยผสมกับน้ำอุ่นเพื่อฆ่าเชื้อโรคและรา สวมถุงมือยางและใช้ฟองน้ำเช็ดพื้นผิวบริเวณนั้น ปล่อยทิ้งไว้ 5 นาทีก่อนล้างด้วยน้ำ ทิ้งไว้ให้แห้ง [15] [16]
    • หมั่นตรวจหน้าต่าง ประตู และผนังว่ามีจุดราหรือเกิดกลิ่นเหม็นอับอีกหรือไม่ ฆ่าเชื้อโรค ถ้าเห็นว่าจำเป็น
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

กำจัดกลิ่นเหม็นอับที่เฟอร์นิเจอร์และพรม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สารนี้ใช้ในเรือเพื่อลดกลิ่นเหม็นอับและใช้ในห้องสมุดเพื่อลดการแพร่กระจายของรา เราสามารถหาซื้อคลอรีนไดออกไซด์แบบที่ใช้ในเรือและตู้เสื้อผ้าได้ นำคลอรีนไดออกไซด์มาใช้กับบริเวณที่มีราแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง [17]
    • เราสามารถหาซื้อคลอรีนไดออกไซด์ได้ทางอินเตอร์เน็ต
  2. นำไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ 3 ช้อนชามาผสมกับน้ำ 5 ช้อนชา พอลงน้ำยาบริเวณที่มีเชื้อราแล้ว ใช้แปรงขัดพรมบริเวณนั้น [18]
    • ทดสอบบริเวณที่มองไม่เห็นก่อนเพราะไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์สามารถทำให้สีพรมซีดหรือจางลงได้
  3. โรยผงฟูบนพื้นผิวของพรม จากนั้นใช้ม็อบฟองน้ำชุบน้ำทำความสะอาดเส้นใยพรม ปล่อยให้พรมแห้งสนิทและจากนั้นจึงดูดฝุ่นพรม
    • อาจต้องดูดฝุ่นพรมสองครั้งและดูดฝุ่นในทิศทางตรงข้าม [19]
    • อาจซื้อแชมพูซักพรมมาทำความสะอาดพรมโดยเฉพาะก็ได้ โดยเราสามารถหาซื้อแชมพูทำความสะอาดพรมได้ที่ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและทางอินเตอร์เน็ต
    • ซักพรมผืนเล็กๆ หรือพรมเช็ดเท้าด้วยเครื่องซักผ้า ดูป้ายสินค้าของผู้ผลิตสินค้าก่อนเพื่อจะได้ทราบคำแนะนำในการทำความสะอาดพรม
  4. วางกล่องบรรจุผงฟูไว้ในตู้หรือหีบเพื่อกำจัดกลิ่นและดูดความชื้น ทิ้งไว้อย่างน้อย 2-3 วันก่อนเอาออก [20]
    • อาจเช็ดทำความสะอาดตู้ หีบ หรือลิ้นชักด้วยผงฟูผสมน้ำในอัตราส่วนเท่ากัน จากนั้นใส่แผ่นรองเพื่อรักษาความสะอาดบริเวณเหล่านั้น
    • การวางกระป๋องหรือภาชนะบรรจุผงกาแฟสดจะช่วยกำจัดกลิ่นในบริเวณเล็กๆ ได้ วางทิ้งไว้ 2-3 วันก่อนที่จะเอาออกหรือเอาผงกาแฟใหม่มาวางแทนที่
    • การกำจัดกลิ่นอีกวิธีหนึ่งคือเอาของออกให้หมดก่อนและโรยผงกาแฟหรือผงฟูบนพื้นตู้ หีบ หรือลิ้นชัก ทิ้งไว้ 2-3 วันและจากนั้นดูดฝุ่นหรือเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ เปิดตู้ หีบ หรือลิ้นชักทิ้งไว้และปล่อยให้แห้ง
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

กำจัดกลิ่นเหม็นอับในของใช้อื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใส่ผงฟูหลายช้อนในพื้นรองเท้าและใส่ไว้ในถุงซิปล็อค วางถุงไว้ในช่องแช่แข็งหนึ่งคืน จึงเอาออกมาและนำผงฟูไปทิ้งในถังขยะ [21]
    • โรยผงดับกลิ่นรองเท้าแทนก็ได้
    • นำก้อนกระดาษหนังสือพิมพ์มาใส่ในรองเท้าเปียก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งรองเท้ากีฬา) นำกระดาษหนังสือพิมพ์ก้อนใหม่มาแทนที่เมื่อกระดาษหนังสือพิมพ์ก้อนเก่าเริ่มเปียก จะช่วยให้รองเท้าแห้งเร็วขึ้นและป้องกันไม่ให้รองเท้าเปียกขึ้นราหรือมีกลิ่นเหม็น
  2. นำกระเป๋าเดินทางหรือเป้ออกไปผึ่งแดดข้างนอกเป็นเวลาสองสามวัน ความร้อนและแสงแดดจะช่วยฆ่าราและแบคทีเรีย
    • เราสามารถเช็ดสิ่งของต่างๆ ด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดแบบฆ่าเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งของที่ทำจากพลาสติกหรือวัสดุแข็งๆ
    • วางแผ่นดรายเออร์ชีทไว้ในกระเป๋าเดินทางหรือเป้ จะใส่ทรายแมวพร้อมผงฟูลงในห่อที่ทำจากผ้าแล้วนำมาวางไว้ในกระเป็าเดินทางหริอเป้ก็ได้
    • หมั่นรักษาสภาพกระเป๋าเดินทางและเป้ให้ดูเหมือนใหม่ด้วยการนำก้อนสบู่ที่ห่อไว้แล้วมาวางไว้ในนั้น วางก้อนสบู่ไว้ในตัวกระเป๋ารวมทั้งในกระเป๋าเล็กๆ ของกระเปานั้นด้วย [22]
  3. ตั้งเต็นท์ในสวนท่ามกลางแดด วิธีนี้อาจไม่สามารถกำจัดคราบราได้แต่สามารถกำจัดกลิ่นด้วยการขัดถู (อ่านคำแนะนำจากผู้ผลิตเพื่อจะได้ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม) และแสงแดด
    • หลังจากการตั้งแคมป์ เต็นท์ต้องแห้งสนิทจริงๆ ถึงจะสามารถม้วนเก็บได้
  4. โรยผงฟูหรือฉีดน้ำยาทำความสะอาดพรมที่เบาะและพื้นรถ จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก อาจแขวนแผ่นหอมปรับอากาศไว้ที่กระจกมองหลังก็ได้ [23]
    • วางภาชนะบรรจุผงกาแฟหรือถาดใส่ทรายแมวไว้ในกระโปรงรถหนึ่งคืนเพื่อดูดกลิ่นเหม็นอับ
    • ฉีดน้ำยาฟอกขาวเจือจางที่แผ่นยางปูพื้นรถยนต์ (น้ำยาฟอกขาว 1/2 ถ้วยต่อน้ำร้อน 1 แกลลอน) และจากนั้นฉีดน้ำเพื่อล้างน้ำยาออก ให้ทำความสะอาดแผ่นยางปูพื้นรถยนต์ในวันที่มีแดด เราจะได้นำแผ่นยางนั้นไปผึ่งแดดให้แห้ง [24] [25]
  5. ทำให้กลิ่นเหม็นอับหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์หายไปด้วยหินภูเขาไฟ (หาซื้อถุงตาข่ายใส่หินภูเขาไฟได้ตามอินเตอร์เน็ต) [26] [27]
    • วางถุงตาข่ายบรรจุหินภูเขาไฟไว้ในถังพลาสติกสะอาดๆ ที่มีฝาปิด
    • ตั้งลังนมไว้บนถังที่ใส่ถุงตาข่ายบรรจุหินภูเขาไฟ วางหนังสือบนลังนมในแนวตั้ง
    • คลุมถังและปล่อยทิ้งไว้หลายวันก่อนที่จะเอาหนังสือออก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่านำน้ำยาฟอกขาวหรือแอมโมเนียมาทำความสะอาดเครื่องใช้เพราะอาจสร้างความเสียหายให้แก่เครื่องใช้และเราอาจได้รับอันตรายจากการสูดดมด้วย
  • ถ้าไม่สะดวกใช้เครื่องซักผ้า แช่ผ้าในอ่างล้างจานหรืออ่างธรรมดาก็ได้ แช่ผ้าในน้ำอุ่นสัก 30 นาทีก็ได้ผลเหมือนกัน
  • ต้องซักผ้าให้สะอาดและผึ่งแดดให้แห้งสนิทก่อนนำมาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าหรือลิ้นชัก
  • ผ้าขนหนูต้องแห้งสนิทก่อนที่จะโยนใส่ตะกร้าปนกับผ้าอื่นๆ
  • น้ำหอมปรับอากาศแค่กลบกลิ่นเหม็นอับเท่านั้น ไม่ได้กำจัดกลิ่นเหม็นอับออกไป แต่ก็มีผลิตภัณฑ์บางอย่างที่หลอกตัวรับกลิ่นของเรา (ประสาทรับกลิ่น) ให้คิดว่ากลิ่นหายไปแล้ว ตัวเลือกเหล่านี้มีประโยชน์เพราะจะช่วยลดกลิ่นเหม็นอับจนกว่าเราจะกำจัดกลิ่นเหม็นอับได้จริงๆ
  • ถ้าพรมหรือเบาะนั่งมีราขึ้นหนักมาก ให้นำไปทิ้ง
  • กลิ่นเหม็นอับจะยังคงอยู่หรือกลับมาอีก ถ้าเราไม่หาสาเหตุให้พบและจัดการให้เรียบร้อยอย่างเช่น ความชื้นหรือแบคทีเรีย [28]
  • อย่าเก็บของต่างๆ ในที่ชื้น มืด และเย็น เพราะสถานที่แบบนี้เป็นแหล่งเหมาะสมต่อการเติบโตของเชื้อรา [29]
  • ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าหรือตู้เก็บเสื้อผ้า ถ้าเห็นว่ากลิ่นเหม็นอับยังคงอยู่แต่ไม่ได้มาจากเสื้อผ้าของเรา แสดงว่าเครื่องซักผ้าหรือตู้เก็บเสื้อผ้าอาจเป็นแหล่งที่อยู่ของรา [30]
  • ป้องกันการเกิดราด้วยการแก้ปัญหารอยรั่วต่างๆ ที่ผนัง หลังคาบ้าน หรือท่อประปา [31]
โฆษณา

คำเตือน

  • คลอรีนไดออกไซด์เป็นสารก่อความระคายเคือง ถ้าจะใช้คลอรีนไดออกไซด์ ต้องให้ห้องมีอากาศถ่ายเทดี ถ้าใช้ดับกลิ่นในตู้เสื้อผ้า ต้องปิดตู้เสื้อผ้าให้สนิท
  • โดยส่วนใหญ่ราที่พบในห้องใต้ดิน ห้องใต้หลังคา ช่องใต้พื้นอาคาร และช่องระบายอากาศอาจเป็นพิษได้ ถ้าพบ ให้ใส่หน้ากากป้องกัน พยายามอย่าหายใจเอาสปอร์ราเข้าไป สวมถุงมือ และล้างมือให้สะอาดหลังจากตรวจสอบราแล้ว
  • อาจจ้างบริษัทรับกำจัดเชื้อราโดยเฉพาะเลยก็ได้ ลองหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตดู ถ้าต้องทำสัญญาทำความสะอาด ศึกษาสัญญาให้ดีก่อนเซ็น ในสัญญานั้นควรมีข้อกำหนดให้บริษัทมาตรวจสอบและกำจัดราซ้ำ อย่าพยายามกำจัดราเอง
  • เวลาผสมสารเคมีโดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำยาฟอกขาวอาจได้รับอันตรายและสารนั้นอาจระเหยง่าย เมื่อจะผสมสารเคมีทำน้ำยาทำความสะอาดใช้ภายในบ้าน ให้ใช้ชามแก้วที่สะอาดหรือถ้วยตวงในการผสม อย่าใช้ขวดสเปรย์ที่เคยใส่น้ำยาอื่นๆ หาซื้อขวดสเปรย์ใหม่จากร้านจำหน่ายบรรจุภัณฑ์และทางอินเตอร์เน็ต
  • เวลาใช้น้ำยาทำความสะอาดซึ่งจำหน่ายตามท้องตลาดหรือน้ำยาฟอกขาว สถานที่ซึ่งเราจะใช้สารเหล่านี้ต้องมีอากาศถ่ายเทดี [32]
  • บริเวณที่จะโรยผงฟู (พื้นผิวแข็ง พรม เบาะ) ต้องแห้งสนิทจริงๆ ถ้ามีความชื้นหลงเหลืออยู่จะทำให้ผงฟูแข็ง ดูดกลิ่นได้ไม่ดี และทำความสะอาดยาก [33]
โฆษณา
  1. http://www.fema.gov/pdf/rebuild/recover/fema_mold_brochure_english.pdf
  2. http://www.epa.gov/mold/moldguide.html
  3. http://www2.ca.uky.edu/hes/fcs/FACTSHTS/HF-LRA.125.PDF
  4. http://lenoir.ces.ncsu.edu/2013/05/removing-odor-from-clothing/
  5. http://www.leevalley.com/us/garden/page.aspx?p=10175&cat=2,42194,40727,10175
  6. http://oregonstate.edu/dept/larc/sites/default/files/pdf/chlorine-fact-sheet.pdf
  7. https://www.clorox.com/dr-laundry/getting-rid-of-moldmildew-on-walls/
  8. http://www.lenntech.com/processes/disinfection/chemical/disinfectants-chlorine-dioxide.htm
  9. http://www.carpet-cleaning-tips.com/mold-mildew-smell-removal-tips-on-carpets/
  10. http://www.ag.ndsu.edu/flood/media-resources/news-releases/after-the-flood/flood-damaged-carpets-rugs-may-be-saved
  11. http://www2.ca.uky.edu/hes/fcs/FACTSHTS/HF-LRA.125.PDF
  12. http://www.huffingtonpost.com/2012/11/27/how-to-deodorize-smelly-shoes_n_2200594.html
  13. http://www2.ca.uky.edu/hes/fcs/FACTSHTS/HF-LRA.125.PDF
  14. http://www2.ca.uky.edu/hes/fcs/FACTSHTS/HF-LRA.125.PDF
  15. http://www.consumerreports.org/cro/magazine/2012/09/how-to-rid-your-car-of-odors/index.htm
  16. https://www.clorox.com/dr-laundry/making-sure-you-dilute-bleach/
  17. https://parkslibrarypreservation.wordpress.com/2011/06/30/stinky-books/
  18. https://www.nedcc.org/free-resources/ask-nedcc/faqs
  19. http://www2.ca.uky.edu/hes/fcs/FACTSHTS/HF-LRA.125.PDF
  20. http://www.sewgreen.org/art/Mildew%20and%20Fabric.pdf
  21. http://lenoir.ces.ncsu.edu/2013/05/removing-odor-from-clothing/
  22. http://www.epa.gov/mold/moldguide.html
  23. http://www.fema.gov/pdf/rebuild/recover/fema_mold_brochure_english.pdf
  24. http://www.consumerreports.org/cro/magazine/2012/09/how-to-rid-your-car-of-odors/index.htm
  25. Videos provided by Clean My Space

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,713 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา