ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

มีหลายวิธีที่ช่วยให้คุณสามารถกำจัดหรือลดปริมาณขนส่วนเกินบนใบหน้าที่ไม่พึงปรารถนาได้อย่างง่ายดาย ขนส่วนเกินบนใบหน้าเป็นปัญหาที่หลายๆ คนประสบพบเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนบนใบหน้าที่มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อย่างไรก็ตาม คุณสามารถจัดการกับขนส่วนเกินเหล่านี้ได้ด้วยวิธีการที่หลากหลายตั้งแต่วิธีทางธรรมชาติที่คุณสามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้านไปจนถึงวิธีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นที่ควรลงมือทำโดยผู้เชี่ยวชาญจากร้านเสริมสวย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ใช้สารเคมีในการกำจัดขน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณสามารถเลือกใช้ชุดอุปกรณ์แว็กซ์ขนสำหรับทำที่บ้านหรือจะเข้ารับบริการแว็กซ์ขนจากร้านเสริมสวยก็ได้เช่นกัน การกำจัดขนด้วยการแว็กซ์สามารถดึงเส้นขนให้หลุดออกมาได้อย่างถึงรากถึงโคนและช่วยให้ผิวหน้าของคุณดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังของผู้ใช้บางรายได้ [1]
    • ปาดแว็กซ์อุ่นๆ ลงไปให้ทั่วบริเวณที่ต้องการกำจัดขนโดยใช้ไม้พายที่มาพร้อมกันในชุดอุปกรณ์ จากนั้นทิ้งไว้สักพักให้เย็นลงก่อนใช้มือดึงแว็กซ์ที่แห้งแล้วออกมาตามแนวย้อนเส้นขน การแว็กซ์ขนเป็นประจำเป็นการขัดขวางการเจริญเติบโตของเส้นขนและส่งผลให้ปริมาณของเส้นขนที่เกิดขึ้นใหม่ลดลง
    • หากผิวของคุณบอบบางต่อแว็กซ์เป็นพิเศษ คุณอาจลองกำจัดขนด้วยน้ำตาลซึ่งเป็นวิธีธรรมชาติที่คล้ายคลึงกับการแว็กซ์แทนได้เช่นกัน เริ่มจากเติมน้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วยและน้ำเลมอน ¼ ถ้วยลงไปในน้ำเปล่า ¼ ถ้วยและนำไปตั้งไฟต้มจนกระทั่งส่วนผสมมีเนื้อสัมผัสที่ข้นหนืด จากนั้นเคี่ยวต่อประมาณ 25 นาทีเพื่อให้ส่วนผสมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเหลืองและทิ้งไว้สักพักให้เย็นลง ทาแป้งข้าวโพดหรือแป้งเด็กบางๆ บนผิวก่อนปาดส่วนผสมลงไปตามแนวย้อนเส้นขน จากนั้นใช้ผ้าปิดทับลงไปให้แนบกับผิวและดึงออกมา
  2. ครีมกำจัดขนเป็นผลิตภัณฑ์สารเคมีที่สามารถช่วยในการกำจัดขนส่วนเกินบนใบหน้าออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสารเคมีที่อยู่ในครีมกำจัดขนจะทำหน้าที่ละลายเส้นขนจนมีลักษณะเป็นวุ้น
    • เริ่มจากปาดครีมกำจัดขนลงบนผิวและทิ้งไว้สักพักตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้ หลังจากทิ้งผลิตภัณฑ์ไว้บนผิวจนครบตามเวลาที่กำหนดแล้ว ให้คุณใช้ผ้าสะอาดเช็ดครีมกำจัดขนออกให้สะอาดหมดจด
    • จำไว้ว่าเส้นขนจะเกิดขึ้นใหม่ภายในไม่กี่วันหลังการใช้ครีมกำจัดขน คุณสามารถหาซื้อครีมกำจัดขนได้จากร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามทั่วไป อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนึ่งของการใช้ครีมกำจัดขนคือกลิ่นของสารเคมีที่ค่อนข้างฉุน
  3. การฟอกสีขนไม่ใช่การกำจัดเส้นขนให้หลุดออกไปเหมือนกับวิธีอื่นๆ แต่วิธีนี้สามารถช่วยอำพรางให้เส้นขนไม่ให้มองเห็นได้ชัดเจนนัก เคล็ดลับคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีขนที่ตรงกับสีผิวของคุณ [2]
    • วิธีนี้อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมมากนักหากคุณมีขนที่ดูดกหนาเป็นพิเศษ นอกจากนี้ การฟอกสีขนเป็นประจำยังอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังได้ ดังนั้นคุณจึงควรลองทดสอบด้วยการแต้มผลิตภัณฑ์บนบริเวณเล็กๆ ก่อนเริ่มต้นทำการฟอกสีขนทั่วทั้งใบหน้า
    • ภายหลังการฟอกสีขน พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวสัมผัสถูกแดดอย่างน้อย 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันอันตรายต่อผิวของคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

กำจัดขนด้วยเครื่องมือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้แหนบถอน ขนบนใบหน้า . การใช้แหนบเป็นวิธีหนึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมใช้ในการกำจัดขนบนใบหน้าและเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเส้นขนที่ต้องการกำจัดออกมากนัก ดังนั้นหากคุณต้องการกำจัดเส้นขนเพียงเส้นสองเส้นตรงบริเวณคาง คุณอาจลองพิจารณาการใช้แหนบเป็นตัวเลือกแรกของคุณ
    • อย่าลืมฆ่าเชื้อโรคที่บริเวณปลายแหนบด้วยรับบิ้งแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและหลังการถอนขนเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อ ดึงผิวหน้าตรงบริเวณที่ต้องการถอนขนให้ตึงอย่างเบามือก่อนใช้แหนบหนีบลงไปใกล้ๆ กับโคนขนและออกแรงดึงให้เส้นขนหลุดออกมา
    • แม้ว่าการใช้แหนบถอนขนบนใบหน้าจะแทบไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แต่วิธีนี้กินเวลาค่อนข้างนาน ทั้งยังอาจก่อให้เกิดอาการเจ็บและนำไปสู่การเกิดขนคุดได้หากเส้นขนเกิดขาดอยู่ที่ใต้ผิวหนัง คุณสามารถป้องกันการเกิดขนคุดได้ด้วยการใช้แหนบดึงเส้นขนอย่างเบามือและหลีกเลี่ยงการกระชากออกอย่างรุนแรง
    • เส้นขนจะเกิดขึ้นใหม่อีกครั้งหลังการถอนด้วยแหนบภายใน 3-8 สัปดาห์
  2. ใช้มีดโกนแบบใช้แล้วทิ้งหรือแบบใช้ซ้ำได้สำหรับการโกนแบบเปียก. มีดโกนแบบใช้แล้วทิ้งสามารถช่วยให้คุณโกนขนได้แนบสนิทกว่าการใช้เครื่องโกนขนไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีหนวดที่ดูดกหนา [3] เริ่มจากชโลมเจลหรือโฟมลงไปบนบริเวณคางหรือเหนือริมฝีปากและใช้มีดโกนโกนตามแนวเส้นขนไล่ไปทั่วทุกบริเวณ
    • คุณสามารถใช้เครื่องโกนขนไฟฟ้าได้ทั้งสำหรับการโกนแบบเปียกและการโกนแบบแห้ง ระมัดระวังอย่าให้ใบมีดบาดจนเป็นแผลเล็กๆ ได้ เนื่องจากการโกนขนด้วยมีดโกนที่บางจุดบนใบหน้า เช่น คาง อาจทำได้ค่อนข้างยากสักเล็กน้อย
    • อย่างไรก็ตาม เส้นขนจะเกิดขึ้นใหม่อีกครั้งหลังการโกนอย่างรวดเร็ว ซึ่งเส้นขนใหม่อาจงอกขึ้นมาได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วันเท่านั้น [4]
  3. ถอนขนด้วยเส้นด้าย . การถอนขนด้วยเส้นด้ายเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในการกำจัดขนบนใบหน้า แม้ว่าการถอนขนด้วยเส้นด้ายจะเป็นวิธีที่นิยมใช้สำหรับการกันคิ้วให้ได้รูป แต่หลายๆ คนมักใช้วิธีนี้ในการกำจัดขนบนใบหน้าด้วยเช่นกัน
    • ช่างเสริมสวยจะทำการขมวดเส้นด้ายให้เป็นเกลียวพันรอบเส้นขนตรงบริเวณที่ต้องการกำจัดออกและดึงออกพร้อมกันในครั้งเดียว
    • ข้อดีหนึ่งของการถอนขนด้วยเส้นด้ายคือไม่ก่อให้เกิดการอักเสบต่อผิวที่บอบบางเหมือนอย่างการกำจัดขนด้วยการแว็กซ์ เส้นขนจะเกิดขึ้นใหม่อีกครั้งหลังการถอนด้วยเส้นด้ายภายใน 2-3 สัปดาห์
    • คุณสามารถเข้ารับบริการถอนขนด้วยเส้นด้ายได้จากร้านเสริมสวยบางแห่ง ลองค้นหาข้อมูลของร้านเสริมสวยจากอินเทอร์เน็ตหรือสอบถามร้านเสริมสวยเจ้าประจำของคุณว่ามีบริการถอนขนด้วยเส้นด้ายหรือไม่
  4. เลเซอร์เป็นวิธีที่ช่วยในการกำจัดขนส่วนเกินบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การกำจัดขนด้วยเลเซอร์มีหลักการทำงานโดยการปล่อยพลังงานของความร้อนและแสงไปยังรากขนและยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นขนได้ภายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
    • การกำจัดขนด้วยเลเซอร์จำเป็นต้องใช้เวลาถึง 9 เดือนขึ้นไปจึงจะเริ่มสังเกตเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลง แต่ผลลัพธ์ที่ได้นับว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว นอกจากนี้ แม้ว่าในช่วงแรกการทำเลเซอร์อาจมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็สามารถช่วยให้คุณประหยัดเงินได้ในระยะยาว ข้อเสียหนึ่งของการกำจัดขนด้วยเลเซอร์คือสามารถก่อให้เกิดความเจ็บปวดได้มากซึ่งแลกกับผลดีที่ได้คือการกำจัดเส้นขนได้อย่างถาวร
    • คุณอาจจำเป็นต้องเข้ารับการทำเลเซอร์ติดต่อกันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เส้นขนถูกกำจัดออกไปอย่างหมดจด จำไว้ว่าการกำจัดขนด้วยเลเซอร์จะเห็นผลได้ดีกว่าสำหรับผู้ที่มีผิวขาวและเส้นขนสีดำเข้ม
  5. การกำจัดขนด้วยอิเล็กโทรไลซิสควรดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น อิเล็กโทรไลซิสมีกระบวนการที่ใช้เวลาค่อนข้างนานและเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับการกำจัดขนในบริเวณเล็กๆ เช่น เหนือริมฝีปาก
    • การกำจัดขนด้วยอิเล็กโทรไลซิสมีหลักการทำงานโดยการใช้เข็มเล็กๆ เป็นอุปกรณ์สำหรับส่งกระแสไฟฟ้าเข้าสู่รากขนทีละเส้นเพื่อช่วยในการกำจัดเส้นขนอย่างถาวร
    • อิเล็กโทรไลซิสสามารถช่วยกำจัดเส้นขนสีขาวหรือสีบลอนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งแตกต่างจากการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ที่จะเห็นผลได้ดีกว่าสำหรับเส้นขนสีดำเข้มและผิวขาว โดยคุณจำเป็นต้องเข้ารับการทำอิเล็กโทรไลซิสติดต่อกันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เส้นขนถูกกำจัดออกไปอย่างหมดจด
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

มองหาวิธีธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณสามารถทำมาส์กหน้าเจลาตินสำหรับกำจัดขนส่วนเกินบนใบหน้าได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยส่วนผสมที่ใช้มีเพียงเจลาตินแบบปราศจากรสชาติ 1 ช้อนโต๊ะ นมสด 2-3 ช้อนโต๊ะ และน้ำมะนาว 3-4 หยดหรือน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ 1-2 หยด
    • ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันและอุ่นในไมโครเวฟประมาณ 15 วินาที ทาส่วนผสมลงไปให้ทั่วผิวหน้าและทิ้งไว้สักพักให้แห้งก่อนลอกออกมา
    • หลีกเลี่ยงการทาส่วนผสมใกล้กับบริเวณคิ้วหรือดวงตา ขนส่วนเกินบนใบหน้า (และสิวเสี้ยน) จะหลุดติดออกมาพร้อมกับมาส์กที่คุณลอกออก
  2. ขัดด้วยสครับเลมอนและส้มหรือสครับแอปริคอทและน้ำผึ้ง. สครับที่มีส่วนประกอบของผลไม้มีคุณสมบัติในการกำจัดขนบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารเคมีรุนแรง
    • สำหรับการทำสครับเลมอนและส้ม เริ่มจากผสมผงน้ำส้ม เปลือกเลมอน อัลมอนด์บด และโอ๊ตมีลอย่างละ 1 ช้อนชาเข้าด้วยกัน จากนั้นเติมน้ำมันมะกอก 2 ช้อนชาและน้ำกุหลาบ 1 ช้อนชาเพิ่มลงไปก่อนคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนมีเนื้อสัมผัสที่ข้นหนืด ทาส่วนผสมลงไปบนผิวหน้าและทิ้งไว้ 5-8 นาที จากนั้นขัดวนเป็นวงกลมเล็กๆ ให้ทั่วผิวหน้าแล้วจึงล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า หมั่นทำซ้ำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
    • สำหรับการทำสครับแอปริคอทและน้ำผึ้ง เริ่มจากบดแอปริคอทอบแห้ง ½ ถ้วยในเครื่องปั่นจนละเอียดเป็นผงและเติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาลงไปผสมให้เข้ากัน ทาส่วนผสมลงไปบนผิวหน้าและทิ้งไว้ 5-10 นาที จากนั้นขัดวนเป็นวงกลมเล็กๆ ให้ทั่วผิวหน้าแล้วจึงล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น หมั่นทำซ้ำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อให้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
  3. ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่ชาวอินเดียนิยมใช้สำหรับการบำรุงผิวมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งคุณสามารถนำขมิ้นชันมาทำเป็นสูตรพอกหน้าได้ง่ายๆ ดังนี้ [5]
    • สิ่งที่คุณต้องเตรียมมีเพียงขมิ้นชัน 1-2 ช้อนชาและนมสดหรือน้ำเปล่าเล็กน้อย เริ่มจากผสมส่วนผสมเข้าด้วยกันจนมีเนื้อสัมผัสที่ข้นหนืด ทาส่วนผสมลงไปให้ทั่วผิวหน้าและทิ้งไว้ 15-20 นาทีให้แห้งสนิทก่อนล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น
    • การพอกด้วยขมิ้นชันสามารถเห็นผลได้ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีขนเส้นบาง ดังนั้นหากขนบนใบหน้าของคุณค่อนข้างหนา คุณอาจเติมโอ๊ตมีลเพิ่มเติมลงไปในส่วนผสม
  4. อีกหนึ่งวิธีธรรมชาติที่ช่วยในการกำจัดขนบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพคือการมาส์กด้วยไข่ ส่วนผสมที่ต้องเตรียมมีเพียงไข่ขาว 1 ฟอง น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ และแป้งข้าวโพด ½ ช้อนโต๊ะ
    • คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนมีเนื้อสัมผัสที่ข้นหนืด ทาส่วนผสมลงไปให้ทั่วผิวหน้าและทิ้งไว้ให้แห้งสนิทจนเปลี่ยนเป็นมาส์กบางๆ
    • ลอกแผ่นมาส์กออก โดยคุณจะสามารถมองเห็นเส้นขนหลุดติดออกมาพร้อมกับมาส์ก
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นขน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ชาสเปียร์มินต์มีคุณสมบัติในการลดระดับฮอร์โมนเพศชายในร่างกาย ดังนั้นหากคุณดื่มชาสเปียร์มินต์ในปริมาณที่เพียงพอ คุณอาจสังเกตเห็นได้ว่าปริมาณขนบนใบหน้าเริ่มเกิดใหม่ลดน้อยลง
    • ผลการวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ Phytotherapy Research พบว่าการดื่มชาสเปียร์มินต์ของผู้หญิงมีส่วนช่วยในการลดระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (ฮอร์โมนเพศชาย) ที่ไหลเวียนเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่ลดน้อยลงนี้จะส่งผลให้เส้นขนส่วนเกินเริ่มชะลอการเกิดใหม่ช้าลง
    • ดื่มชาสเปียร์มินต์วันละ 2 ถ้วยอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ [6]
  2. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อขอรับใบสั่งยาสำหรับครีมชะลอการเกิดใหม่ของเส้นขน ครีมชะลอการเกิดใหม่ของเส้นขนเป็นผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากพืชธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเส้นขน จึงทำให้เส้นขนที่เกิดใหม่อ่อนนุ่มและบางลงจนในที่สุดก็จะไม่เจริญเติบโตขึ้นมาอีก
    • ทาครีมลงไปบนบริเวณของผิวหน้าที่คุณต้องการชะลอการเกิดใหม่ของเส้นขนและทิ้งไว้โดยไม่ต้องล้างออก อ่านคำแนะนำในการใช้อย่างละเอียดเพื่อดูว่าคุณควรใช้ผลิตภัณฑ์บ่อยครั้งเพียงใด
    • ครีมชะลอการเกิดใหม่ของเส้นขนสามารถใช้ควบคู่กับวิธีกำจัดขนอื่นๆ เช่น การถอนด้วยเส้นด้าย การแว็กซ์ หรือการถอนด้วยแหนบ
    • คุณอาจต้องใช้เวลาถึง 4-6 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ ครีมชะลอการเกิดใหม่ของเส้นขนหลอดหนึ่งจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 3000 บาทและสามารถใช้ได้นาน 2 เดือน [7]
  3. ดื่มชาสมุนไพรแบล็คโคฮอช (แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานสนับสนุนถึงผลลัพธ์ในระยะยาวมากนัก). แบล็คโคฮอชเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการชะลอการเกิดใหม่ของเส้นขน นอกจากการชงเป็นชาสมุนไพรสำหรับดื่มแล้ว คุณยังสามารถมองหาแบล็คโคฮอชในรูปแบบแคปซูลได้เช่นกัน จำไว้ว่าเมื่อต้องการใช้สมุนไพรชนิดใดก็ตาม อย่าลืมปรึกษาแพทย์ให้เรียบร้อยเสียก่อน
    • สำหรับวิธีการชงชา ให้คุณเตรียมรากแบล็คโคฮอชอบแห้ง 20 กรัม น้ำเปล่า 4¼ ถ้วย และน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา เติมรากแบล็คโคฮอชลงไปในน้ำเปล่าและต้มให้เดือด จากนั้นลดไฟลงเพื่ออุ่นต่ออีก 30 นาทีก่อนกรองรากแบล็คโคฮอชออกไป
    • เติมน้ำผึ้งลงไปผสมเข้าด้วยกัน ดื่ม 3 แก้วต่อวันและนำชาที่ดื่มไม่หมดแช่ในตู้เย็นเสมอ อย่างไรก็ตาม การดื่มชาแบล็คโคฮอชในปริมาณมากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้และควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่เป็นโรคไตและโรคมะเร็ง ดังนั้นคุณจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มต้นใช้สมุนไพรชนิดนี้
  4. ในบางครั้งเส้นขนที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นอาจมีสาเหตุเกิดจากปัญหาด้านฮอร์โมนได้เช่นเดียวกัน เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งภาวะดังกล่าวควรได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เท่านั้น
    • ในบางกรณีแพทย์อาจทำการรักษาอาการดังกล่าวด้วยการสั่งจ่ายยาคุมกำเนิดให้กับผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังมีโรคประจำตัวอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาเส้นขนขึ้นมากผิดปกติได้เช่นกัน เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบในผู้หญิง
    • ทานอาหารที่อุดมไปด้วยไฟโตเอสโตรเจนซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีส่วนช่วยในการรักษาภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน อย่างไรก็ตาม อย่าลืมปรึกษาแพทย์ก่อนเป็นอันดับแรกเหมือนเช่นเคย ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายที่เพิ่มขึ้นมีส่วนสำคัญในการชะลอการเจริญเติบโตของเส้นขนตามร่างกาย [8] โดยคุณสามารถเลือกทานชะเอม อัลฟัลฟ่า ยี่หร่า และเมล็ดแฟลกซ์ซึ่งเป็นผลผลิตจากธรรมชาติที่ประกอบด้วยไฟโตเอสโตรเจนในปริมาณมาก
    • ตามหลักการแล้ว ไฟโตเอสโตรเจนมีการออกฤทธิ์ที่ไม่แตกต่างจากฮอร์โมนเอสโตรเจนภายในร่างกาย
    โฆษณา

คำเตือน

  • ทดสอบครีมกำจัดขนบนผิวหนังบริเวณเล็กๆ ก่อนเริ่มต้นใช้กับผิวหนังบริเวณที่กว้างขึ้นเพื่อดูว่าก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือไม่ นอกจากนี้ครีมกำจัดขนยังมีกลิ่นสารเคมีที่รุนแรง อาจส่งผลให้เกิดอาการแสบร้อนบนผิวหนัง และสามารถก่อให้เกิดการลอก ตุ่มพุพอง และปฏิกิริยาการแพ้ต่างๆ ต่อผิวหนังได้
  • การโกนขนอาจส่งผลให้เกิดขนคุดในภายหลัง ทั้งยังมีความเสี่ยงต่อการถูกมีดโกนบาดจนเป็นแผลได้อีกด้วย คุณสามารถลดการระคายเคืองจากการโกนขนได้ด้วยการทาโลชั่นหรือเจลสำหรับโกนขนทุกครั้ง
  • เมื่อคุณสงสัยว่าร่างกายของคุณมีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือการปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างเหมาะสม
  • การแว็กซ์สามารถสร้างความเจ็บปวดได้มากและอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและ/หรือแผลเลือดออกได้ ดังนั้นเมื่อต้องการแว็กซ์ขนที่บ้านด้วยตัวเอง สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้อย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,278 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา