ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
คุณอาจจะคิดว่าการที่คุณทำยาทาเล็บสีสวยหยดบนโซฟาหรือเสื้อตัวโปรดจะทำให้คุณต้องอยู่กับคราบที่มีสีสันสดใสนั้นไปตลอดชีวิต แต่จริงๆ แล้วยาทาเล็บคือหนึ่งในคราบเปื้อนบนผ้าที่กำจัดได้ง่ายที่สุด อ่านต่อเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีกำจัดคราบยาทาเล็บออกจากเสื้อผ้าและเครื่องบุผ้าและหนังของคุณ
ขั้นตอน
-
วางผ้าที่มีรอยเปื้อนลงบนกระดาษทิชชู่ 2-3 แผ่น. ส่วนของผ้าที่มีรอยเปื้อนควรอยู่ตรงกับกระดาษทิชชู่ ใช้วิธีนี้ได้ทั้งคราบน้ำยาทาเล็บที่แห้งและยังไม่แห้ง
- วิธีนี้ใช้ได้ดีกับผ้าค็อตตอน,ผ้าลินิน,ผ้าไหม,เดนิม และผ้าแทบทุกชนิด
- โปรดใช้ความระมัดระวัง หากไม่มั่นใจว่าผ้าทำมาจากเส้นใยอะซิติคหรือเส้นใยไตรอะซิติคหรือไม่ เพราะน้ำยาล้างเล็บจะละลายเนื้อผ้าที่มีส่วนประกอบของเส้นใยที่กล่าวมา
-
ซับคราบด้วยน้ำยาล้างเล็บที่มีส่วนผสมของอะซีโทน. ใช้ก้อนสำลีหรือกระดาษทิชชู่จุ่มน้ำยาล้างเล็บ (สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา แผนกน้ำยาล้างเล็บ) ซับไปบริเวณด้านหลังของคราบเปื้อน วิธีนี้คราบเปื้อนจะซึมไปอยู่บนกระดาษทิชชู่ -
ล้างออกและทำซ้ำ. นำผ้าไปล้างบริเวณที่มีคราบเปื้อนที่อ่าง จากนั้นนำมาวางบนกระดาษทิชชู่ชุดใหม่ ทำการซับด้วยน้ำยาล้างเล็บอีกครั้งเพื่อให้คราบหลุดออกจากเนื้อผ้าไปอยู่บนทิชชู่ให้หมด
- นำชิ้นผ้าไปล้างและซับซ้ำด้วยน้ำยาล้างเล็บไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกระดาษทิชชู่ไม่มีสีของน้ำยาทาเล็บติดออกมา นี่แสดงให้เห็นว่าไม่มีคราบหลงเหลืออยู่บนผ้าแล้ว
- ตรวจดูบริเวณที่มีคราบเปื้อนอีกครั้ง. หากยังมีคราบหลงเหลืออยู่ ให้นำก้อนสำลีชุบน้ำยาทาเล็บมาเช็ดเบาๆ เพื่อกำจัดคราบออก
-
ซักเสื้อผ้าชิ้นนั้น. ใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดคราบเฉพาะบริเวณที่มีรอยเปื้อน จากนั้นซักเสื้อผ้าชิ้นนั้นตามป้ายแนะนำการดูแลรักษาที่ติดมาบนเสื้อผ้า คราบน้ำยาทาเล็บควรจะหายไป และเสื้อผ้าชิ้นนั้นก็จะพร้อมใส่อีกครั้งหลังจากที่แห้งโฆษณา
-
เช็ดน้ำยาทาเล็บทันทีก่อนที่มันจะแห้ง. หากคุณสามารถเช็ดยาทาเล็บบนเครื่องบุผ้าและหนังได้ก่อนที่มันจะแห้ง คุณจะใช้เวลาไม่นานในการกำจัดคราบนั้นออก ใช้กระดาษทิชชู่หรือผ้าเช็ดน้ำยาล้างเล็บออกเท่าที่จะทำได้
- อย่าทำให้น้ำยาทาเล็บเลอะเครื่องบุผ้าและหนังไปมากกว่าเดิม ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดด้วยการปาดสั้นๆ ที่ไม่ทำให้น้ำยาทาเล็บเลอะไปมากกว่าเดิม
- ใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชู่ที่ดูดซึมได้ดีที่สุดที่คุณมี เพื่อที่คุณจะได้เหลือคราบเปื้อนที่เล็กที่สุดเท่าที่จะมีได้บนเครื่องบุผ้าและหนังของคุณ
-
ซับบริเวณนั้นด้วยน้ำยาทาเล็บ. ใช้ค็อตตอนบัดหรือสิ่งอื่นที่สามารถหยดน้ำยาล้างเล็บได้ตรงจุดลงบนรอยเปื้อน ให้แน่ใจว่าคุณทามันลงบนบริเวณที่มีรอบเปื้อนเท่านั้น
- คุณอาจอยากจะทดสอบโดยการซับน้ำยาล้างเล็บลงบนบริเวณที่มักไม่มีใครเห็น น้ำยาล้างเล็บมีปฏิกิริยาต่อผ้าบางชนิด รวมไปถึงผ้าที่มีเส้นใยจากอะซิติคและไตรอะซิติค น้ำยาล้าเล็บอาจจะทำให้คราบบนผ้าชนิดนี้ดูแย่ไปกว่าเดิมได้ หากคุณไม่ระมัดระวัง
- ห้ามเทน้ำยาล้างเล็บลงบนผ้าที่เปื้อนโดยตรง เพราะจะทำให้ยากต่อการควบคุมการไหลหากคุณไม่ใช้ค็อตตอนบัดหรือมุมกระดาษทิชชู่ในการเช็ด
-
ใช้ผ้าสะอาดในการเช็ดน้ำยาทาเล็บ. ซับมันลงบนคราบเปื้อนอย่างระมัดระวัง และทำความสะอาดผ้าที่ใช้ในการซับก่อนจะนำมาซับใหม่อีกครั้ง ใช้น้ำยาล้างเล็บมากขึ้นทีละน้อย ซับคราบเปื้อนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคราบเปื้อนถูกกำจัดออกไปหมด
-
ล้างบริเวณที่เปื้อนด้วยน้ำอุ่น. ใช้ฟองน้ำเพื่อเช็ดน้ำยาล้างเล็บออกจากบริเวณนั้น ทิ้งเครื่องบุผ้าและหนังให้แห้งก่อนจะนำไปใช้งานโฆษณา
-
ใช้น้ำยาทาเล็บที่มีส่วนผสมของไฮดรเจนเปอร์ออกไซด์. คราบผ้าบางชนิดที่เช็ดด้วยอะซีโทนไม่ออก อาจเช็ดออกด้วยน้ำยาล้างเล็บที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
- ทาบริเวณที่เป็นคราบด้วยเปอร์ออกไซด์ เช็ดออกด้วยผ้าสะอาด ทำซ้ำจนรอยหายไป
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์สามารถนำมาใช้เป็นน้ำยาฟอกผ้าขาว ดังนั้นทดสอบมันบนบริเวณที่ไม่มีใครสังเกตุ ก่อนจะนำมาใช้กับบริเวณที่มีรอยเปื้อน
-
ลองใช้สเปรย์ฉีดผม. ฉีดลงบนแปรงสีฟันเก่าๆ ก่อนถูเป็นวงกลมบริเวณที่มีรอยเปื้อน
-
ใช้สเปรย์กำจัดแมลง. บางคนบอกว่าสเปรย์กำจัดแมลงที่คุณใช้กับร่างกายและเสื้อผ้าของคุณ เพื่อไม่ให้ยุงและแมลงเข้าใกล้ สามารถกำจัดคราบน้ำยาทาเล็บได้ ฉีดมันลงบนแปรงสีฟันเก่าๆ ก่อนจะถูเบาๆ เป็นวงกลมบนบริเวณที่มีรอยเปื้อน
-
ล้างและเช็ดออก. ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีไหน อย่าลืมที่จะล้างร่องรอยของผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้เพื่อกำจัดคราบเปื้อนของน้ำยาทาเล็บโฆษณา
เคล็ดลับ
- สำหรับสิ่งของที่มีค่าหรือราคาแพง คุณอาจอยากรีบนำส่งร้านซักรีดก่อนที่คุณจะทำอย่างอื่น
- ฉีดสเปรย์ใส่ผมลงบนค็อตตอนบัดและถูแรงๆ ลงบนบริเวณที่มีรอยเปื้อนหลายๆ รอบ สเปรย์ใส่ผมจะกำจัดคราบน้ำยาล้างเล็บ ส่วนการถูจะลอกอณูของมันออก
- ถ้าวิธีแรกไม่ได้ก็ลองวิธีที่สอง ลองไปเรื่อยๆ จนกว่าคราบจะหายไป มันต้องมีสักหนึ่งวิธีที่จะสามารถกำจัดคราบออกได้ ถ้ารอยเปื้อนไม่มีทีท่าว่าจะหายไป ให้นำผ้าชิ้นนั้นไปหาผู้เชี่ยวชาญในการกำจัดคราบ
โฆษณา
โฆษณา
