ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
คราบเชื้อรามักชวนให้รำคาญใจในทุกที่ที่คุณอาศัย บางทีก็มองเห็นมัน บางทีก็หาไม่เจอ บางทีขึ้นมาดำปื้น บางทีขึ้นเป็นขุยขาว ถึงแม้คุณจะหาซื้อผลิตภัณฑ์กำจัดคราบเชื้อราได้ก็ตาม แต่ของที่พอหาได้ในบ้านอยู่แล้วก็สามารถนำมาใช้ได้ผลไม่แพ้กัน
ขั้นตอน
-
รู้ว่าเชื้อรามีสาเหตุหลักมาจากความชื้น. เชื้อราเป็นปัญหาความชื้น ถ้าคุณทำความสะอาดคราบเชื้อราแต่ไม่ได้จัดการแก้ปัญหาความชื้น คุณก็แค่เชื้อเชิญเชื้อราให้กลับมาเยือนภายหลัง ควรทำความสะอาดบริเวณที่มีน้ำหยดหรือน้ำขังให้แห้งภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ United States Environmental Protection Agency ไปที่แหล่งข้อมูล
- เชื้อรามักเกิดในห้องน้ำ (เพราะฝักบัวอาบน้ำ) และห้องครัว (เพราะอ่างล้างจาน) ให้แน่ใจว่าได้เช็ดคราบน้ำออกจากอ่างและเปิดหน้าต่างห้องน้ำหลังอาบน้ำเสร็จ
-
โทรหาช่างมืออาชีพถ้าคราบเชื้อรามีขนาดใหญ่ว่า 120 ตารางนิ้ว. แสดงว่าคุณกำลังเจอปัญหาเชื้อราร้ายแรงถ้ากินพื้นที่เกิน 120 ตารางนิ้ว ทางที่ดีโทรให้ช่างมืออาชีพมากำจัดและทำความสะอาด [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ United States Environmental Protection Agency ไปที่แหล่งข้อมูล ช่างมืออาชีพจะใช้น้ำยาทำความสะอาดคุณภาพสูงและมีการป้องกันไม่ให้สปอร์เชื้อราฟุ้งกระจายได้ -
ลองคิดทิ้งวัสดุที่อุ้มน้ำหรือเป็นรูพรุน. วัสดุที่อุ้มน้ำหรือมีรูพรุน อย่างเช่นผนังแห้งหรือฝาเพดานอาจจำเป็นต้องทิ้งไปถ้าเกิดคราบเชื้อราอย่างหนัก เพราะราสามารถไปเติบโตอยู่ตามรอยแตกหรือรูพรุนของวัสดุเหล่านี้ ทำให้ยากจะกำจัดเชื้อราได้หมดจด การทำความสะอาดเป็นแค่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราเพียงชั่วคราว ราจะกลับมาเกิดเว้นแต่คุณกำจัดวัสดุเก่าเหล่านี้ออกไปให้หมด
-
อย่าทาสีทับหรืออุดรอยพื้นผิวที่ขึ้นรา. มันเป็นการรักษาเหมือนติดพลาสเตอร์ทับ แถมเป็นวิธีที่ไม่ได้ผลอีกต่างหาก พื้นผิวเช่นผนังหรือฝ้าเพดานที่ผ่านการทาสีหรืออุดรอยมาแล้วจะไม่รับสีใหม่หรือการอุดใหม่ได้ดีนัก สีหรือยาอุดรอยจะหลุดลอกโดยง่ายเพราะมันไม่มีพื้นผิวที่สะอาดให้ยึดเกาะ
- ให้แน่ใจว่าคุณทำความสะอาดและกำจัดบริเวณที่เกิดเชื้อราอย่างเกลี้ยงเกลาก่อนทาสีหรืออุดรอย เช็ดความชื้นที่เหลือออกให้หมดและรอสักวันสองวันก่อนทาสีหรืออุดรอยเพื่อความแน่ใจ
-
สวมชุดป้องกันที่เหมาะสมเวลาทำความสะอาด. เนื่องจากรามีสปอร์ ซึ่งเป็นอนุภาคที่ลอยไปในอากาศได้ จึงจำเป็นที่ต้องสวมชุดป้องกันอย่างเหมาะสมเวลาทำความสะอาดคราบเชื้อรา ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ราจะไม่มีอันตราย แต่ก็มีราหลายชนิดที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพขั้นรุนแรง ให้แน่ใจว่าได้สวม:
- หน้ากากกันฝุ่น N-95 มีขายตามร้านขายวัสดุทั่วไปในราคาถูก
- แว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันสปอร์ปลิวเข้าตา
- ถุงมือ
โฆษณา
-
ลองส่วนผสมระหว่างน้ำยาฟอกขาวกับน้ำอุ่น. ผสมน้ำยาฟอกขาวหนึ่งถ้วยสำหรับน้ำอุ่นทุกๆ 3.7 ลิตร [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หาแปรงที่ขนแข็งปานกลางมาจุ่มลงในน้ำยาละลายแล้วทาคราบเชื้อรา ให้แน่ใจว่าได้เช็ดบริเวณนั้นให้แห้งสนิท เพราะความชื้นทำให้เชื้อรากลับมาเจริญเติบโต
- สำหรับจุดที่ยากจะเข้าถึง นำสารละลายมาใส่ขวดสเปรย์ก่อน แล้วฉีดไปที่คราบโดยตรง จากนั้นใช้แปรงทาทับเหมือนปกติ
- สารละลายนี้ใช้ได้ดีเมื่อมีคราบเชื่อราในห้องน้ำ ห้องครัว และห้องอื่นๆ ในบ้านที่ปูกระเบื้องหรือมีพื้นไม่มีรูพรุน
- น้ำยาฟอกขาวนั้นกำจัดเชื้อราและสปอร์ของราได้ผลมาก ส่วนประกอบที่ออกฤทธิ์ในน้ำยาฟอกขาวก็คือโซเดียมไฮโปคลอไรด์ถูกใช้เป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์กำจัดเชื้อราหลายยี่ห้อ
-
ใช้น้ำส้มสายชู. เทน้ำส้มสายชูกลั่นหรือแบบแอปเปิลไซเดอร์ลงในขวดสเปรย์ ฉีดตรงบริเวณคราบและใช้แปรงล้างออกให้เกลี้ยง เช็ดบริเวณนั้นให้แห้ง
- ใช้น้ำส้มสายชูเฉพาะบนพื้นผิวที่ไม่เป็นรูพรุน เช่น พื้นกระเบื้อง ไม่ใช่บนพื้นไม้
- ต่างจากน้ำยาฟอกขาว น้ำส้มสายชูนั้นไม่มีพิษและไม่ก่อให้เกิดกลิ่นชวนปวดหัว น้ำส้มสายชูนั้นเป็นกรดอ่อนๆ และว่ากันว่าใช้ทำลายคราบเชื้อรารวมถึงสปอร์ได้ผลถึง 80%
-
ใช้สารละลายน้ำยาประสานทองเพื่อฆ่าและยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา. ผสมน้ำยาประสานทองหรือบอแร็กซ์หนึ่งถ้วยต่อน้ำอุ่น 3.7 ลิตร จุ่มแปรงลงในสารละลายน้ำยาประสานทองแล้วถูกำจัดเชื้อราอย่างได้ผล ปิดท้ายด้วยการใช้ผ้าขี้ริ้วสะอาดเช็ดน้ำยาประสานทองที่เหลือออก
- ใช้น้ำยาประสานทองเฉพาะบนพื้นผิวที่ไม่เป็นรูพรุน กระเบื้องห้องน้ำกับห้องครัวเหมาะจะใช้กับน้ำยาประสานทองมากกว่าพื้นไม้
- ถึงแม้น้ำยาประสานทองจะมีพิษหากบริโภคลงไป แต่มันก็เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดตามธรรมชาติที่ไม่ส่งกลิ่นเหม็นและไม่จำเป็นต้องเติมสารเคมีใดลงไปเพิ่ม มันใช้ได้ผลทั้งการกำจัดเชื้อราและยับยั้งการกลับมาเติบโตในอนาคต
-
นำแอมโมเนียมาใช้ประโยชน์. ก่อนอื่น ให้แน่ใจว่าแอมโมเนียที่ใช้ระบุว่า “แอมโมเนียใส” จากนั้นผสมแอมโมเนียใสหนึ่งส่วนกับน้ำหนึ่งส่วนแล้วเทลงในขวดสเปรย์ ฉีดตรงที่เกิดคราบแล้วถูออก ใช้ผ้าขนหนูสะอาดเช็ดแอมโมเนียที่เหลือให้แห้ง
- ให้แน่ใจว่าคุณไม่ผสมแอมโมเนียกับน้ำยาฟอกขาว . เมื่อแอมโมเนียผสมกับน้ำยาฟอกขาวจะเกิดสารพิษที่เรียกว่าแก๊สคลอรีน [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เป็นอันตรายแม้กระทั่งสูดดมกลิ่นลงไป
- สำหรับตรงบริเวณที่คราบเชื้อราจับตัวหนา ให้ฉีดแอมโมเนียลงไปแล้วทิ้งไว้สักหลายชั่วโมงก่อนถูและเช็ดออก
-
ลองใช้ผงฟู ทั้งทำเป็นแบบแป้งเปียกหรือใช้โดยตรง. ผงฟูนั้นทั้งมีฤทธิ์อ่อน หมายถึงปลอดภัยต่อทุกคนและสัตว์เลี้ยงในครอบครัว และทั้งใช้ได้ผล มันขึ้นชื่อเรื่องเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดประจำบ้านอยู่แล้วและช่วยกำจัดกลิ่น (ไม่แปลกที่มันถูกใช้เป็นยาระงับกลิ่นกาย) สามารถใช้มันได้สองแบบ:
- ผสมน้ำกับน้ำส้มสายชู ใส้ผงฟูสองช้อนโต๊ะลงไปในน้ำ 240 มล. แล้วคนให้เข้ากัน เทลงในขวดสเปรย์และฉีดใส่บริเวณที่เกิดคราบเชื้อรา เช่น กระเบื้องห้องน้ำ นำขวดสเปรย์อีกขวดมาเติมน้ำส้มสายชูแล้วฉีดทับที่เดิม (มันจะทำปฏิกิริยาเคมีเกิดคาร์บอนไดออกไซด์) น้ำส้มสายชูมักถูกใช้ร่วมกับผงฟูเพราะมันกำจัดราต่างชนิดกัน
- ทาผงฟูลงที่คราบเชื้อราโดยตรง นี่จะได้ผลดีโดยเฉพาะสำหรับพื้นผิวที่เป็นรูพรุน เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือฝาผนังฉาบปูน ทิ้งไว้ให้โซเดียมไบคาร์บอเนตออกฤทธิ์จัดการผิวที่อับชื้นก่อนเช็ดออก
-
ใช้ประโยชน์ของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์. หาสารละลายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% ใส่ขวดสเปรย์ ฉีดบริเวณที่เกิดเชื้อราด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ รออย่างน้อย 10 นาทีแล้วถูออก [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เช็ดความชื้นที่เหลือให้แห้งเพื่อป้องกันรากลับมาขึ้นใหม่
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เป็นตัวเลือกที่ใช้แทนน้ำยาฟอกขาวหรือน้ำยาทำความสะอาดสูตรแรงอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นหรืออาจเป็นพิษ ไฮดดรเจนเปอร์ออกไซด์ยังใช้ได้ดีกับการกำจัดคราบที่เกิดจากการแพร่กระจายของเชื้อรา
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์สามารถใช้บนพื้นผิวได้หลายชนิด ใช้ได้อย่างปลอดภัยบนผ้า พื้นห้อง ฝาผนัง หรือกระทั่งเครื่องใช้ไฟฟ้า แค่ให้แน่ใจว่าได้ทดสอบบนพื้นที่ตัวอย่างก่อนลงมือจริง เพราะเปอร์ออกไซด์สามารถกัดสีบนผ้าหรือพื้นผิวอื่นได้
โฆษณา
-
กำจัดคราบราบนเสื้อผ้า. ใช้แปรงถูคราบราออกให้มากที่สุด ให้แน่ใจว่าทำเช่นนี้นอกบ้านเพื่อจะได้ไม่ทำให้ราแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของบ้าน จากนั้นนำผ้าไปซัก (ถ้าเป็นไปได้ ให้แช่ในน้ำยาฟอกผ้าขาวหรือน้ำยาขจัดคราบก่อน) ตากผ้าให้แห้งกลางแดด
- ถ้าผ้านั้นเป็นแบบซักไม่ได้ นำไปให้ร้านซักแห้งและเอาคราบให้เขาดู ถามเขาว่าสามารถขจัดคราบเชื้อราออกได้หรือไม่
-
ทำความสะอาดคราบเชื้อราบนเครื่องหนัง. ใช้แปรงถูราออกให้มากที่สุด อย่าลืมทำนอกบ้านเหมือนเคย แช่ผ้าในน้ำยาผสมระหว่างน้ำอุ่นหนึ่งถ้วยกับแอลกอฮอล์แปลงสภาพหนึ่งถ้วย นำผ้ามาถูบริเวณที่เกิดคราบ ทิ้งไว้จนแห้งสนิท
- ทางเลือกแทนแอลกอฮอล์แปลงสภาพคือใช้สบู่สำหรับเครื่องหนัง
-
ขจัดคราบราจากหนังสือหรือกระดาษ. ให้แน่ใจว่าบริเวณที่ขึ้นรานั้นแห้งสนิท ถ้าไม่แห้งให้วางไว้ในที่ระบายอากาศได้ดีจนกว่าจะแห้ง เอาหนังสือออกมานอกบ้านแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดคราบราออกให้มากที่สุด จุ่มผ้าลงในน้ำสบู่ (สบู่ล้างจานทั่วไปก็ใช้ได้แล้ว) บิดผ้าให้หมาดที่สุด ใช้ผ้าที่ว่านี้เช็ดคราบที่เหลือ ใช้น้ำเช็ดคราบสบู่ออกแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
- ถ้าน้ำสบู่ไม่ได้ผล ลองผสมน้ำยาฟอกขาวหรือน้ำส้มสายชูกับน้ำ
- ถ้าหากมีหลายหน้า ให้แน่ใจว่าได้คลี่แต่ละหน้าออกเพื่อกระดาษจะได้ไม่ติดกัน เป็นความคิดที่ดีถ้าจะผึ่งหนังสือกับพัดลมเพื่อเร่งให้แห้ง ถ้าจะเพิ่มความมั่นใจว่ากระดาษแต่ละหน้าไม่ติดกันแน่ ก็เหยาะแป้งข้าวโพดโรยไประหว่างหน้าในตอนตากหนังสือให้แห้ง พอแห้งแล้วใช้แปรงปัดแป้งข้าวโพดออก
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ใช้น้ำส้มสายชูแทนน้ำยาฟอกขาวจะฆ่าเชื้อราและดีต่อคุณกับสิ่งแวดล้อมยิ่งกว่าด้วย คุณสามารถใช้น้ำส้มสายชูได้เต็มพลังกว่าน้ำยาฟอกขาว เพราะมันไม่ส่งกลิ่นชวนปวดหัวหรือทำอันตรายต่อคุณ ลูกๆ หรือสัตว์เลี้ยง แค่อย่าใช้มันทั้งคู่ในเวลาเดียวกัน (ดูคำเตือนด้านล่าง)
- ถ้าเชื้อราเป็นคราบหนา ให้เติมน้ำยาฟอกขาวหรือน้ำส้มสายชูลงไปเพิ่มอีก 1/2 ถ้วย
- คุณสามารถใช้น้ำยาขจัดคราบ Shout มาฉีดกำจัดเชื้อราบนกระเบื้องได้ ทิ้งให้มันออกฤทธิ์ก่อนเช็ดออกด้วยผ้าขี้ริ้วแล้วล้างตามด้วยน้ำ
- สำหรับกลิ่นอับเชื้อราในห้องน้ำ ใช้แผ่นดักจับในท่อระบายน้ำทิ้ง (ตัวอย่างชื่อสินค้าได้แก่ "Mildont")
- ในฮาวายที่มีปัญหาเชื้อรารุนแรง คนส่วนใหญ่จะใช้ Jomax กับ Bleach สำหรับล้างบ้าน ทางเดิน เป็นต้น
- ลองใช้ผ้าขจัดราในการเช็ดคราบเชื้อรา หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต และใช้ทำความสะอาดพื้นผิวที่ขึ้นราได้อย่างง่ายดาย
โฆษณา
คำเตือน
- ให้แน่ใจว่าคุณ ไม่ผสมน้ำยาฟอกขาวกับน้ำส้มสายชูเข้าด้วยกัน ! มันจะทำให้เกิดแก๊สพิษ ให้ใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่อย่าใช้ร่วมกัน
- ให้แน่ใจว่าได้คลุมทุกอย่างก่อนใช้น้ำยาฟอกขาว คงไม่อยากได้รอยด่างดวงเป็นของแถมหรอกนะ!
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป
- น้ำ
- ถุงมือ
- หน้ากาก
- แว่นตานิรภัย
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
