ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เจ้าตูบหรือเจ้าเหมียวทิ้งของขวัญไว้ให้คุณอีกล่ะสิ? คุณอาจจะพบกับสิ่งที่จะทำให้คุณต้องตกตะลึงเมื่อคุณจัดเฟอร์นิเจอร์ใหม่ก็เป็นได้ ไม่ว่ามันจะถูกทิ้งไว้นานแค่ไหนแล้วก็ตาม คุณก็สามารถทำให้พรมหรือพื้นกลับไปสวยงามดังเดิมได้ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ การทำความสะอาดอย่างถูกวิธี และการออกแรงเล็กๆ น้อยๆ มาเรียนรู้วิธีการกำจัดคราบใหม่ คราบเก่า และการทำความสะอาดด้วยวิธีอื่นๆ ที่จะช่วยให้บ้านของคุณสะอาดอยู่เสมอกันเถอะ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ทำความสะอาดคราบใหม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้ผ้าเช็ดตัวชุบน้ำหรือกระดาษเช็ดมือวางลงบนคราบ และทับด้วยสิ่งของที่มีน้ำหนัก เพื่อทำให้ซับปัสสาวะได้เร็วขึ้น ชุบผ้าเช็ดตัวด้วยน้ำเย็นและบิดจนหมาดเพื่อไม่ให้ผ้าชุ่มจนเกินไป วางผ้าลงบนคราบและวางสิ่งของที่มีน้ำหนักทับ เช่น กระป๋องอาหาร รองเท้าสักคู่ หรือหนังสือหนาๆ สักเล่ม เมื่อมีน้ำหนักกดลงบนผ้าไปยังพรม ความชื้นของผ้าก็จะช่วยดูดซับปัสสาวะ ให้ทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาที
    • ถ้าคุณใช้หนังสือในการวางทับ ให้คุณวางแผ่นพลาสติกหรืออะลูมิเนียมฟอยล์ลงบนผ้าก่อนจะวางหนังสือทับลงไป เพื่อป้องกันไม่ให้หนังสือชื้นและเป็นคราบ
    • พับผ้าเช็ดตัวสองทบแล้วทับจุดที่มีคราบ ยืนบนผ้าเช็ดตัวแล้วย่ำเท้าให้ผ้าเช็ดตัวซับปัสสาวะ เมื่อเห็นร่องรอยของปัสสาวะบนผ้าเช็ดตัว ก็เปลี่ยนเอาส่วนที่ยังไม่ติดคราบ ทำซ้ำจนกว่าจะหมดคราบ เมื่อปัสสาวะขึ้นมาจากพรม ใช้ผ้าเช็ดตัวที่ไม่ต้องพับหรือพับแค่ทบดียว
    • หากมีคราบปัสสาวะเกิดขึ้นนานกว่า 10 นาทีแล้วล่ะก็ เป็นไปได้ว่าปัสสาวะจะซึมไปจนถึงแผ่นรองพรมแล้ว ให้คุณใช้ผ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าพื้นที่ที่มองเห็นคราบประมาณ 50% วางลงไป คุณจะต้องใช้ผ้าที่ชื้นกว่าเดิม และใช้ของที่หนักมากกว่าเดิมวางทับ [1]
  2. หลังจากเอาผ้าเช็ดตัวออกแล้ว ให้เทน้ำเย็นในปริมาณเล็กน้อยลงไปยังจุดเดิมอีกครั้ง เริ่มจากเทน้ำลงที่รอบนอกของคราบ และค่อยๆ เทเข้ามาจนถึงตรงกลาง วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำที่เทลงไปทำให้ปัสสาวะกระจายออกเป็นวงกว้าง ปล่อยให้น้ำจัดการกับคราบปัสสาวะประมาณหนึ่งนาที
  3. น้ำยาขจัดคราบที่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นพิษจะทำงานโดยการเข้าถึงโครงสร้างทางเคมีของคราบปัสสาวะ และจัดการกับต้นตอที่เป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นและคราบ การใช้น้ำยาขจัดคราบเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำลายโปรตีนในปัสสาวะที่เหลืออยู่ กำจัดกลิ่น และป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงปัสสาวะรดจุดเดิมอีกด้วย
    • คุณสามารถหาซื้อน้ำยาขจัดคราบได้ตามร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงทั่วไป หรือทำน้ำยาขจัดคราบของตัวเองด้วยการผสมน้ำสะอาด น้ำตาลทรายแดง และเปลือกส้ม
    • น้ำยาขจัดคราบส่วนใหญ่จะใช้ฉีดทั่วบริเวณจนเปียกและทิ้งไว้ประมาณสองถึงสามชั่วโมง แต่น้ำยาขจัดคราบบางชนิดก็มีวิธีใช้ที่ต่างกัน ดังนั้นคุณควรอ่านวิธีใช้บนฉลากก่อนใช้ทุกครั้ง หากคุณจะทำความสะอาดพรมที่ทำจากขนแกะ คุณก็ควรดูให้ดีว่าน้ำยาขจัดคราบที่มีอยู่ปลอดภัยต่อขนแกะหรือไม่ [2]
  4. หลังจากที่ฉีดน้ำยาขจัดคราบจนชุ่มทั่วบริเวณแล้ว ให้คุณทำเหมือนขั้นตอนแรกอีกครั้งเพื่อซับน้ำยาขึ้นมา วางผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ลงบนจุดที่คุณฉีดน้ำยาขจัดคราบลงไป เพื่อซับน้ำยาและเป็นการทำความสะอาดบริเวณนั้นไปด้วย ทับผ้าเช็ดตัวด้วยของที่มีน้ำหนักและปล่อยทิ้งไว้
  5. เมื่อคุณนำมันออกในตอนเช้า คราบที่มองเห็นได้กับกลิ่นปัสสาวะก็จะหายไป
  6. เนื่องจากผ้าเช็ดตัวที่คุณใช้ในการซับปัสสาวะออกจะมีกลิ่นของสัตว์เลี้ยงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงปัสสาวะรดผ้า โดยการทิ้งผ้าเช็ดตัวผืนนั้นไป
    • ถ้าคุณใช้กระดาษเช็ดมือในการซับ หลังจากใช้เสร็จแล้ว คุณก็ควรจะใส่มันลงในถุงขยะ มัดปิดถุงให้สนิท และเอาไปทิ้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่สัตว์เลี้ยงจะได้ไม่ตามไปปัสสาวะรด หรือคุ้ยกระดาษขึ้นมาจากกองขยะ
    • ถ้าคุณใช้ผ้าขนหนู ให้คุณซักมันด้วยเครื่องซักผ้าทันที ใช้น้ำร้อนในการซักเพื่อความสะอาด หากคุณไม่อยากจะทิ้งมัน ซักอย่างน้อยสองครั้งเพื่อความแน่ใจ
  7. หากน้ำยาขจัดคราบไม่สามารถกำจัดคราบออกได้หมด ให้คุณเช่าเครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำ หรือจ้างผู้เชี่ยวชาญในการใช้เครื่องทำความสะอาดชิ้นนี้มาช่วยทำความสะอาดให้คุณ อย่าลืมที่จะถามเขาว่ามีผลิตภัณฑ์อะไรเพิ่มเติมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยกำจัดคราบปัสสาวะสัตว์เลี้ยงหรือไม่ คราบปัสสาวะจะกำจัดออกได้ง่ายมากเมื่อมันยังใหม่อยู่ ดังนั้นคุณควรพยายามตัดสินใจให้เร็ว ถ้าคุณต้องการจะใช้วิธีนี้ในการทำความสะอาด
    • การทำความสะอาดโดยมืออาชีพจะมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีอัลคาไลน์ที่เข้มข้นในปริมาณมาก และมีกลิ่นเหม็นรุนแรงจากแบคทีเรียที่ได้รับอาหารจากส่วนประกอบในน้ำปัสสาวะ อัลคาไลน์จะทำให้เกิดค่า pH ที่สูงมาก (10 - 10.4) และจะทำให้สีของพรมด่างได้ จึงเป็นการยากที่จะกำจัดมันออก หากไม่ขอความช่วยเหลือจากผู้ใช้เครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำมืออาชีพ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ทำความสะอาดคราบเก่า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณอาจจะรู้ตำแหน่งของคราบปัสสาวะได้จากกลิ่น ถ้าคุณคิดว่ามีคราบปัสสาวะอยู่ภายในห้อง ให้คุณเดินผ่านและกวาดสายตามองสำรวจ และค่อยๆ เคลื่อนที่ออกจากจุดที่มีกลิ่น จุดที่มีปัสสาวะสัตว์เลี้ยงอยู่จะมีสีเหลืองหรือสีออกเขียว ลองสำรวจแถวบริเวณเหล่านี้ดู:
    • ชั้นหนังสือ
    • เฟอร์นิเจอร์
    • ผ้าม่าน หรือบริเวณที่ตกแต่งด้วยผ้า
    • ในช่องระบายอากาศ
    • สิ่งของที่มีรูหรือร่อง เช่น พัดลม และเครื่องปรับอากาศตั้งพื้น
    • เสื้อผ้าที่วางอยู่ในที่ที่แมวอาจจะเข้าถึงได้
    • ช่องแคบหรือที่ที่แมวสามารถเข้าไปได้
  2. ใช้หลอดไฟอัลตราไวโอเลตเพื่อการสำรวจที่ทั่วถึงยิ่งขึ้น. หากคุณอยากสำรวจให้ทั่วทุกซอกทุกมุม ให้คุณซื้อหลอดไฟยูวี หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์แบล็คไลท์ขนาดเล็ก ซื้อหลอดไฟที่ยาวเพื่อที่คุณจะสามารถส่องไฟลงบนพื้นได้ทั่วถึงมากขึ้น โดยเฉพาะหลอดไฟที่ยาวกว่า 12 นิ้ว (30 เซนติเมตร) หลอดไฟราคาถูกสำหรับใช้ในบ้านสามารถหาซื้อได้ตามร้านโชห่วยทั่วไป แม้ว่าร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงจะมีหลอดไฟขายด้วยก็ตาม แต่หลอดไฟจะมีขนาดเล็กกว่าและแพงกว่า คุณสามารถซื้อหลอดไฟผ่านอินเตอร์เน็ตได้เช่นกัน แต่กว่าของจะส่งมาถึง คุณอาจจะต้องทนรออยู่ในบ้านที่มีกลิ่นเหม็นไปสักพัก
  3. มองหาคราบในเวลากลางคืนหรือในห้องที่มืดสนิท. ปัสสาวะสัตว์เลี้ยงมองเห็นได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นคราบปัสสาวะเก่า ดังนั้นให้คุณมองหามันในความมืดเพื่อที่หลอดไฟจะได้แสดงประสิทธิภาพสูงสุด คุณอาจจะรอจนกว่าจะถึงเวลากลางคืน หรือทำให้ห้องมืดที่สุดเท่าที่จะทำได้
  4. หากคุณพบคราบปัสสาวะแล้ว คุณก็ไม่ควรลืมว่าคราบที่คุณเจอนั้นอยู่ตรงไหน ให้คุณพกเทปกาวสีฟ้าติดมือไปด้วยระหว่างการค้นหา และใช้เทปกาวชิ้นเล็กๆ แปะทำเครื่องหมายลงบนจุดที่ต้องทำความสะอาด เมื่อคุณพบคราบปัสสาวะทั้งหมดแล้ว ให้คุณกลับมาอีกครั้งพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาด เทปกาวที่คุณแปะไว้จะทำให้คุณไม่ลืมจุดที่มีคราบอยู่
  5. ทำให้บริเวณที่มีคราบเปียกด้วยน้ำกลั่นเย็น เทน้ำในปริมาณเล็กน้อยที่รอบนอกของคราบ และค่อยๆ เทเข้ามาตรงกลาง ฉีดน้ำยาขจัดคราบตรงบริเวณที่เปียกและทิ้งไว้หนึ่งคืน หากพรมของคุณทำจากขนแกะ ให้คุณอ่านฉลากของน้ำยาขจัดคราบให้ดีก่อนว่ามันปลอดภัยต่อขนแกะหรือไม่
  6. ใช้กระดาษเช็ดมือหรือผ้าขนหนูชุบน้ำวางลงบนจุดที่มีคราบ. วางของที่มีน้ำหนักทับผ้าที่เปียกและทิ้งไว้หนึ่งคืน เมื่อคุณนำผ้าออกในตอนเช้า หากยังคงมีคราบและกลิ่นเหลืออยู่ คุณก็สามารถทำความสะอาดต่อตามขั้นตอนต่อไปได้
  7. เครื่องทำความสะอาดจะสามารถปล่อยไอน้ำที่ร้อนมากพอที่จะฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในพรมได้ คุณสามารถดูดความชื้นขึ้นได้ในภายหลัง หากจุดที่มีคราบมีขนาดใหญ่หรือสกปรกมาก คุณก็สามารถจ้างผู้ที่เชี่ยวชาญในการใช้เครื่องทำความสะอาดชิ้นนี้มาช่วยกำจัดคราบได้
  8. ลองทำความสะอาดโดยไม่ใช้น้ำยาทำความสะอาดก่อน. หากคุณยังคงกำจัดคราบได้ไม่หมด ให้ลองถามตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ทำความสะอาดดูว่าเขามีน้ำยาทำความสะอาดตัวไหนที่จะแนะนำหรือไม่ และพยายามใช้น้ำยาทำความสะอาดในปริมาณที่น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • เครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำสามารถสร้างความเสียหายให้กับขนแกะได้ เหมือนกับเสื้อกันหนาวขนแกะที่จะหดตัวเมื่อคุณซักมันด้วยน้ำร้อน หากคุณไม่อยากจะทำให้พรมขนแกะเสียหายล่ะก็ ให้คุณจ้างมืออาชีพมาช่วยคุณทำความสะอาดคราบบนพรมแทน
  9. อีกวิธีในการใช้เครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำกำจัดคราบเก่าก็คือการใช้ปฏิกิริยาออกซิเดชัน ผลิตภัณฑ์ที่สามารถปล่อยออกซิเจนได้จะช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นออก และคุณยังสามารถทำความสะอาดโดยใช้วิธีนี้ด้วยตัวเองที่บ้านได้ด้วย
    • ผสมสารฟอกขาว ½ ช้อนชา (2.5 กรัม) กับน้ำกลั่น 950 มิลลิลิตร ทดสอบโดยการแต้มส่วนผสมลงไปยังพรมตรงจุดที่ปกติจะมองไม่เห็น เช่น จุดที่มีโต๊ะวางทับอยู่ ดูว่าสีของพรมเปลี่ยนไปหรือไม่ หากส่วนผสมไม่ทำให้พรมเสียหาย คุณก็สามารถแต้มมันลงบริเวณที่มีคราบจนชุ่มและปล่อยให้ซึมเข้าพรมประมาณ 10 นาที
    • ใช้เครื่องดูดแบบเปียกหรือผ้าเช็ดตัว (ตามขั้นตอนที่ได้อธิบายไว้แล้วในข้างต้น) ดูดซับความชื้นขึ้นมา คุณอาจจะต้องใช้วิธีนี้ทำความสะอาดพรมอีกสองถึงสามครั้งเพื่อกำจัดคราบ ให้คุณปล่อยให้พรมแห้งสนิทก่อนจะเริ่มการทำความสะอาดครั้งต่อไป
    • วิธีนี้ไม่ควรใช้กับพรมขนแกะหรือพรมผ้าไหม เด็ดขาด การทำความสะอาดด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับใช้กับผ้าใยสังเคราะห์เท่านั้น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ทำความสะอาดด้วยวิธีอื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เทน้ำเย็นลงบนคราบและดูดน้ำขึ้นในทันทีโดยใช้เครื่องดูด (ใช้ได้ทั้งเครื่องดูดแบบแห้งและเครื่องดูดแบบเปียก) ทำซ้ำสักสองครั้ง หรือทำซ้ำจนกว่าจะกำจัดคราบออกได้หมด อย่าปล่อยให้น้ำซึมลึกลงไป ให้คุณดูดน้ำขึ้นทันที (ภายในไม่กี่วินาที) ในแต่ละครั้ง
    • สำหรับคราบฝังลึก ให้ใส่เกลือเพิ่มลงในน้ำเล็กน้อย แต่ห้ามใส่สบู่ คราบสบู่ที่เหลืออยู่จะทำให้พรมสกปรก
  2. ฉีดบริเวณที่มีคราบด้วยน้ำส้มสายชู และโรยเบคกิ้งโซดาลงบริเวณที่มีคราบให้คลุมเป็นชั้นบางๆ วางผ้าเช็ดตัวลงบนคราบเป็นเวลา 24 ชั่วโมง แล้วจึงล้างบริเวณนั้นด้วยน้ำเย็น น้ำส้มสายชูกับเบคกิ้งโซดาจะดูดซับคราบปัสสาวะและทำความสะอาดอย่างทั่วถึง การทำความสะอาดด้วยวิธีนี้ยังประหยัดค่าอุปกรณ์อีกด้วย
  3. เริ่มด้วยการโรยเบคกิ้งโซดาลงบริเวณที่มีคราบ แล้วจึงผสมไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์หนึ่งถ้วยกับน้ำยาล้างจานหนึ่งช้อนโต๊ะในขวดสเปรย์ เขย่าเบาๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน และฉีดลงบนเบคกิ้งโซดากับคราบจนชุ่ม ใช้แปรงสีฟันเก่าหรือนิ้วของคุณถูบริเวณที่ฉีดเบาๆ แล้วจึงปล่อยทิ้งไว้จนแห้ง ดูดส่วนผสมทั้งหมดขึ้นและทำความสะอาดอีกครั้งด้วยน้ำเย็น [3]
    • ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์สามารถทำให้พรมบางชนิดเสียหายได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณจะต้องลองแต้มมันลงบนพรมบางจุดก่อน เพื่อจะได้แน่ใจว่ามันจะไม่ทิ้งคราบที่ไม่สามารถเอาออกได้บนพรม
  4. เนื่องจากแอมโมเนียมีปริมาณอัลคาไลน์ที่สูง มันจึงไม่ควรใช้ในการทำความสะอาดปัสสาวะสัตว์เลี้ยง มันจะทิ้งสารตกค้างเหนียวๆ ไว้ที่พรม ทำลายเส้นใยของพรม ทำให้พรมสกปรก และทำให้พรมเสีย มันยังดึงดูดสัตว์เลี้ยงให้กลับมาปัสสาวะซ้ำที่จุดเดิมได้อีกด้วย เพราะในแอมโมเนียมีกรดยูริคและเกลือเช่นเดียวกันกับปัสสาวะ ซึ่งทำให้สัตว์เลี้ยงอยากจะทำเครื่องหมายด้วยการปัสสาวะรดอีกครั้ง ห้ามใช้แอมโนเมียทำความสะอาดคราบปัสสาวะสัตว์เลี้ยงเด็ดขาด [4]
  5. คราบฝังลึกที่คุณพบอาจจะซึมผ่านพรมจนไปถึงแผ่นรองพรม ซึ่งจะทำให้คุณต้องเปลี่ยนแผ่นรองพรมใหม่ ดึงพรมออก และตัดแผ่นรองพรมบางส่วนเพื่อนำไปใช้เป็นตัวอย่างในการซื้อแผ่นรองพรมที่มีความหนาเท่ากันที่ร้านขายอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน ตัดแผ่นรองพรมส่วนที่มีคราบออก และแทนที่ด้วยแผ่นรองพรมแผ่นใหม่
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อ่านฉลากของน้ำยาขจัดคราบให้ดี และทดลองความคงทนของสีทุกครั้งก่อนจะใช้การทำความสะอาดด้วยปฏิกิริยาออกซิเดชัน
  • หากสัตว์เลี้ยงเพิ่งจะปัสสาวะ ให้คุณรีบซับน้ำปัสสาวะออกจากพรมด้วยกระดาษชำระ ใช้กระดาษชำระหลายๆ แผ่นซับจนกว่าจะแห้ง ฉีดน้ำยาขจัดคราบจนเปียกและซับด้วยกระดาษชำระอีกครั้ง โรยเบคกิ้งโซดาและปล่อยให้แห้งหนึ่งคืน เบคกิ้งโซดาจะดูดซับปัสสาวะ เมื่อมันแห้งแล้ว ให้คุณกวาดหรือดูดมันขึ้น คราบและกลิ่นเหม็นจะหายไป แต่วิธีนี้จะใช้ไม่ได้ผลกับคราบเก่า
  • สัตว์เลี้ยงบางชนิดจะไม่ชอบกลิ่นน้ำส้มสายชู แม้ว่ามันจะแห้งแล้วก็ตาม น้ำส้มสายชูยังมีกลิ่นแรงต่อจมูกของคุณอีกด้วย ดังนั้นให้คุณหยดน้ำส้มสายชูเพียงเล็กน้อยลงบริเวณที่มีคราบ นอกจากนี้ น้ำส้มสายยังช่วยป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงปัสสาวะรดจุดเดิมได้อีกด้วย
  • ซื้อสเปรย์ป้องกันสัตว์เลี้ยงปัสสาวะ หากสัตว์เลี้ยงยังคงปัสสาวะรดจุดเดิม สเปรย์ป้องกันสัตว์เลี้ยงปัสสาวะมีหลายรูปแบบสำหรับสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิด เช่น สุนัข และแมว ให้คุณหาสเปรย์ที่เหมาะกับบ้านของคุณที่สุด (เช่น สเปรย์ที่สามารถใช้ในบ้านที่มีเด็กได้อย่างปลอดภัย) และปลอดภัยต่อชนิดของพรมที่คุณมี
  • น้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ ที่ใช้ภายในบ้านจะไม่สามารถกำจัดคราบและกลิ่นปัสสาวะได้ คุณควรซื้อน้ำยาขจัดคราบมาใช้ทำความสะอาดจะดีกว่า
  • ทำความสะอาดบริเวณรอบนอกที่กว้างกว่าคราบที่มองเห็น ตามที่ได้อธิบายไว้ในข้างต้น ปัสสาวะสามารถซึมเข้าไปในพรมและกระจายออกได้กว้างขึ้น
  • ความอดทนคือกุญแจสำคัญ คุณควรทำความสะอาดซ้ำๆ สองถึงสามครั้ง และคุณก็ควรปล่อยให้บริเวณที่ทำความสะอาดแห้งก่อนจะทำความสะอาดครั้งต่อไป
  • อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกับผงขจัดคราบ Oxy-Clean ผลิตภัณฑ์จะใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ในการทำความสะอาด แต่จะมีปริมาณออกซิเจนที่สูงกว่า ซึ่งจะตกค้างอยู่ในพรมนานกว่าคลอรีน และจะทำให้พรมเสียหาย
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,896 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา